โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )
เขียนโดย shilen
วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.
แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย
87) สตรีชุดแดงจากปากของดารีล
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความหนุ่มน้อยนักเวทส่งเด็กๆ กลับในตอนบ่ายของวันนั้น โดยให้คนของคฤหาสน์เอารถม้าคันใหญ่ไปส่ง เขาและฟิโลโซเฟอร์ยืนที่ขอบประตูคนละด้าน คอยช่วยเหลือเด็กๆ ให้ก้าวขึ้นไปอย่างปรอดภัย เมื่อเพื่อนๆ ขึ้นไปหมดแล้วฟิโลโซเฟอร์ก็ทำท่าจะกระโดดตามแต่ดารีลคว้าข้อมือเอาไว้ ก่อนจะเอื้อมมือไปดึงประตูปิดลง
“ เจ้าไม่ได้พักอยู่ในปราสาทขาวจะตามพวกเขาไปเพื่อเหตุใด ”
คนตัวสูงกว่าว่า
พวกเขายืนมองรถม้าเคลื่อนจากไป
และจ้องอยู่อย่างนั้นจนทั้งหมดหายลับจากสายตา
ดารีลจึงเดินก้าวข้ามถนนไปยังอีกฝั่งโดยไม่พูดไม่จา
ปล่อยให้เด็กชายตัวน้อยวิ่งตามด้วยอาการงุนงง
ฟิโลโซเฟอร์พยายามชวนคุยอยู่นานก็ไม่เป็นผล
นักเวทร่างบอบบางเดินไปข้างหน้าด้วยความเร็วสม่ำเสมอ
โดยไม่สนใจว่าใครจะตามมาหรือไม่
ในที่สุดพวกเขาก็เลี้ยวเข้าไปในสวนสวยของเมืองโอรีเวีย
ที่นั่นดูเงียบเหงาเปล่าเปลี่ยว
ดารีลนั่งลงบนเก้าอี้ยาวที่วางอยู่ใต้ต้นวิสทีเรียเก่าแก่
ซึ่งขณะนี้ได้ออกดอกสวยสะพรั่ง
กิ่งก้านสาขาแผ่ขยายร่มเงากว้างขวาง
กลีบสีเข้มของมันปลิวกระจายเลื่อนพื้น
ทั้งหมดหลอมรวมกันงดงามราวภาพวาด
ฟิโลโซเฟอร์ยืนหันรีหันขวาง
รู้สึกเป็นส่วนเกินของธรรมชาติที่ตระการตานี้
“ นั่งลงสิ เราจำเป็นต้องคุยกัน ”
ดารีลชี้ตรงที่ว่างข้างๆ กายเขา
“ เกี่ยวกับเรื่องที่ข้าพาเพื่อนไปบุกบ้านของเจ้าใช่ไหม ”
เด็กชายถาม
เขาแน่ใจว่าเรื่องนี้สามารถทำให้ดารีลขุ่นใจได้พอสมควร
แต่คำตอบนั้นกลับผิดคาด
“ เจ้าไปทำอะไรมา เหตุใดจึงพบกับสตรีชุดแดงได้ถึงสองครั้งสองครา ”
ดารีลตอบคำถามด้วยคำถาม
ฟืโลโซเฟอร์ต้องประหลาดใจอยู่เป็นครู่
สุดท้ายจึงตอบว่า
“ นางเป็นคนมาพบข้าเอง ทั้งที่พยายามหลีกเลี่ยงแล้ว ข้าเองก็ไม่อยากเจอนางนักหรอก แต่ก็ไม่รู้เพราะเหตุใดจึงสลัดไม่พ้น ”
เขาตอบตามตรง
พ่อมดน้อยหลับตาลงสีหน้าครุ่นคิด
“ เจ้าไม่อยากให้ข้าพบนางก็ต้องบอกเหตุผลมาด้วย นางโกหกว่าไม่ใช่แม่มดดังนั้นนางชั่วร้ายใช่หรือไม่ แล้วตกลงนางเป็นใครกันแน่ ”
เด็กชายถามต่อเมื่อเห็นคู่สนทนาเงียบไปนาน
ดารีลลืมตาขึ้นหันไปจ้องคนที่นั่งข้างๆ
“ ที่ผ่านมาไม่เคยได้ยินเรื่องสตรีชุดแดงเลยหรือ ”
“ เคยสิ ท่านพ่อบอกว่าสตรีชุดแดงคือผู้พยากรณ์ มีชีวิตอยู่เมื่อพันปีที่ผ่านมา แล้วเรื่องนี้เกี่ยวข้องกันอย่างไร ในเมื่อนางก็แค่พยายามเป็นคนในตำนาน ”
ดารีลหัวเราะ
“ นางไม่ได้โกหกหรอก น้อยครั้งที่จะได้ยินเรื่องโกหกจากปากของคนคนนี้ ผู้ใช้มนต์ดำคือเชื้อสายของซาตานและมนุษย์ ผู้ใช้มนต์ขาวกำเนิดจากเทพและมนุษย์ ส่วนนางไม่ใช่ทั้งสองอย่างรวมทั้งไม่ใช่ผู้พยากรณ์ด้วย นางไม่สามารถล่วงรู้อนาคต หากแต่สามารถทำให้อนาคตดำเนินไปในทิศทางที่ต้องการได้ ผู้ใดไว้ใจนางเท่ากับตกเป็นทาสของนางแล้ว ความสามารถที่แท้จริงจริงคือการล่อลวง ”
“ ถ้านั่นเป็นสตรีชุดแดงตัวจริง เช่นนั้นนางก็เป็นอมตะน่ะสิ ”
ฟิโลโซเฟอร์ตกตะลึง
ไม่คิดว่าชีวิตอมตะจะสามารถเป็นจริงได้
“ ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าตีความหมายของคำนั้นอย่างไร ความจริงก็คือคนผู้นั้นได้ตายไปแล้ว เขาตายมาเป็นเวลานับพันปี จิตวิญญาณเดินทางไปดินแดนสวรรค์แต่ก็ไม่เป็นที่ต้อนรับดังนั้นจึงต้องลงสู่นรก ซาตานในนรกมากด้วยเล่ห์รวมทั้งความอาฆาต ข้อพันธะสัญญาดั้งเดิมห้ามทั้งเทพและซาตานมายังโลกมนุษย์ แต่วิญญาณดวงนั้นไม่ได้อยู่ในสัญญาข้อใด เหล่าซาตานจึงส่งเขามาที่นี่ ปรากฏกายเป็นหญิงงามในชุดสีแดงสด พลังของนางมากเกินกว่าผู้ใช้เวทมนตร์คนใดจะต้านได้ และแน่นอนนางไม่สามารถตายได้อีกต่อไปแล้ว ”
“ แล้วนางมาที่โลกของมนุษย์ด้วยเหตุผลใด ”
เด็กชายตัวน้อยสงสัย
“ เรื่องนั้นยังเป็นที่สงสัย น้อยคนนักจะรู้จักนางอย่างถ่องแท้ เพราะสตรีชุดแดงไม่ได้ปรากฏกายต่อหน้าคนทั่วไป แต่นางจะปรากฏตรงหน้าผู้ถูกเลือกแล้ว ”
“ จริงสิ อีเลียสเล่าว่าในตอนเช้าของวันนี้พวกเขาไปที่นั่นอีก แต่ไม่พบอะไรเลย เมื่อเป็นเช่นนี้เราจะพบนางได้อย่างไร แบบที่ไม่ต้องรอให้นางเป็นฝ่ายเข้ามาหาเอง ”
“ สตรีชุดแดงสามารถอ่านความต้องการเบื้องลึกของผู้คนได้ ในกาลก่อนมีคำเล่าลือกันว่าหากผู้ใดมีความคับข้องหมองใจหรือมีความปรารถนาสิ่งใดอย่างแรงกล้า ถ้าคนผู้นั้นออกมายืนรอกลางถนนตรงสี่แยกในค่ำคืนที่มืดมิดไร้แสงจันทร์ สตรีชุดแดงจะสำแดงตนออกมาพบเขา พร้อมกับคำทำนายอันเป็นที่พึงพอใจและมอบความช่วยเหลือต่างๆ นาๆ จนคำทำนายนั้นประสบผล นี่คือสาเหตุจริงๆ ที่ทำให้คำทำนายของนางแม่นยำ แต่อย่าลืมสิ่งหนึ่งตัวตนของนางนั้นคือร่างวิญญาณ หากผู้ใดมีจิตใจเศร้าหมองพร้อมกับความต้องการทะยานอยากมากพอ นางก็สามารถเข้าไปพบถึงในความฝันได้เช่นกัน เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว เจ้าต้องสำรวจตัวเอง ความปรารถนาใดกันจึงดึงนางผู้นี้เข้ามาหา เพราะตามปรกติแล้วคนที่พบนางก็คือคนที่ต้องการความช่วยเหลือจากนาง แต่เจ้านั้นต่างออกไป หรือข้าเข้าใจผิด จริงๆ แล้วเจ้าต้องการอะไรแน่ ”
ดารีลถามเด็กน้อย
“ ข้าก็ไม่รู้ ตอนที่พบกันข้าก็แค่… ”
เด็กชายเงียบไป
เขาไม่กล้าบอกความจริงว่าคืนนั้นเขากำลังตามหาดารีล
นี่คือทั้งหมดที่เขาปรารถนา
ก่อนที่จะพบเข้ากับสตรีชุดแดง
หากต้องยอมรับว่านางสามารถบันดาลสิ่งต่างๆ ได้
ก็คงจริงตามนั้น
เพราะในพริบตาต่อมาดารีลก็เข้ามาหาเขาทันที
หลังจากที่เขาได้พูดคุยกับสตรีชุดแดง
“ แค่ ของเจ้านี่มันยังไงกัน ”
ดารีลถาม
ดวงตาคมกริบที่จ้องเด็กน้อยนั้นหรี่ลงราวกับกำลังจับผิด
“ ก็ข้าหลงทางนี่ เด็กที่หลงทางในต่างถิ่นต่างเมืองจะต้องการอะไรล่ะ ”
เด็กชายตอบกลับมาทันใด
“ ก็จริง ข้าพอเข้าใจ แต่เพียงเท่านั้นไม่มีแรงจูงใจพอที่สตรีชุดแดงจะปรากฏตัวหรอก ”
“ ถ้าหากนางสามารถทำให้ความปรารถนาเป็นจริงได้ เรายังจำเป็นต้องกลัวนางอยู่หรือ ในเมื่อการมาของสตรีชุดแดงคือการหยิบยื่นความช่วยเหลือ ”
ฟิโลโซเฟอร์สงสัย
“ นี่คือสิ่งที่หลายๆ คนคิด ”
ดารีลตอบ
“ ความปรารถนาที่หลอมรวมกับความทะเยอทะยานนั้นร้อนแรงดังเปลวไฟ สามารถเผาทำลายได้ทุกอย่างรวมทั้งตัวของมันเอง การก้าวเดินไปสู่จุดหมายตามทางที่สตรีชุดแดงชี้ให้ มันหมายถึงว่าผู้นั้นจะยอมกระทำทุกอย่างไม่สนผิดถูก ท้ายที่สุดเป้าหมายสูงสุดนั่นคือสิ่งที่สตรีชุดแดงต้องการ หาใช่ความต้องการของผู้ร้องขอไม่ และซาเหวจลอร์ดก็ได้ประสบกับชะตากรรมนั้นมาก่อนแล้ว ”
“ เจ้าจะบอกว่าซาเหวจลอร์ดเคยเป็นคนดีมาก่อนอย่างนั้นหรือ ”
“ จะว่าอย่างนั้นก็ได้ ซาเหวจลอร์ดแท้จริงเป็นแค่คนอ่อนแอคนหนึ่ง เขาเกิดมาในยุคที่มนุษย์กำลังหลงผิดเป็นช่วงเวลาที่ทุกคนตกอยู่ในความทุกข์ยากและหวาดกลัวกันเอง ซาเหวจลอร์ดหวังยุติความต่ำตมที่เกิดขึ้นในตอนนั้น เขาก็ได้พบกับสตรีชุดแดงในค่ำคืนอันมืดมิดและหนาวเหน็บ แล้วเรื่องราวก็เป็นดังที่เจ้าได้ยินมา ซาเหวจลอร์ดนั้นทั้งเรืองอำนาจทั้งแข็งแกร่ง แม้ผู้ใช้เวทมนตร์ก็ยังต้องหวาดกลัว ”
“ แต่สุดท้ายซาเหวจลอร์ดก็ถูกโค่นล้ม ด้วยความร่วมมือของสภาผู้ใช้เวทมนต์ซึ่งมีสตรีชุดแดงรวมอยู่ด้วย ชื่อของนางยังกลายมาเป็นชื่อถนนสายหนึ่งในเมืองโอรีเวีย ทำไมจึงกลายเป็นแบบนั้นไปได้ นางสร้างซาเหวจลอร์ดแล้วนางทำลายเขาไปเพื่ออะไร ”
เด็กชายชาวซีนาร์ยสงสัย
“ บอกตามตรงช่วงสุดท้ายของตำราเกี่ยวกับเรื่องนี้เชื่อถือลำบาก แต่ละเล่มต่างยกย่องตัวเองไปต่างๆ นาๆ จนข้าไม่สามารถสรุปได้ว่าซาเหวจลอร์ดสิ้นชีพได้อย่างไร แต่สิ่งหนึ่งที่กล่าวไว้เหมือนๆ กัน คือหลังจากสงครามจบลงก็มีอัญมณีสีแดงปรากฏขึ้น สิ่งนี้มีพลังมหาศาล เชื่อกันว่ามันคือสมบัติแห่งซาเหวจลอร์ดที่มาของความน่าเกรงขามทั้งปวง ในกาลนั้นผู้คนต่างแก่งแย่งแสดงตนเป็นเจ้าของ ผู้ใช้เวทมนตร์ในยุคนั้นจึงได้ร่วมมือกันแยกมันออกเป็นส่วนๆ แล้วมอบให้คนที่คู่ควรไป สตรีชุดแดงก็หายสาบสูญพร้อมกับอัญมณีที่กระจัดกระจาย ”
ดารีลเล่า
“ และบัดนี้นางได้หวนกลับมาอีกครั้ง ”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ