The Prince of Flower เกมรักมัดใจ เจ้าชายดอกไม้กับยัยเย็นชา
9.7
เขียนโดย Killolat
วันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 เวลา 07.31 น.
27 บท
1 วิจารณ์
2,909 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2567 00.23 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) -ไฮเดรนเยีย-
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ[ห้ามพาผู้ชายเข้าห้อง]
ช่างเป็นเช้าที่น่าหดหู่ =_=
ฉันตื่นขึ้นมาพร้อมอาการปวดหัวจี๊ด ซึ่งเป็นเอฟเฟคจากการร้องไห้เมื่อคืน และสิ่งที่ทำให้ไมเกรนพุ่งปรี๊ดตอนนี้คือ ‘โน้ตจากคุณรูมเมท’
ปลาดาวรู้สินะว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง…ฉันไม่โทษเธอหรอก ที่ไม่ช่วยเอาค้อนทุบหัวอีตาทวิตซ์แล้วโยนออกนอกหน้าต่างไปซะ รู้สึกขอบคุณด้วย
ซ้ำ ที่ไม่ร้องตะโกนตกใจหรือปล่อยข่าวฉาวว่อนโรงเรียน
รู้สึกผิดจังที่เธอต้องมารับรู้อะไรโง่เง่าเมื่อคืน แค่ต้องแกล้งเมินตอนฉันทำท่าแอ๊บแบ้วเล่นกับแมวทุกวันก็เกรงใจจะแย่ ไว้ค่อยซื้อขนมอร่อยๆ มาวางไถ่
โทษแล้วกัน…แต่ถ้าทำแบบนั้น จะกลายเป็นความสัมพันธ์แบบกุมารทองโซน แทนรูมเมทโซนรึเปล่า?
แปะไว้ก่อน หัวจะระเบิดอยู่แล้ว ไม่อยากเข้าเรียนด้วย ขอนอนพักซักวันละกัน…ถึงมันจะเป็นข้ออ้างก็เถอะ ความจริงคือฉันไม่อยากเจอหน้าไอ้คนเมื่อ
คืนต่างหาก - -*
ฉันเหม่อมองนาฬิกาบนฝาผนัง ตอนนี้เข็มชี้เลข 12 ตั้งใจว่าจะนอนทั้งวัน ไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น แต่ด้วยความเคยชิน กลายเป็นว่าฉันล้างหน้าแปรง
ฟัน แต่งตัวเรียบร้อย…แถมกำลังนั่งอ่านหนังสืออีกต่างหาก
อ่า…นี่แหละข้อเสียของฉัน ต่อให้ตายก็ขี้เกียจไม่เป็น เพราะปมสมัยก่อนที่เคยเป็นเด็กโง่โดนบูลลี่ บีบให้ต้องผลักดันตัวเอง ดูเป็นนิสัยที่ดีใช่มั้ยล่ะ?
แต่ไม่เลย ฉันกลายเป็นพวกบ้างานขั้นสุด จะพักแค่ตอนงานเสร็จเท่านั้น พอไม่มีงานก็จะพยายามหางานให้ตัวเองจนได้ ทรมาณสุดๆ ไปเลย - -; ยิ่ง
ถ้าอยู่คนเดียวอย่าหวังเลยว่าจะได้นอนเกยตื้นแบบไอ้งั่งแคคตัส
ก๊อกๆๆ
เสียงเคาะห้องไม่ได้ดังจากทางประตู
เมื่อฉันหันไปมองก็พบว่าอีตาทวิตซ์กำลังยืนจังก้าอยู่ตรงระเบียง
ไม่อยากเปิดเลย ไม่อยากเจอหน้า
แต่ถ้าไม่ยอมเปิด คนต้องเห็นแน่ว่ามีผู้ชายตัวเบ้อเร่ออยู่ที่ระเบียงห้องฉัน >-<
ก๊อกๆๆ
เจ้าตัวยังเคาะไม่หยุด
ตามติดเป็นสังขเวสีแบบนี้ ชาติก่อนฉันไปทำอะไรให้นายนักหนาย๊ะ!!
เอาวะ! เปิดก็เปิด!!
ครืด~
ฉันเลื่อนประตูกระจกออก เปิดให้สิ่งมีชีวิตรูปงามแสนประหลาดที่ทำให้ฉันผู้เยือกเย็นถึงจุดเดือดได้ครั้งแล้วครั้งเล่า - -* นายต้องไม่เชื่อแน่ ว่าฉัน
เกลียดนายมากพอจะฆ่าให้ตายเป็นพันรอบ ถ้าไม่ติดว่าต้องไปกินข้าวแดงในคุก
ฉันไม่แม้แต่จะสบตาเค้าด้วยซ้ำ แล้วก็จะไม่คุยด้วย! นับแต่นี้ฉันจะแบนนายชั่วชีวิต!
จงรับรู้ถึงความเกลียดชังที่ฉันมีต่อนายซะเถอะย่ะ!
“ยูแช”
น้ำเสียงออดอ้อนลอยเข้าหูสะเทือนถึงหัวใจ
พระเจ้าคะ อย่างน้อยใส่ความขี้เหร่มาให้หมอนี่ซักนิดเถอะ ทำไมแค่เสียงก็ต้องหล่อด้วย ไม่ยุติธรรมเลยจริงๆ >///<
“…”
ฉันยังคงเบือนหน้าหนี แกล้งเมินอ่านหนังสือไม่สนใจ
“เป็นห่วงนะ คิดถึงด้วย คืนดีกันเถอะ~”
ไอ้บทสนทนาฟีลแฟนนี่มันอะไร?! เสียงออเซาะขั้นสุด พนันได้เลยว่าตอนนี้ก็ต้องทำหน้าอ้อนสุดๆ
ไม่ได้นะ! ฉันจะไม่ยกโทษให้เพราะนายน่ารักหรอกย่ะ >0<///
“ยูแช~”
ลมแทบจับ พอฉันเมินเค้ายิ่งยื่นหน้ามาใกล้จนเริ่มได้กลิ่นหอมๆ
สเตปต่อไปตานี่จะสิงฉันใช่มั้ย?
ฟู่
“อ๊ายย~”
จู่ๆ ตานั่นก็เป่าลมใส่หูฉันทำเอาขนลุกซู่ เผลอหลุดเสียงหลงและพลาดท่าหันไปสบตาเจ้าเล่ห์
อีกครั้งที่ใบหน้าสวยเกินชายเผยยิ้มอย่างพึงพอใจตอกย้ำว่าฉัน ‘พ่ายแพ้’
เออใช่! นายมันหล่อ แถมยียวนกวนประสาท ฉันผิดเองที่เกิดมาแพ้ความหล่อ!! พอใจรึยังฮะ!!! >[]<//
“มีอะไร”
ฉันพยายามคุมโทนเสียงให้นิ่งสงบที่สุด ยังรู้สึกจั๊กจี้ในหูแปลกๆ
“เอาเอกสารมาส่งให้ประธานคร้าบ ^^”
ถึงหมอนี่จะยิ้มตลอดเวลา แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ารอยยิ้มของเค้ามันทำให้ใจฟูฟ่องได้จริงๆ
ทวิตซ์ปลดเป้ ทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงฉัน
คงต้องหาเวลาซักผ้าปูหน่อยแล้วล่ะ ถ้าไม่อยากให้หมอนี่ตามหลอกหลอนถึงในฝัน =_=
หนุ่มหน้าสวยยื่นเอกสารปึกหนาคุ้นตาให้
ไอ้นี่เนี่ยนะ? ถามจริง? ยัย ผอ.บ้ากามนั่นใช้ให้นายเอาเอกสารสร้างม่านรูดมาให้ฉันแสลงตาอีกทำไม
“เคยอ่านแล้ว”
ฉันตอบสั้นๆ วางเอกสารลงและก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ หลีกเลี่ยงการสบตาชวนอึดอัดหลังเกิดเรื่องเมื่อคืน
“ถึงหน้าสุดท้ายรึยัง?”
“…”
ไม่ใช่ธุรกงการอะไรของนายหนิ
ร่างสูงตื้อต่อไม่เลิก เดินมาหยิบเอกสารเจ้าปัญหาไปเปิดอ่าน
“ผอ.มีข้อเสนอว่า ถ้าเธอยอมรับตำแหน่งอีฟและช่วยดำเนินนโยบาย ‘โรแมนติก สคูล’ ครบจบทั้งเล่ม จะให้สิทธิ์เข้าสอบโดยไม่ต้องเข้าเรียนหรือทำ
กิจกรรมใดๆ”
และนั่นคือสิทธิ์ทั้งหมดที่ฉันควรได้ในฐานะประธานนักเรียน ถ้านายไม่เจ๋อทำตัวเป็นลูกอีช่างฟ้องไงยะ -*- แบบนี้เท่ากับบังคับให้ฉันกลายเป็นขี้ข้า
ผอ. ทำเรื่องบัดสีบัดเถลิงกับโรงเรียน แทนที่จะเป็นขี้ข้าอาจารย์ทำงานงกๆ ไปวันๆ สินะ
ถ้านี่คือแผนทั้งหมดที่วางไว้แต่แรกเพื่อบีบฉัน ทั้งนายและยัย ผอ.สีชมพู ก็ร้ายกาจเกินบรรยาย!
แต่ถ้านั่นทำให้ฉันไม่ต้องเจอสังคมแย่ๆ ที่ห้องเรียน…มันอาจคุ้ม
“ก็ได้”
ฉันตอบรับชัดถ้อยชัดคำ
แค่นโยบายงี่เง่าเพ้อเจ้อคงอยู่ได้ไม่นานหรอก ตำแหน่งอดัมกับอีฟด้วย เห็นลือว่าคนเป็นอีฟต้องพบเจอเรื่องร้ายทุกปี ประเพณีสยองแบบนั้นเดี๋ยวก็คง
ยกเลิกกันไปเอง
เอ๊ะ…หรือเพราะแบบนี้ฉันถึงได้เป็นอีฟนะ?
“ว้าว…”
ทวิตซ์รีเอคกวนประสาท
ตานี่จะเยาะเย้ยที่ฉันแพ้รึไง? -*-
“พิธีสาบานรักมีบทจูบด้วยนะ”
“ห๊าาา?!!”
อยากอุทานให้ถึงระยอง
เดี๋ยวๆๆๆ ตั้งสติหน่อยสิฉัน แค่แกล้งจูบมุมกล้องก็ได้มั้ง? แบบพวกนักแสดงไง ใครจะให้นักเรียนจูบจริงบ้ารึเปล่า?!
ฉันดึงไอ้ตำราม่านรูดสีชมพูจากมือทวิตซ์มาอ่านอย่างละเอียดอีกครั้ง
“พิธีจูบสาบานต้องจูบจริงให้เห็นชัดแบบ 360 องศา เพื่อความน่าเชื่อถือ ถ้าไม่ทำจะถือว่าข้อตกลงทั้งหมดเป็นโมฆะ”
ทวิตซ์โพล่งประโยคที่ฉันไม่อยากได้ยินที่สุดในโลกออกมาเสียงดังฟังชัด
ไร้ยางอาย! นายมันไร้ยางอาย!
“ถ…ถ้านายยอมตกลงก็หมายความว่า ยอมจูบใครก็ได้ที่ไม่ใช่แฟน ขอแค่เป็นอีฟหรอ?!”
ฉันยิงคำถามใส่เค้า เพราะรู้สึกไม่แฟร์ที่ตัวเองเหมือนตกเป็นเหยื่ออยู่คนเดียว
“บ้าหรอ…ต้องเป็นเธอสิ”
เขาตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ไม่รู้ทำไมไอ้หัวใจบ้านี่ต้องเต้นแรงด้วย…
แต่มันก็เต้นได้ไม่นานนัก เพราะประโยคต่อมาทำเอาฉุนกึก
“ต้องเป็นแฟนถึงจะจูบ? หัวโบราณชะมัด เธอหมกมุ่นกับการจูบมากไปรึเปล่า? พวกนักแสดงเค้าก็จูบกันเป็นปกติ ฝรั่งยังจูบทักทายเลย”
ไม่ย่ะ! นายนั่นแหละไม่ปกติ แค่ได้ยินคำว่าจูบจากนายซ้ำแล้วซ้ำเล่า ฉันล่ะอยากจะเอาหัวจุ่มซักโครกตายให้รู้แล้วรู้รอด หรือเพราะเค้าเป็นลูกครึ่งเลย
เฉยๆ กับเรื่องพวกนี้…
เอ๊ะ สรุปใครผิดปกติ? ฉันหรอ? เริ่มไม่แน่ใจแล้วนะ -*-
“แต่ฉันชอบนะ ที่เธอทำตัวหน่อมแน้มน่ารักแบบนี้ ^-^”
ตานั่นลูบหัวฉันเหมือนลูกหมา พยายามพูดตะล่อม เมื่อเห็นฉันไม่สบอารมณ์
“ไม่ปล่อยให้เธอมีซีนแย่ๆ ต่อหน้าคนทั้งโรงเรียนหรอกน่า”
ทวิตซ์ใช้วงแขนกว้างเท้าโต๊ะคร่อมตัวฉันไว้
ฉันที่นั่งเกร็งอยู่บนเก้าอี้ตัวแข็งทื่อ เพราะถูกทั้งรูป กลิ่น เสียง จู่โจมฉับพลัน
“ซ้อมได้นะ…”
เสียงกระซิบวาบหวิวเปล่งออกมาอย่างแผ่วเบา
ฉันสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนผ่าว ทุกอย่างของเค้าช่างเย้ายวนเหมือนดอกไม้ที่ล่อลวงแมลงหน้าโง่บินเข้าหา
กลิ่นเหงื่อผสมสวนดอกไม้อบอุ่นเจือจางซึมเข้าปอด เม็ดเหงื่อไหลพรมตามซอกคอดูเซ็กซี่ คงเพราะปีนขึ้นมาถึงชั้นสอง ชุดเครื่องแบบนักเรียนเชิต
ขาว ขลับให้เห็นกล้ามเนื้อชัดเจน
เดี๋ยว! นี่ฉันมองอะไรอยู่เนี่ย!?
อุตส่าห์ไม่มองหน้าสวยๆ นั่นแล้วแท้ๆ กลายเป็นว่าพอเลี่ยงสายตามองต่ำลงยิ่งอันตรายกว่าเดิม >///<
ต่อไปฉันจะมองตา! ไม่หลบตาแล้ว!
ฉันฮึบสู้เงยหน้าจ้องตาทวิตซ์…แต่กลายเป็นว่ามุมนี้ทำให้หน้าเรายิ่งใกล้กันกว่าเดิม ใกล้มากจนแทบเห็นรูขุมขน
สายตาหวานเยิ้มของเค้ากำลังกลืนกินฉันทั้งตัว ริมฝีปากได้รูปเผยอขึ้นเล็กน้อยเคลื่อนเข้าใกล้ทุกวินาที…
ควับ!
ฉันรวบรวมสติเพียงน้อยนิดที่เหลืออยู่หันหน้าหนี ริมฝีปากร้อนผ่าวแสนเย้ายวนของเค้าเลยจบลงที่แก้มฉันแทน
แต่นั่นก็มากพอจะทำให้สาวน้อยไร้เดียงสาอย่างฉันใจเต้นโครมคราม
ทวิตซ์เค่นเสียงหัวเราะในลำคอพึงพอใจ
ขอบคุณพระเจ้า! ในที่สุดเขาก็ผละตัวออกซักที -///- นานกว่านี้ฉันคงหัวใจวายตายแน่
“เป็นแฟนกันมั้ย?”
คนตรงหน้าพูดในสิ่งที่ต้องใช้ความกล้ามหาศาลออกมาอย่างง่ายดายทำเอาฉันช็อคไปเลย
“คบกันแล้ว เธอจะจูบบ่อยแค่ไหนก็ได้”
พนันเลยว่านั่นเป็นสิ่งที่ผู้หญิงทั้งโรงเรียนยอมถวายชีวิตให้
แต่ไม่ใช่ฉัน!
“…ไม่ได้รักซะหน่อย”
ฉันพยายามสื่อสิ่งที่คิดออกมา
ด้วยสติสตังแค่นี้ พูดได้ก็บุญแล้ว
แม้การเรียบเรียงประโยคจะห่วยแตกหน่อมแน้มเหลือทน จนอยากเอาหน้ามุดดินหนีก็เถอะ! >///<
“อ่า”
ทวิตซ์ถอยกลับไปอย่างสมบูรณ์ ทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงอีกครั้ง ก่อนเริ่มร่ายยาวในสิ่งที่ฉันไม่เข้าใจ
“สำหรับฉันรักเป็นแค่สมการที่ต้องทำให้สมดุล รักมากรักน้อยไม่สำคัญ แค่ความรู้สึกสมดุลกันก็พอ”
“ห๊ะ?”
พูดอะไรของมันวะ - -^ สอนคณิตศาสตร์ฉันอยู่หรอ?
“ตราบใดที่ไม่มีใครรักมากกว่า ก็ไม่เจ็บใช่มั้ยล่ะ?”
ประโยคนี้ทำฉันเริ่มเข้าใจขึ้นมาบ้าง
เหมือนวลีที่ว่า ‘อย่าเอาใจลงไปเล่นสินะ'
“คิดว่าความรู้สึกมันบังคับกันได้หรอ? ถ้าคิดแบบนั้น คงมีแต่คนไร้หัวใจเท่านั้นแหละ ที่คบกับนายได้”
ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตัวเองต้องพูดแรงด้วย แต่พอได้ยินเค้าพูดแบบนั้น ฉันไม่สบอารมณ์เอาซะเลย
เป็นครั้งแรกที่เห็นทวิตซ์ทำหน้าอึ้งเล็กน้อย ก่อนเปลี่ยนกลับเป็นรอยยิ้มตามปกติอย่างรวดเร็ว
แต่แววตาสีหม่นยังคงแฝงความเศร้า…เหมือนฉันเผลอพูดแทงใจดำ
แต่ไม่รู้เลยว่าเค้ากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
ทวิตซ์หยิบสมุดเล่มนึงออกมาวางไว้บนเตียงแล้วกลับออกไปเงียบๆ โดยไม่พูดอะไรอีก
นี่คงไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่เราได้เจอกันใช่มั้ย…?
.
ก๊อกๆๆ
รายงานสถานการณ์ภาคค่ำ
เวลา 19.00 น. มีหนุ่มโรคจิตหน้าสวยในชุดนอนลายทาง ยืนเคาะหน้าต่างระเบียงห้องฉันอยู่ค่ะ = =*
ก๊อกๆๆ
เชื่อเค้าเลย ฉันล่ะอับจนหนทาง!
ไม่รู้จักเข็ดหลาบ ไอ้หมอนี่มันมีสิ่งที่เรียกว่า ‘สามัญสำนึก’ ฝังอยู่ในหัวกะบาลบ้างมั้ยเนี่ย?
ก๊อกๆๆ
ฉันแอบเหลือบมองรูมเมท ดูเหมือนเธอจะทำเป็นไม่สนใจอีกแล้ว
ช่างมีมารยาทจริงๆ เป็นคนดีจนฉันยังเกรงใจ T T ต่างจากไอ้คนนอกห้องราวฟ้ากับเหว
ก๊อกๆๆ
โอ้ยย หงุดหงิดโว้ย!!!
เออ! เปิดแล้ว! ฉันยอมแล้ว >o<
ครืด~
เป็นอีกครั้งที่ฉันอัญเชิญซาตานเข้าห้อง คราวนี้เค้ามาพร้อมของขวัญจากขุมนรกในถุงก๊อบแก๊บ
ไอ้ปีศาจหน้าสวยที่สามารถดลบรรดาลให้ทุกอย่างเป็นดังใจ ถอดอีแตะช้างดาวทิ้งไว้ข้างนอก ก่อนก้าวเข้าห้องฉันด้วยดวงตาเป็นประกายระยิบ ไม่
สะทกสะท้านสายตาพิฆาตมารของฉันเลยแม้แต่น้อย - -+
ถ้าคิดว่าหมอนั่นจะพุ่งมาทางฉันล่ะก็ เปล่า
เค้าทำในสิ่งที่คาดไม่ถึง!! เดินไปหาปลาดาวแล้วเอากล่องนมรสกาแฟวางแหมะไว้ตรงหน้าเธอ!!!
โอ้มายก็อด O[]o
“ซื้อมาฝากครับ ^-^”
รอยยิ้มหน้าระรื่นไม่สะทกสะท้านใดๆ
ปลาดาวที่ไม่เคยผละออกจากจอคอมลุกลี้ลุกลน ถึงกับถอดหูฟังออก
เธอหน้าแดงนิดๆ ก่อนกล่าวคำขอบคุณแบบเก้ๆ กังๆ
“ข…ขอบคุณค่ะ”
“ว้าว เกมนี้ฉันเคยเล่นนะ มันต้อง#%@&฿%”
“แต่ว่ามัน…#%#&฿$€”
“ไม่สิถ้า ฿&^#%#$% จะ..%¥”^&#”
แล้วสองคนนั้นก็พูดภาษาเอเลี่ยนอยู่ 2-3 นาที จนฉันขี้เกียจจับใจความ
ใครช่วยบอกที นี่มันสถานการณ์บ้าอะไรกัน?
“ขอบคุณที่คอยดูแลยูแชนะ”
จู่ๆ หมอนั่นก็เปลี่ยนเรื่องเฉย
แต่เฮ้ย! แล้วไหงนายมาทำตัวเป็นผู้ปกครองฉันล่ะย๊ะ!
“พรุ่งนี้อยากกินอะไรมั้ย? เดี๋ยวซื้อมาฝาก ^0^”
มันยังไม่หยุดอีก!
“ม…ไม่เป็นไรจ้ะ >\\\<"
รูมเมทฉันอายม้วนต้วน
“งั้นเป็นโดนัดกาแฟแล้วกัน ^^”
รอยยิ้มอาบยาพิษนั่นทำฉันอดหมันไส้ไม่ได้จริงๆ
ไอ้หมอนี่…
คิดจะจีบรูมเมทฉันหรอ!! ฝันไปเหอะ!
ป๊อก!
ฉันหยิบของใกล้มือเขวี้ยงใส่หัวตานั่น แล้วก็แม่นมากซะด้วย - -+
“นิสัยเสียชะมัด”
ทวิตซ์คิ้วกระตุกนิดๆ ก่อนเปลี่ยนเป้าหมายเดินมาทางฉัน
“เธอโยนสมุดฉันสองรอบแล้วนะ…!”
น้ำเสียงนุ่มทุ้มหนักขึ้นกว่าทุกที สายตาของคนตัวสูงทอดมองฉันแน่นิ่ง
ส่วนปลาดาวเห็นท่าไม่ดีเลยมุดหัวใส่หูฟังหนีเข้าโลกอีกใบไปแล้ว
อะไรเล่า! ไม่กลัวหรอก!
ถ้านายทำอะไรฉัน เป็นไงเป็นกัน! คราวนี้แจ้งตำรวจแน่!
หมับ!
มือใหญ่จับหัวฉันโยกเยกไปมาจนตัวเอียงตามแรงควบคุมราวกับเป็นของเล่น
“อ๊ายย”
หยุดนะย๊าาาา >[]<
“หิวก็บอกดีๆ สิ~ ^^”
เสียงทะเล้นยั่วน้ำโหแล่นเข้าหู
ซึ่งตอนนี้ฉันทำได้แค่หลับตาปี๋ เพราะกำลังต่อสู้กับอาการโลกหมุน
…เมามือเค้าซะแล้ว @-@
“อะ นมสตอเบอรี่”
พอได้สติก็สัมผัสถึงกล่องนมเย็นๆ แปะกลางหน้าผาก
เดี๋ยวนะ ทำไมเป็นสตอเบอรี่ล่ะ?
“ฉันเกลียดสตอเบอรี่! -o-*”
ฉันกระแทกเสียงใส่ นั่งไขว้ห้างกอดอก เบือนหน้าหนีไม่สบอารมณ์
หน็อย…ซื้อมาเซ่นทั้งทีก็เอาที่มันกินได้หน่อยสิยะ!
ทีของรูมเมทฉันยังดูใส่ใจกว่าอีก…ฉันรู้นะว่านายตั้งใจเลือกนมกาแฟมา เพราะเดาได้ว่าเธอชอบเล่นเกมดึกๆ ใช่มั้ยล่ะ?
สรุปตานี่จะจีบรูมเมทฉันจริงดิ ที่เข้ามาตีซี้ฉันเพราะปลาดาวน่ารักหรอ?
ไม่น่าล่ะ คงไม่มีผู้ชายคนไหนอยากยุ่งกับยัยถังน้ำแข็งแบบฉันอยู่แล้วหนิ…
เป็นงั้นได้ก็ดี ฉันจะได้ไม่ต้องว้าวุ่นใจเพราะนายอีก
…ทั้งที่ควรดีใจแท้ๆ ทำไมถึงรู้สึกหวิวๆ กันนะ
อาจเพราะฉันไม่ชอบถูกใช้เป็นเครื่องมือ…
“แย่จัง”
คนเจ้าเล่ห์คลายยิ้มสนุกสนาน ย่อตัวลงให้ระดับความสูงใกล้เคียงกับฉัน
เค้ายื่นหน้าเข้ามาใกล้เพื่อกระซิบบางอย่าง
“สีชมพูออกจะ…”
ทวิตซ์เว้นช่วงลากเสียงยาวอย่างมีเลศนัย ก่อนคายคำพูดที่เหลือออกมาจนจบประโยคด้วยน้ำเสียงกึ่งครางเย้ายวนสุดใจ
“เหมาะกับเธอ”
ประหนึ่งเลือดทั้งตัวฉูบฉีดขึ้นหน้าฉับพลัน ใบหน้าฉันแดงก่ำจนถึงหู เพราะรู้ว่าเค้ากำลังสื่ออะไร!!! 0///0
ปั่ก! ปั่ก! ปั่ก! ปั่ก! ปั่ก!
ฉันรัวมือทุบอกเค้าอย่างบ้าคลั่ง ร่างกำยำไม่สะท้าน ล้มตัวนั่งลงกับพื้นยอมให้ทุบ พลางหัวเราะร่าชอบใจ
เหมือนมีประกายวิ้งๆ เจิดจ้าทะลักออกมาตอนที่เค้ากำลังหัวเราะ
ใช่แล้ว…มันคือออร่าความหล่อไงล่ะ >///<
พระเจ้าช่างร้ายกาจ สร้างเค้ามาได้สมบูรณ์แบบเหลือเกิน!
บ้าจริง! ฉันควรทุบหน้าสวยนั่นให้ยุบมากกว่าอกแข็งๆ นี่สินะ อย่างน้อยจะได้เห็นด้านรั่วๆ ของเค้าบ้าง
ฉันทุบจนเหนื่อยมือแดงเจ็บไปหมด นั่งหอบแฮ่กเหมียนหมาสิ้นสภาพ
มือใหญ่ข้างนึงเอื้อมประคองหน้า ปลายนิ้วเรียวยาวบรรจงปาดเม็ดเหงื่อที่เกือบไหลเข้าตาให้อย่างทะนุถนอม
“ช่วยอ่อนโยนกว่านี้หน่อยสิ ฉันชักอิจฉาแมวส้มแล้วนะ~”
ชายหนุ่มสูงชะลูดในชุดนอนลายทางหลวมโคร่งสีเดียวกับนัยย์ตาดูเซ็กซี่นิดๆ จ้องมองฉันอย่างออดอ้อน ส่งผลให้สมองหยุดทำงานชั่วคราว เพราะ
หลอมละลายไปกับน้ำเสียงแสนหวาน
ไม่ใช่แค่ใบหน้าแดงก่ำที่ตอบสนองต่อปฏิกริยายั่วยวนเท่านั้น หัวใจก็เต้นโครมครามเหมือนมันจะกระเด้งออกจากอก
ฆ่าฉันที…ฆ่าฉันเถอะ! ถ้านายจะทำแบบนี้กับฉัน! ไม่งั้นฉันคงได้กลายเป็นพวกบ้าผู้ชายเข้าซักวันแน่ >\\\\<
เป็นอีกครั้งที่เราสบตากัน เพราะเริ่มดึกรึเปล่า ตาเค้าถึงดูหวานเยิ้มกว่าปกติ…
ปลายนิ้วโป้งร้อนผ่าวค่อยๆ เลื่อนมาหยุดตรงริมฝีปากของฉัน ออกแรงกดเบาๆ ทำร่างกายอ่อนยวบเหมือนต้องมนต์
ในหัวโล่งไปหมด…สายตาฉันเผลอจดจ่อที่ริมฝีปากของเค้าตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
“อยากจูบจัง…”
เสียงทุ้มแผ่วลอยตามลม พร้อมกลิ่นสวนดอกไม้อ่อนๆ เจือกลิ่นหอมสบู่และแชมพูผู้ชาย
ไออุ่นจากริมฝีปากเริ่มเคลิบคลานเข้ามาอย่างช้าๆ
อีกไม่ถึง 1 เซนติเมตร ก่อนริมฝีปากของเราจะ…
“…แต่ไม่ใช่แฟนนี่นา”
ดับฝันไว้แต่เพียงเท่านี้
ทวิตซ์ถอยห่างในระยะปลอดภัย ส่งยิ้มให้ฉันที่นั่งตัวแข็งทื่อ เพราะวิญญาญหลุดออกจากร่าง
“ไว้มาใหม่นะ ^^”
มือหนาลูบหัวป่อยๆ พยุงตัวลุกโบกมือลาปลาดาว แล้วเดินชิลล์ออกจากห้อง
ปล่อยฉันเคว้งคว้างค้างเติ่งอยู่กับความรู้สึกงุนงง
นั่งเอ๋อ 5 นาที ก่อนตระหนักได้ว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของเค้าคือ ‘ปั่นหัวฉันเล่น’
ฉันกำหมัดแน่นเล็บจิกเนื้อ โกรธจนตัวสั่นระริก
ไม่คิดเลยว่านายจะเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นขนาดนี้!
มันชัดเจนตั้งแต่เรื่องจูบ เรื่องแฟน ไหนจะนมสตอเบอรี่!
จงใจแก้เผ็ดกันชัดๆ!
ได้สิ ไอ้เจ้าชาย…อยากก่อสงครามนักใช่มั้ย?
นายรู้จักฉันน้อยไป!
คราวหน้าฉันไม่ยอมตกเป็นเหยื่อนายแน่!!!
.
เช้าตรู่แสนสดใส ฉันออกมาวิ่งจ็อกกิ้งตามปกติ
เห็นอย่างนี้แต่ฉันออกกำลังกายแทบทุกวันนะ ยกเว้นตอนฝนตก ป่วยและยุ่ง
เหตุผลหลักไม่ใช่เพราะรักสุขภาพหรืออยากหุ่นดี แต่ต้องทำเพื่อเอาตัวรอด เพราะที่นี่มันโหดร้าย
เป็นคนที่ทั้งโรงเรียนรุมเกลียด วันดีคืนดีอาจโดนดักตบเมื่อไหร่ไม่รู้
ถ้าเกิดอะไรขึ้นฉันจะได้ป้องกันตัวหรืออย่างน้อยแค่หนีให้ทันก็พอ
อีกอย่าง…ตั้งแต่วันที่โดนอีตาทวิตซ์ล็อคตัวไว้ ทำให้ยิ่งตระหนักได้ว่าตัวเองอ่อนแอแค่ไหน
…
ฉันหยุดฝีเท้าลงหน้าหอหญิงหลังวิ่งครบรอบ บิดตัวยืดเส้นคลายกล้ามเนื้อ
โรงเรียนยามเช้านี่ดีจริงๆ แสงแดดอ่อนๆ อากาศเย็นสบาย ไม่มีเสียงคนโหวกเหวกโวยวาย
อ๊ะ..! นั่นสวีทพีนี่นา
“เมี๊ยวๆ~ มาเดินเล่นหรอ? ^^”
ฉันยิ้มหวานกวักมือเรียก
ตามนิสัยแมวจรหยิ่งผยอง สวีทพีไม่หันมอง เดินดุ่มๆ ไปหลังหอ
ไหนๆ ก็มีเวลาเหลือเฟือ ฉันแอบย่องตามดีกว่า
สวีทพีเดินมาหยุดที่ปลายเท้าของชายคนหนึ่ง เอาตัวถู นอนหงายท้องกลิ้งเกลือกน่าเอ็นดู
เผลอๆ เชื่องกว่าตอนอยู่กับฉันอีก
“มอนิ่งแมวส้ม~ อยู่กับสาวสวยแล้วตัวอ้วนตั๊บเลยน้า ^^”
หนุ่มหล่อผมเงินย่อตัวลงเกาพุงให้เจ้าเหมียวหลายใจ
แน่นอน เดาไม่ผิดหรอก ผมเงินหน้าตาดี มีคนเดียวทั้งโรงเรียน
‘เจ้าชายดอกไม้’ ยังไงล่ะ!
เดี๋ยวสิ! เค้ามาทำอะไรตอนเช้ามืดหลังหอหญิง? หรือกำลังคิดพิเรนปีนหออีกแล้ว
จุดนี้ตรงตำแหน่งห้องฉันพอดีด้วย…ระวังไว้ก่อนดีกว่า
ฉันซ่อนตัวอยู่หลังมุมตึกตัดสินใจแอบดูต่ออีกหน่อย
“แวะมาหากันบ้างสิ ที่ชมรมคิดถึงแก”
หวา…น้ำเสียงอ่อนโยนจัง
ชี่~
จู่ๆ สวีทพีที่นอนบิดขี้เกียจก็ส่งเสียงขู่สู้ วิ่งตรงมาทางนี้อย่างรวดเร็ว ทำให้ทวิตซ์ที่มองตามร่างปราดเปรียวของแมวน้อยเจอฉันเข้าจนได้ ส่วนเจ้าแมว
ตัวดี ไล่ตะครุบนกนางแอ่นไปไกลแล้ว
กลายเป็นว่าตอนนี้ เรากำลังเล่นเกมจ้องตากันอยู่
“…”
“…”
ทำไมถึงเงียบล่ะ? หรือเพราะสถานะปัจจุบันของฉันคือพวกถ้ำมอง เขาถึงรอให้ปริปากพูดอะไรซักอย่าง?
แต่ไม่ล่ะ เผ่นดีกว่า…
“มอนิ่ง”
น้ำเสียงนุ่มนวลเอ่ยทักทาย
เท้าที่ก้าวเดินหยุดชะงักลงอย่างไร้สาเหตุ
เหลือเชื่อ! ดูสิ ตอนนี้แม้แต่เท้าก็ไม่เชื่อฟังคำสั่งเจ้าของ!
ไอ้เท้าบ้า! แกน่ะพอๆ กับจมูกและหัวใจเลย!
หมับ!
“คิดถึงจัง~”
ร่างสูงเข้าประชิดตัวภายในไม่กี่วินาที
ตอนนี้ฉันถูกไอ้คนไร้ยางอายจับกอดจากด้านหลังแล้วเอาหน้าฟุบลงบนไหล่
ถ…ถ้าใครมาเห็นในสภาพนี้ต้องกลายเป็นข่าวฉาวแน่! >///<
"ปะ ปล่อยฉันนะ!”
ตัวฉันแข็งทื่อเพราะโดนจู่โจมกะทันหัน
“ไม่”
วงแขนแกร่งรัดตัวแน่นขึ้นเล็กน้อย
“มอนิ่งก่อน”
ทวิตซ์ยืนยันเสียงแข็ง แกล้งเอาหน้าซุกซอกคอจนรู้สึกจั๊กจี้
“มะ มอนิ่ง…”
ฉันจำใจพูดทักทายกลับด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เพราะสัมผัสแปลกๆ
ทำไมไม่เงยหน้าขึ้นมาซักทีล่ะย๊ะ! นายชักจะทำตัวลามปามแล้วนะ!!
“กลิ่นเหงื่อเธอ…เซ็กซี่จัง~”
ตุ๊บ!
“โอ๊ย!”
ฉันเหยียบเท้าตานั่นเข้าอย่างจังและยังบดขยี้ต่อไม่ยั้งจนเขายอมถอนกอด
“โอ๊ย…ปล่อยแล้วๆ! ไม่ทำแล้วคร้าบ~ \(T T)/”
ทวิตซ์ถอยห่าง แบมือชูขึ้นทำท่ายอมแพ้
ฉันเท้าเอวจ้องเขม็ง ชี้หน้าสั่งสอนไอ้โรคจิต
“ถ้าทำอีกนายโดนแน่!”
“^^;”
ตั้งใจทำท่าดุจริงจังแล้วนะ แต่หมอนี่มันแอบยิ้มกระหยิ่มอะไรเนี่ย?
น่าโมโหชะมัด! -*-
“ไม่ใช่ความผิดฉันคนเดียวซะหน่อย…ก็เธอน่ารักนี่น่า”
หุบปาก! คิดว่าใช้ใบหน้าฟ้าประทานพูดด้วยน้ำเสียงชวนหลงแบบนั้นแล้วจะรอดหรอย๊ะ!
นั่นไม่ใช่เหตุผลที่ฟังขึ้นซักนิด!
…แล้วทำไมฉันต้องเอามือปิดปากเพราะกลัวเผลอหลุดยิ้มด้วยเนี่ย >x<
สุดท้ายฉันเลยตัดสินใจเบือนหน้าหนี บ่ายเบี่ยงพูดเรื่องอื่นแทน
“นายมาทำอะไรที่นี่? บอกไว้ก่อนนะ ถ้าคิดปีนหออีก ฉันจะแจ้งตำรวจ!”
“ฉันเพิ่งกลับจากชมรม ผ่านทางเจอแมวส้มพอดี ไม่ได้คิดเรื่องเธอเลยซักนี๊ด~”
แล้วทำไมต้องทำเสียงสูงกวนประสาทย๊ะ! - -*
“ชมรมอะไรเปิดตอนเช้า? -o-”
ฉันถามติงจับโป๊ะจอมลวงโลก แต่ดันได้คำตอบน่าเหลือเชื่อ
“ทุกชมรมที่ฉันต้องการ”
อะไร? เป็นเจ้าของโรงเรียนรึไง?
เท่าที่ฉันรู้คือทุกชมรมเปิดเวลาเดียวกัน 8 โมงเช้าย่ะ
“ฉันมีกุญแจทุกชมรมนั่นแหละ ^^”
โกหกน่า! พ่อเป็นภารโรงหรอ?
ทวิตซ์เห็นฉันทำหน้าไม่เชื่อจึงเริ่มเล่าต่อ
“ฉันไม่รู้ว่าชอบอะไรเลยลองเข้าทุกชมรม ไม่ได้จริงจังหรอกแค่ ‘ทำได้ดี’ รู้ตัวอีกทีก็มาอยู่ห้องคิงแล้ว ^0^”
แหม~ จ้าาา ไอ้คนมีพรสวรรค์ ไอ้เก่งไม่รู้ตัว! ขิงเกิ๊นน
แต่เท่าที่รู้พวกห้องคิงไม่ธรรมดาจริงๆ
โรงเรียนนี้มีรับเข้า 2 แบบ คือ ยัดใต้โต๊ะแพงหูฉี่กับสอบเข้า สังคมที่นี่เลยแบ่งชนชั้นชัดเจนระหว่างพวก ‘เด็กเก่ง’ กับ ‘บ้านรวย’ ซึ่งส่วนใหญ่พวกผู้
หญิงจะมีอุดมการณ์เดียวกันคือเข้ามาหวีดหนุ่มหล่อ เพราะที่นี่นอกจากโรงเรียนสวย ผอ. มีเส้นสาย ก็ขึ้นชื่ออยู่เรื่องเดียวคือ ‘เจ้าชาย’
ส่วนฉันเป็นข้อยกเว้น สอบเข้ามาเพราะบ้านใกล้เฉยๆ
“แฟนเธอเก่งใช่มั้ยล่าา~ ^o^”
ทวิตซ์ยืดตัวมือทาบอกยิ้มย่องภาคภูมิใจ
…เดี๋ยว?!
“แฟนไหน?! อย่ามาเนียน! >o<//”
คนอะไรคิดเองเออเอง! เกิดใครได้ยินเข้ามีหวังฉันศพไม่สวย
“ยังไม่อ่านอีก?”
หนุ่มหน้าสวยเอียงหัวแคลงใจ ก่อนเข้าโหมดจริงจังร่ายยาวสั่งสอนฉัน
“สะเพร่าแบบนี้อย่าไปทำธุรกรรมกับใครเชียว มีหวังโดนต้มหมดตัวแน่”
“คือ…?”
กลายเป็นฉันเองที่ทำหน้างงมองเค้าตาแป๋ว
“นโยบาย ‘โรแมนติก สคูล’ หน้า 33 ว่าด้วยเรื่องการเป็น ‘พรีเซนเตอร์’ ระบุว่า…”
ทวิตซ์เว้นช่วงให้ฉันพูดต่อ
ฉันส่ายหัวด๊อกแด่กเป็นตุ๊กตาหน้ารถ
อย่าถามเลย =0= ฉันไม่รู้ ไม่เคยคิดจะเปิดอ่านด้วยซ้ำ
แล้วไหงนายจำแม่นขนาดนี้กัน? เชื่อแล้วว่าสมองพวกห้องคิงคือ ‘ซูเปอร์คอมพิวเตอร์’ สมคำล่ำลือ
“จนกว่าทุกนโยบายจะสำเร็จเสร็จสมบูรณ์…ทั้งคู่ต้องแสดงให้ทุกคนเห็นว่าความรักสวยงามแค่ไหน ด้วยการคงอยู่ในสถานะ ‘แฟน’ หากมีคนรู้ว่า
ทั้งหมดเป็นเพียงการแสดงและสิ้นศรัทธาในความรัก ข้อตกลงถือเป็นโมฆะ”
เสียงดังฉะฉานชัดเจน ทำให้ฉันเข้าใจแจ่มแจ้งทุกประโยคและช็อคจัดจนสมองไหลไปเลย O_O
“เพราะแบบนี้ฉันถึงต้องเข้าเรียน เธอเองก็ควรทำนะ ไม่งั้นความแตกขึ้นมามีหวังได้ซ้ำชั้นแน่ ^^”
เจ้าชายรูปงามพูดด้วยความห่วงใย มือหนาลูบหัวฉันอย่างเอ็นดู
“เข้าใจแล้ว…มีแค่ฉันคนเดียวสินะ ที่เอาอนาคตมาแขวนไว้กับนโยบายงี่เง่านี่ เพราะแบบนั้นนายถึงไม่เคยปฏิเสธซักครั้งตอนถูกหาว่าคบกัน แล้วยังทำ
ตัวแปลกๆ”
ทุกอย่างเริ่มสมเหตุสมผลขึ้นมา
“แปลกเหรอ?”
ทวิตซ์ถามย้ำเหมือนไม่ค่อยถูกใจคำนี้เท่าไหร่
“ดูดีๆ สิ! ฉันน่ารักจะตาย”
เออย่ะ เอาที่นายสบายใจ - -*
“…”
เอาไงดี แบบนี้ฉันคงต้องเข้าเรียนจริงจังแล้วสิ
“ถ้าเธอรู้สึกไม่แฟร์ ฉันโดดด้วยก็ได้นะ”
“ห๊าา?!?”
คนตรงหน้าพูดสิ่งที่ไม่คาดคิดออกมาจนฉันร้องหุยหวนเสียงหลง
“นายจะทำแบบนั้นไปทำไม? มาเสียเวลากับคนอย่างฉันมันสนุกนักหรอ?!”
ดวงตาสีน้ำค้างเปล่งประกายฟ้าระยิบเหมือนโรยกริซเตอร์
ริมฝีปากที่แย้มยิ้มอยู่แล้ว เผยยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิม
“ยิ่งกว่าสนุกอีก…ช่วงนี้ฉันรู้สึกสนใจเธอเป็นพิเศษ จนไม่อยากทำอะไรเลยล่ะ”
นิ้วเรียวม้วนเกี่ยวผมฉันเล่น
แววตาเต็มไปด้วยแพชชั่นเปี่ยมล้นเมื่อจ้องมอง
เป็นพลังงานรุนแรงบางอย่างที่บอกไม่ได้ว่า ‘บวก’ หรือ ‘ลบ’
มีปีศาจซ่อนอยู่ในตัวเขา…
นั่นรึเปล่า? สาเหตุที่ทำให้ฉันรู้สึกขนลุก
(จบตอน)
ไฮเดรนเยีย; ขอบคุณที่เข้าใจและยอมรับหัวใจด้านชาของฉัน
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ