Twin แฝดเลือดผสม
8.0
เขียนโดย Shinman33
วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563 เวลา 16.05 น.
39 ตอน
3 วิจารณ์
31.71K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563 16.21 น. โดย เจ้าของนิยาย
30) ความบังเอิญ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความความบังเอิญ
ทันทีที่พายุหมุนขนาดมหึมาสงบลงท่ามกลางความสนใจของเหล่านักเรียนโฮเนอร์ก็ปรากฏร่างของเด็กชายหญิงสามคนโดยที่ชายทั้งสองคนต่างบาดเจ็บทั้งคู่ หนึ่งในสองนั้นอาการสาหัสพอสมควรเพราะไร้ซึ่งสติแล้ว ส่วนอีกคนที่ประคองกันมานั้นก็มีแผลบาดเจ็บและคราบเลือดชะโลมอยู่ทั่วร่างกายกำลังพากันเข้าไปยังเรือนพยาบาลที่มีอาจารย์และนักเรียนเจ้าหน้าที่ออกมารับพอดี
“นีโอไปโดนอะไรมารึเจด้า?” อาจารย์ประจำเรือนพยาบาลเอ่ยถามเมื่อเห็นอาการของนีโอที่สาหัสไม่น้อย
“หนูก็ไม่แน่ใจค่ะอาจารย์เพราะหนูตามไปทีหลัง คงต้องให้เบลเขาเป็นคนเล่าเหตุการณ์แล้วล่ะค่ะ” เจด้าเอ่ยพร้อมกับหันไปส่งสายตาให้กับเบลที่มาด้วยกัน
“เอ่อ คือนีโอเขาโดนลูกดอกจากพวกอสูรนะครับ แต่ก็ไม่น่าจะสาหัสจนหมดสติขนาดนี้” เบลตอบพร้อมกับเอ่ยในสิ่งที่ตนคิดออกมาด้วย
“คงต้องขอดูบาดแผลก่อนนะ แต่อาจเป็นไปได้ว่าเขาฝืนใช้เวทย์มากเกินไปจนร่างกายขาดสมดุลแห่งพลัง เมื่อโดนโจมตีเลยส่งผลให้อานุภาพมันมีผลมากกว่าที่ควรจะเป็นอ่ะ คล้ายๆ กับร่างกายขาดภูมิต้านทานนั่นแหละ รีบพาเขาขึ้นไปก่อนเร็ว” อาจารย์เอ่ยพร้อมกับหันไปสั่งนักเรียนเจ้าหน้าที่แล้วหันกับมาสนทนากับเบลอีกครั้ง
“เธอก็บาดเจ็บนี่ เบล ยังไงก็ไปตรวจดูอาการก่อนก็แล้วกันนะ อย่างน้อยก็ไปฟื้นฟูพลังเวทย์ก่อน” อาจารย์พูดดักคอจนเบลยอมเดินตามขึ้นเรือนพยาบาลแต่โดยดี
“งั้นฉันจะเข้าไปหาชายน์กับเดวี่ นะ เผื่อทางนั้นมีอะไรที่ฉันพอจะเป็นประโยชน์ได้บ้าง” เจด้าเอ่ยพร้อมกับยิ้มให้เบลก่อนจะเดินออกไป
‘ขอบใจนะ เจด้า’
…………………………………………….
ภายในงานเลี้ยง….
บรรยากาศที่อบอวลไปด้วยความปิติยินดีในความสำเร็จของผู้คว้าชัยและเสียงหัวเราะชื่นชมจากบรรดาแขกในงานดังคลอไปกับเสียงดนตรีในเวทีพร้อมกับแสงสีสวยงามนั้นไม่ได้ทำให้บุรุษทั้งสองยิ้มแย้มได้เลย ชายน์ในขณะนี้แสดงสีหน้าเครียดและกังวัลอยู่ตลอดเพราะอดที่จะเป็นห่วงสถานการณ์รอบนอกไม่ได้ ส่วนเดวี่นั้นนอกจากสีหน้าที่เรียบเฉยอันเป็นปกติของเขาแล้ววันนี้จะได้ยินเสียงถอนหายใจยาวๆดังเป็นระยะอีกเช่นกัน
“เฮ่อ นี่เขาไม่รับรู้กันหรือไงเนี่ยว่าขณะนี้ตอนนี้บ้านเมืองกำลังวิกฤตนะ ยังจะมาจัดงานยิ้มแย้มกันอยู่อีก น่าจะออกไปจัดการให้สิ้นเรื่องไปเลย” ชายน์บ่นหลังจากที่ทำหน้ายุ่งมานาน
“ทุกคนมีหน้าที่ และอีกอึดใจเดียวก็ถึงคราวของนาย” เดวี่เอ่ยขึ้น
“ก็ยังไม่เข้าใจ ยังไม่หายสงสัยอยู่ดี”
“ลองมองดูรอบๆ สิว่าจอมเวทย์ที่นายเห็นในครั้งก่อนนั้นบัดนี้หายไปอยู่ที่ไหนหมดล่ะ เราจำเป็นต้องจัดงานเพื่อกันแขกไม่ให้ไปวุ่นวายในส่วนของพิธีการของเราแล้วจอมเวทย์กับผู้ที่เกี่ยวข้องนั้นไปประกอบพิธีกันตั้งแต่เมื่อเย็นแล้ว และเมื่อถึงเวลานายก็จะต้องไปร่วมในพิธีการในฐานะของ…. ผู้พิทักษ์” เดวี่เอ่ยอธิบายยาวจนชายน์อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้
“จริงๆ ฉันชอบนะเวลาที่นายอธิบายอะไรในส่วนที่ฉันไม่รู้เนี่ย เพราะนายจะพูดได้มากกว่าเวลาปกติที่คุยกับฉันมากเลยนะเดวี่ ฮ่าๆๆ” เอ่ยพร้อมกับหัวเราะร่วนจนเดวี่ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง หากแต่ยังไม่ได้เอ่ยอะไรก็มีแขกมาขัดจังหวะซะก่อน
“ทำหน้าแบบนี้เดาว่าชายน์คงก่วนประสาทนายอยู่ใช่มั๊ย เดวี่ ฮ่าๆๆ” เจด้าเดินเข้ามาพร้อมเอ่ยแซวเดวี่
“ทางนั้นเป็นอย่างไรบ้างเจด้า ทุกอย่างเรียบร้อยดีมั๊ย?” ชายน์ยิงคำถามใส่เจด้าทันที
“สถานการณ์ไม่ค่อยดี แต่เซและฮันนี่ไปสมทบแล้ว พอดีฉันพานีโอและเบลกลับมาก่อน”
“ทำไม?”
“นีโอบาดเจ็บ เบลเองก็เช่นกัน”
“ฉันจะไปดูสองคนนั่น!!”
“ไปวิหารที่ประกอบพิธีดีกว่ามั้ง ชายน์” เดวี่เอ่ยขัดหลังจากที่ชายน์รับรู้อาการของเพื่อนและกำลังจะออกไปดูอาการ
“ไปไม่นานหรอกนะเดวี่ ฉันเป็นห่วงสองคนนั่น”
“เชื่อเดวี่เถอะ ทางนั้นไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอก” เจด้าเอ่ยพร้อมกับสีหน้าเคร่งเครียดจนชายน์พยักหน้าก่อนจะเดินนำออกไปจากงาน
“มากันแล้วสินะ”
“ใช่ แต่น่าแปลกว่าทำไมชายน์ถึงไม่รับรู้ถึงการมาของพวกมันนะ”
“หมอนี่มีอะไรที่เราคาดไม่ถึงเสมอ” เดวี่เอ่ยก่อนจะเดินตามชายน์ออกไป
‘หายไปไหนแล้ว อย่าได้คิดทำอะไรบ้าๆ นะนายน้อย’
‘สองคนนั่นไปทางไหนกันนะ ทำไมไม่มาที่วิหารล่ะ?’
…………………………………………………….
“อ่าว ยังไม่ไปอีกหรอชายน์?” เจด้าเอ่ยพร้อมเดินตามไปเมื่อเห็นชายน์กำลังเดินปลีกออกไปอีกทางของมุมมืดของตึกอย่างรีบเร่ง
“หมอนั่นดูอาการแปลกๆนะ” เดวี่เอ่ยอย่างสงสัยพร้อมกับเดินตามเจด้าที่วิ่งตามชายน์ออกไปก่อน
“เดี๋ยวชายน์ นายจะ อึก!!” สติดับลงทั้งที่ยังไม่ทันจะเอ่ยจบเมื่อเดินตามมาจนถึงมุมตึกก็ปรากฏว่ามีของแข็งมาทุบที่ท้ายทอยจนร่างนั้นร่วงลงกองกับพื้น
“เจด้า!! พวกแกเป็นใคร?” เดวี่ที่เดินตามมาเห็นเจด้ากำลังร่วงลงพื้นโดยมีชายชุดดำกำลังจะลากร่างเธอออกไปและมีอีกคนที่แสนจะคุ้นตายืนหันหลังให้ แต่เมื่อผู้นั้นหันหน้ามาเดวี่ก็ต้องตกใจ
“ชิน”
“ฉันยกหมอนี่ให้นะ จี” กล่าวพร้อมกับสร้างมิติมืดมาซ้อนทับคนทั้งหมดเอาไว้ก่อนตัวเองจะหายไป
“ฮ่าๆๆ ถ้าแน่ก็พาเธอออกไปจากมิตินี้ให้ได้ก็แล้วกันนะ” จีเอ่ยพร้อมกับเรียกลูกบอลเพลิงออกมาเช่นกันกับเดวี่ที่ปล่อยจิตสังหารออกมามากมายก่อนที่ทั้งสองจะเข้าต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย
…………………………………………………………………
ทางด้านของชายน์…
ทันทีที่ชายน์เข้ามายังวิหารอันเป็นสถานที่สำหรับประกอบพิธีอยู่นั้นก็พบว่าเจด้าและเดวี่ไม่ได้ตามมาด้วยทั้งๆที่เขาก็ไม่ได้รีบร้อนมาก แต่ด้วยสิ่งที่อยู่เบื้องหน้านี้ต่างหากที่เรียกความสนใจที่มีจากเพื่อนทั้งสองให้มาอยู่กับภาพตรงหน้าได้เป็นอย่างดี ภาพของความยิ่งใหญ่และงดงามของวิหารที่ดำงดูดให้เขาไม่ยอมละสายตา และจอมเวทย์อีกหลายสิบคนกำลังยืนล้อมวิหารอยู่ด้านนอกตามตำแหน่งต่างๆ เพื่อสร้างบาเรียเวทย์ศักดิ์สิทธิเพราะครั้งนี้ถือว่าสำคัญยิ่ง โดยใจกลางของวงนั้นมีแท่นหินอ่อนที่สลักเสลาอย่างสวยงามเป็นฐานชูขึ้นสูงกว่าเหนือหัวและแน่นอนว่าเบื้องบนของแท่นหินอ่อนนั้นจะต้องมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองอยู่ เพียงแต่ว่าสิ่งนั้นยังไม่ปรากฏออกมาเท่านั้นเอง
“ท่านมาได้ตรงเวลาพอดี ใกล้จะถึงช่วงเวลาของท่านแล้ว ชายน์ ชาโดวส์” จอมเวทย์อาวุโสท่านนึงเดินเข้ามาทักพร้อมแนะนำภาระหน้าที่ให้แก่ชายน์อย่างละเอียด
“หวังว่าท่านจะทำสำเร็จนะ ผู้พิทักษ์” จอมเวทย์อาวุโสกล่าวทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงที่ยากเกินจะคาดเดา
“ข้าก็หวังเช่นนั้น” ชายน์กล่าวพร้อมเดินตามทางเข้าไปหยุดยืนยังเบื้องหน้าของแท่นหินอ่อนอันเป็นจุดสำหรับประกอบพิธี จากนั้นยืนหลับตานิ่งพร้อมกับเริ่มประกอบพิธี
“ข้ามาทันใช่มั๊ย ท่านจอมเวทย์?” ประธานสภาแกรนน่าและผู้แทนต่างๆ ที่ปลีกตัวออกมาจากงานเลี้ยงได้เข้ามาร่วมดูพิธีแล้ว เพียงแต่ผู้ที่ไม่ใช่ผู้พิทักษ์จะไม่สามารถเข้าไปยังกลางวิหารได้ จึงได้แต่เพียงชมอยู่รอบนอกเท่านั้น
“แน่นอนครับท่านประธาน ยังไงข้าต้องขอตัวไปทำหน้าที่ก่อน” ชายอาวุโสกล่าวพร้อมปลีกตัวออกมาประจำที่ของตน ความกดดันแผ่ไปทั่ววิหาร รอบๆร่างของชายน์ที่ยืนอยู่กลางวงแหวนเวทย์สีทองบัดนี้มีออร่าแสงสีขาวทองแผ่กระจายออกมาเรื่อยๆ ขณะที่แท่นหินอ่อนเบื้องหน้าก็เกิดปฏิกิริยาตอบรับเป็นอย่างดีเพราะบัดนี้อัญมณีที่ฝังตัวอยู่ในส่วนยอดนั้นกำลังลอยขึ้นสู่เบื้องบนพร้อมกันกับที่ชายน์ถ่ายกระแสเวทย์สีดำใส่เข้าไปยังอัญมณีนั่น ทุกคนที่อยู่ภายนอกวิหารและบาเรียเฝ้าจับจ้องกับสิ่งที่กำลังเกิดเช่นเดียวกับจอมเวทย์ทั้งหมดที่สมาธิจดจ่ออยู่กับการร่ายเวทย์สร้างบาเรียเพราะหากเขาหยุดหรือเสียสมาธินั่นจะทำให้สิ่งที่ทำมาทั้งหมดสูญเปล่าทันที
บึ้มมมม…
แต่ขณะที่ทุกคนไม่คาดคิดกลับมีลูกบอลเพลิงสีขาวดำขนาดใหญ่พุ่งทะลุบาเรียเข้าหมายทำลายอัญมณีนั่น แต่ลำแสงสีส้มสุกสว่างที่พุ่งออกมาจากร่างของชายน์กลับเข้าขวางพร้อมพากันระเบิดขึ้นกลางอากาศเพียงนิดเดียวก่อนจะสัมผัสอัญมณี
ท่ามกลางฝุ่นควันนั้นปรากฏร่างของวิหกเพลิงอันสง่างามบินพุ่งออกมาก่อนจะกลายเป็นชายหนุ่มผมทองรูปงามพร้อมกับร่างของชายหนุ่มหน้าตาอัปลักษณ์เดินออกมา
“พวกนั้นเป็นใคร?” เสียงประธานสภาเอ่ยกับสมาชิกสภาที่ติดตามมาอย่างตกใจเพราะวิหารมีบาเรียศักดิ์สิทธิครอบอยู่ทำให้พวกเขาไม่สามารถเข้าไปได้นั่นเองและเช่นกันกับจอมเวทย์ที่ร่วมกันสร้างบาเรียก็อยู่ในอาการตกใจไม่น้อยที่ศัตรูสามารถโจมตีได้อย่างง่ายดาย และถึงแม้จะตกใจแต่ก็ไม่สามารถหยุดพิธีได้นั่นเอง
“น่าแปลกที่คนพวกนี้ไม่ใช่ผู้ประกอบพิธีแต่สามารถเข้าไปได้ แสดงว่าเขาเหล่านั้นล้วนมีความเกี่ยวข้องกับคำทำนายนะครับท่าน” สมาชิกสภาเอ่ย
“อย่าทำแบบนี้เลย ชิน” เฟย์เอ่ย
“แกรู้จักฉัน?”
“ใช่ มีแต่นายเท่านั้นแหละที่ตอนนี้ไม่รู้ตัวเอง”
“อย่ามาขวางงานของข้า” ชินที่ไม่มีสติและความคิดเป็นของตัวเองเอ่ยดังลั่นก่อนจะเริ่มเข้าต่อสู้กับเฟย์อีกครั้ง คลื่นพลังเวทย์ที่ทั้งคู่สาดเข้าใส่กันก่อให้เกิดแรงสั่นสะเทือนไปทั้งวิหารพร้อมๆกับบาเรียศักดิ์สิทธิที่เริ่มเกิดรอยร้าว
“หึหึ อย่ามาคิดสู้กับข้าเลย” ชินเอ่ยหลังจากที่จัดการกับเฟย์จนแทบหมดสภาพพร้อมกับกระโดดมุ่งหน้าไปยังอัญมณีบนยอดเสา
“อึก!!” ทันทีที่มือของชินแตะเข้ากับอัญมณีแสงสีขาวสว่างก็แผ่ออกมาและไหลเข้าอัญมณีอย่างมากมาย ร่างของชินลอยค้างอยู่กลางอากาศโดยมีอักขระสีทองวิ่งวนอยู่รอบๆร่างพร้อมกับร่างของชินที่มีบางอย่างเปลี่ยนไป ชายน์ที่เห็นเหตุการณ์ตัดสินใจพุ่งกระโดดเอื้อมมือไปคว้าแย่งกลับมาหากแต่เมื่อมือของทั้งสองสัมผัสกับอัญมณีก็เกิดแสงสีขาวทองสว่างวาบขึ้นจนคนทั้งหมดที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างยกมือขึ้นป้องกันแสงสว่างนั่นพร้อมๆ กับที่บาเรียระเบิดออกสนั่นหวั่นไหว
“โอะ!! อึก!!” ร่างของคนทั้งสองตกลงกระแทกพื้นโดยอัญมณีนั้นติดมืออยู่กับชายน์
“ชิน” ชายน์ที่ได้สติก่อนกระโดดออกมาตั้งรับแต่ก็ต้องตกใจกับคนที่กำลังลุกยืนเบื้องหน้า
“เฮ้ย!!” ชินที่รับรู้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับตนก็ตกใจเช่นกันหากแต่เขาก็เลือกที่จะตัดสินใจชิ่งหนีออกมาก่อน บัดนี้อัญมณีในมือชายน์เปล่งแสงสีรุ้งสว่างจ้าอีกครั้งอันเป็นสัญญาณว่าการถ่ายกระแสพลังเวทย์นั้นสำเร็จแล้วและดูว่าจะได้ผลดีกว่าครั้งก่อนๆ นั้นอีกด้วย
“เมื่อครู่นี้เด็กนั่นคือใคร แล้วทำไมถึงดูละม้ายคลายเธอเลยล่ะชายน์?” ทันทีที่ชินชิ่งหนีไปท่ามกลางความโกลาหลของผู้คน ประธานสภาแกรนน่าก็วิ่งเข้ามาหาชายน์พร้อมกับคนอื่นๆ ที่เห็นเหตุการณ์แต่ไม่สามารถเข้ามาช่วยได้อีกทั้งเมื่อเห็นว่าชายน์และอัญมณีก็ไม่ได้รับอันตรายใดๆ จึงพอจะเบาใจได้บ้าง
“ถ้าให้ข้าเดา เด็กนั่นคืออีกคนที่เราสามารถบอกว่าเขาคือหนึ่งในผู้พิทักษ์” จอมเวทย์อาวุโสกล่าว
“ท่านจะบอกว่า นั่นคือแฝดของชายน์หรือ?”
“ครับ เขาชื่อชิน การถ่ายกระแสพลังเวทย์ครั้งนี้ผมเองก็ไม่แน่ใจว่ามันสำเร็จได้ดีเกินกว่าทุกๆ ครั้งนี่เป็นเพราะผมหรือเพราะเขาด้วยกันแน่” ชายน์เอ่ยอย่างครุ่นคิด
“อย่าคิดมากเลยท่าน มันอาจเป็นความบังเอิญก็ได้” จอมเวทย์คนหนึ่งเอ่ย
“แล้วฟินิกซ์หนุ่มนั่นไปไหนแล้วล่ะ เขามีความเกี่ยวข้องยังไงกับเธอหรือ ชายน์” ประธานสภาเอ่ยถาม
“เขาเป็นสัตว์เวทย์ของผมครับ ตอนนี้เขาก็อยู่กับผมแล้วล่ะ ปลอดภัยดีครับ” ชายน์เอ่ยแต่ก็อดห่วงเฟย์ไม่ได้เพราะเฟย์เองก็โดนเล่นงานไม่น้อย
“ยังไงเดี๋ยวท่านอัญเชิญอัญมณีนี่ขึ้นบรรจุยอดแท่นหินอ่อนก่อนเถอะครับ บัดนี้พิธีเสร็จสิ้นแล้วอย่างน้อยอีก 2 ปีต่อแต่นี้ไปแกรนน่าของเราอยู่ในความปลอดภัยแล้วล่ะครับ” จอมเวทย์อาวุโสเอ่ยพลางยินดีกับสิ่งที่เกิดขึ้นและนี่ยิ่งตอกย้ำว่าชายน์คือผู้พิทักษ์แน่นอน ส่วนเด็กอีกคนที่โผล่ออกมาในขณะชายน์ทำพิธีที่ได้รับการยืนยันว่านั่นคือแฝดพี่ของชายน์ก็ยังคงสร้างความแปลกใจและงุนงงให้กับหลายๆ คน ว่าเขาทำเพื่ออะไรแล้วทำไมถึงมีใบหน้าแบบนั้น
………………………………………….
หลังจากที่เหตุการณ์ผ่านไป ชายน์ได้รับการยอมรับและรับรองในสถานะของผู้พิทักษ์มากขึ้น เฟย์ยังคงรักษาตัวและหลายคนที่ยังไม่เจอเฟย์ก็ร่ำร้องอยากเจอเขามาก ส่วนฮันนี่ก็เตรียมตัวเข้าเรียนในเทอมหน้า
“ไม่น่าเชื่อนะว่าเรื่องมันจะจบง่ายๆ แบบนี้” มาร์ตินเอ่ย
“มันแค่เริ่มต้นต่างหาก เราแค่ช่วยแกรนน่าให้อยู่ในความปลอดภัยได้ 2 ปี แต่มันไม่ใช่ตลอดไปนะ” นีโอกล่าว
“ว่าแต่เจด้าและเดวี่ออกมาได้ยังไงล่ะ” เซฟานี่ถามจนฮันนี่และเบลเอ่ยรบเร้าถามซ้ำเพราะอยากรู้ช่นกัน
“ว่าไงเดวี่ ฮ่าๆๆ เล่าวีรกรรมของเธอสิ” เจด้าแหย่
“ฉันคงเล่าได้ไม่สนุก ให้เธอเป็นคนเล่าดีกว่า ฉันอนุญาต” เดวี่พูดพลางนั่งจิบชาราวกับเจ้าตัวก็รอฟังด้วยเช่นกัน เจด้าเพียงหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเริ่มเล่าประสบการณ์ในตอนนั้น..
“ในตอนนั้นที่ฉันวิ่งตามชายน์ไป…..”
“อ่าว ยังไม่ไปอีกหรอชายน์?” ฉันเอ่ยถาม
“หมอนั่นดูอาการแปลกๆนะ” เดวี่เอ่ยอย่างสงสัยพร้อมกับเดินตามฉันที่วิ่งตามชายน์ออกไปก่อน
“เดี๋ยวชายน์ นายจะ อึก!!” สติฉันดับลงทั้งที่ยังไม่ทันจะเอ่ยจบ คือเมื่อเดินตามมาจนถึงมุมตึกก็ปรากฏว่ามีของแข็งมาทุบที่ท้ายทอยฉันจนฉันร่วงลงกองกับพื้น
“เจด้า!! พวกแกเป็นใคร?” เดวี่ที่เดินตามมาเห็นฉันกำลังร่วงลงพื้นโดยมีชายชุดดำกำลังจะลากร่างฉันออกไปและมีอีกคนที่แสนจะคุ้นตายืนหันหลังให้ แต่เมื่อผู้นั้นหันหน้ามาเดวี่ก็ต้องตกใจ
“ชิน”
“ฉันยกหมอนี่ให้นะ จี” กล่าวพร้อมกับสร้างมิติมืดมาซ้อนทับคนทั้งหมดเอาไว้ก่อนตัวเองจะหายไป
“ฮ่าๆๆ ถ้าแน่ก็พาเธอออกไปจากมิตินี้ให้ได้ก็แล้วกันนะ” กล่าวจบชินก็หายวับไป
“สู้กับผู้ชายค่อยสมศักดิ์ศรีหน่อย” จีเอ่ย
“แต่ข้าไม่มีเวลามากพอจะมาเสียเวลาอยู่ที่นี่หนะสิ”
“งั้นรีบล้มข้าสิ พี่ชาย หึหึ” เอ่ยพร้อมกับหัวเราะท้าทาย แต่เพียงชั่วพริบตาร่างของชายเบื้องหน้าก็สยายปีกสีดำพร้อมกับขนนับร้อยพุ่งเข้าโจมตีทันที
“เฮ้ย” บาเรียสีดำถูเรียกออกมากางกั้นการโจมตีของเดวี่อย่างทันท่วงที เมื่อการโจมตีไม่ได้ผลเดวี่ก็เรียกรัติกาลเพลิงออกมาทันทีจนทั่วทั้งบริเวณเต็มไปด้วยเปลวไฟสีดำกำลังลุกโชนท่วมหัว
“จัดหนักเลยนะ หึหึ” จีเอ่ยพร้อมเริ่มโจมตีบ้าง ไอเวทย์สีดำแผ่กระจายออกมามากมายพร้อมกับก่อเป็นร่างภูตสีดำร่วมสิบตัวแล้วเข้าจู่โจมเดวี่ทันที แต่เมื่อภูตเหล่านั่นพุ่งเข้าจู่โจมมันก็สลายและปลิวหายไปทันทีจนจีใจเสีย
“ลม ปีศาจ..” จีเอ่ยอย่างตกใจเพราะเขาไม่คิดว่าเดวี่จะใช้เวทย์นี้
“ทำความรู้จักข้าให้มากๆ ก่อนนะแล้วค่อยมาสู้กับข้า หึหึ” เสียงกล่าวอันเย็นยะเยือกดังก้องไปทั่ว บางสิ่งกำลังคลืบคลานอยู่เบื้องล่างพร้อมกับรัติกาลเพลิงที่ลุกโชติอีกครั้ง
“ห๊ะ อึก!!” ขณะที่จีกำลังจะถอยตั้งรับก็ต้องตกใจที่จู่ๆ โซ่สีดำเส้นใหญ่พุ่งเข้าพันธนาการที่ขาจนเสียหลักและนั่นทำให้ทำให้ขนสีดำนับร้อยที่เกิดจากการกระพือปีกของเดวี่พุ่งเข้าโจมตีจนร่างทั้งร่างเต็มไปด้วยขนนกสีดำก่อนสติจะค่อยๆดับวูบลงแต่ก็ทันได้รับรู้ว่าเดวี่เดินมาอุ้มร่างของฉันที่นอนสลบอยู่ฉับพลันทั้งคู่ก็หายวับไปพร้อมกับสติของจีดับลง
“และฉันก็มาตื่นอีกทีที่ห้องพยาบาลอ่ะ ฮ่าๆๆ” เจด้าเล่าอย่างออกอรรถรส
“แหม เธอสลบอยู่นะ แต่ทำไมเล่าซะเป็นฉากๆ เชียว” เซฟานี่เอ่ยแซว
“เธอแกล้งรึเปล่าเจด้า” เชโด้เอ่ยแซวบ้าง
“หึยย ฉันก็ฟังจากที่เดวี่เล่าในตอนที่ฉันตื่นอ่ะ เพียงแต่หมอนี่ไม่ยอมเล่าอีกครั้งเอง” เจด้าแก้ตัว
“ฮ่าๆๆ ทุกคนต่างพากันหัวเราะกับวีรกรรมของเพื่อนๆ ตนเอง”
“ว่าแต่พ่อหนุ่มฟินิกซ์ที่ออกมาช่วยหน่ะ เมื่อไรจะพาออกเปิดตัวซะทีหล่ะชายน์” ฮันนี่เอ่ยแซว
“วันหลังคงได้เจอกันแหละ” ชายน์เอ่ยยิ้มๆ ก่อนจะลุกไปเก็บของเพื่อเตรียมตัวกลับบ้านเพราะพวกเขาได้รับสิธิพิเศษให้สามารถปิดเทอมและไม่ต้องสอบปลายภาคเป็นกรณีพิเศษ
“ว่าแต่เราจะได้เรียนไม่ตรงเหมือนคนอื่นๆ จริงๆ หรือ?” เซฟานี่เอ่ย
“ก็เป็นไปแล้วนี่ไง หึหึ” ดัชเอ่ยพร้อมหัวเราะในลำคอ
“ฉันดีใจนะที่อะไรๆ มันลงเอยแบบนี้ เพื่อนเราทุกคนปลอดภัยและแกรนน่าก็ปลอดภัย ส่วนเรื่องอื่นๆ ก็แล้วแต่ว่าทางผู้ใหญ่เขาจะจัดการอย่างไร ” เซฟานี่เอ่ย
“ขอบคุณทุกคนนะที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน ฉันโชคดีที่มีเพื่อนๆ แบบพวกเธอนะ” เบลเอ่ยขึ้นพร้อมกับเดวี่ที่วางถ้วยกาแฟลงแล้วลุกเดินออกไปจากวงทันที
“อ้าว เขากำลังซึ้งไหงนายมาลุกหนีแบบนี้ล่ะเดวี่ ฉันยังไม่ได้พูดอะไรบ้างเลยนะ” มาร์ตินเอ่ยรั้งเดวี่
“ฉันไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้ จะไปช่วยชายน์เก็บของหน่ะ” เดวี่เอ่ยแล้วเดินออกไปทิ้งให้เพื่อนๆ ที่อยู่ข้างหลังนั่งหัวเราะและซุบซิบนินทาเขากับชายน์อย่างสนุกสนาน
‘หวังว่าเราจะได้สร้างความทรงจำดีๆแบบนี้ไปอีกเรื่อยๆ นะ เพื่อนข้า.. นายน้อย..’
…………………………จบภาค 1 …………………………….
ทันทีที่พายุหมุนขนาดมหึมาสงบลงท่ามกลางความสนใจของเหล่านักเรียนโฮเนอร์ก็ปรากฏร่างของเด็กชายหญิงสามคนโดยที่ชายทั้งสองคนต่างบาดเจ็บทั้งคู่ หนึ่งในสองนั้นอาการสาหัสพอสมควรเพราะไร้ซึ่งสติแล้ว ส่วนอีกคนที่ประคองกันมานั้นก็มีแผลบาดเจ็บและคราบเลือดชะโลมอยู่ทั่วร่างกายกำลังพากันเข้าไปยังเรือนพยาบาลที่มีอาจารย์และนักเรียนเจ้าหน้าที่ออกมารับพอดี
“นีโอไปโดนอะไรมารึเจด้า?” อาจารย์ประจำเรือนพยาบาลเอ่ยถามเมื่อเห็นอาการของนีโอที่สาหัสไม่น้อย
“หนูก็ไม่แน่ใจค่ะอาจารย์เพราะหนูตามไปทีหลัง คงต้องให้เบลเขาเป็นคนเล่าเหตุการณ์แล้วล่ะค่ะ” เจด้าเอ่ยพร้อมกับหันไปส่งสายตาให้กับเบลที่มาด้วยกัน
“เอ่อ คือนีโอเขาโดนลูกดอกจากพวกอสูรนะครับ แต่ก็ไม่น่าจะสาหัสจนหมดสติขนาดนี้” เบลตอบพร้อมกับเอ่ยในสิ่งที่ตนคิดออกมาด้วย
“คงต้องขอดูบาดแผลก่อนนะ แต่อาจเป็นไปได้ว่าเขาฝืนใช้เวทย์มากเกินไปจนร่างกายขาดสมดุลแห่งพลัง เมื่อโดนโจมตีเลยส่งผลให้อานุภาพมันมีผลมากกว่าที่ควรจะเป็นอ่ะ คล้ายๆ กับร่างกายขาดภูมิต้านทานนั่นแหละ รีบพาเขาขึ้นไปก่อนเร็ว” อาจารย์เอ่ยพร้อมกับหันไปสั่งนักเรียนเจ้าหน้าที่แล้วหันกับมาสนทนากับเบลอีกครั้ง
“เธอก็บาดเจ็บนี่ เบล ยังไงก็ไปตรวจดูอาการก่อนก็แล้วกันนะ อย่างน้อยก็ไปฟื้นฟูพลังเวทย์ก่อน” อาจารย์พูดดักคอจนเบลยอมเดินตามขึ้นเรือนพยาบาลแต่โดยดี
“งั้นฉันจะเข้าไปหาชายน์กับเดวี่ นะ เผื่อทางนั้นมีอะไรที่ฉันพอจะเป็นประโยชน์ได้บ้าง” เจด้าเอ่ยพร้อมกับยิ้มให้เบลก่อนจะเดินออกไป
‘ขอบใจนะ เจด้า’
…………………………………………….
ภายในงานเลี้ยง….
บรรยากาศที่อบอวลไปด้วยความปิติยินดีในความสำเร็จของผู้คว้าชัยและเสียงหัวเราะชื่นชมจากบรรดาแขกในงานดังคลอไปกับเสียงดนตรีในเวทีพร้อมกับแสงสีสวยงามนั้นไม่ได้ทำให้บุรุษทั้งสองยิ้มแย้มได้เลย ชายน์ในขณะนี้แสดงสีหน้าเครียดและกังวัลอยู่ตลอดเพราะอดที่จะเป็นห่วงสถานการณ์รอบนอกไม่ได้ ส่วนเดวี่นั้นนอกจากสีหน้าที่เรียบเฉยอันเป็นปกติของเขาแล้ววันนี้จะได้ยินเสียงถอนหายใจยาวๆดังเป็นระยะอีกเช่นกัน
“เฮ่อ นี่เขาไม่รับรู้กันหรือไงเนี่ยว่าขณะนี้ตอนนี้บ้านเมืองกำลังวิกฤตนะ ยังจะมาจัดงานยิ้มแย้มกันอยู่อีก น่าจะออกไปจัดการให้สิ้นเรื่องไปเลย” ชายน์บ่นหลังจากที่ทำหน้ายุ่งมานาน
“ทุกคนมีหน้าที่ และอีกอึดใจเดียวก็ถึงคราวของนาย” เดวี่เอ่ยขึ้น
“ก็ยังไม่เข้าใจ ยังไม่หายสงสัยอยู่ดี”
“ลองมองดูรอบๆ สิว่าจอมเวทย์ที่นายเห็นในครั้งก่อนนั้นบัดนี้หายไปอยู่ที่ไหนหมดล่ะ เราจำเป็นต้องจัดงานเพื่อกันแขกไม่ให้ไปวุ่นวายในส่วนของพิธีการของเราแล้วจอมเวทย์กับผู้ที่เกี่ยวข้องนั้นไปประกอบพิธีกันตั้งแต่เมื่อเย็นแล้ว และเมื่อถึงเวลานายก็จะต้องไปร่วมในพิธีการในฐานะของ…. ผู้พิทักษ์” เดวี่เอ่ยอธิบายยาวจนชายน์อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้
“จริงๆ ฉันชอบนะเวลาที่นายอธิบายอะไรในส่วนที่ฉันไม่รู้เนี่ย เพราะนายจะพูดได้มากกว่าเวลาปกติที่คุยกับฉันมากเลยนะเดวี่ ฮ่าๆๆ” เอ่ยพร้อมกับหัวเราะร่วนจนเดวี่ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง หากแต่ยังไม่ได้เอ่ยอะไรก็มีแขกมาขัดจังหวะซะก่อน
“ทำหน้าแบบนี้เดาว่าชายน์คงก่วนประสาทนายอยู่ใช่มั๊ย เดวี่ ฮ่าๆๆ” เจด้าเดินเข้ามาพร้อมเอ่ยแซวเดวี่
“ทางนั้นเป็นอย่างไรบ้างเจด้า ทุกอย่างเรียบร้อยดีมั๊ย?” ชายน์ยิงคำถามใส่เจด้าทันที
“สถานการณ์ไม่ค่อยดี แต่เซและฮันนี่ไปสมทบแล้ว พอดีฉันพานีโอและเบลกลับมาก่อน”
“ทำไม?”
“นีโอบาดเจ็บ เบลเองก็เช่นกัน”
“ฉันจะไปดูสองคนนั่น!!”
“ไปวิหารที่ประกอบพิธีดีกว่ามั้ง ชายน์” เดวี่เอ่ยขัดหลังจากที่ชายน์รับรู้อาการของเพื่อนและกำลังจะออกไปดูอาการ
“ไปไม่นานหรอกนะเดวี่ ฉันเป็นห่วงสองคนนั่น”
“เชื่อเดวี่เถอะ ทางนั้นไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอก” เจด้าเอ่ยพร้อมกับสีหน้าเคร่งเครียดจนชายน์พยักหน้าก่อนจะเดินนำออกไปจากงาน
“มากันแล้วสินะ”
“ใช่ แต่น่าแปลกว่าทำไมชายน์ถึงไม่รับรู้ถึงการมาของพวกมันนะ”
“หมอนี่มีอะไรที่เราคาดไม่ถึงเสมอ” เดวี่เอ่ยก่อนจะเดินตามชายน์ออกไป
‘หายไปไหนแล้ว อย่าได้คิดทำอะไรบ้าๆ นะนายน้อย’
‘สองคนนั่นไปทางไหนกันนะ ทำไมไม่มาที่วิหารล่ะ?’
…………………………………………………….
“อ่าว ยังไม่ไปอีกหรอชายน์?” เจด้าเอ่ยพร้อมเดินตามไปเมื่อเห็นชายน์กำลังเดินปลีกออกไปอีกทางของมุมมืดของตึกอย่างรีบเร่ง
“หมอนั่นดูอาการแปลกๆนะ” เดวี่เอ่ยอย่างสงสัยพร้อมกับเดินตามเจด้าที่วิ่งตามชายน์ออกไปก่อน
“เดี๋ยวชายน์ นายจะ อึก!!” สติดับลงทั้งที่ยังไม่ทันจะเอ่ยจบเมื่อเดินตามมาจนถึงมุมตึกก็ปรากฏว่ามีของแข็งมาทุบที่ท้ายทอยจนร่างนั้นร่วงลงกองกับพื้น
“เจด้า!! พวกแกเป็นใคร?” เดวี่ที่เดินตามมาเห็นเจด้ากำลังร่วงลงพื้นโดยมีชายชุดดำกำลังจะลากร่างเธอออกไปและมีอีกคนที่แสนจะคุ้นตายืนหันหลังให้ แต่เมื่อผู้นั้นหันหน้ามาเดวี่ก็ต้องตกใจ
“ชิน”
“ฉันยกหมอนี่ให้นะ จี” กล่าวพร้อมกับสร้างมิติมืดมาซ้อนทับคนทั้งหมดเอาไว้ก่อนตัวเองจะหายไป
“ฮ่าๆๆ ถ้าแน่ก็พาเธอออกไปจากมิตินี้ให้ได้ก็แล้วกันนะ” จีเอ่ยพร้อมกับเรียกลูกบอลเพลิงออกมาเช่นกันกับเดวี่ที่ปล่อยจิตสังหารออกมามากมายก่อนที่ทั้งสองจะเข้าต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย
…………………………………………………………………
ทางด้านของชายน์…
ทันทีที่ชายน์เข้ามายังวิหารอันเป็นสถานที่สำหรับประกอบพิธีอยู่นั้นก็พบว่าเจด้าและเดวี่ไม่ได้ตามมาด้วยทั้งๆที่เขาก็ไม่ได้รีบร้อนมาก แต่ด้วยสิ่งที่อยู่เบื้องหน้านี้ต่างหากที่เรียกความสนใจที่มีจากเพื่อนทั้งสองให้มาอยู่กับภาพตรงหน้าได้เป็นอย่างดี ภาพของความยิ่งใหญ่และงดงามของวิหารที่ดำงดูดให้เขาไม่ยอมละสายตา และจอมเวทย์อีกหลายสิบคนกำลังยืนล้อมวิหารอยู่ด้านนอกตามตำแหน่งต่างๆ เพื่อสร้างบาเรียเวทย์ศักดิ์สิทธิเพราะครั้งนี้ถือว่าสำคัญยิ่ง โดยใจกลางของวงนั้นมีแท่นหินอ่อนที่สลักเสลาอย่างสวยงามเป็นฐานชูขึ้นสูงกว่าเหนือหัวและแน่นอนว่าเบื้องบนของแท่นหินอ่อนนั้นจะต้องมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองอยู่ เพียงแต่ว่าสิ่งนั้นยังไม่ปรากฏออกมาเท่านั้นเอง
“ท่านมาได้ตรงเวลาพอดี ใกล้จะถึงช่วงเวลาของท่านแล้ว ชายน์ ชาโดวส์” จอมเวทย์อาวุโสท่านนึงเดินเข้ามาทักพร้อมแนะนำภาระหน้าที่ให้แก่ชายน์อย่างละเอียด
“หวังว่าท่านจะทำสำเร็จนะ ผู้พิทักษ์” จอมเวทย์อาวุโสกล่าวทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงที่ยากเกินจะคาดเดา
“ข้าก็หวังเช่นนั้น” ชายน์กล่าวพร้อมเดินตามทางเข้าไปหยุดยืนยังเบื้องหน้าของแท่นหินอ่อนอันเป็นจุดสำหรับประกอบพิธี จากนั้นยืนหลับตานิ่งพร้อมกับเริ่มประกอบพิธี
“ข้ามาทันใช่มั๊ย ท่านจอมเวทย์?” ประธานสภาแกรนน่าและผู้แทนต่างๆ ที่ปลีกตัวออกมาจากงานเลี้ยงได้เข้ามาร่วมดูพิธีแล้ว เพียงแต่ผู้ที่ไม่ใช่ผู้พิทักษ์จะไม่สามารถเข้าไปยังกลางวิหารได้ จึงได้แต่เพียงชมอยู่รอบนอกเท่านั้น
“แน่นอนครับท่านประธาน ยังไงข้าต้องขอตัวไปทำหน้าที่ก่อน” ชายอาวุโสกล่าวพร้อมปลีกตัวออกมาประจำที่ของตน ความกดดันแผ่ไปทั่ววิหาร รอบๆร่างของชายน์ที่ยืนอยู่กลางวงแหวนเวทย์สีทองบัดนี้มีออร่าแสงสีขาวทองแผ่กระจายออกมาเรื่อยๆ ขณะที่แท่นหินอ่อนเบื้องหน้าก็เกิดปฏิกิริยาตอบรับเป็นอย่างดีเพราะบัดนี้อัญมณีที่ฝังตัวอยู่ในส่วนยอดนั้นกำลังลอยขึ้นสู่เบื้องบนพร้อมกันกับที่ชายน์ถ่ายกระแสเวทย์สีดำใส่เข้าไปยังอัญมณีนั่น ทุกคนที่อยู่ภายนอกวิหารและบาเรียเฝ้าจับจ้องกับสิ่งที่กำลังเกิดเช่นเดียวกับจอมเวทย์ทั้งหมดที่สมาธิจดจ่ออยู่กับการร่ายเวทย์สร้างบาเรียเพราะหากเขาหยุดหรือเสียสมาธินั่นจะทำให้สิ่งที่ทำมาทั้งหมดสูญเปล่าทันที
บึ้มมมม…
แต่ขณะที่ทุกคนไม่คาดคิดกลับมีลูกบอลเพลิงสีขาวดำขนาดใหญ่พุ่งทะลุบาเรียเข้าหมายทำลายอัญมณีนั่น แต่ลำแสงสีส้มสุกสว่างที่พุ่งออกมาจากร่างของชายน์กลับเข้าขวางพร้อมพากันระเบิดขึ้นกลางอากาศเพียงนิดเดียวก่อนจะสัมผัสอัญมณี
ท่ามกลางฝุ่นควันนั้นปรากฏร่างของวิหกเพลิงอันสง่างามบินพุ่งออกมาก่อนจะกลายเป็นชายหนุ่มผมทองรูปงามพร้อมกับร่างของชายหนุ่มหน้าตาอัปลักษณ์เดินออกมา
“พวกนั้นเป็นใคร?” เสียงประธานสภาเอ่ยกับสมาชิกสภาที่ติดตามมาอย่างตกใจเพราะวิหารมีบาเรียศักดิ์สิทธิครอบอยู่ทำให้พวกเขาไม่สามารถเข้าไปได้นั่นเองและเช่นกันกับจอมเวทย์ที่ร่วมกันสร้างบาเรียก็อยู่ในอาการตกใจไม่น้อยที่ศัตรูสามารถโจมตีได้อย่างง่ายดาย และถึงแม้จะตกใจแต่ก็ไม่สามารถหยุดพิธีได้นั่นเอง
“น่าแปลกที่คนพวกนี้ไม่ใช่ผู้ประกอบพิธีแต่สามารถเข้าไปได้ แสดงว่าเขาเหล่านั้นล้วนมีความเกี่ยวข้องกับคำทำนายนะครับท่าน” สมาชิกสภาเอ่ย
“อย่าทำแบบนี้เลย ชิน” เฟย์เอ่ย
“แกรู้จักฉัน?”
“ใช่ มีแต่นายเท่านั้นแหละที่ตอนนี้ไม่รู้ตัวเอง”
“อย่ามาขวางงานของข้า” ชินที่ไม่มีสติและความคิดเป็นของตัวเองเอ่ยดังลั่นก่อนจะเริ่มเข้าต่อสู้กับเฟย์อีกครั้ง คลื่นพลังเวทย์ที่ทั้งคู่สาดเข้าใส่กันก่อให้เกิดแรงสั่นสะเทือนไปทั้งวิหารพร้อมๆกับบาเรียศักดิ์สิทธิที่เริ่มเกิดรอยร้าว
“หึหึ อย่ามาคิดสู้กับข้าเลย” ชินเอ่ยหลังจากที่จัดการกับเฟย์จนแทบหมดสภาพพร้อมกับกระโดดมุ่งหน้าไปยังอัญมณีบนยอดเสา
“อึก!!” ทันทีที่มือของชินแตะเข้ากับอัญมณีแสงสีขาวสว่างก็แผ่ออกมาและไหลเข้าอัญมณีอย่างมากมาย ร่างของชินลอยค้างอยู่กลางอากาศโดยมีอักขระสีทองวิ่งวนอยู่รอบๆร่างพร้อมกับร่างของชินที่มีบางอย่างเปลี่ยนไป ชายน์ที่เห็นเหตุการณ์ตัดสินใจพุ่งกระโดดเอื้อมมือไปคว้าแย่งกลับมาหากแต่เมื่อมือของทั้งสองสัมผัสกับอัญมณีก็เกิดแสงสีขาวทองสว่างวาบขึ้นจนคนทั้งหมดที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างยกมือขึ้นป้องกันแสงสว่างนั่นพร้อมๆ กับที่บาเรียระเบิดออกสนั่นหวั่นไหว
“โอะ!! อึก!!” ร่างของคนทั้งสองตกลงกระแทกพื้นโดยอัญมณีนั้นติดมืออยู่กับชายน์
“ชิน” ชายน์ที่ได้สติก่อนกระโดดออกมาตั้งรับแต่ก็ต้องตกใจกับคนที่กำลังลุกยืนเบื้องหน้า
“เฮ้ย!!” ชินที่รับรู้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับตนก็ตกใจเช่นกันหากแต่เขาก็เลือกที่จะตัดสินใจชิ่งหนีออกมาก่อน บัดนี้อัญมณีในมือชายน์เปล่งแสงสีรุ้งสว่างจ้าอีกครั้งอันเป็นสัญญาณว่าการถ่ายกระแสพลังเวทย์นั้นสำเร็จแล้วและดูว่าจะได้ผลดีกว่าครั้งก่อนๆ นั้นอีกด้วย
“เมื่อครู่นี้เด็กนั่นคือใคร แล้วทำไมถึงดูละม้ายคลายเธอเลยล่ะชายน์?” ทันทีที่ชินชิ่งหนีไปท่ามกลางความโกลาหลของผู้คน ประธานสภาแกรนน่าก็วิ่งเข้ามาหาชายน์พร้อมกับคนอื่นๆ ที่เห็นเหตุการณ์แต่ไม่สามารถเข้ามาช่วยได้อีกทั้งเมื่อเห็นว่าชายน์และอัญมณีก็ไม่ได้รับอันตรายใดๆ จึงพอจะเบาใจได้บ้าง
“ถ้าให้ข้าเดา เด็กนั่นคืออีกคนที่เราสามารถบอกว่าเขาคือหนึ่งในผู้พิทักษ์” จอมเวทย์อาวุโสกล่าว
“ท่านจะบอกว่า นั่นคือแฝดของชายน์หรือ?”
“ครับ เขาชื่อชิน การถ่ายกระแสพลังเวทย์ครั้งนี้ผมเองก็ไม่แน่ใจว่ามันสำเร็จได้ดีเกินกว่าทุกๆ ครั้งนี่เป็นเพราะผมหรือเพราะเขาด้วยกันแน่” ชายน์เอ่ยอย่างครุ่นคิด
“อย่าคิดมากเลยท่าน มันอาจเป็นความบังเอิญก็ได้” จอมเวทย์คนหนึ่งเอ่ย
“แล้วฟินิกซ์หนุ่มนั่นไปไหนแล้วล่ะ เขามีความเกี่ยวข้องยังไงกับเธอหรือ ชายน์” ประธานสภาเอ่ยถาม
“เขาเป็นสัตว์เวทย์ของผมครับ ตอนนี้เขาก็อยู่กับผมแล้วล่ะ ปลอดภัยดีครับ” ชายน์เอ่ยแต่ก็อดห่วงเฟย์ไม่ได้เพราะเฟย์เองก็โดนเล่นงานไม่น้อย
“ยังไงเดี๋ยวท่านอัญเชิญอัญมณีนี่ขึ้นบรรจุยอดแท่นหินอ่อนก่อนเถอะครับ บัดนี้พิธีเสร็จสิ้นแล้วอย่างน้อยอีก 2 ปีต่อแต่นี้ไปแกรนน่าของเราอยู่ในความปลอดภัยแล้วล่ะครับ” จอมเวทย์อาวุโสเอ่ยพลางยินดีกับสิ่งที่เกิดขึ้นและนี่ยิ่งตอกย้ำว่าชายน์คือผู้พิทักษ์แน่นอน ส่วนเด็กอีกคนที่โผล่ออกมาในขณะชายน์ทำพิธีที่ได้รับการยืนยันว่านั่นคือแฝดพี่ของชายน์ก็ยังคงสร้างความแปลกใจและงุนงงให้กับหลายๆ คน ว่าเขาทำเพื่ออะไรแล้วทำไมถึงมีใบหน้าแบบนั้น
………………………………………….
หลังจากที่เหตุการณ์ผ่านไป ชายน์ได้รับการยอมรับและรับรองในสถานะของผู้พิทักษ์มากขึ้น เฟย์ยังคงรักษาตัวและหลายคนที่ยังไม่เจอเฟย์ก็ร่ำร้องอยากเจอเขามาก ส่วนฮันนี่ก็เตรียมตัวเข้าเรียนในเทอมหน้า
“ไม่น่าเชื่อนะว่าเรื่องมันจะจบง่ายๆ แบบนี้” มาร์ตินเอ่ย
“มันแค่เริ่มต้นต่างหาก เราแค่ช่วยแกรนน่าให้อยู่ในความปลอดภัยได้ 2 ปี แต่มันไม่ใช่ตลอดไปนะ” นีโอกล่าว
“ว่าแต่เจด้าและเดวี่ออกมาได้ยังไงล่ะ” เซฟานี่ถามจนฮันนี่และเบลเอ่ยรบเร้าถามซ้ำเพราะอยากรู้ช่นกัน
“ว่าไงเดวี่ ฮ่าๆๆ เล่าวีรกรรมของเธอสิ” เจด้าแหย่
“ฉันคงเล่าได้ไม่สนุก ให้เธอเป็นคนเล่าดีกว่า ฉันอนุญาต” เดวี่พูดพลางนั่งจิบชาราวกับเจ้าตัวก็รอฟังด้วยเช่นกัน เจด้าเพียงหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเริ่มเล่าประสบการณ์ในตอนนั้น..
“ในตอนนั้นที่ฉันวิ่งตามชายน์ไป…..”
“อ่าว ยังไม่ไปอีกหรอชายน์?” ฉันเอ่ยถาม
“หมอนั่นดูอาการแปลกๆนะ” เดวี่เอ่ยอย่างสงสัยพร้อมกับเดินตามฉันที่วิ่งตามชายน์ออกไปก่อน
“เดี๋ยวชายน์ นายจะ อึก!!” สติฉันดับลงทั้งที่ยังไม่ทันจะเอ่ยจบ คือเมื่อเดินตามมาจนถึงมุมตึกก็ปรากฏว่ามีของแข็งมาทุบที่ท้ายทอยฉันจนฉันร่วงลงกองกับพื้น
“เจด้า!! พวกแกเป็นใคร?” เดวี่ที่เดินตามมาเห็นฉันกำลังร่วงลงพื้นโดยมีชายชุดดำกำลังจะลากร่างฉันออกไปและมีอีกคนที่แสนจะคุ้นตายืนหันหลังให้ แต่เมื่อผู้นั้นหันหน้ามาเดวี่ก็ต้องตกใจ
“ชิน”
“ฉันยกหมอนี่ให้นะ จี” กล่าวพร้อมกับสร้างมิติมืดมาซ้อนทับคนทั้งหมดเอาไว้ก่อนตัวเองจะหายไป
“ฮ่าๆๆ ถ้าแน่ก็พาเธอออกไปจากมิตินี้ให้ได้ก็แล้วกันนะ” กล่าวจบชินก็หายวับไป
“สู้กับผู้ชายค่อยสมศักดิ์ศรีหน่อย” จีเอ่ย
“แต่ข้าไม่มีเวลามากพอจะมาเสียเวลาอยู่ที่นี่หนะสิ”
“งั้นรีบล้มข้าสิ พี่ชาย หึหึ” เอ่ยพร้อมกับหัวเราะท้าทาย แต่เพียงชั่วพริบตาร่างของชายเบื้องหน้าก็สยายปีกสีดำพร้อมกับขนนับร้อยพุ่งเข้าโจมตีทันที
“เฮ้ย” บาเรียสีดำถูเรียกออกมากางกั้นการโจมตีของเดวี่อย่างทันท่วงที เมื่อการโจมตีไม่ได้ผลเดวี่ก็เรียกรัติกาลเพลิงออกมาทันทีจนทั่วทั้งบริเวณเต็มไปด้วยเปลวไฟสีดำกำลังลุกโชนท่วมหัว
“จัดหนักเลยนะ หึหึ” จีเอ่ยพร้อมเริ่มโจมตีบ้าง ไอเวทย์สีดำแผ่กระจายออกมามากมายพร้อมกับก่อเป็นร่างภูตสีดำร่วมสิบตัวแล้วเข้าจู่โจมเดวี่ทันที แต่เมื่อภูตเหล่านั่นพุ่งเข้าจู่โจมมันก็สลายและปลิวหายไปทันทีจนจีใจเสีย
“ลม ปีศาจ..” จีเอ่ยอย่างตกใจเพราะเขาไม่คิดว่าเดวี่จะใช้เวทย์นี้
“ทำความรู้จักข้าให้มากๆ ก่อนนะแล้วค่อยมาสู้กับข้า หึหึ” เสียงกล่าวอันเย็นยะเยือกดังก้องไปทั่ว บางสิ่งกำลังคลืบคลานอยู่เบื้องล่างพร้อมกับรัติกาลเพลิงที่ลุกโชติอีกครั้ง
“ห๊ะ อึก!!” ขณะที่จีกำลังจะถอยตั้งรับก็ต้องตกใจที่จู่ๆ โซ่สีดำเส้นใหญ่พุ่งเข้าพันธนาการที่ขาจนเสียหลักและนั่นทำให้ทำให้ขนสีดำนับร้อยที่เกิดจากการกระพือปีกของเดวี่พุ่งเข้าโจมตีจนร่างทั้งร่างเต็มไปด้วยขนนกสีดำก่อนสติจะค่อยๆดับวูบลงแต่ก็ทันได้รับรู้ว่าเดวี่เดินมาอุ้มร่างของฉันที่นอนสลบอยู่ฉับพลันทั้งคู่ก็หายวับไปพร้อมกับสติของจีดับลง
“และฉันก็มาตื่นอีกทีที่ห้องพยาบาลอ่ะ ฮ่าๆๆ” เจด้าเล่าอย่างออกอรรถรส
“แหม เธอสลบอยู่นะ แต่ทำไมเล่าซะเป็นฉากๆ เชียว” เซฟานี่เอ่ยแซว
“เธอแกล้งรึเปล่าเจด้า” เชโด้เอ่ยแซวบ้าง
“หึยย ฉันก็ฟังจากที่เดวี่เล่าในตอนที่ฉันตื่นอ่ะ เพียงแต่หมอนี่ไม่ยอมเล่าอีกครั้งเอง” เจด้าแก้ตัว
“ฮ่าๆๆ ทุกคนต่างพากันหัวเราะกับวีรกรรมของเพื่อนๆ ตนเอง”
“ว่าแต่พ่อหนุ่มฟินิกซ์ที่ออกมาช่วยหน่ะ เมื่อไรจะพาออกเปิดตัวซะทีหล่ะชายน์” ฮันนี่เอ่ยแซว
“วันหลังคงได้เจอกันแหละ” ชายน์เอ่ยยิ้มๆ ก่อนจะลุกไปเก็บของเพื่อเตรียมตัวกลับบ้านเพราะพวกเขาได้รับสิธิพิเศษให้สามารถปิดเทอมและไม่ต้องสอบปลายภาคเป็นกรณีพิเศษ
“ว่าแต่เราจะได้เรียนไม่ตรงเหมือนคนอื่นๆ จริงๆ หรือ?” เซฟานี่เอ่ย
“ก็เป็นไปแล้วนี่ไง หึหึ” ดัชเอ่ยพร้อมหัวเราะในลำคอ
“ฉันดีใจนะที่อะไรๆ มันลงเอยแบบนี้ เพื่อนเราทุกคนปลอดภัยและแกรนน่าก็ปลอดภัย ส่วนเรื่องอื่นๆ ก็แล้วแต่ว่าทางผู้ใหญ่เขาจะจัดการอย่างไร ” เซฟานี่เอ่ย
“ขอบคุณทุกคนนะที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน ฉันโชคดีที่มีเพื่อนๆ แบบพวกเธอนะ” เบลเอ่ยขึ้นพร้อมกับเดวี่ที่วางถ้วยกาแฟลงแล้วลุกเดินออกไปจากวงทันที
“อ้าว เขากำลังซึ้งไหงนายมาลุกหนีแบบนี้ล่ะเดวี่ ฉันยังไม่ได้พูดอะไรบ้างเลยนะ” มาร์ตินเอ่ยรั้งเดวี่
“ฉันไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้ จะไปช่วยชายน์เก็บของหน่ะ” เดวี่เอ่ยแล้วเดินออกไปทิ้งให้เพื่อนๆ ที่อยู่ข้างหลังนั่งหัวเราะและซุบซิบนินทาเขากับชายน์อย่างสนุกสนาน
‘หวังว่าเราจะได้สร้างความทรงจำดีๆแบบนี้ไปอีกเรื่อยๆ นะ เพื่อนข้า.. นายน้อย..’
…………………………จบภาค 1 …………………………….
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ