The Prince of Flower เกมรักมัดใจ เจ้าชายดอกไม้กับยัยเย็นชา

9.7

เขียนโดย Killolat

วันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 เวลา 07.31 น.

  26 บท
  1 วิจารณ์
  1,941 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2567 00.23 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) -ไฮเดรนเยีย-

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

[ห้ามพาผู้ชายเข้าห้อง]

 

ช่างเป็นเช้าที่น่าหดหู่ =_=

 

ฉันตื่นขึ้นมาพร้อมอาการปวดหัวจี๊ด ซึ่งเป็นเอฟเฟคจากการร้องไห้เมื่อคืน และสิ่งที่ทำให้ไมเกรนพุ่งปรี๊ดตอนนี้คือ ‘โน้ตจากคุณรูมเมท’

 

ปลาดาวรู้สินะว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง…ฉันไม่โทษเธอหรอก ที่ไม่ช่วยเอาค้อนทุบหัวอีตาทวิตซ์แล้วโยนออกนอกหน้าต่างไปซะ รู้สึกขอบคุณด้วยซ้ำ ที่ไม่ร้องตะโกนตกใจหรือปล่อยข่าวฉาวว่อนโรงเรียน

 

รู้สึกผิดจังที่เธอต้องมารับรู้อะไรโง่เง่าเมื่อคืน แค่ต้องแกล้งเมินตอนฉันทำท่าแอ๊บแบ้วเล่นกับแมวทุกวันก็เกรงใจจะแย่ ไว้ค่อยซื้อขนมอร่อยๆ มาวางไถ่โทษแล้วกัน…แต่ถ้าทำแบบนั้น จะกลายเป็นความสัมพันธ์แบบกุมารทองโซน แทนรูมเมทโซนรึเปล่า?

 

แปะไว้ก่อน หัวจะระเบิดอยู่แล้ว ไม่อยากเข้าเรียนด้วย ขอนอนพักซักวันละกัน…ถึงมันจะเป็นข้ออ้างก็เถอะ ความจริงคือฉันไม่อยากเจอหน้าไอ้คนเมื่อคืนต่างหาก - -*

 

ฉันเหม่อมองนาฬิกาบนฝาผนัง ตอนนี้เข็มชี้เลข 12 ตั้งใจว่าจะนอนทั้งวัน ไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น แต่ด้วยความเคยชิน กลายเป็นว่าฉันล้างหน้าแปรงฟัน ทาครีมบำรุงผิว มัดผม แต่งตัว สวมชุดลำลองเรียบร้อย…แถมกำลังนั่งอ่านหนังสืออีกต่างหาก

 

อ่า…นี่แหละข้อเสียของฉัน ต่อให้ตายก็ขี้เกียจไม่เป็น เพราะปมสมัยก่อนที่เคยเป็นเด็กโง่โดนบูลลี่ บีบให้ฉันต้องบังคับตัวเองให้เป็นคนขยันอยู่เสมอ ดูเป็นนิสัยที่ดีใช่มั้ยล่ะ? แต่ไม่เลย ฉันกลายเป็นพวกบ้างานขั้นสุด จะพักแค่ตอนงานเสร็จเท่านั้น พอไม่มีงานก็จะพยายามหางานให้ตัวเองจนได้ ทรมาณสุดๆ ไปเลย - -; ยิ่งถ้าอยู่คนเดียวอย่าหวังเลยว่าจะได้นอนเกยตื้นแบบไอ้งั่งแคคตัส

 

ก๊อกๆๆ 

 

เสียงเคาะห้องไม่ได้ดังจากทางประตู 

 

O-O

 

เมื่อฉันหันไปมองก็พบว่า อีตาทวิตซ์กำลังยืนจังก้าอยู่ตรงระเบียง

 

ไม่อยากเปิดเลย ไม่อยากเจอหน้า แต่ถ้าไม่ยอมเปิด คนต้องเห็นแน่ว่ามีผู้ชายตัวเบ้อเร่ออยู่ที่ระเบียงห้องฉัน >-<

 

ก๊อกๆๆ 

 

เจ้าตัวยังเคาะไม่หยุด ตามติดเป็นสังขเวสีแบบนี้ ชาติก่อนฉันไปทำอะไรให้นายนักหนาย๊ะ!!

 

เอาวะ! เปิดก็เปิด!!

 

ครืด~

 

ฉันเลื่อนประตูกระจกออก เปิดให้สิ่งมีชีวิตรูปงามแสนประหลาดที่ทำให้ฉันผู้เยือกเย็นถึงจุดเดือดได้ครั้งแล้วครั้งเล่า - -* นายต้องไม่เชื่อแน่ ว่าฉันเกลียดนายมากพอจะฆ่าให้ตายเป็นพันรอบ ถ้าไม่ติดว่าต้องไปกินข้าวแดงในคุก

 

ฉันไม่แม้แต่จะสบตาเค้าด้วยซ้ำ แล้วก็จะไม่คุยด้วย! นับแต่นี้ฉันจะแบนนายชั่วชีวิต! 

 

จงรับรู้ถึงความเกลียดชังที่ฉันมีต่อนายซะเถอะย่ะ!

 

“ยูแช” น้ำเสียงออดอ้อนลอยเข้าหูสะเทือนถึงหัวใจ พระเจ้าคะ อย่างน้อยใส่ความขี้เหร่มาให้หมอนี่ซักนิดเถอะ…ทำไมแค่เสียงก็ต้องหล่อด้วย ไม่ยุติธรรมเลยจริงๆ >///<

 

“…” 

 

ฉันยังคงเบือนหน้าหนี แกล้งเมินอ่านหนังสือต่อไม่สนใจ

 

“เป็นห่วงนะ คิดถึงด้วย คืนดีกันเถอะ~” ไอ้บทสนทนาฟีลแฟนนี่มันอะไร?! เสียงออเซาะขั้นสุด พนันได้เลยว่าตอนนี้ก็ต้องทำหน้าอ้อนสุดๆ 

 

ไม่ได้นะ! ฉันจะไม่ยกโทษให้เพราะนายน่ารักหรอกย่ะ >0</// 

 

“ยูแช~”

 

ลมแทบจับ พอฉันเมินเค้ายิ่งยื่นหน้ามาใกล้จนเริ่มได้กลิ่นหอมๆ…สเตปต่อไปตานี่จะสิงฉันใช่มั้ย?

 

ฟู่

 

“อ๊ายย~”

 

จู่ๆ ตานั่นก็เป่าลมใส่หูฉันทำเอาขนลุกซู่ เผลอร้องเสียงหลงออกมาและพลาดท่าหันไปสบตาเจ้าเล่ห์

 

อีกครั้งที่ใบหน้าสวยเกินชายเผยยิ้มอย่างพึงพอใจตอกย้ำว่าฉัน ‘พ่ายแพ้’

 

เออใช่! นายมันหล่อ แถมยียวนกวนประสาท ฉันผิดเองที่เกิดมาแพ้ความหล่อ!! พอใจรึยังฮะ!!! >[]<//

 

“…มีอะไร” 

 

ฉันพยายามคุมโทนเสียงให้นิ่งสงบที่สุด ยังรู้สึกจั๊กจี้ในหูแปลกๆ หมอนั่นคงเป่าแรงไปจนขี้หูเต้นระบำ

 

“เอาเอกสารมาส่งให้ประธานคร้าบ ^^” 

 

ถึงหมอนี่จะยิ้มตลอดเวลา แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ารอยยิ้มของเค้ามันทำให้ใจฟูฟ่องได้จริงๆ

 

ทวิตซ์ปลดเป้ ทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงฉันอย่างถือวิสาสะ คงต้องหาเวลาซักผ้าปูหน่อยแล้วล่ะ ถ้าไม่อยากให้หมอนี่ตามหลอกหลอนถึงในฝัน =_=

 

หนุ่มหน้าสวยยื่นเอกสารปึกหนาคุ้นตาให้

 

ไอ้นี่เนี่ยนะ? ถามจริง? ยัยผอ.บ้ากามนั่นใช้ให้นายเอาเอกสารสร้างม่านรูดมาให้ฉันแสลงตาอีกทำไม

 

“เคยอ่านแล้ว” ฉันตอบสั้นๆ วางเอกสารลงและก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ หลีกเลี่ยงการสบตาชวนอึดอัดหลังเกิดเรื่องเมื่อคืน

 

“ถึงหน้าสุดท้ายรึยัง?” 

 

“…” ไม่ใช่ธุรกงการอะไรของนายหนิ

 

ร่างสูงตื้อต่อไม่เลิก เดินมาหยิบเอกสารเจ้าปัญหาไปเปิดอ่าน

 

“ผอ.มีข้อเสนอว่า ถ้าเธอยอมรับตำแหน่งอีฟและช่วยดำเนินนโยบาย ‘โรแมนติก สคูล’ ครบจบทั้งเล่ม จะให้สิทธิ์เข้าสอบโดยไม่ต้องเข้าเรียนหรือทำกิจกรรมใดๆ”

 

และนั่นคือสิทธิ์ทั้งหมดที่ฉันควรได้ในฐานะประธานนักเรียน ถ้านายไม่เจ๋อทำตัวเป็นลูกอีช่างฟ้องไงยะ -*- แบบนี้เท่ากับบังคับให้ฉันกลายเป็นขี้ข้าผอ. ทำเรื่องบัดสีบัดเถลิงกับโรงเรียน แทนที่จะเป็นขี้ข้าอาจารย์ทำงานงกๆ ไปวันๆ สินะ

 

ถ้านี่คือแผนทั้งหมดที่วางไว้แต่แรกเพื่อบีบฉัน ทั้งนายและยัย ผอ.สีชมพู ก็ร้ายกาจเกินบรรยาย!

 

แต่ถ้านั่นทำให้ฉันไม่ต้องเจอสังคมแย่ๆ ที่ห้องเรียน…มันอาจคุ้ม 

 

“ก็ได้” ฉันตอบรับชัดถ้อยชัดคำ 

 

แค่นโยบายงี่เง่าเพ้อเจ้อคงอยู่ได้ไม่นานหรอก ตำแหน่งอดัมกับอีฟด้วย เห็นลือว่าคนเป็นอีฟต้องพบเจอเรื่องร้ายทุกปี ประเพณีสยองแบบนั้นเดี๋ยวก็คงยกเลิกกันไปเอง เอ๊ะ…หรือเพราะแบบนี้ฉันถึงได้เป็นอีฟนะ?

 

“ว้าว…” ทวิตซ์รีเอคกวนประสาท

 

ตานี่จะเยาะเย้ยที่ฉันแพ้รึไง? -*-

 

“พิธีสาบานรักมีบทจูบด้วยนะ”

 

“ห๊าาา?!!” อยากอุทานให้ถึงระยอง 

 

เดี๋ยวๆๆๆ ตั้งสติหน่อยสิฉัน แค่แกล้งจูบมุมกล้องก็ได้มั้ง? แบบพวกนักแสดงไง ใครจะให้นักเรียนจูบจริงบ้ารึเปล่า?!

 

ฉันดึงไอ้ตำราม่านรูดสีชมพูจากมือทวิตซ์มาอ่านอย่างละเอียดอีกครั้ง

 

“พิธีจูบสาบานต้องจูบจริงให้เห็นชัดแบบ 360 องศา เพื่อความน่าเชื่อถือ ถ้าไม่ทำจะถือว่าข้อตกลงทั้งหมดเป็นโมฆะ” ทวิตซ์โพล่งประโยคที่ฉันไม่อยากได้ยินที่สุดในโลกออกมาเสียงดังฟังชัด 

 

ไร้ยางอาย! นายมันไร้ยางอาย!

 

“ถ…ถ้านายยอมตกลงก็หมายความว่า ยอมจูบใครก็ได้ที่ไม่ใช่แฟน ขอแค่เป็นอีฟหรอ?!” ฉันยิงคำถามใส่เค้าเพราะรู้สึกไม่แฟร์ที่ตัวเองเหมือนตกเป็นเหยื่ออยู่คนเดียว

 

“บ้าหรอ…ต้องเป็นเธอสิ” เขาตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ 

 

ไม่รู้ทำไมไอ้หัวใจบ้านี่ต้องเต้นแรงด้วย…

 

แต่มันก็เต้นได้ไม่นานนัก เพราะประโยคต่อมาทำเอาฉุนกึก

 

“ต้องเป็นแฟนถึงจะจูบ? หัวโบราณชะมัด” เสียงทุ้มนุ่มพูดต่อ “เธอหมกมุ่นกับการจูบมากไปรึเปล่า? พวกนักแสดงเค้าก็จูบกันเป็นปกติ ฝรั่งยังจูบทักทายเลย”

 

ไม่ย่ะ…นายนั่นแหละไม่ปกติ แค่ได้ยินคำว่าจูบจากนายซ้ำแล้วซ้ำเล่า ฉันล่ะอยากจะเอาหัวจุ่มซักโครกตายให้รู้แล้วรู้รอด หรือเพราะเค้าเป็นลูกครึ่งเลยเฉยๆ กับเรื่องพวกนี้

 

เอ๊ะ สรุปใครผิดปกติ? ฉันหรอ? เริ่มไม่แน่ใจแล้วนะ -*-

 

“แต่ฉันชอบนะ ที่เธอทำตัวหน่อมแน้มน่ารักแบบนี้ ^-^” ตานั่นลูบหัวฉันเหมือนลูกหมา พยายามพูดตะล่อม เมื่อเห็นฉันไม่สบอารมณ์

 

“ไม่ปล่อยให้เธอมีซีนแย่ๆ ต่อหน้าคนทั้งโรงเรียนหรอกน่า” ทวิตซ์ใช้วงแขนกว้างเท้าโต๊ะคร่อมตัวฉันไว้ ฉันที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูก เพราะถูกทั้งรูป กลิ่น เสียง จู่โจมฉับพลัน 

 

“ซ้อมได้นะ…” เสียงกระซิบชวนใจหวิวเปล่งออกมาอย่างแผ่วเบา 

 

ฉันสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนผ่าว ทุกอย่างของเค้าช่างเย้ายวนเหมือนดอกไม้ที่ล่อลวงแมลงหน้าโง่บินเข้าหา

 

กลิ่นเหงื่อผสมสวนดอกไม้อบอุ่นเจือจางซึมเข้าปอด เม็ดเหงื่อไหลพรมตามซอกคอดูเซ็กซี่ คงเพราะปีนขึ้นมาถึงชั้นสอง ยิ่งอยู่ในชุดเครื่องแบบนักเรียนเชิตขาว ยิ่งขลับให้เห็นกล้ามเนื้อชัดเจน

 

…เดี๋ยว! นี่ฉันมองอะไรอยู่เนี่ย!? 

 

อุตส่าห์ไม่มองหน้าสวยๆ นั่นแล้วแท้ๆ กลายเป็นว่าพอเลี่ยงสายตามองต่ำลงยิ่งอันตรายกว่าเดิม >///< 

 

ต่อไปฉันจะมองตา! ไม่หลบตาแล้ว!

 

ฉันฮึบสู้เงยหน้ามองทวิตซ์…แต่กลายเป็นว่ามุมนี้ทำให้หน้าเรายิ่งใกล้กันกว่าเดิม ใกล้มากจนแทบเห็นรูขุมขน สายตาหวานเยิ้มของเค้ากำลังกลืนกินฉันทั้งตัว ริมฝีปากได้รูปเผยอขึ้นเล็กน้อยเคลื่อนเข้าใกล้ทุกวินาที

 

ควับ!

 

ฉันรวบรวมสติเพียงน้อยนิดที่เหลืออยู่หันหน้าหนี ริมฝีปากร้อนผ่าวแสนเย้ายวนของเค้าเลยจบลงที่แก้มฉันแทน แต่นั่นก็มากพอจะทำให้สาวน้อยไร้เดียงสาอย่างฉันใจเต้นโครมคราม 

 

ทวิตซ์เค่นเสียงหัวเราะในลำคอพึงพอใจ 

 

ขอบคุณพระเจ้า! ในที่สุดเขาก็ผละตัวออกซะที -///- นานกว่านี้ฉันหัวใจวายตายแน่

 

“เป็นแฟนกันมั้ย?” 

 

คนตรงหน้าพูดในสิ่งที่ต้องใช้ความกล้ามหาศาลออกมาอย่างง่ายดาย ทำเอาฉันช็อคไปเลย

 

“คบกันแล้ว เธอจะจูบบ่อยแค่ไหนก็ได้” 

 

พนันเลยว่า นั่นเป็นสิ่งที่ผู้หญิงทั้งโรงเรียนยอมถวายชีวิตให้…แต่ไม่ใช่ฉัน!

 

“…ไม่ได้รักซะหน่อย” ฉันพยายามสื่อสิ่งที่ต้องการออกมา 

 

ด้วยสติสตังแค่นี้ พูดได้ก็บุญแล้ว แม้การเรียบเรียงประโยคจะห่วยแตกหน่อมแน้มเหลือทน จนอยากเอาหน้ามุดดินหนีก็เถอะ! >///<

 

“อ่า” ทวิตซ์ถอยกลับไปอย่างสมบูรณ์และทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงอีกครั้ง ก่อนเริ่มร่ายยาวในสิ่งที่ฉันไม่ค่อยเข้าใจ

 

“สำหรับฉันรักเป็นแค่สมการที่ต้องทำให้สมดุล รักมากรักน้อยไม่สำคัญหรอก แค่ความรู้สึกสมดุลกันก็พอ”

 

“ห๊ะ?”

 

พูดอะไรของมันวะ - -^ สอนคณิตศาสตร์ฉันอยู่หรอ?

 

“ตราบใดที่ไม่มีใครรักมากกว่า ก็ไม่เจ็บใช่มั้ยล่ะ?” 

 

ประโยคนี้ทำฉันเริ่มเข้าใจขึ้นมาบ้าง เหมือนวลีที่ว่า ‘อย่าเอาใจลงไปเล่นสินะ' 

 

“คิดว่าความรู้สึกมันบังคับกันได้หรอ? ถ้าคิดแบบนั้น…คงมีแต่คนไร้หัวใจเท่านั้นแหละ ที่คบกับนายได้” 

 

ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตัวเองต้องพูดแรงขนาดนี้ด้วย แต่พอได้ยินเค้าพูดแบบนั้น ฉันไม่สบอารมณ์เอาซะเลย

 

เป็นครั้งแรกที่เห็นทวิตซ์ทำหน้าอึ้งเล็กน้อย ก่อนเปลี่ยนกลับมาเป็นรอยยิ้มตามปกติอย่างรวดเร็ว แต่แววตาสีหม่นยังแฝงความเศร้าอยู่…

 

เหมือนฉันเผลอพูดแทงใจดำ แต่ไม่รู้เลยว่าเค้ากำลังคิดอะไรกันแน่

 

ทวิตซ์หยิบสมุดเล่มนึงออกมาวางไว้บนเตียงแล้วกลับออกไปเงียบๆ โดยไม่พูดอะไรอีก 

 

นี่คงไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่เราได้เจอกันใช่มั้ย…?

 

.

 

ก๊อกๆๆ

 

รายงานสถานการณ์ภาคค่ำ เวลา 19.00 น. มีหนุ่มโรคจิตหน้าสวยในชุดนอนลายทาง ยืนเคาะหน้าต่างระเบียงห้องฉันอยู่ค่ะ = =*

 

ก๊อกๆๆ

 

เชื่อเค้าเลย ฉันล่ะอับจนหนทาง! ไม่รู้จักเข็ดหลาบ ไอ้หมอนี่มันมีสิ่งที่เรียกว่า ‘สามัญสำนึก’ ฝังอยู่ในหัวกะบาลบ้างมั้ยเนี่ย?

 

ก๊อกๆๆ

 

ฉันแอบเหลือบมองรูมเมท ดูเหมือนเธอจะทำเป็นไม่สนใจอีกแล้ว ช่างมีมารยาทจริงๆ เป็นคนดีจนฉันยังเกรงใจ T T ต่างจากไอ้คนนอกห้องราวฟ้ากับเหว

 

ก๊อกๆๆ

 

โอ้ยย หงุดหงิดโว้ย!!! เออ! เปิดแล้ว! ฉันยอมแล้ว >o<

 

ครืด~

 

เป็นอีกครั้งที่ฉันอัญเชิญซาตานเข้าห้อง คราวนี้เค้ามาพร้อมของขวัญจากขุมนรกในถุงก๊อบแก๊บ

 

ไอ้ปีศาจหน้าสวยที่สามารถดลบรรดาลให้ทุกอย่างเป็นดังใจ ถอดอีแตะช้างดาวทิ้งไว้ข้างนอก ก่อนก้าวเข้าห้องฉันด้วยดวงตาเป็นประกายระยิบ ไม่สะทกสะท้านสายตาพิฆาตมารของฉันเลยแม้แต่น้อย - -+

 

ถ้าคิดว่าหมอนั่นจะพุ่งมาทางฉันล่ะก็ เปล่า เค้าทำสิ่งที่ฉันไม่คาดคิด!! เดินไปหาปลาดาวแล้วเอากล่องนมรสกาแฟวางแหมะไว้ตรงหน้าเธอ!!! โอ้มายก็อด O[]o

 

“ซื้อมาฝากครับ ^-^” รอยยิ้มหน้าระรื่นไม่สะทกสะท้านใดๆ

 

ปลาดาวที่ไม่เคยผละออกจากจอคอม ถึงกับถอดหูฟังออก ทำท่าลุกลี้ลุกลน 

 

“ข…ขอบคุณค่ะ” เธอหน้าแดงนิดๆ ก่อนกล่าวคำขอบคุณแบบเก้ๆกังๆ

 

“ว้าว เกมนี้ฉันเคยเล่นนะ มันต้อง#%@&฿%”

 

“แต่ว่ามัน…#%#&฿$€”

 

“ไม่สิถ้า ฿&^#%#$% จะ..%¥”^&#”

 

แล้วสองคนนั้นก็พูดภาษาอะไรกันไม่รู้อยู่ 2-3 นาที จนฉันขี้เกียจจับใจความ

 

…ใครช่วยบอกฉันที นี่มันสถานการณ์บ้าอะไรกัน? =-= 

 

“ขอบคุณที่คอยดูแลยูแชนะ” จู่ๆ หมอนั่นก็เปลี่ยนเรื่องเฉย 

 

แต่เฮ้ย! แล้วไหงนายมาทำตัวเป็นผู้ปกครองฉันล่ะย๊ะ?!

 

“พรุ่งนี้อยากกินอะไรมั้ย? เดี๋ยวซื้อมาฝาก ^0^” มันยังไม่หยุดอีก! 

 

“ม…ไม่เป็นไรจ้ะ >\\\<" รูมเมทฉันอายม้วนต้วน

 

“งั้นเป็นโดนัดกาแฟแล้วกัน ^^” รอยยิ้มอาบยาพิษนั่นทำฉันอดหมันไส้ไม่ได้จริงๆ

 

ไอ้หมอนี่… -*- คิดจะจีบรูมเมทฉันหรอ!! ฝันไปเหอะ!

 

ป๊อก!

 

ฉันหยิบของที่อยู่ใกล้มือที่สุดเขวี้ยงใส่หัวตานั่น แล้วก็แม่นมากซะด้วย - -+ ในระยะ 1 เมตรยังไงฉันก็ไม่พลาด

 

“นิสัยเสียชะมัด” ทวิตซ์คิ้วกระตุกนิดๆ ก่อนเปลี่ยนเป้าหมายเดินมาทางฉัน 

 

“เธอโยนสมุดฉันสองรอบแล้วนะ…!” น้ำเสียงนุ่มทุ้มหนักขึ้นกว่าทุกที สายตาของคนตัวสูงทอดมองฉันแน่นิ่ง ส่วนปลาดาวเห็นท่าไม่ดีเลยมุดหัวใส่หูฟังหนีเข้าโลกอีกใบไปแล้ว

 

อะไรเล่า! ไม่กลัวหรอก ถ้านายทำอะไรฉัน เป็นไงเป็นกัน! คราวนี้ฉันแจ้งตำรวจแน่! 

 

หมับ!

 

มือใหญ่จับหัวฉันโยกเยกไปมาจนตัวเอียงตามแรงควบคุมราวกับเป็นของเล่น

 

“อ๊ายย”

 

หยุดนะย๊าาาา >[]<

 

“หิวก็บอกดีๆ สิ~ ^^” เสียงทะเล้นยั่วน้ำโหแล่นเข้าหู

 

ซึ่งตอนนี้ฉันทำได้แค่หลับตาปี๋ เพราะกำลังต่อสู้กับอาการโลกหมุน

 

…เมามือเค้าซะแล้ว @-@

 

“อะ นมสตอเบอรี่” พอได้สติก็รู้สึกถึงกล่องนมเย็นๆ แปะอยู่กลางหน้าผาก

 

เดี๋ยวนะ ทำไมเป็นสตอเบอรี่ล่ะ? 

 

“ฉันเกลียดสตอเบอรี่! -o-*”

 

ฉันกระแทกเสียงนั่งไขว้ห้างกอดอก เบือนหน้าหนีไม่สบอารมณ์ 

 

หน็อย…ซื้อมาเซ่นทั้งทีก็เอาที่มันกินได้หน่อยสิยะ! ทีของรูมเมทฉันยังดูใส่ใจกว่าอีก ฉันรู้นะว่านายตั้งใจเลือกนมกาแฟมา เพราะเดาได้ว่าเธอชอบเล่นเกมดึกๆใช่มั้ยล่ะ?

 

สรุปตานี่จะจีบรูมเมทฉันจริงดิ ที่เข้ามาตีซี้ฉันเพราะปลาดาวน่ารักหรอ?

 

ไม่น่าล่ะ คงไม่มีผู้ชายคนไหนอยากยุ่งกับยัยถังน้ำแข็งแบบฉันอยู่แล้วหนิ…เป็นงั้นได้ก็ดี ฉันจะได้ไม่ต้องรู้สึกวุ่นวายใจเพราะนายอีก

 

ทั้งที่ควรดีใจแท้ๆ…ทำไมถึงรู้สึกหวิวๆ กันนะ

 

อาจเพราะฉันไม่ชอบถูกใช้เป็นเครื่องมือของใคร…

 

“แย่จัง” คนเจ้าเล่ห์คลายยิ้มสนุกสนาน ย่อตัวลงให้ระดับความสูงใกล้เคียงกับฉัน แล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้เพื่อกระซิบบางอย่าง 

 

“สีชมพูออกจะ…” ทวิตซ์เว้นช่วงลากเสียงยาวอย่างมีเลศนัย ก่อนคายคำพูดที่เหลือออกมาจนจบประโยคด้วยน้ำเสียงกึ่งครางเย้ายวนสุดใจ “เหมาะกับเธอ”

 

ประหนึ่งเลือดทั้งตัวฉูบฉีดขึ้นหน้าฉับพลัน ใบหน้าฉันแดงก่ำจนถึงหู เพราะรู้ว่าเค้ากำลังสื่ออะไร!!! 0///0

 

ปั่ก! ปั่ก! ปั่ก! ปั่ก! ปั่ก!

 

ฉันรัวมือทุบอกเค้าอย่างบ้าคลั่ง ร่างกำยำไม่สะท้าน ล้มตัวนั่งกับพื้นให้ฉันทุบตามใจชอบ พลางหัวเราะร่าชอบใจ เหมือนมีประกายวิ้งๆ เจิดจ้าทะลักออกมาตอนที่เค้ากำลังหัวเราะ ใช่แล้ว…มันคือออร่าความหล่อยังไงล่ะ

 

พระเจ้าช่างร้ายกาจ สร้างเค้ามาได้สมบูรณ์แบบเหลือเกิน!

 

บ้าจริง! ฉันควรจะทุบหน้านั่นให้ยุบมากกว่าอกแข็งๆ นี่สินะ อย่างน้อยจะได้เห็นด้านรั่วๆ ของเค้าบ้าง >\\\<

 

ฉันทุบจนเหนื่อยมือแดงเจ็บไปหมด = =;; นั่งหอบแฮ่กเหมียนหมาสิ้นสภาพ เหงื่อท่วมแบบนี้คงต้องอาบน้ำซ้ำอีกรอบ

 

มือใหญ่ข้างนึงเอื้อมประคองหน้าฉัน ปลายนิ้วเรียวยาวบรรจงปาดเม็ดเหงื่อที่เกือบไหลเข้าตาให้อย่างทนุถนอม

 

“ช่วยอ่อนโยนกว่านี้หน่อยสิ~ ฉันชักอิจฉาแมวส้มแล้วนะ~” ชายหนุ่มสูงชะลูดในชุดนอนลายทางหลวมโคร่ง สีเดียวกับนัยย์ตา ดูเซ็กซี่นิดๆ จ้องมองฉันอย่างออดอ้อน สมองของฉันหยุดทำงานชั่วคราว เพราะหลอมละลายไปกับน้ำเสียงแสนหวาน

 

ไม่ใช่แค่ใบหน้าแดงก่ำที่ตอบสนองต่อปฏิกริยายั่วยวนเท่านั้น หัวใจก็เต้นโครมครามเหมือนมันจะกระเด้งออกจากอก

 

ฆ่าฉันที…ฆ่าฉันเถอะ! ถ้านายจะทำแบบนี้กับฉัน! ไม่งั้นฉันคงได้กลายเป็นพวกบ้าผู้ชายเข้าซักวันแน่ >\\\\<

 

เป็นอีกครั้งที่เราสบตากัน เพราะเริ่มดึกรึเปล่า ตาเค้าถึงดูหวานหยาดเยิ้มกว่าปกติ…

 

ปลายนิ้วโป้งร้อนผ่าวค่อยๆ เลื่อนมาหยุดตรงริมฝีปากของฉัน ออกแรงกดเบาๆ ทำเอาร่างกายอ่อนยวบเหมือนต้องมนต์ ในหัวโล่งไปหมด…สายตาฉันเผลอจดจ่อที่ริมฝีปากของเค้าตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

 

“อยากจูบจัง…” 

 

เสียงทุ้มแผ่วเบาล่องลอยตามสายลม พร้อมกลิ่นสวนดอกไม้อ่อนๆ เจือกลิ่นหอมสบู่และแชมพูผู้ชายนิดหน่อย ไออุ่นจากริมฝีปาก เริ่มเคลิบคลานเข้ามาอย่างช้าๆ อีกไม่ถึง 1 เซนติเมตร ก่อนริมฝีปากของเราจะ…

 

“…แต่ไม่ใช่แฟนนี่นา” 

 

ดับฝันไว้เพียงเท่านี้ ทวิตซ์ถอยห่างในระยะปลอดภัย ส่งยิ้มให้ฉันที่ยังคงตัวแข็งทื่อ เพราะวิญญาญหลุดออกจากร่าง

 

“ไว้มาใหม่นะ ^^” มือหนาลูบหัวฉันป่อยๆ พยุงตัวลุกโบกมือลาปลาดาว เดินชิลล์ออกจากห้อง ปล่อยฉันเคว้งคว้างค้างเติ่งอยู่กับความรู้สึกงุนงง

 

นั่งเอ๋อ 5 นาที ก่อนตระหนักได้ว่า จุดประสงค์ที่แท้จริงของเค้าคือ ‘ปั่นหัวฉันเล่น’ 

 

ฉันกำหมัดแน่นเล็บจิกเนื้อ…โกรธจนตัวสั่นระริก

 

ไม่คิดเลยว่านายจะเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นขนาดนี้! มันชัดเจนตั้งแต่เรื่องจูบ เรื่องแฟน ไหนจะนมสตอเบอรี่! จงใจแก้เผ็ดกันชัดๆ!

 

ได้สิไอ้เจ้าชาย…อยากก่อสงครามนักใช่มั้ย? นายรู้จักฉันน้อยไป!

 

คราวหน้าฉันไม่ยอมตกเป็นเหยื่อนายแน่!!! 

 

.

 

เช้าตรู่แสนสดใส ฉันออกมาวิ่งจ็อกกิ้งตามปกติ เห็นอย่างนี้แต่ฉันออกกำลังกายแทบทุกวันนะ ยกเว้นตอนฝนตก ป่วยและยุ่ง

 

เหตุผลหลักไม่ใช่เพราะรักสุขภาพหรืออยากหุ่นดี แต่ต้องทำเพื่อเอาตัวรอด เพราะที่นี่มันโหดร้าย =-= เป็นคนที่ทั้งโรงเรียนรุมเกลียด วันดีคืนดีอาจโดนดักตบเมื่อไหร่ไม่รู้ ถ้าเกิดอะไรขึ้นฉันจะได้ป้องกันตัวหรืออย่างน้อยแค่หนีให้ทันก็พอ

 

อีกอย่าง…ตั้งแต่วันที่โดนอีตาทวิตซ์ล็อคตัวไว้ ฉันยิ่งตระหนักได้ว่าตัวเองอ่อนแอแค่ไหน

 

ฉันหยุดอยู่ตรงหน้าหอหญิงหลังวิ่งครบรอบ บิดตัวยืดเส้นคลายกล้ามเนื้อ 

 

โรงเรียนยามเช้านี่ดีจริงๆ แสงแดดอ่อนๆ อากาศเย็นสบาย ไม่มีเสียงคนโหวกเหวกน่ารำคาญ 

 

อ๊ะ..! นั่นสวีทพีนี่นา

 

“เมี๊ยวๆ~ มาเดินเล่นหรอ? ^^” ฉันยิ้มหวานกวักมือเรียก

 

ตามนิสัยแมวจรจอมหยิ่ง สวีทพีไม่หันมอง เดินดุ่มๆ ไปหลังหอ 

 

ไหนๆ ก็มีเวลาเหลือเฟือ ฉันแอบย่องตามดีกว่า อยากรู้มานานแล้วว่า สวีทพีชอบหายไปไหนตอนเช้า 

 

สวีทพีเดินมาหยุดที่ปลายเท้าของผู้ชายคนหนึ่งแล้วเอาตัวถู นอนหงายท้องกลิ้งเกลือกบนพื้นน่าเอ็นดู เผลอๆ เชื่องกว่าตอนอยู่กับฉันอีก 

 

“มอนิ่งแมวส้ม~ อยู่กับสาวสวยแล้วตัวอ้วนตั๊บเลยน้า ^^” หนุ่มหล่อผมเงินย่อตัวลงเกาพุงให้เจ้าเหมียวหลายใจ 

 

แน่นอน เดาไม่ผิดหรอก ผมเงินหน้าตาดีมีคนเดียวทั้งโรงเรียน ‘เจ้าชายดอกไม้’ ยังไงล่ะ! 

 

เดี๋ยวสิ! เค้ามาทำอะไรตอนเช้ามืดหลังหอหญิง? หรือกำลังคิดพิเรนปีนหออีกแล้ว จุดนี้ตรงตำแหน่งห้องฉันพอดีด้วย = = ระวังไว้ก่อนดีกว่า 

 

ฉันซ่อนตัวอยู่หลังมุมตึกตัดสินใจแอบดูต่ออีกหน่อย…

 

“แวะมาหากันบ้างสิ ที่ชมรมคิดถึงแก” หวา…น้ำเสียงอ่อนโยนจัง แถมเศร้านิดๆ ไม่ได้เต็มไปด้วยพลังงานแบบที่ฉันได้ยินทุกที แววตาดูซึมๆ และยิ้มน้อยมาก 

 

สิ่งสวยงามแสนโศกเศร้า เขาเหมือนดอกไม้เปียกฝนที่กำลังโรยรา

 

นี่คือตัวตนจริงๆ ตอนไม่ได้อยู่ต่อหน้าผู้คนรึเปล่า? หรือฉันอาจคิดมากไปเอง?

 

ไม่หรอก ยังเช้าอยู่เลย หมอนี่คงแค่ง่วงล่ะมั้ง - -

 

ชี่~

 

จู่ๆ สวีทพีที่นอนบิดขี้เกียจ ก็ส่งเสียงขู่สู้วิ่งตรงมาทางนี้อย่างรวดเร็ว ทำให้ทวิตซ์ที่มองตามร่างปราดเปรียวของแมวน้อยเจอฉันเข้าจนได้ ส่วนเจ้าแมวตัวดีน่ะหรอ ไล่ตะครุบนกนางแอ่นไปไกลแล้ว

 

กลายเป็นว่าตอนนี้ เรากำลังเล่นเกมจ้องตากันอยู่

 

“…”

 

“…”

 

 ทำไมถึงเงียบล่ะ? หรือเพราะสถานะปัจจุบันของฉันคือพวกถ้ำมอง เขาถึงรอให้ปริปากพูดอะไรซักอย่าง?

 

แต่ไม่ล่ะ ไปดีกว่า…

 

“มอนิ่ง” น้ำเสียงนุ่มนวลเอ่ยทักทาย เท้าที่ก้าวเดินหยุดชะงักลงอย่างไร้สาเหตุ 

 

ไอ้เท้าบ้า! แกน่ะพอๆ กับจมูกและหัวใจเลย เหลือเชื่อ! ดูสิตอนนี้แม้แต่เท้าก็ไม่เชื่อฟังคำสั่งเจ้าของ!

 

หมับ!

 

“คิดถึงจัง~” ร่างสูงเข้าประชิดตัวภายในไม่กี่วินาที ตอนนี้ฉันถูกไอ้คนไร้ยางอายจับกอดจากด้านหลังแล้วเอาหน้าฟุบลงบนไหล่ 

 

ถ…ถ้าใครมาเห็นในสภาพนี้ต้องกลายเป็นข่าวฉาวแน่! >///<

 

"ปะ ปล่อยฉันนะ!” ตัวฉันแข็งทื่อ เพราะโดนจู่โจมกะทันหัน

 

“ไม่” วงแขนแกร่งรัดตัวแน่นขึ้นเล็กน้อย 

 

“มอนิ่งก่อน” ทวิตซ์ยืนยันเสียงแข็ง แกล้งเอาหน้าซุกซอกคอฉันจนรู้สึกจั๊กจี้

 

“มะ มอนิ่ง…” ฉันจำใจพูดทักทายกลับด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เพราะสัมผัสแปลกๆ

 

ทำไมไม่เงยหน้าขึ้นมาซักทีล่ะย๊ะ! นายชักจะทำตัวลามปามแล้วนะ!! 

 

“กลิ่นเหงื่อเธอ…เซ็กซี่จัง~”

 

ตุ๊บ!

 

“โอ๊ย!”

 

ฉันเหยียบเท้าตานั่นเข้าอย่างจังจนเค้าร้องเสียงหลง และยังบดขยี้ไม่ยั้งจนเขายอมถอนกอด

 

“โอ๊ย…ปล่อยแล้วๆ! ไม่ทำแล้วคร้าบ~ \(T T)/” ทวิตซ์ศิโรราบถอยห่าง แบมือชูขึ้นทำท่ายอมแพ้

 

ฉันเท้าเอวจ้องเขม็งมองไอ้โรคจิต ชี้หน้าสั่งสอน

 

“ถ้าทำอีกนายโดนแน่!” 

 

“^^;” 

 

ฉันตั้งใจทำท่าดุจริงจังแล้วนะ แต่หมอนี่มันแอบยิ้มกระหยิ่มอะไรเนี่ย?! น่าโมโหชะมัด! -*-

 

“ไม่ใช่ความผิดฉันคนเดียวซะหน่อย…ก็เธอน่ารักนี่น่า”

 

หุบปาก! คิดว่าใช้ใบหน้าฟ้าประทานพูดด้วยน้ำเสียงชวนหลงแบบนั้นแล้วจะรอดหรอย๊ะ! นั่นไม่ใช่เหตุผลที่ฟังขึ้นซักนิด! …แล้วทำไมฉันต้องเอามือปิดปากเพราะกลัวเผลอหลุดยิ้มด้วยเนี่ย >x<

 

สุดท้ายฉันเลยตัดสินใจเบือนหน้าหนี พูดเรื่องอื่นแทน

 

“นายมาทำอะไรที่นี่? บอกไว้ก่อนนะ ถ้าคิดปีนหออีก ฉันจะแจ้งตำรวจ!”

 

“ฉันเพิ่งกลับจากชมรม ผ่านทางเจอแมวส้มพอดี ไม่ได้คิดเรื่องเธอเลยซักนี๊ด~” แล้วทำไมต้องทำเสียงสูงกวนประสาทย๊ะ! - -*

 

“ชมรมอะไรเปิดตอนเช้า? -o-” ฉันถามติงจับโป๊ะจอมลวงโลก แต่ดันได้คำตอบน่าเหลือเชื่อ

 

“ทุกชมรมที่ฉันต้องการ” อะไร? เป็นเจ้าของโรงเรียนรึไง? เท่าที่ฉันรู้คือ ทุกชมรมเปิดเวลาเดียวกัน 8 โมงเช้าย่ะ

 

“ฉันมีกุญแจทุกชมรมนั่นแหละ ^^” โกหกน่า! พ่อเป็นภารโรงหรอ? 

 

ทวิตซ์เห็นฉันทำหน้าไม่เชื่อเลยเริ่มเล่าต่อ “ฉันไม่รู้ว่าชอบอะไร เลยลองเข้าทุกชมรม ไม่ได้จริงจังหรอกแค่ ‘ทำได้ดี’ รู้ตัวอีกทีก็มาอยู่ห้องคิงแล้ว ^0^”

 

แหม~ จ้าาา ไอ้คนมีพรสวรรค์ ไอ้เก่งไม่รู้ตัว! ขิงเกิ๊นน =_=

 

แต่เท่าที่รู้พวกห้องคิงไม่ธรรมดาจริงๆ โรงเรียนนี้มีรับเข้า 2 แบบ คือ จ่ายค่าเทอมแพงหูฉี่กับสอบเข้า สังคมที่นี่เลยแบ่งชนชั้นชัดเจนระหว่างพวก‘เด็กเก่ง’ กับ ‘บ้านรวย’ ซึ่งส่วนใหญ่พวกผู้หญิงจะมีอุดมการณ์เดียวกันคือ เข้ามาหวีดหนุ่มหล่อ เพราะที่นี่นอกจากโรงเรียนสวย ผอ.มีเส้นสาย ก็ขึ้นชื่ออยู่แค่เรื่องเดียวคือ ‘เจ้าชาย’ ส่วนฉันเป็นข้อยกเว้น สอบเข้ามาเพราะบ้านใกล้เฉยๆ 

 

ทีแรกฉันคิดว่าหมอนี่อยู่ในกลุ่มเด็กบ้านรวยซะอีก คงต้องมองเขาใหม่แล้ว 

 

“แฟนเธอเก่งใช่มั้ยล่าา~ ^-^” ทวิตซ์ยืดตัวมือทาบอกยิ้มย่องภาคภูมิใจ

 

…เดี๋ยว?! 

 

“แฟนไหน?! อย่ามาเนียน! >o<//” คนอะไรคิดเองเออเอง =-= เกิดใครได้ยินเข้ามีหวังฉันศพไม่สวย

 

“ยังไม่อ่านอีก?” หนุ่มหน้าสวยเอียงหัวเล็กน้อยท่าทางแคลงใจ ก่อนเข้าโหมดจริงจัง ร่ายยาวสั่งสอนฉัน “สะเพร่าแบบนี้อย่าไปทำธุรกรรมกับใครเชียว มีหวังโดนต้มหมดตัวแน่”

 

“คือ…?” กลายเป็นฉันเองที่ทำหน้างงมองเค้าตาแป๋ว

 

“นโยบาย ‘โรแมนติก สคูล’ หน้า 33 ว่าด้วยเรื่องการเป็น ‘พรีเซนเตอร์’ ระบุว่า…” ทวิตซ์เว้นช่วงให้ฉันพูดต่อ…

 

ฉันส่ายหัวด๊อกแด่กเป็นตุ๊กตาหน้ารถ อย่าถามเลย =0= ฉันไม่รู้ ไม่เคยคิดจะเปิดอ่านด้วยซ้ำ แล้วไหงนายจำแม่นขนาดนี้กัน? เชื่อแล้วว่าสมองพวกห้องคิงคือ ‘ซูเปอร์คอมพิวเตอร์’ สมคำล่ำลือ

 

“จนกว่าทุกนโยบายจะสำเร็จเสร็จสมบูรณ์…ทั้งคู่ต้องแสดงให้ทุกคนเห็นว่าความรักสวยงามแค่ไหน ด้วยการคงอยู่ในสถานะ ‘แฟน’ หากมีคนรู้ว่าทั้งหมดเป็นเพียงการแสดงและสิ้นศรัทธาในความรัก ข้อตกลงถือเป็นโมฆะ” เสียงดังฉะฉานชัดเจน ทำให้ฉันเข้าใจแจ่มแจ้งทุกประโยคและช็อคจัดจนสมองไหลไปเลย O_O 

 

“เพราะแบบนี้ฉันถึงต้องเข้าเรียน เธอเองก็ควรทำนะ ไม่งั้นความแตกขึ้นมามีหวังได้ซ้ำชั้นแน่ ^^” เจ้าชายรูปงามพูดด้วยความห่วงใย มือหนาลูบหัวฉันอย่างเอ็นดู

 

“เข้าใจแล้ว…มีแค่ฉันคนเดียวสินะ ที่เอาอนาคตมาแขวนไว้กับนโยบายงี่เง่านี่ เพราะแบบนั้นนายถึงไม่เคยปฏิเสธซักครั้งตอนถูกหาว่าคบกัน? แล้วยังทำตัวแปลกๆ” ทุกอย่างเริ่มดูสมเหตุสมผลขึ้นมา

 

“แปลกเหรอ?” ทวิตซ์ถามย้ำเหมือนไม่ค่อยถูกใจคำนี้เท่าไหร่ 

 

“ดูดีๆ สิ! ฉันน่ารักจะตาย” เออย่ะ เอาที่นายสบายใจเลย - -*

 

“…” เอาไงดี แบบนี้ฉันคงต้องเข้าเรียนจริงจังแล้วสิ

 

“ถ้าเธอรู้สึกไม่แฟร์ ฉันโดดด้วยก็ได้นะ” 

 

“ห๊าา?!?” คนตรงหน้าพูดสิ่งที่ไม่คาดคิดออกมา จนฉันต้องร้องหุยหวนเสียงหลง 

 

“นายจะทำแบบนั้นไปทำไม? มาเสียเวลากับคนอย่างฉันมันสนุกนักหรอ?!”

 

ดวงตาสีน้ำค้างเปล่งประกายฟ้าระยิบเหมือนโรยกริซเตอร์ ริมฝีปากที่แย้มยิ้มอยู่แล้ว เผยยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิม “ยิ่งกว่าสนุกอีก”

 

“ช่วงนี้ฉันรู้สึกสนใจเธอเป็นพิเศษ จนไม่อยากทำอะไรเลยล่ะ” นิ้วเรียวม้วนเกี่ยวผมฉันเล่น แววตาเต็มไปด้วยแพชชั่นเปี่ยมล้นเมื่อจ้องมอง เป็นพลังงานรุนแรงบางอย่างที่บอกไม่ได้ว่า ‘บวก’ หรือ ‘ลบ’

 

มีปีศาจซ่อนอยู่ในตัวเขา…

 

นั่นรึเปล่า? สาเหตุที่ทำให้ฉันรู้สึกขนลุก

 

___________________________________________________________________________

 

(จบตอน)

 

 

ไฮเดรนเยีย; ขอบคุณที่เข้าใจและยอมรับหัวใจด้านชาของฉัน

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา