โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )

7.3

เขียนโดย shilen

วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.

  188 บทที่
  11 วิจารณ์
  135.45K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

88) ความปรารถนาของเจ้าล่ะ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ความเป็นมาของสตรีชุดแดงนั้นยาวนานน่าเหลือเชื่อ   ฟิโลโซเฟอร์ได้แต่นั่งฟังด้วยความสนใจ   มีคำถามมากมายผุดขึ้นในหัว   สิ่งเหล่านี้เกี่ยวข้องกับเขาได้อย่างไรกัน   เด็กน้อยคนหนึ่งจากเมืองซีนาร์ยไม่ได้มีความรู้ความสามารถอันใด   แต่กลับต้องเข้ามาวุ่นวายกับเรื่องลึกลับนี้

 

ดารีลได้เล่าถึงอำนาจของสตรีนางนั้น   ว่านางสามารถจำแลงกายเป็นสิ่งต่างๆ ได้และอุปนิสัยของนางก็จะเปลี่ยนไปตามรูปกายที่ปรากฏ   แต่ไม่ว่านางจะเป็นอะไรหรือทำอย่างไร   เป้าหมายของนางนั้นมีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น  

 

“ ข้ามีสิ่งหนึ่งอยากถามเจ้า ” 

 

เด็กชายเอ่ยปาก

 

“ ความปรารถนาใดกันที่พาสตรีชุดแดงมาสู่ดารีล   เจ้าไม่น่าจะเป็นคนประเภทที่นางอยากเข้าหา   ข้าไม่คิดว่าคนอย่างเจ้าจะมีความทะเยอทะยานใด ”

 

พ่อมดน้อยเลือกที่จะเบือนหน้าหนีไปแทนที่จะตอบคำถามนั้น

 

“ ทำไมล่ะ   เจ้าตอบข้าไม่ได้   ทั้งที่ข้ายอมบอกทุกอย่างกับเจ้าแล้ว   ข้าไม่มีสิ่งใดปิดบังเจ้า   แต่เจ้าเลือกที่จะไม่ไว้ใจข้า ”

 

ฟิโลโซเฟอร์เริ่มน้อยใจ

เกิดความเงียบขึ้นครอบงำคนทั้งสองอยู่เป็นเวลานาน

จนในที่สุด

 

“ ข้าอยากกลับบ้าน ”

 

เสียงตอบมานั้นแสนเศร้า

แต่ใบหน้านั้นกลับเศร้ายิ่งกว่า

 

ดารีลที่มักแสดงอาการเรียบเฉยกับคนทั้งหลาย

บัดนี้เมื่อเขาอยู่ต่อหน้าเด็กชายตัวน้อยทุกอย่างก็เปลี่ยนไป

 

“ บ้านอย่างนั้นหรือ ”

 

ฟิโลโซเฟอร์ขมวดคิ้ว

 

“ นานมากแล้วที่ข้าถูกพามาที่นี่   ตอนนั้นข้ามีอายุเพียงแค่ห้าขวบ   จำได้ว่ามีบุรุษหน้าตาน่ากลัวเดินเข้ามา   แล้วใครคนหนึ่งก็บอกข้าว่า   ‘ นี่คือบิดาของเจ้าจงไปกับเขาเสีย   เมืองโอรีเวียเท่านั้นที่จะนำชีวิตเจ้าให้รุ่งเรือง ’   ข้านั้นไม่สนความรุ่งเรือง   แต่ด้วยความที่ยังเด็กมากไม่มีทางเลือกอื่นและไม่อาจต้านทานสิ่งใดได้   จึงต้องยอมปล่อยให้เขาอุ้มขึ้นม้าไป   ตลอดการเดินทางที่ยาวนาน   ข้าได้แต่เฝ้ามองสองข้างฝั่งถนน   หวังว่าสักวันหนึ่งจะสามารถพาตัวเองกลับไปที่ๆ ควรอยู่   ในเวลานั้นข้ายอมแลกทุกอย่างอะไรก็ตามที่มีบนโลกนี้   ข้ายอมทำทุกอย่างขออย่างเดียวคือข้าต้องได้กลับบ้าน   นั่นเองที่ทำให้นางมาหาข้า   ปลอบโยนข้า   และมอบความหวังแก่ข้า ”  

 

“ แล้วมารดาของเจ้าล่ะ   นางก็ปล่อยให้เจ้าถูกพาตัวมาอย่างนั้นหรือ ”

 

เด็กชายถาม

 

“ ในเวลานั้นข้าไม่ได้เห็นนางและนางก็ไม่ได้เห็นข้า   นางไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะปกป้องข้าได้ด้วยซ้ำ ”

 

ฟิโลโซเฟอร์ได้ฟังดังนั้นแล้วก็รู้สึกจุกใจอก

แม้คำตอบนั้นคือการหลบเลี่ยง

แต่เขาก็พอที่จะเข้าใจ

 

มารดาของดารีลคงสิ้นใจเพราะคำสาปเมืองคาเลเหมือนกับสตรีที่กำลังตั้งครรภ์คนอื่นๆ

เด็กชายวัยห้าขวบขาดที่พึ่งไร้คนดูแลจำต้องจากบ้านเดิมมา

พร้อมกับบิดาที่แทบจะไม่ค่อยมีโอกาสได้พบกัน

ซึ่งก็ไม่ต่างจากคนแปลกหน้าดีๆ นี่เอง

นั่นคงเป็นการเดินทางไกลที่น่ากลัวและดูไร้อนาคตที่สุด

 

ดาเรนในตอนนั้นที่สูญเสียทั้งภรรยาและบุตรในครรภ์ไปพร้อมกัน

ก็คงสติแตกจนแทบคลั่ง

 

ฟิโลโซเฟอร์นึกขอบคุณดาเรนทั้งที่อยู่ในสภาพนั้น

แต่ยังสามารถพาบุตรชายมาส่งถึงโอรีเวียได้อย่างปรอดภัย

ก่อนที่ตนเองจะกลายเป็นคนวิกลจริตไป

 

เมื่อเห็นพ่อมดน้อยเศร้าเขาก็ยิ่งหดหู่

 

“ เจ้าอยากร้องไห้หรือเปล่า ”

 

เด็กชายถาม

เมื่อเห็นว่าสหายคนโปรดกำลังจมอยู่ในความทุกข์

 

“ เพ้อเจ้อแล้ว   ผู้ใช้เวทมนตร์จะแสดงอารมณ์ตามอำเภอใจได้อย่างไร   อีกอย่างข้าก็ไม่ใช่เด็กอมมือที่จะต้องมานั่งร้องเพราะคิดถึงบ้าน ”

 

ดารีลว่า

 

“ ได้สิ   ทุกคนสามารถเสียใจได้ทั้งนั้น   ต่อหน้าข้าเจ้าทำได้ทุกอย่างข้าจะไม่เอาไปพูดต่อที่ไหน   ข้าน่ะสาบานแล้วว่าจะไม่มีวันทำร้ายเจ้าไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม   จริงสิบ้านเดิมของเจ้าอยู่ที่ไหน   ไกลมากหรือเปล่าถ้าเจ้าจะเดินทางกลับไปตอนนี้   ใครจะทำไม ”

 

“ ทั้งที่พยายามสลักทุกอย่างลงในความทรงจำแล้ว   สิบปีผ่านไปทุกอย่างกลับพร่าเลือน   ต่อให้ข้าไม่ลืม   นานขนาดนั้นทุกอย่างย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามกาลแล้วล่ะ   ความจริงก็คือข้าไม่อาจย้อนกลับทางเดิมได้ ”

 

คนอายุมากกว่าบอก

เด็กชายพยักหน้าเห็นด้วยมันเป็นเรื่องยากจริงๆ

 

ต่อให้ดาเรนที่เตลิดหายไปย้อนกลับมาอีกครั้ง

ก็ใช่ว่าจะสามารถพาหนุ่มน้อยผู้นี้กลับบ้านได้

 

แล้วคำถามหนึ่งก็ผุดขึ้น

 

“ แล้วสตรีชุดแดงเสนออะไรแก่เจ้า ”

 

ฟิโลโซเฟอร์ถาม

 

“ นางบอกว่ามีทางเดียวที่ข้าจะกลับไป   นั่นคือข้าต้องยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งให้มากพอ   ในกาลข้างหน้าหากข้าเป็นที่ยำเกรงของผู้คนทั้งโลก   ทุกย่างก้าวสามารถเป็นที่กล่าวขานไม่รู้จบสิ้น   เมื่อถึงเวลานั้นคนถิ่นเดิมของข้าก็จะจดจำข้าได้และพวกเขาจะตามมาพบข้าเอง   ในตอนนั้นข้ายังเด็กฟังดูก็มีเหตุผลที่เป็นไปได้   หลังจากนั้นจึงทุ่มเทฝึกตนอย่างหนัก   หวังว่าวันหนึ่งจะสามารถใหญ่คับฟ้าแล้วพบว่าความหวังนั้นเป็นจริง   แต่ในตอนนี้เมื่ออายุมากขึ้น   ความรู้ก็มากขึ้น   ความคิดที่เคยพรุ่งพล่านได้สงบลง   เมื่อทบทวนอย่างถี่ถ้วนแล้ว   เส้นทางที่นางเฝ้าบอกแก่ข้า   ปลายสุดก็คือซาเหวจลอร์ดนั่นเอง ”

 

เด็กชายตัวน้อยถึงกับอ้าปากค้าง

 

“ มีคำเล่าลือว่าเจ้าไม่เคยรับผู้ใช้เวทมนตร์เป็นอาจารย์   ปฏิเสธแม้จอมเวทวาลานผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในโอรีเวีย   แต่กระนั้นเจ้ากลับเก่งมากเก่งจนใครหลายคนเริ่มหวาดกลัว   เจ้าคงไม่ได้ ” 

 

“ ข้อดีของนางก็คือ   นางสอนทุกอย่างที่ข้าอยากรู้   คำแนะนำของนางเชื่อถือได้เสมอ   แม้เจตนาดีของนางจะมีความประสงค์ร้ายแอบแฝง   แต่หากเรารู้เท่าทันนางและรู้เท่าทันใจตัวเอง   การขอความช่วยเหลือจากสตรีชุดแดงก็ถือเป็นทางเลือกที่ดี ” 

 

ดารีลตอบ

 

“ เจ้าต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ รู้ทั้งรู้เหตุใดไม่พยายามหนี   ก่อนที่ชะตากรรมจะเลวร้ายไปกว่านี้ ”

 

“ เพราะนางอยู่กับข้ามานานเกินไป   จริงอยู่นางไม่สามารถบังคับหรือบงการใคร   แต่นางจะใช้สิ่งรอบตัวมาบีบเจ้าแทน   จุดอ่อนของข้านางรู้ดีที่สุด   ดังนั้นจึงไม่มีทางสลัดนางหลุดไปได้   ผู้ที่นางเข้าไปยุ่งเกี่ยวทางเลือกในชีวิตก็มีน้อยแล้ว   ถ้าไม่อยากตายด้วยเล่ห์กลของนาง   ก็จำเป็นต้องตายด้วยน้ำมือของตัวเอง ”

 

“ ข้าจะไม่ยอมให้เรื่องแบบนั้นเด็ดขาด ”

 

ฟิโลโซเฟอร์รับประกัน

 

“ ข้าจึงพยายามหาทางเลือกที่สามให้กับตนเอง   ในเมื่อตอนนี้ไม่อาจรู้จุดมุ่งหมายที่แท้จริงของนาง   การคาดเดาเป็นเรื่องสุ่มเสี่ยง   นางได้ดึงเจ้าเข้ามาในแผน   แม้ข้าไม่สามารถหาเหตุผลมาอธิบายเรื่องนี้   แต่เชื่อว่าคงไม่ใช่เรื่องดีแน่   หลังจากใคร่ครวญอยู่นานข้าจึงมีสองทางเลือกแก่เจ้า   เพื่อให้แผนการของสตรีชุดแดงเกิดรอยสะดุด   ข้าจะให้เจ้าเป็นคนตัดสินใจ ”  

 

ดารีลบอก

 

“ บอกทางเลือกของเจ้ามาสิ ”

 

เด็กชายว่า

 

“ เจ้าต้องไปจากโอรีเวีย   หรือไม่เช่นนั้นข้าก็จะไปเอง ” 

 

คำตอบของดารีลทำเอาเด็กน้อยโมโหเป็นอย่างมาก

 

“ ไม่ใช่ละ   มันคือทางเลือกเดียวต่างหาก   ทำไมเราจะอยู่ด้วยกันไม่ได้ล่ะไร้เหตุผลสิ้นดี ”  

 

“ ความน่ากลัวคือความไม่รู้นี้แหละ   พวกเรากำลังเดินอยู่ในกับดัก   สตรีชุดแดงได้ขุดหลุมพรางไว้แล้ว   หากเจ้ายังไปกับข้าเราได้ตายคู่แน่   แต่ถ้าแยกกันเดิน   นางต้องออกแรงขุดหลุมเพิ่มเพื่อเราสองคน ”

 

คนอายุมากกว่าอธิบาย

 

“ อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้เลยดารีล   มันไม่แน่นอนสักอย่าง   ถ้านางเหลี่ยมจัดจริงมันต้องไม่ใช่อย่างที่เราคิด   นางอาจมีตัวเลือกอื่นแล้วใช้เราเบนความสนใจ ”  

 

“ เรื่องนั้นข้าคิดอยู่เหมือนกัน   แต่ใครล่ะที่เหมาะสม   จอมเวทวาลานหรือก็ไม่   ข้าคลุกคลีกับเขาอยู่ตลอด   แต่ไม่เห็นสิ่งใดผิดปรกติ ”

 

“ นางไม่เลือกเจ้าหรอกเชื่อข้า   อย่างเจ้าไม่มีทางเป็นซาเหวจลอร์ดได้  นี่ต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดอย่างแน่นอน ”

 

ฟิโลโซเฟอร์ปลอบ

 

“ รู้จักข้าน้อยไปแล้วเจ้าเด็กทึ่ม   ความจริงเจ้าสมควรต้องหวาดกลัวข้าเสียด้วยซ้ำ ”

 

ดารีลพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

 

“ เอาเลย   แสดงความน่ากลัวออกมาเลย   ข้าพร้อมแหกปากวิ่งหนีแล้ว   ประเดี๋ยวข้าจะวิ่งไปฟ้องท่านแม่ด้วย   ว่าเจ้าน่ะสยองขวัญที่สุด ”

 

หนุ่มน้อยนักเวทถึงกับกุมขมับ

 

“ ข้าเกลียดเจ้า ”

 

เขาพึมพำเบาๆ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา