สืบสู้ผี ภาค 1-2
8.7
เขียนโดย Jintanakorn
วันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 09.18 น.
73 ตอน
3 วิจารณ์
63.12K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2562 13.11 น. โดย เจ้าของนิยาย
70) กุญแจดอกที่ 13
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเจ้าของเสียงอันแหบพร่าน่าขนลุกก้าวออกมาข้างหน้าอย่างช้าๆ พลางหันหน้าไปเผชิญกับบุรุษหน้าขาวซีด และเขาก็คือคนลึกลับอีกผู้หนึ่งที่มีรูปร่างสูงใหญ่และมีปีกคู่หนึ่งที่ดูคล้ายปีกค้างคาวพับแนบอยู่ข้างลำตัวด้านหลัง แต่ทว่าใบหน้าของเขานั้นก็ถูกซุกซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากเหล็กชั้นหนึ่งที่เหลือช่องตรงดวงตาให้เราได้มองเห็นดวงตาของเขาที่ดูเเฝงเร้นไปด้วยความเหี้ยมเกรียม!
บุรุษผู้มีหน้าขาวซีดเห็นดังนั้นก็ส่ายหน้ายิ้มอย่างหยันๆ
"จะช้าจะเร็วก็ไม่มีใครมาขัดขวางแผนการอันสูงสุดของนายเราได้หรอกน่า ทำไมท่านจะต้องซีเรียสถึงขนาดนั้นด้วยล่ะ 'ท่านจ้าวเวตาลโลหิต'? "
"จ้าวเวตาลโลหิต...? " เสียงอุทานเบาๆ ดังออกมาจากปากของท่านจ้าวแห่งมิตทราห์ที่ยืนอยู่ไม่ห่างจากผม และก็ทำให้พวกเราที่ยืนอยู่ณ.ที่นี้หันไปมองท่านจ้าวแห่งมิตทราห์กันทันที
"พ่อจ้าวรู้จักมันผู้นี้ด้วยเหรอ... เอ๊ะ หรือว่ามันผู้นี้ก็คือ...? " ดวงตาของมูติชาห์วาวโรจน์ขึ้นมาทันที
ท่านจ้าวหันมาพยักหน้ารับ "ใช่แล้ว ตอนแรกข้าก็นึกสงสัยอยู่แล้ว เพราะในดินแดนใกล้ๆ กันนี้ จะมีก็แต่เผ่าอมนุษย์เวตาลแดงกับอมนุษย์เวตาลทองเท่านั้นที่มีปีกคล้ายๆ แบบนี้ และผู้ที่เป็นผู้นำของพวกเวตาลแดงนั้นก็คือ 'จ้าวเวตาลโลหิต' ที่เป็นอมนุษย์ที่มีสติปัญญาฉลาดเฉลียวเหมือนอย่างพวกเรานั่นเอง ส่วนชื่อที่แท้จริงของจ้าวเวตาลโลหิตผู้นี้ก็คือ 'ราชปักษิณ' "
"ถ้างั้น... " ผมมองหน้าท่านจ้าวอย่างตื่นเต้น "พวกอมนุษย์เวตาลที่คอยดักโจมตีเราที่ทางเดินในถ้ำนั่น ก็คือสมุนของมันผู้นี้อย่างนั้นสิครับ?! "
ท่านจ้าวพยักหน้ารับว่าใช่ แล้วเงยหน้าฟังการสนทนาด้านบนต่อไป
"พวกเจ้าทั้งหมดฟังข้าดีๆ " จ้าวเวตาลโลหิตกวาดตามองทุกคนที่อยู่ด้านบน
"พวกเจ้าคงจะลืมกันล่ะมั้งว่า เราจะต้องนำตัวสิงห์ไปให้เร็วที่สุด เพราะแท้ที่จริงสิงห์ก็คือ'กุญแจดอกที่ 13'ที่จะใช้ไขประตูศิลายักษ์ที่ถูกซุกซ่อนอยู่ในดินแดนแห่งนี้ในวันพรุ่งนี้! "
ประโยคนี้ถึงกับทำให้พวกที่อยู่ด้านบนอึ้งกันไปชั่วขณะ แต่กับผมนั้นถึงกับตกตะลึงไปทันที!
อะไรกัน... ที่แท้ สิงห์ก็คือ'กุญแจดอกที่ 13'อย่างงั้นหรือ...?!
ผมแทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน และความตกตะลึงในครั้งนี้ก็ทำให้ผมต้องรีบเหลียวมองไปที่สิงห์ที่ยังคงอยู่ในร่างนุช ส่วนทุกคนที่อยู่ข้างล่างนี้ต่างก็ดูจะตกตะลึงไม่น้อยไปกว่าผม ขณะที่จ้าวเวตาลโลหิตอะไรนั่นก็ยังคงพูดต่อไปกับพวกของตนราวกับไม่เห็นพวกเราอยู่ในสายตา
"พวกเจ้าอย่าได้ลืม ว่าวันพรุ่งนี้แล้ว ที่เป็น'วันอาทิตย์ดับ'หรือวันที่จะมี'สุริยปราคา'เกิดขึ้นในดินแดนแถบนี้ในรอบ 60 ปี หากว่าเลยวันพรุ่งนี้ไปแล้ว การที่จะนำสิงห์ผู้ที่เป็นดอกกุญแจดอกที่ 13 ไปเปิดประตูศิลายักษก็จะไม่ได้ผลใดๆ และนั่นก็จะทำให้เจ้านายของเราไม่สามารถบรรลุจุดประสงค์ที่ยิ่งใหญ่ในครั้งนี้ได้เลย! "
คุณพระช่วย...!
แผนการของบุรุษตาไฟนรกเป็นอย่างนี้เองอย่างนั้นหรือ?
แล้ว... แล้วทำไมจ้าวเวตาลโลหิตถึงเปิดเผยเรื่องนี้ออกมาให้พวกเราที่อยู่ข้างล่างนี้ได้ยินกันล่ะ หรือมันจะมั่นใจว่าแผนการครั้งนี้ของมันจะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอนกันนะ?
ผมรีบหันไปมองท่านจ้าวแห่งมิตทราห์และมูติชาห์ ก็เห็นทั้งสองลืมตาเบิกโพลงและมองหน้ากันเองอย่างสนเท่ห์
"เฮ๊อะ..." มูติชาห์เชิดหน้าขึ้นมองจ้าวเวตาลโลหิต "ประตูศิลายักษ์นั้น พวกเราได้ซ่อนไว้อย่างมิดชิดและเเน่นหนา ไม่มีทางที่พวกเจ้าจะเอาไปได้ง่ายๆ แม้ว่าพวกเจ้าจะข้ามศพพวกเราไปได้ก็เเถอะ! "
จ้าวเวตาลหันควับมาที่พวกเราทันที จากนั้นก็ปรบมือสามครั้งอย่างช้าๆ
"พวกเจ้าชาวมิตทราห์ผู้สูญเสียดินแดนในอณาจักรของตนเองไป มันช่างน่ายกย่องและน่านับถือในความเพียรพยายามที่พวกเจ้าได้ช่วยกันปกป้องประตูศิลานั้นมาอย่างยาวนาน ที่จริงการที่จะบุกมายังที่แห่งนี้เพื่อบีบเอาประตูศิลายักษ์มาจากพวกเจ้า มันก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นเกินไปนักสำหรับเจ้านายของเรา"
จ้าวเวตาลหยุดพูดเล็กน้อยและเดินมาจับราวระเบียงพลางกวาดสายตามองมายังพวกเราข้างล่างด้วยดวงตาที่น่ากลัว
"พวกเจ้ารู้ไหม ว่าพวกเจ้านั้นมันก็ไม่ต่างจากพวกมดแมลงที่คอยปกป้องผลไม้ที่มีผิวแข็งได้ก็แค่เพียงชั่วคราวโดยที่ไม่มีสิทธิที่จะได้ลิ้มรสหรือผลประโยชน์จากผลไม้นั้นเลย เจ้านายของข้านั้นแค่รอคอยเวลาอันสุกงอมบางอย่างเพื่อที่จะใช้ผลประโยชน์จากผลไม้นี้ ซึ่งในเวลานี้มันก็ได้ถึงเวลาอันสุกงอมนั้นเเล้ว และพวกเจ้าก็ไม่อาจจะขัดขวางอำนาจอันยิ่งใหญ่ของเจ้านายข้าได้อย่างแน่นอน"
ถึงตอนนี้ มูติชาห์ก็เดินขึ้นมาข้างหน้าและชี้หน้าจ้าวเวตาลโลหิตผ่านลูกกรงทันที
"บัดซบ! ดููถูกพวกข้าเป็นมดแมลงเลยงั้นรึ บอกข้ามาอีกหน่อยซิ ว่าก่อนหน้านี้เจ้านายของเจ้ารอคอยอะไร และที่สุดแล้วพวกเจ้าจะค้นหาประตูศิลาเจอได้อย่างไรถ้าหากพวกข้าไม่ปริปากบอกพวกเจ้า?! "
โทสะของมูติชาห์ทำให้จ้าวเวตาลโลหิตหัวเราะออกมาด้วยเสียงอันแหบพร่าและเสียดหูอย่างน่าขนลุก
"เจ้าเองคงยังไม่รู้หรืออย่างไร ว่าก่อนที่จะไช้ดอกกุญแจดอก 13 นั้น จะต้องมีการรวบรวมดอกกุญแจอีก 12 ดอกให้ครบเสียก่อน ไม่เช่นนั้นก็จะไม่สามารถที่จะเปิดประตูศิลาได้ ซึ่งก็คือ แม้ตัวสิงห์จะเป็นกุญแจดอกที่ 13 แต่เมื่อนำสิงห์ไปยังประตูยักษ์นั้นแล้ว มันก็จะไม่เกิดผลหรือมีปฏิกิริยาใดๆ เลย แต่ทว่า ณ.บัดนี้ เจ้านายของข้านั้น ได้สามารถรวบรวมดอกกุญแจที่เหลืออีก 12 ดอกได้แล้ว และเมื่อ 13 กุญแจได้รวมกันในวันที่มีสุริยปราคาในครั้งนี้ การเปิดประตูศิลายักษ์นั้นก็จะะประสบผลสำเร็จอย่างแน่นอน ฮ่าฮ่าฮ่า"
ถึงตอนนี้ พวกเราทั้งหมดที่อยู่ข้างล่างนี้ก็ดูเหมือนจะหายใจติดๆ ขัดๆ ไปด้วยความอึดอัดสพรึงใจไปตามๆ กัน ขณะที่จ้าวเวตาลโลหิตก็ยังคงพูดต่อไป
"ส่วนการที่จะค้นหาประตูศิลายักษ์ให้เจอนั้น มันก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งพวกเจ้าต่อไปแม้แต่น้อย พูดง่ายๆ พวกเจ้าชาวมิตทราห์ทุกคนมันไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย จะฆ่าพวกเจ้าหรือไม่ฆ่าพวกเจ้าในตอนนี้มันก็ไม่ต้องใช้ประโยชน์จากพวกเจ้าอย่างแน่นอน...! "
"ถ้างั้น บอกมาชัดๆ สิ ว่าเจ้าจะหาประตูศิลายักษ์นั้นได้อย่างไรกัน...?! " น้ำเสียงของมูติชาห์มีโทสะมากขึ้นกว่าเดิม
แววตาอันเหี้ยมเกรียมของจ้าวเวตาลในตอนนี้แฝงไปด้วยแววเย้ยหยัน
"หึหึ จะยากอะไร ก็ท่าน'มหาดาบส'ของพวกเจ้านั่นไง ที่กำลังจะบอกถึงที่ซ่อนกับพวกข้าด้วยความเต็มใจ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า"
เสียงหัวเราะอันยาวเหยียดของจ้าวเวตาลโลหิตในตอนนี้ดังก้องขึ้นมาอย่างสาแก่ใจของมัน ส่วนพวกเราทั้งหมดที่อยู่ข้างล่างก็ตกตะลึงพรึงเพริดกันทั้งหมด
นี่มัน... มันหมายความว่าอย่างไรกัน?
ถ้าเป็นอย่างที่มันว่า นี่ก็หมายความว่า ท่านมหาดาบสที่คอยช่วยเหลือพวกชาวมิตทราห์มาโดยตลอด บัดนี้ก็ถึงกับหักหลังพวกเขาซะแล้วงั้นหรือ...?!
(โปรดติดตามในบทต่อไป เร็วๆ นี้นะครับ)
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ