โอรีเวีย ( เมืองต้องสาป )

7.3

เขียนโดย shilen

วันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563 เวลา 18.27 น.

  188 บทที่
  11 วิจารณ์
  137.70K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 20.35 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

87) สตรีชุดแดงจากปากของดารีล

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
หนุ่มน้อยนักเวทส่งเด็กๆ กลับในตอนบ่ายของวันนั้น   โดยให้คนของคฤหาสน์เอารถม้าคันใหญ่ไปส่ง   เขาและฟิโลโซเฟอร์ยืนที่ขอบประตูคนละด้าน   คอยช่วยเหลือเด็กๆ ให้ก้าวขึ้นไปอย่างปรอดภัย   เมื่อเพื่อนๆ ขึ้นไปหมดแล้วฟิโลโซเฟอร์ก็ทำท่าจะกระโดดตามแต่ดารีลคว้าข้อมือเอาไว้   ก่อนจะเอื้อมมือไปดึงประตูปิดลง
 
“ เจ้าไม่ได้พักอยู่ในปราสาทขาวจะตามพวกเขาไปเพื่อเหตุใด ” 
 
คนตัวสูงกว่าว่า
พวกเขายืนมองรถม้าเคลื่อนจากไป
และจ้องอยู่อย่างนั้นจนทั้งหมดหายลับจากสายตา
      
 ดารีลจึงเดินก้าวข้ามถนนไปยังอีกฝั่งโดยไม่พูดไม่จา
ปล่อยให้เด็กชายตัวน้อยวิ่งตามด้วยอาการงุนงง
 
ฟิโลโซเฟอร์พยายามชวนคุยอยู่นานก็ไม่เป็นผล
นักเวทร่างบอบบางเดินไปข้างหน้าด้วยความเร็วสม่ำเสมอ
โดยไม่สนใจว่าใครจะตามมาหรือไม่
 
ในที่สุดพวกเขาก็เลี้ยวเข้าไปในสวนสวยของเมืองโอรีเวีย
ที่นั่นดูเงียบเหงาเปล่าเปลี่ยว
 
ดารีลนั่งลงบนเก้าอี้ยาวที่วางอยู่ใต้ต้นวิสทีเรียเก่าแก่
ซึ่งขณะนี้ได้ออกดอกสวยสะพรั่ง
กิ่งก้านสาขาแผ่ขยายร่มเงากว้างขวาง
 
กลีบสีเข้มของมันปลิวกระจายเลื่อนพื้น
ทั้งหมดหลอมรวมกันงดงามราวภาพวาด
 
ฟิโลโซเฟอร์ยืนหันรีหันขวาง
รู้สึกเป็นส่วนเกินของธรรมชาติที่ตระการตานี้
 
“ นั่งลงสิ   เราจำเป็นต้องคุยกัน ”
 
ดารีลชี้ตรงที่ว่างข้างๆ กายเขา
 
“ เกี่ยวกับเรื่องที่ข้าพาเพื่อนไปบุกบ้านของเจ้าใช่ไหม ”
 
เด็กชายถาม
เขาแน่ใจว่าเรื่องนี้สามารถทำให้ดารีลขุ่นใจได้พอสมควร
แต่คำตอบนั้นกลับผิดคาด
 
“ เจ้าไปทำอะไรมา   เหตุใดจึงพบกับสตรีชุดแดงได้ถึงสองครั้งสองครา ”
 
ดารีลตอบคำถามด้วยคำถาม
 
ฟืโลโซเฟอร์ต้องประหลาดใจอยู่เป็นครู่
สุดท้ายจึงตอบว่า
 
“ นางเป็นคนมาพบข้าเอง   ทั้งที่พยายามหลีกเลี่ยงแล้ว   ข้าเองก็ไม่อยากเจอนางนักหรอก   แต่ก็ไม่รู้เพราะเหตุใดจึงสลัดไม่พ้น ”
 
เขาตอบตามตรง
 
พ่อมดน้อยหลับตาลงสีหน้าครุ่นคิด
 
“ เจ้าไม่อยากให้ข้าพบนางก็ต้องบอกเหตุผลมาด้วย   นางโกหกว่าไม่ใช่แม่มดดังนั้นนางชั่วร้ายใช่หรือไม่   แล้วตกลงนางเป็นใครกันแน่ ”
 
เด็กชายถามต่อเมื่อเห็นคู่สนทนาเงียบไปนาน
ดารีลลืมตาขึ้นหันไปจ้องคนที่นั่งข้างๆ
 
“ ที่ผ่านมาไม่เคยได้ยินเรื่องสตรีชุดแดงเลยหรือ ”
 
“ เคยสิ   ท่านพ่อบอกว่าสตรีชุดแดงคือผู้พยากรณ์   มีชีวิตอยู่เมื่อพันปีที่ผ่านมา   แล้วเรื่องนี้เกี่ยวข้องกันอย่างไร   ในเมื่อนางก็แค่พยายามเป็นคนในตำนาน ”  
 
ดารีลหัวเราะ
 
“ นางไม่ได้โกหกหรอก   น้อยครั้งที่จะได้ยินเรื่องโกหกจากปากของคนคนนี้   ผู้ใช้มนต์ดำคือเชื้อสายของซาตานและมนุษย์   ผู้ใช้มนต์ขาวกำเนิดจากเทพและมนุษย์   ส่วนนางไม่ใช่ทั้งสองอย่างรวมทั้งไม่ใช่ผู้พยากรณ์ด้วย   นางไม่สามารถล่วงรู้อนาคต   หากแต่สามารถทำให้อนาคตดำเนินไปในทิศทางที่ต้องการได้   ผู้ใดไว้ใจนางเท่ากับตกเป็นทาสของนางแล้ว   ความสามารถที่แท้จริงจริงคือการล่อลวง ”  
 
“ ถ้านั่นเป็นสตรีชุดแดงตัวจริง   เช่นนั้นนางก็เป็นอมตะน่ะสิ ”
 
ฟิโลโซเฟอร์ตกตะลึง
ไม่คิดว่าชีวิตอมตะจะสามารถเป็นจริงได้
 
“ ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าตีความหมายของคำนั้นอย่างไร   ความจริงก็คือคนผู้นั้นได้ตายไปแล้ว   เขาตายมาเป็นเวลานับพันปี   จิตวิญญาณเดินทางไปดินแดนสวรรค์แต่ก็ไม่เป็นที่ต้อนรับดังนั้นจึงต้องลงสู่นรก   ซาตานในนรกมากด้วยเล่ห์รวมทั้งความอาฆาต   ข้อพันธะสัญญาดั้งเดิมห้ามทั้งเทพและซาตานมายังโลกมนุษย์   แต่วิญญาณดวงนั้นไม่ได้อยู่ในสัญญาข้อใด   เหล่าซาตานจึงส่งเขามาที่นี่   ปรากฏกายเป็นหญิงงามในชุดสีแดงสด   พลังของนางมากเกินกว่าผู้ใช้เวทมนตร์คนใดจะต้านได้   และแน่นอนนางไม่สามารถตายได้อีกต่อไปแล้ว ” 
 
“ แล้วนางมาที่โลกของมนุษย์ด้วยเหตุผลใด ”
 
เด็กชายตัวน้อยสงสัย
 
“ เรื่องนั้นยังเป็นที่สงสัย   น้อยคนนักจะรู้จักนางอย่างถ่องแท้   เพราะสตรีชุดแดงไม่ได้ปรากฏกายต่อหน้าคนทั่วไป   แต่นางจะปรากฏตรงหน้าผู้ถูกเลือกแล้ว ”  
 
“ จริงสิ   อีเลียสเล่าว่าในตอนเช้าของวันนี้พวกเขาไปที่นั่นอีก   แต่ไม่พบอะไรเลย   เมื่อเป็นเช่นนี้เราจะพบนางได้อย่างไร   แบบที่ไม่ต้องรอให้นางเป็นฝ่ายเข้ามาหาเอง ”
 
“ สตรีชุดแดงสามารถอ่านความต้องการเบื้องลึกของผู้คนได้   ในกาลก่อนมีคำเล่าลือกันว่าหากผู้ใดมีความคับข้องหมองใจหรือมีความปรารถนาสิ่งใดอย่างแรงกล้า   ถ้าคนผู้นั้นออกมายืนรอกลางถนนตรงสี่แยกในค่ำคืนที่มืดมิดไร้แสงจันทร์   สตรีชุดแดงจะสำแดงตนออกมาพบเขา   พร้อมกับคำทำนายอันเป็นที่พึงพอใจและมอบความช่วยเหลือต่างๆ นาๆ จนคำทำนายนั้นประสบผล   นี่คือสาเหตุจริงๆ ที่ทำให้คำทำนายของนางแม่นยำ   แต่อย่าลืมสิ่งหนึ่งตัวตนของนางนั้นคือร่างวิญญาณ   หากผู้ใดมีจิตใจเศร้าหมองพร้อมกับความต้องการทะยานอยากมากพอ   นางก็สามารถเข้าไปพบถึงในความฝันได้เช่นกัน   เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว   เจ้าต้องสำรวจตัวเอง   ความปรารถนาใดกันจึงดึงนางผู้นี้เข้ามาหา   เพราะตามปรกติแล้วคนที่พบนางก็คือคนที่ต้องการความช่วยเหลือจากนาง   แต่เจ้านั้นต่างออกไป   หรือข้าเข้าใจผิด   จริงๆ แล้วเจ้าต้องการอะไรแน่ ”  
 
ดารีลถามเด็กน้อย
 
“ ข้าก็ไม่รู้   ตอนที่พบกันข้าก็แค่… ” 
 
เด็กชายเงียบไป
เขาไม่กล้าบอกความจริงว่าคืนนั้นเขากำลังตามหาดารีล
 
นี่คือทั้งหมดที่เขาปรารถนา
ก่อนที่จะพบเข้ากับสตรีชุดแดง
 
หากต้องยอมรับว่านางสามารถบันดาลสิ่งต่างๆ ได้
ก็คงจริงตามนั้น
เพราะในพริบตาต่อมาดารีลก็เข้ามาหาเขาทันที
หลังจากที่เขาได้พูดคุยกับสตรีชุดแดง
 
“ แค่   ของเจ้านี่มันยังไงกัน ”
 
ดารีลถาม
ดวงตาคมกริบที่จ้องเด็กน้อยนั้นหรี่ลงราวกับกำลังจับผิด
 
“ ก็ข้าหลงทางนี่   เด็กที่หลงทางในต่างถิ่นต่างเมืองจะต้องการอะไรล่ะ ”
 
เด็กชายตอบกลับมาทันใด
 
“ ก็จริง   ข้าพอเข้าใจ   แต่เพียงเท่านั้นไม่มีแรงจูงใจพอที่สตรีชุดแดงจะปรากฏตัวหรอก ”
 
“ ถ้าหากนางสามารถทำให้ความปรารถนาเป็นจริงได้   เรายังจำเป็นต้องกลัวนางอยู่หรือ   ในเมื่อการมาของสตรีชุดแดงคือการหยิบยื่นความช่วยเหลือ ”
 
ฟิโลโซเฟอร์สงสัย
 
“ นี่คือสิ่งที่หลายๆ คนคิด ”
 
ดารีลตอบ
 
“ ความปรารถนาที่หลอมรวมกับความทะเยอทะยานนั้นร้อนแรงดังเปลวไฟ   สามารถเผาทำลายได้ทุกอย่างรวมทั้งตัวของมันเอง   การก้าวเดินไปสู่จุดหมายตามทางที่สตรีชุดแดงชี้ให้   มันหมายถึงว่าผู้นั้นจะยอมกระทำทุกอย่างไม่สนผิดถูก   ท้ายที่สุดเป้าหมายสูงสุดนั่นคือสิ่งที่สตรีชุดแดงต้องการ   หาใช่ความต้องการของผู้ร้องขอไม่   และซาเหวจลอร์ดก็ได้ประสบกับชะตากรรมนั้นมาก่อนแล้ว ”
 
“ เจ้าจะบอกว่าซาเหวจลอร์ดเคยเป็นคนดีมาก่อนอย่างนั้นหรือ ”
 
“ จะว่าอย่างนั้นก็ได้   ซาเหวจลอร์ดแท้จริงเป็นแค่คนอ่อนแอคนหนึ่ง   เขาเกิดมาในยุคที่มนุษย์กำลังหลงผิดเป็นช่วงเวลาที่ทุกคนตกอยู่ในความทุกข์ยากและหวาดกลัวกันเอง   ซาเหวจลอร์ดหวังยุติความต่ำตมที่เกิดขึ้นในตอนนั้น   เขาก็ได้พบกับสตรีชุดแดงในค่ำคืนอันมืดมิดและหนาวเหน็บ   แล้วเรื่องราวก็เป็นดังที่เจ้าได้ยินมา   ซาเหวจลอร์ดนั้นทั้งเรืองอำนาจทั้งแข็งแกร่ง   แม้ผู้ใช้เวทมนตร์ก็ยังต้องหวาดกลัว ”
 
“ แต่สุดท้ายซาเหวจลอร์ดก็ถูกโค่นล้ม   ด้วยความร่วมมือของสภาผู้ใช้เวทมนต์ซึ่งมีสตรีชุดแดงรวมอยู่ด้วย   ชื่อของนางยังกลายมาเป็นชื่อถนนสายหนึ่งในเมืองโอรีเวีย   ทำไมจึงกลายเป็นแบบนั้นไปได้   นางสร้างซาเหวจลอร์ดแล้วนางทำลายเขาไปเพื่ออะไร ”  
 
เด็กชายชาวซีนาร์ยสงสัย
 
“ บอกตามตรงช่วงสุดท้ายของตำราเกี่ยวกับเรื่องนี้เชื่อถือลำบาก   แต่ละเล่มต่างยกย่องตัวเองไปต่างๆ นาๆ จนข้าไม่สามารถสรุปได้ว่าซาเหวจลอร์ดสิ้นชีพได้อย่างไร   แต่สิ่งหนึ่งที่กล่าวไว้เหมือนๆ กัน   คือหลังจากสงครามจบลงก็มีอัญมณีสีแดงปรากฏขึ้น   สิ่งนี้มีพลังมหาศาล   เชื่อกันว่ามันคือสมบัติแห่งซาเหวจลอร์ดที่มาของความน่าเกรงขามทั้งปวง   ในกาลนั้นผู้คนต่างแก่งแย่งแสดงตนเป็นเจ้าของ   ผู้ใช้เวทมนตร์ในยุคนั้นจึงได้ร่วมมือกันแยกมันออกเป็นส่วนๆ แล้วมอบให้คนที่คู่ควรไป   สตรีชุดแดงก็หายสาบสูญพร้อมกับอัญมณีที่กระจัดกระจาย ”
 
ดารีลเล่า
 
“ และบัดนี้นางได้หวนกลับมาอีกครั้ง ”
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา