The Prince of Flower เกมรักมัดใจ เจ้าชายดอกไม้กับยัยเย็นชา

9.7

เขียนโดย Killolat

วันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 เวลา 07.31 น.

  27 บท
  1 วิจารณ์
  5,183 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2567 00.23 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) -สวีทพี-

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

(ณ โรงอาหาร) 

 

ฉันโดนลากมาอย่างจนใจ - -; ระหว่างทางเกิดเสียงซุบซิบนินทาดังขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งฉันภาวนาให้ไม่มีโต๊ะว่างจะได้ชิงตัดจบอีเว้นต์นี้ซักที 

 

“ทวิตซ์~ นั่งด้วยกันสิ”  

 

เสียงใสกิ๊งตะโกนเรียก ขณะที่ฉันกับอีตาหน้าสวยกำลังมองสำรวจรอบๆ

 

สาวน้อยน่ารักโบกมือส่งยิ้มให้จากมุมนึงของโรงอาหาร เธอรายล้อมด้วยแก๊งชะนีอีก 2-3 นาง 

 

“แฟนนายเรียกน่ะ” 

 

ฉันไม่รู้ว่าตานั่นเห็นรึเปล่าเลยกระตุกแขนเสื้อเขาชวนให้มอง

 

“ไม่ใช่นะ” 

 

ทวิตซ์ตอบเสียงเรียบ วงแขนกว้างคล้องคอฉันอย่างถือวิสาสะก่อนส่งยิ้มโบกมือให้สาวน้อยคนนั้น

 

อะไรเนี่ย ทำตัวยังกะพวกเพลย์บอย - -* 

 

“ไปมั้ย?” 

 

เสียงทุ้มต่ำกระซิบถาม

 

แม้ที่นี่จะเต็มไปด้วยผู้คนมากมายและกลิ่นอาหารตีรวน แต่กลิ่นหอมดอกไม้จากตัวเขายังเด่นชัด พออยู่ในท่านี้ยิ่งได้กลิ่นเหงื่อที่สมกับเป็นผู้ชายด้วย

 

“เอาไง ไปมั้ย?” 

 

ทวิตซ์ถามซ้ำอีกครั้ง นิ้วซนจิ้มแก้มเล่นเมื่อเห็นฉันนิ่งเงียบ

 

พอได้สติฉันจึงรีบปัดเขาออก

 

“แล้วแต่นายสิ!“ 

 

นั่งไหนไม่สำคัญ รีบทำให้มันจบๆ เหอะ

 

 

ด้วยเหตุนี้ ฉันจึงถูกพามานั่งร่วมวงกับสาวน้อยผมสีน้ำตาลอ่อนหน้าตาบ้องแบ๊ว

 

โห…ขนาดมองใกล้ๆ ยังน่ารัก นี่มันสเป็กสาวในอุดมคติชายไทยชัดๆ

 

“สวัสดีจ้ะ ฉันชื่อ ‘หวาน’ นะ” 

 

เธอส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตรตรงข้ามกับผองเพื่อนที่มองค้อนอย่างไม่เก็บอาการ 

 

“แฟนหรอ?” 

 

สาวตาแป๋วยิงคำถาม

 

“อื้ม!” 

 

ทวิตซ์ตอบกลับฉับไวทำเธอติดสตั้น

 

อื้มพ่อง! 

 

ฉันหันไปหยิกเอวไอ้คนข้างๆ ทันที  

 

“โอ้ยๆ! ใจร้ายอ่ะ T T”  

 

ดวงตาสีน้ำข้าวหวานหยาดเยิ้มมองอ้อนเป็นลูกหมาวอนให้ฉันหยุดหยิก 

 

“แหม ชอบล้อเล่นอยู่เรื่อย ^^;” 

 

หวานยิ้มเจื่อนหัวเราะคิกคัก

 

“รีบกินเถอะ” 

 

ฉันสัมผัสได้ถึงบรรยากาศแปลกๆ จึงชิงตัดบทก่อน 

 

“จะเอาอะไร? เดี๋ยวฉันไปซื้อให้”

 

ทวิตซ์อมยิ้มทำมือป้องปากโน้มตัวกระซิบกระซาบ

 

“…พิ้งก์ช็อคเชอรี่”  

 

ครั้งนี้ใกล้มากจนริมฝีปากเขาเกือบแตะโดนหูฉัน -//- 

 

ว่าแต่…นั่นมันชื่ออาหารหรอ?

 

“เดี๋ยว ร้านสีชมพูตรงโน้นนะ ^^” 

 

มือใหญ่รั้งแขนไว้และชี้ให้ดูร้านไทยมุงธีมฟรุ้งฟริ้งตรงหัวมุม 

 

สาบานเลยตอนมากินครั้งล่าสุดฉันไม่เคยเห็นไอ้ร้านนั่น หรือนี่คือหนึ่งในแผนปฏิรูปโรงเรียนของ ผอ.เชอรี่??

 

... 

 

“พิ้งค์ช็อคเชอรี่ค่ะ” 

 

ฉันพูดชื่อเมนูอย่างมั่นใจหลังยืนต่อคิวนาน 5 นาที  

 

-_-+ ชิ้งงงง 

 

เอ๊ะ? ทำไมสายตารอบข้างมองกันแปลกๆ  

 

แต่ป้าคนขายพยักหน้ายิ้มรับปกติแสดงว่าฉันสั่งถูกแล้ว… 

 

ช่างเถอะ คงคิดมากไปเองมั้ง ยังไงซะ คนพวกนี้ก็จ้องหาเรื่องจับผิดฉันได้ตลอดอยู่ละ - -;;

 

ระหว่างรอของฉันหันกลับไปมองที่โต๊ะ เห็นทวิตซ์กำลังนั่งคุยเจ๊าะแจ๊ะกับพวกสาวๆ สนุกสนาน บรรยากาศงุ้งงิ้งต่างจากตอนมีฉันอยู่ราวฟ้ากับเหว 

 

แบบนี้ยิ่งรู้สึกหมันไส้ตานั่นชอบกล - -* นายจะพาฉันมาเป็น กขค.ทำไมมิทราบ? 

 

“ได้แล้วจ้าา” 

 

ไม่นานนักป้าแกก็ยกสิ่งมหัศจรรย์วางตึ้งตรงหน้า…ทำเอาอึ้งจนพูดไม่ออก 0-0 

 

แก้วน้ำปั่นทรงหัวใจสีชมพูขนาดเท่าหัวคน ประดับด้วยลูกเชอรี่จำนวนมากและท๊อปปิ้งขนมหวานหลากสีสัน ปักหลอดคู่รักม้วนงอเป็นคำว่า ‘love’ ถาด

รองแก้วโรยกลีบกุหลาบแดงสด

 

แค่คิดว่าต้องถือมันกลับโต๊ะท่ามกลางสายตาประชาชีก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว~ ToT  

 

เอาวะ ชีวิตต้องสู้! รีบทำให้จบๆ นะยู…  

 

“ทะ เท่าไหร่คะ?”  

 

“แหม~ หนูเป็นคนแรกที่สั่งเมนูนี้ในรอบ 7 วันพอดี ปกติแก้วละ 500 บาท แต่ป้าแจกฟรีไปเลยจ้าา ^0^” 

 

คุณป้าแม่ค้ายิ้มร่า  

 

“ขอบคุณค่ะ = =;” 

 

อย่างน้อยก็มีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นกับฉันบ้าง

 

ว่าแต่…นอกจากฉันยังมีใครกล้าสั่งไอ้เมนูเว่อร์วังแพงหูฉี่นี่อีกหรอ?

 

“หนูน่ารักซะด้วย น่าอิจฉาหนุ่มคนนั้นจัง ยังไงช่วยโปรโมทให้ป้าหน่อยนะจ้ะ^^”  

 

ฉันยิ้มตอบแห้งๆ ก่อนฮึบสู้ยกไอ้แก้วเวรตะไลอย่างทุลักทุเล 

 

ตึง! 

 

ฉันใช้แขนเสื้อปาดเหงื่อหลังจากวางแก้วยักษ์กระแทกโต๊ะเสียงดัง จนทุกคนที่กำลังพูดคุยกันสนุกปากหยุดชะงัก 

 

“โทดที =0=;” 

 

ตายจริง ไม่ได้กะจะขัดความสุขใครหรอกนะ แต่ไอ้แก้วนรกนี่มันโคตรหนักทำเอาหอบแฮ่กๆ เลย

 

“สวยจัง” 

 

ทวิตซ์เท้าคางยิ้มกรุ้มกริ่มส่งสายตามาทางฉัน  

 

อย่ามา…! ไม่หลงกลหรอกย่ะ =*= รู้นะว่าชมแก้ว 

 

สิ้นเสียงหยอดเจ้าชู้ รังสีอำมหิตของสาวๆ บนโต๊ะก็แผดแผ่ออร่าทิ่มแทง 

 

“อ๊ะ เมนูคู่รักที่กำลังฮิตช่วงนี้นี่นา ^^ ทวิตซ์ขี้แกล้งจังเลยน้า”

 

หวานแก้สถานการณ์อึมครึมด้วยการพูดหยอกล้อ

 

“เห็นสาวๆ ในห้องบอกว่าอร่อยมาก ฉันขอชิมบ้างสิ~” 

 

ว่าแล้วเธอก็เอื้อมมือมาแตะแก้ว แต่อีตาทวิตซ์เร็วกว่าคว้าหลอดเลิฟไว้อย่างไว 

 

“ไม่-ให้” 

 

น้ำเสียงเยือกเย็นเน้นย้ำทีละคำด้วยใบหน้ายิ้มแย้มตามปกติ

 

บรื๋อ~ น่ากลัว!  

 

“ไม่ใช่ว่าเธอต้องรีบกลับไปทำรายงานส่งอาจารย์หรอ?” 

 

ทวิตซ์หลุบตาลงมองเครื่องดื่มตรงหน้า มือกวนหลอดวนไปมา 

 

ครั้งแรกเลยที่ฉันเห็นตานี่ทำเมินใส่คนอื่น

 

“ว้า~ ลืมซะสนิท” 

 

หวานพยุงตัวลุกขึ้นแล้วส่งยิ้มโบกมือลา  

 

ส่วนอีตาทวิตซ์แสร้งหูทวนลม มัวแต่กินเชอรี่ในแก้วไม่สนใจใคร 

 

“เจอกันที่ห้องนะ…^^;” 

 

สาวเจ้าหน้าเจื่อนเสียอาการแต่ยังฝืนยิ้มให้ 

 

พอหวานไปแก๊งชะนีลูกกระจ๊อกก็ลุกตาม ทั้งโต๊ะเลยเหลือแค่ฉันกับเขา 

 

“นี่นาย…ปฏิเสธสาวสวยเพราะเห็นแก่กินเนี่ยนะ?” 

 

ฉันแอบแซะเพราะรู้สึกเห็นใจลูกผู้หญิงด้วยกัน มองจากดาวอังคารยังรู้เลยว่าเค้าชอบนาย ถึงจะไม่ใช่ธุระกงการอะไรของฉันก็เถอะ… 

 

"นี่เธอ…เห็นฉันเป็นคนยังไงกันแน่ฮะ?”  

 

นิ้วเรียวส่งเชอรี่จิ้มปาก 

 

“กินเข้าไป” 

 

เจ้าชายดอกไม้ออกคำสั่งดุจราชินีทำเอาผู้น้อยต้องยอมเคี้ยวเชอรี่ตามพระประสงค์ 

 

…ตอนโกรธหมอนี่เป็นแบบนี้เองสินะ

 

เอาเถอะ! ถ้านายเต็มใจ ฉันช่วยกินให้ก็ได้ ไอ้เครื่องดื่มสุดเลี่ยนมูลค่า 500 บาทเนี่ย อีเวนต์นี้จะได้จบลงซะที!

 

ว่าแล้วฉันก็ลากแก้วยักษ์เข้าหาตัวหยิบเชอรี่เข้าปากเคี้ยวตุ่ยๆ

 

มีอีตาทวิตซ์แอบหัวเราะเบาๆ ดูอารมณ์ดีขึ้นมาเชียว 

 

.

 

-10 นาทีผ่านไป- 

 

ให้ตายเถอะกินตั้งนานยังไม่ลดลงเลย แบบนี้ฉันได้เป็นเบาหวานตายก่อนแน่ T-T 

 

ไอ้หน้าสวยนี่ก็ไม่ช่วย! เอาแต่ยิ้มมองดูฉันทุกข์ทรมาน 

 

“ไม่ไหวแล้ว…” 

 

ฉันงึมงัมท้อใจ พะอืดพะอมอั้นอ้วกจนน้ำตาคลอเบ้า 

 

“ช่วยไม่ได้ มันไม่ได้ออกแบบมาให้กินหมดนี่นา ^-^”

 

เดี๋ยว!? แล้วทำไมเพิ่งมาบอกเอาป่านนี้ยะ! -*- 

 

“โอ๋ๆ” 

 

มือใหญ่ลูบหัวปลอบป่อยๆ ดูยังไงก็เยาะเย้ย 

 

ย่ะ! เอาที่นายพอใจ จบจากนี้เราคงไม่มีเรื่องให้ต้องเจอกันแล้วล่ะ!

 

 

-1 สัปดาห์ต่อมา- 

 

(ณ ห้องสภานักเรียน) 

 

เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก เจ้าชายกวนประสาทหายสาปสูญ

 

เดาว่าเค้าคงยอมแพ้ ไม่ก็เบื่อจะเล่นกับคนไร้มนุษยสัมพันธ์อย่างฉัน

 

เดิมทีเราก็ไม่น่าโคจรมาเจอกันได้อยู่แล้ว เพราะฉันแทบไม่เคยเฉียดใกล้ตึกเรียน เสาร์-อาทิตย์ กลับบ้าน วันธรรมดาขลุกอยู่กับกองเอกสาร นานๆ มี

แว้บไปส่งงานห้องพักครูบ้าง ซึ่งส่วนใหญ่หน้าที่เดินเอกสารจะเป็นของไอ้แว่น

 

แต่แปลกจัง…ปกติตานั่นต้องแบกเอกสารกองพะเนินมาวางทิ้งไว้แล้วนี่นา ทำไมวันนี้โต๊ะดูโล่งๆ 

 

“เฮ้อ” 

 

ฉันถอนหายใจรับรู้ชะตากรรม 

 

ต้องลงแรงไปเอาเองสินะ ไอ้แว่นงี่เง่าคงอู้งานอีกตามเคย -*-

 

แอ๊ด~  

 

ในขณะที่ฉันกำลังเอื้อมจับลูกบิด บานประตูเจ้ากรรมก็ดันเปิดออกเสียก่อน เผยให้เห็นร่างสูงคุ้นตาพร้อมเปลวผมสีเงินพลิ้วไหว ดวงตาพราวเป็น

ประกายแผ่รัศมีความสวยจนผู้หญิงยังอาย 

 

>_< 

 

ฉันหลับตาปี๋ 3 วิ ตั้งจิตภาวนาให้ทั้งหมดเป็นเพียงภาพหลอน

 

= =  

 

แจ่มแจ้งเต็มสองตา โลกอันแสนโหดร้ายเหวี่ยงตานี่กลับเข้าวงโคจรฉันอีกจนได้ 

 

หนุ่มหน้าสวยโน้มประชิดทำฉันถอยผงะ

 

ดวงตากลมโตสีน้ำค้างเปล่งประกายล้อมด้วยแพขนตาหนาหรี่มองฉันเหมือนเด็กน้อยเฝ้าดูสัตว์เลี้ยงตัวจ้อย ริมฝีปากบางฉีกยิ้มเจ้าเสน่ห์พ่นคำพูด

ยียวน 

 

“ยังน่ารักเหมือนเดิม ^^” 

 

“หนวกหูน่า!”  

 

รู้สึกได้เลยว่าใบหน้ากำลังร้อนผ่าว เพราะกลิ่นสวนดอกไม้จากตัวเขาและคำพูดหวานเลี่ยนลวงโลก  

 

บ้าเอ้ย! อาทิตย์ก่อนฉันอุตส่าห์เริ่มชินกับความหล่อระดับยูนิเวิร์สนี่แล้ว แต่นายดันกลับมาตอนที่ภูมิคุ้มกันความหล่อฉันลดลงเนี่ยนะ >///<

 

ฉันล่ะเกลียดคนหล่อจริงๆ โดยเฉพาะไอ้หมอนี่!!! ไอ้คนขี้อ่อยเบอร์นี้!!! 

 

“เกรี้ยวกราดขนาดนี้ เราคงสนิทกันแล้วสินะ ^o^” 

 

มาอีกแล้วรอยยิ้มลำพองใจ

 

เออดิ ละถ้าสนิทกว่านี้ ฉันคงได้ฆ่านายเข้าสักวัน -*- 

 

“ยืนจีบกันอยู่ได้น่ารำคาญ!”  

 

เสียงกวนโอ้ยคุ้นหูของไอ้แว่นดังแทรก ก่อนเจ้าตัวจะสอดร่างเดินผ่ากลางระหว่างฉันกับเจ้าชายดอกไม้ มุ่งตรงไปนอนเกลือกกลิ้งบนโซฟา

 

ไอ้แว่นกวนบาทามองหน้าฉันฉุนๆ

 

“ถ้ามันตรงสเป็คเธอนักก็ไปเปิดห้องซะไป๊!” 

 

หน็อยแน่ กินรังแตนมารึไงยะ!? ฉันสิควรโมโห! งานการไม่ทำ ยังมีหน้ามานอนเเอ้งเเม้งผึ่งลมเป็นช่วงช่วงอุจาดตา!

 

แต่ก็ตามประสา ฉันไม่คิดจะเสวนากะไอ้งั่งนี่อยู่แล้ว -*-

 

“จะไปไหน~” 

 

ทวิตซ์ทำเสียงหวาน มือใหญ่จับล็อคหัวหยุดการเคลื่อนไหว 

 

“เอาเอกสาร!” 

 

ฉันเผลอหลุดปากตอบทั้งที่ไม่อยากคุยด้วยซ้ำ 

 

“ยัยโง่ ยังไม่รู้อีกหรอ” 

 

เสียงกวนดังสอดจากทางโซฟา 

 

วันนี้ไอ้บ้านี่มันอะไรกับฉันนักหนา -*-

 

“แฟนเธอจัดการหมดแล้ว” 

 

ห๊ะ?! แฟนไหน??? 

 

“ใช่ ฉันจัดการหมดแล้ว ^0^” 

 

ทวิตซ์ทำหน้าลั้นลาเป็นพิเศษเหมือนได้ยินคำพูดถูกใจ 

 

“เดิมทีเอกสารพวกนั้น ไม่ใช่ความรับผิดชอบของสภานักเรียนอยู่แล้ว จ่ายเงินมาเรียนแต่ต้องนั่งทำงานงกๆ ทั้งวัน  ไม่สนุกหรอกเนอะ ^^” 

 

เดี๋ยวว หมอนี่กำลังพูดบ้าอะไร? =[]=

 

“แม่ง! เพราะงี้ไงฉันถึงหงุดหงิด!” 

 

แคคตัสสบถหยาบ

 

ยะ อย่าบอกนะว่า…!

 

“ฉันคุยกับพวกอาจารย์แล้ว ว่าถ้ากล้าโยนงานให้เธออีกจะฟ้อง ผอ.” 

 

ลูกไอ้ช่างฟ้องงงง นายทำอะไรลงไปย๊าา!! >[]< 

 

ถ้าไม่มีงานฉันกับไอ้แว่นก็หมดสิทธิ์โดด! ต้องไปทำการบ้านจิปาถะน่ารำคาญ! เจอพวกเด็กขี้เหยียดในคลาส! ปวดกะบาลดราม่างานกลุ่ม! แล้วไหนจะ

เรื่องเวรทำความสะอาดอีก!

 

ฉันเกลียดนาย! เกลียดนายที่สุดเลย!!!! 

 

ฉันจ้องหน้าทวิตซ์ลูกตาแทบถลน สองมือกำหมัดแน่นสั่นระริก

 

เย็นไม่ไหวแล้วโว้ยยย!!!!

 

“เอ๊ะ อย่าร้องสิ ดีใจขนาดนั้นเลย? ^^;” 

 

ส่วนไหนของหน้าฉันบอกว่าดีใจย๊าาา?! 

 

ตอนนี้ฉันโกรธ! โกรธมาก! หูดับไปหมดแล้ว!!!

 

“อ้อ ฉันทำนี่มาให้ด้วย” 

 

ไอ้หน้าสวยไม่รับรู้ถึงรังสีอำมหิต ยัดสมุดซัมติงใส่มือฉัน 

 

พึ่บ!

 

ฉันโยนไอ้วัตถุงี่เง่านั่นทิ้ง

 

“…” 

 

คนตรงหน้าหุบยิ้มวูบนึง ใบหน้าเรียบเฉยจ้องมองด้วยสายตาอาฆาตก่อนเผยรอยยิ้มเย็นเยียบ 

 

แต่ฉันหาได้หวั่นกลัว ส่งสายตาเย็นชาระดับเยือกแข็งกลับไป ตามด้วยน้ำเสียงตัดรอนที่มักใช้ประจำกับพวกน่ารำคาญ 

 

“อย่าสะเออะมายุ่งกับฉันอีก” 

 

 

-18.55 น.- 

 

(ณ หอพักหญิง) 

 

ฉันยังหงุดหงิดเรื่องตอนเช้าไม่หาย 

 

ใจนึงรู้ดีว่าทวิตซ์ทำถูกแล้ว ติดตรงฉันไม่ต้องการ! 

 

ใช่ มันผิดที่สภานักเรียนทุกรุ่นยอมรับใช้พวกอาจารย์ เพื่อถืออภิสิทธิ์เหนือคนอื่น แต่การนั่งทำงานในตึกผีสิงคือกิจวัตรประจำวันที่ฉันรัก กระทั่งไอ้หมอ

นั่นมันเข้ามาจุ้นจ้าน -*- 

 

พอๆ เลิกคิด! เสียสุขภาพจิตเดี๋ยวแก่ไว!  

 

ตานั่นคงไม่กล้าเสนอหน้ามาแล้วล่ะ 

 

เล่นกับไอ้ต้าวน่ารักต่อดีกว่า~ >w<

 

“สวีทพี~ วันนี้เที่ยวสนุกมั้ย? เจอเพื่อนแมวบ้างรึเปล่า?”

 

เมี้ยว~

 

 แมวส้มตัวจ้อยขานรับน่าเอ็นดู  

 

>///< สมแล้วที่แม่เก็บหนูมาจากกองขยะ ทำตัวน่ารักได้กตัญญูซะจริง~ 

 

ฉันมีความสุขในการพูดคุยหยอกล้อกับเจ้าเหมียว โดยไม่สนใจว่าเพื่อนร่วมห้องจะมองยังไง 

 

ใช่แล้ว พูดถึงรูมเมทเธอชื่อ ‘ปลาดาว’ ต้องขอบคุณที่เป็นเธอคนนี้ แม้เราจะคุยกันแทบนับคำได้ แต่ก็อยู่ร่วมกันอย่างสันติ ปลาดาวมักใส่หูฟังนั่งเล่น

เกมเงียบๆ มีธุระอะไรก็แปะโน้ต ความสัมพันธ์เพอร์เฟ็กต์แมตซ์ ฉันชอบที่ได้เป็นตัวของตัวเองเหมือนอยู่คนเดียวตามลำพัง เธอเองก็เช่นกัน

 

“สวีทพีน่ารักจัง~ ขนนุ๊มนุ่ม >< วันนี้เหนื่อยมากเลย…ขอกอดนานๆ เลยน้า” 

 

ฉันเอาหน้าซุกพุงเจ้าตัวน้อยซึมซับความอบอุ่นนุ่มฟู 

 

ฮ้าา~ จิตใจได้รับการเยียวยาแล้ว~  

 

 รักแมวที่สุดเลยย

 

“น่าอิจฉาจังน้า” 

 

เอ๊ะ ฉันหูฝาดรึเปล่า? เหมือนได้ยินเสียงล้อเลียนของไอ้คนที่ไม่อยากเจอขี้หน้าลอยมาจากด้านหลัง 

 

“แมวตัวผู้รึเปล่าเนี่ย?” 

 

ไม่ ฉันไม่น่าหูแว่วซ้ำสอง!!

 

“กรี๊ดดดด…!!!!” 

 

ฉันกรีดร้องสุดเสียงจนเจ้าเหมียวหนีกระเจิง 

 

อุ๊บ!

 

มือหนาปิดปากแน่น มีเพียงเสียงอู้อี้เล็ดลอด ส่วนอีกมือรวบกดฉันติดเตียง  

 

ฉันอยู่ในท่านอนแอ้งแม้ง สองมือถูกล็อคไว้เหนือหัว มีผู้ชายตัวใหญ่คร่อมร่างและทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก! 

 

อยากเตะให้กระเด็นอยู่หรอก ถ้าไม่กลัวกระโปรงที่ถลกขึ้นสูงอยู่แล้วเปิดอ้าซ่ากว่าเดิม T^T

 

“อายอาอู่อี้นี่ไอ้ไอ อ่อยอั้นอ๊ะ!!! (นายมาอยู่ที่นี่ได้ไง ปล่อยฉันนะ)”

 

“ชู่…สัญญาก่อนสิว่าเธอจะเงียบ” 

 

ร่างสูงเหลือบมองรูมเมทฉันที่นั่งหันหลังเล่นคอมฯ ไร้ปฏิกริยาตอบสนอง ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าผู้ชายตัวเบ้อเร่อบุกเข้าห้อง

 

ไอ้หื่นทวิตซ์! ฉันพอรู้ว่านายมันเพี้ยน แต่ไม่คิดว่าจะบ้าถึงขั้นกล้าบุกรุกห้องผู้หญิง!!! 

 

หลุดจากนี่ ฉันจะแจ้งตำรวจจับนายแน่! ไอ้โรคจิต!!!

 

แล้วดูสภาพฉันสิ…ชุดนอนเดรสกระโปรงสีชมพูโนบราสั้นเหนือเข่า แถมยังเห็นตอนเล่นกับแมวเสียงสองอีก 

 

 ฉันจะฆ่านาย!!!! จะฆ่าน๊ายยย >[]< ถ้าไม่ได้ฆ่านายวันนี้ ก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว!!!!

 

ความเดือดดาลทำให้ฉันดิ้นแรงขึ้น แต่ไม่มีทีท่าว่าจะหลุดพ้นพันธนาการได้เลย สภาพกระเสือกกระสนดิ้นแด่วๆ ไม่ต่างจากปลาขาดน้ำ เลวร้ายกว่านั้น

คือ…ไอ้กระโปรงเจ้ากรรมดันถกสูงจนเผยให้เห็นสิ่งที่ไม่ควรจนได้ 

 

“…” 

 

“…” 

 

เราตกอยู่ในความเงียบงัน 

 

ดูจากสายตาและสีหน้าเหมือนหมอนั่นเพิ่งตรัสรู้ว่าเรากำลังอยู่ในท่าล่อแหลม… 

 

“ฮึกๆ” 

 

ลมหายใจเริ่มติดขัดเพราะแรงสะอื้น

 

 ฉันไม่อยากอยู่ในสภาพนี้เลย…น่าเจ็บใจจริงๆ ที่ไม่มีแม้แต่แรงขัดขืน 

 

แล้วไหนจะเรื่องทั้งหมดที่ต้องเจอวันนี้อีก

 

 ทุกอย่างบีบคั้นให้น้ำตาค่อยๆ ไหลออกมา 

 

 ฉันเกลียดนาย…ยังไงฉันก็เกลียดนาย! ตอนนี้นายเป็นคนที่ฉันเกลียดที่สุดในโลกเลย!

 

เมื่อเห็นฉันเริ่มสะอื้น น้ำตาไหลเปื้อนมือ ทวิตซ์จึงรีบเบือนหน้าหนี สายตาสีเงินดูกระวนกระวายรู้สึกผิดสุดๆ 

 

“ขอโทษ…” 

 

มือหนาที่ปิดปากเริ่มผ่อนแรงและค่อยๆ ผละออก  

 

“ฉัน…ไม่ยกโทษให้…” 

 

ฉันพูดเสียงแผ่วปนสะอื้น 

 

แย่จริง ฉันเป็นพวกร้องแล้วหยุดยากด้วย แต่คงไม่มีอะไรน่าอายไปกว่านี้อีกแล้ว… 

 

โธ่เอ้ย! สะใจนายแล้วสิ! ที่เห็นฉันร้องไห้ T T

 

ต่อมสามัญสำนึกของอีตาทวิตซ์เพิ่งทำงาน เขาเลยเอาผ้าห่มมาคลุมตัวให้ทำเหมือนฉันเป็นผู้ประสบภัยน้ำท่วม

 

ประทานโทษ…มาสวมบทสุภาพบุรุษอะไรเอาป่านนี้! 

 

“ฉันมีพี่สาวนะ ไม่ต้องคิดมากหรอก…” 

 

เป็นคำปลอบใจที่ห่วยแตกสุดๆ   

 

“ฉันจะ…ฮึก! ควักลูกตานาย! ให้หมากิน!!”

 

ทวิตซ์เกาหัวยุ่งเหมือนกำลังจัดระเบียบความคิด พยายามพูดตะล่อมต่อ 

 

“ฉันไม่เห็นอะไรเลย นอกจาก…สีชมพู” 

 

ยิ่งพูดเสียงยิ่งแผ่ว ดูก็รู้ว่าโกหก! 

 

ถ้าไม่เห็นอะไร ทำไมนายถึงหููแดงเล่าตาบื้อ! TTOTT 

 

“ฮือออออ~” 

 

คราวนี้ฉันปล่อยโฮสุดเสียง น้ำตาไหลทะลักเป็นเขื่อนแตก 

 

พออีตาทวิตซ์ได้ยินเข้าก็ตกใจ รีบตะครุบกอดลูบหัวทำเอาสะดุ้งเฮือก 

 

“โอ๋ๆ ไม่ร้องนะ ฉันขอโทษจริงๆ…ให้ทำอะไรก็ยอม จะรับผิดชอบไปชั่วชีวิตเลย เอาเสื้อฉันเช็ดขี้มูกก็ได้” 

 

“ฉันเกลียดนาย! เกลียดนาย…ฮึก! ฉันจะฆ่านาย…! จะฆ่านาย!!!” 

 

สถานการณ์นี้มันอะไร ควบคุมตัวเองไม่ได้ ทำได้เพียงพรั่งพรูความคิดในหัวออกมาอย่างหมดเปลือกและร้องไห้ในอ้อมอกอุ่นๆ เหมือนเด็ก

 

น่าเจ็บใจที่น้ำเสียงนุ่มนวลและสัมผัสอ่อนโยนจากเขามันดันทำให้รู้สึกดี 

 

หรือที่ฉันอารมณ์แปรปรวนแบบนี้ เป็นเพราะวันนั้นของเดือน? 

 

แล้วพรุ่งนี้…ฉันจะมองหน้าเขายังไงไหว? 

 

“แคคตัสเล่าให้ฟังหมดแล้ว ว่าทำไมเธอถึงโกรธขนาดนั้น…”  

 

น้ำเสียงทุ้มต่ำเอื้อนเอ่ยแผ่วเบาพลางลูบผม 

 

“ฉันแค่อยากใช้เวลากับเธอให้มากขึ้น ไม่อยากเห็นเธอเอาแต่ก้มหน้าทำงาน…” 

 

ฉันยังสะอื้นไม่หยุด น้ำตาทำทุกอย่างพร่ามัว แม้แต่สมองที่เคยตอบสนองฉับไวก็เริ่มเฉื่อยชา 

 

 …เกลียดการร้องไห้จริงๆ

 

“ตอนไม่ได้เจอกันฉันทำสมุดติวให้เธอด้วย…ตั้งใจทำสุดๆ ไปเลย เป็นสมุดวิเศษที่เข้าใจง่ายมาก แม้แต่คนติดเอฟทุกวิชายังได้เอ” 

 

ทวิตซ์พูดติดตลก ใช้โทนเสียงชวนเคลิ้มเหมือนกำลังกล่อมเด็ก 

 

“ขอโทษที่โยนทิ้ง…” 

 

เพราะถูกชักจูงด้วยความใจดี ปากเลยเผลอพูดขอโทษออกมาง่ายดายราวกับถูกสะกดจิต  

 

... 

 

ผ่านไปนานแค่ไหนไม่รู้ พอเริ่มตั้งสติได้ฉันจึงผลักร่างกำยำออก ก่อนจะกลับมาพูดด้วยน้ำเสียงที่มั่นคงอีกครั้ง

 

“ทำไมนายต้องทำอะไรให้ฉันด้วย” 

 

โดยไม่รอคำตอบจากชายตรงหน้า ฉันเริ่มพูดต่อทันที 

 

“ถ้าเป็นเพราะตำแหน่ง ‘อีฟ’ ฉันยอมเป็นให้ก็ได้…แค่อย่ามายุ่งกับฉันอีก”

 

ฉันจ้องมองเขาด้วยสายตาจริงจัง ใบหน้าสวยที่มักประดับด้วยรอยยิ้มนิ่งเฉยไปพักนึง 

 

นัยน์ตาครามลึกล้ำมองเข้ามาในตาฉันให้ความรู้สึกเหมือนถูกอ่านทะลุปรุโปร่ง ตามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ 

 

“ฉันอยากรู้จักเธอมากกว่านี้ ไม่เกี่ยวกับตำแหน่งไร้สาระนั่นหรอก”

 

แม้สายตาประสานกัน แต่ฉันกลับอ่านความคิดเขาไม่ออก 

 

นั่นไม่ใช่ความหลงใหล ไม่มีประกายในแววตานั้น 

 

ไม่มีอะไรเลย… 

 

ความรู้สึกนี้มันอะไร ทำไมฉันถึงขนลุก?

 

“เห็นแก่น้ำตา วันนี้ฉันจะยอมถอยก่อน” 

 

ริมฝีปากบางสวยกระตุกยิ้มเปลี่ยนบรรยากาศหนักอึ้งให้กลับมาเบาลง

 

นิ้วเรียวสัมผัสปอยผมเปียกปอนคราบน้ำตาบรรจงปัดทัดหูให้อย่างเบามือ 

 

“ฝันดีนะ”

 

 เจ้าชายดอกไม้จากไปพร้อมรอยยิ้ม  

 

ไม่อยากเชื่อว่าเขาปีนหน้าต่างชั้นสองขึ้นมาได้…

 

 สาบานเลย! คราวหน้าฉันไม่ลืมล็อกประตูแน่ -*-

 


 

(จบตอน) 

 

สวีทพี; ขอบคุณและอำลา แด่ทุกช่วงเวลาดีๆ ที่ผ่านเข้ามา

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา