Love in demon : รักวุ่นๆของเด็กหนุ่มกับ(เหล่า)ปีศา
8.0
เขียนโดย Blueheadphone
วันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2561 เวลา 21.19 น.
13 ตอน
3 วิจารณ์
13.22K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 11 เมษายน พ.ศ. 2561 21.25 น. โดย เจ้าของนิยาย
7) การผจญภัยครั้งที่ 6
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ “อืม...”
เบ็คกาลอสส่งเสียงครางในลำคอออกมาขณะกำลังดันตัวลุกขึ้นจากพื้น สมองยังคงมีอาการเวียนหัวอยู่เล็กน้อยก่อนจะสะบัดเพื่อไล่มันออกไป ดวงตาสีชมพูหันไปมองรอบด้านก็ค้นพบว่าตนเองอยู่ที่ไหนสักแห่งซึ่งความทรงจำล่าสุดของเขายังคงเป็นตอนที่โดนยูเรนัสกระทืบซะจนเกือบตาย แล้วทำไมเวลานี้เขาถึงอยู่ในที่แบบนี้?
สองข้างทางและด้านหลังของเขามืดจนไม่สามารถมองเห็นอะไรได้เลย มีเพียงแค่แสงสว่างปลายทางคล้ายกับแสงในอุโมงค์ซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่เขามองเห็น เด็กหนุ่มตัดสินใจดันตัวลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปหาแสงสว่างนั้น
เมื่อสุดทางเขาก็เจอเข้าบ้านสองชั้นหลังหนึ่งจึงเลือกที่จะเดินไปอยู่หน้าประตูไม้บานหนึ่งที่มีลายสลักของช่างฝีมือดีทำไว้ รูปของมังกรผู้น่าเกรงขามกำลังโผบินขึ้นไปสู่ท้องฟ้าโดยมีเด็กชายมนุษย์คนหนึ่งนั่งอยู่บนหลังของมัน เขาวางมือลงบนประตูตรงหน้า
“มังกรทรราชจงก้มหัวให้แก่เรา”
คนผมฟ้าพูดประโยคแปลกๆออกมาโดยตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าตนไปเอาคำพูดนี้มาจากที่ใด ทันใดนั้นประตูก็เปิดออก เขารวบรวมความกล้าแล้วเดินเข้าไปก็พบความจริงว่าที่นี่มันใหญ่กว่าที่เขาคิดไว้มากแม้ภายนอกมันจะดูเล็กก็ตาม
ห้องแรกที่เบ็คกาลอสพบก็คือห้องนอนของเด็กเพราะมันมีเตียงสีฟ้าและของเล่นต่างๆมากมายถูกวางไว้ในชั้นเก็บของ นี่ยังไม่รวมพวกดาวไฟประดับด้านบนที่ดูแล้วสวยงามในแบบที่เขาชอบเหมือนกัน
หากแต่สิ่งสมควรจะตกใจก็คือเจ้าตุ๊กตาหมีบนเตียงนั้นมันมีรูปร่างลักษณะคล้ายราวกับว่ามันคือเท็ดดี้ เด็กหนุ่มเดินเข้าไปใกล้เพื่อพิสูจน์ด้วยการนำมันขึ้นมากอดพลางสูดดมกลิ่นนมบูดซึ่งเป็นเอกลักษณ์
กลิ่นเดียวกันเลย...
ทันใดนั้นเสียงล็อคกลอนก็ดังขึ้น เบ็คกาลอสรีบหันหน้ากลับไปทางต้นเสียงก็พบว่าประตูทางเข้าของเขามันได้กลายเป็นอีกบานไปเสียแล้ว คราวนี้มันได้กลายเป็นประตูบานใหญ่กับลายตกแต่งพร้อมด้ามจับซึ่งทำด้วยทองคำบริสุทธิ์อย่างหรูหรา
เด็กหนุ่มหิ้วเจ้าตุ๊กตาคู่ใจซึ่งไม่มีพลังงานอยู่ด้านในไปในห้องต่อไปด้วย ห้องนี้ถูกตกแต่งอย่างเลิศหรูและอลังการงานสร้างคล้ายกับอยู่ในวัง โดยมีรูปบานใหญ่ประดับอยู่ตรงผนังของห้อง และเป็นภาพเดียวที่เขารับรู้ได้ถึงพลังอะไรบางอย่าง
“ราชาเท็กเกเบรียล!?”
เขาอุทานชื่อชายผมฟ้าที่เป็นถึง 1 ใน 7 นักล่าผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ครอบครองฉายา ‘บทเพลงสยบปีศาจ’ ผู้ครอบครองเขตซองค์แลนด์ แม้จะไม่รู้อะไรมากกับผู้ชายคนนี้ แต่สิ่งที่เขารู้ก็คือชายคนนี้หายตัวไปเป็นเวลากว่า 10 ปี โดยไม่มีใครได้พบเห็น จนนักล่าผู้ยิ่งใหญ่ทุกคนนั้นลงความเห็นว่าเขาหายสาบสูญจึงมีการคัดเลือกหาคนที่มีความสามารถขึ้นมาแทน หากแต่ตอนนี้ก็ยังไม่มีใครมีความสามารถพอถึงจุดจุดนั้นได้
ส่วนด้านข้างของเขาเป็นผู้หญิงผู้สะสวยกับดวงตาสีชมพูอันทรงเสน่ย์ เธอคนนี้อาจจะเป็นภรรยาของราชาเพราะเธอสวมแหวนแต่งงานวงเดียวกับที่องค์ราชามี พวกเขาสองคนกำลังสวมกอดเด็กชายผมขาวคนหนึ่งซึ่งเด็กคนนี้นี่แหละที่เขารู้สึกแปลกๆเมื่อได้จ้องมองเขาไปในดวงตาคู่นั้น
“ว้าก!!!”
เด็กหนุ่มร้องเสียงดังลั่นเมื่อจู่ๆก็มีมือปริศนาพุ่งออกมาจากรูปภาพก่อนจะดึงเขาเข้าไปในรูปภาพนั้น เมื่อสามารถปรับสภาพดวงตาให้มองเห็นรอบด้านได้ก็พบว่าตนเองยืนอยู่ท่ามกลางสวนของต้นซากุระสีชมพูที่กำลังโปรยปราย ซึ่งมันจะดูสวยมากหากนี่คือเวลาปกติแต่ไม่ใช่ในความคิดกลับบรรยากาศหนาวเย็นจากเกล็ดหิมะจากท้องฟ้า
“ไฟเยอร์ฟรอม”เบ็คกาลอสร่ายเวยท์มนต์ของตน “อะไรกัน!? เวทย์ของเราใช้ไม่ได้!?”
จากหิมะนั้นก็ค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นห่าฝนที่ตกลงมาผสมกับอากาศเมื่อสักครู่ยิ่งทำให้อุณหภูมิในร่างกายของเบ็คกาลอสยิ่งลดลงเข้าไปใหญ่
“บัดซบที่นี่มันที่ไหนกัน!!!”
คนผมฟ้าตัดสินใจออกวิ่งด้วยแรงเท่าที่จะมีเพราะถ้าหากยังคงยืนอยู่เฉยๆมันก็คงไม่ต่างกับการยืนรอความตาย ฉับพลันเมื่อวิ่งออกไปได้สักพักหูของเขาก็ดันไปได้ยินเสียงของบทเพลงอันแสนไพเราะมาจากที่ใดสักแห่ง
“โอ้พิรุณเจ้าเอ๋ยซัดซาไร้แววจะหยุด จะกอดเธอเอาไว้เพราะเธอกำลังซ่อนเร้นคำตอบถ้อยคำหนึ่งเดียวที่หาตลอดมา”
“เสียงใครน่ะ!? ช่วยผมที!?”
“ฝากเพียงเสียงกระซิบ ถึงเธอผู้เดียวที่จากยังมั่นคงเสมอ แม้ท้ายที่สุดขอเป็นแค่คน เยียวยาหัวใจที่อ่อนแรง”
“ได้ยินเสียงผมไหม!? ช่วยผมทีเถอะ!?”
อย่าปล่อยอารมณ์ไปกับบรรยากาศโดยรอบ
จู่ๆคำสอนของพ่อก็ดังขึ้นมาในสมองของเขา เด็กหนุ่มกัดริมฝีปากของตนเองแน่นจนเลือดไหลแล้วทำตามที่เขาได้รับการสั่งสอนมา เบ็คกาลอสตั้งใจฟังเสียงนั้นเพื่อหาแหล่งเสียงและเมื่อพบจึงค่อยๆเดินฝ่าความหนาวเหน็บนี้ไปแม้ขาของเขาแทบจะไม่ขยับแล้วก็ตาม
เมื่อมาถึงจุดจุดหนึ่งซึ่งร่างกายของคนผมฟ้าไม่สามารถรับไหว เขาก็ล้มลงไปนอนกับพื้นภายใต้สภาพอากาศอันโหดร้ายที่พร้อมจะฆ่าเขาได้ในทุกวินาที และแล้วเสียงร้องเพลงก็ดังขึ้นอีกครั้ง หากคราวนี้มันแตกต่างออกไป เพราะเมื่อเขาได้ยินเสียงนั้นความหนาวเหน็บรอบตัวมันก็หายไปและกลายเป็นความอบอุ่นแทน
“อันฤดูกาลผลิใบซากุระขาวร่วงลงผืนดิน เป็นได้เพียงภาพความฝันที่ลอยอยู่ไกลแสน กลีบไม้งามโรยหล่นไปร่อนลมไสว กระซิบเสียงมาเป็นถ้อยคำอันจดจำไม่เลือนจากใจ”
นี่เป็นหลายครั้งของวันนี้ซึ่งเบ็คกาลอสไม่เข้าใจเลยว่าสถานที่รอบกายมันเปลี่ยนไปเร็วมากซะจนรับไม่ทัน แล้วคราวนี้เขากำลังยืนอยู่ตรงหน้าของเด็กหนุ่มที่ครอบครองเส้นผมสีแดง โดยเขาคนนี้นี่แหละคือคนต้นเสียงร้องเพลงอันแสนไพเราะ หากแต่บทเพลงของเขานั้นมันกลับมีความเจ็บปวดแฝงอยู่ในเนื้อเพลงและอารมณ์ของน้ำเสียงนั้น
“จารึกลงช่วงเวลาที่ผ่านเลยมาโหดร้ายเหลือทน ผูกมัดโยงใจทั้งสองโดยไม่มีเหตุผล จนไม้งามซากุระงอกกลีบสดเขียวหมดใบร่วงรา ยังไม่เอือนพูดวาจาใดๆออกไป”
“ฉัน...เคยได้ยินเพลงนี้”คนผมฟ้าพูดกับเด็กหนุ่มตรงหน้า
“ก็ไม่แปลก เพลงนี้ก็เคยเป็นเพลงนิยมในเว็บฟังเพลง”คนที่นั่งอยู่เงยหน้าขึ้นมาตอบ
“ไม่...ฉันเคยได้ยินเพลงนี้...ด้วยเสียงของนาย”
“...”เขาไม่ตอบอะไรทำแค่เพียงจ้องมองตัวเขาด้วยดวงตาสีเทาเศร้าหมองนั้น “นายสมควรจะลืมเรื่องของฉัน”
“นายเป็นใครกันแน่...”
“ฉันเพิ่งจะพูดไปว่านายควรจะลืมเรื่องของฉัน...คิดผิดจริงๆที่แสดงตัวออกไปช่วยนายตอนนั้น”
หมับ!
เบ็คกาลอสเอื้อมมือออกไปคว้าแขนของคนผมแดงซึ่งลุกขึ้นและกำลังจะเดินหนีเขาไปโดยตอบยังไม่ตรงคำถามของตนเอง
“ปล่อยเถอะ...แล้วกลับไปซะ”
“ฉันจะไม่กลับถ้ายังไม่ได้รู้คำตอบ”คนผมฟ้าพูดกับฝ่ายตรงข้าม “นายช่วยฉันไว้ตอนนั้นสินะ?”
“...”เด็กหนุ่มผมแดงไม่ตอบอะไรแต่หันหน้ากลับมา “ใช่ฉันเองแหละ”
“ขอบคุณ”
เด็กหนุ่มผมแดงเบือนหน้าหนีอีกฝ่ายเพื่อซ่อนอารมณ์ความรู้สึกและใบหน้าซึ่งกำลังค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดงของตนด้วยความเขินอาย แม้เวลาจะผ่านมาหลายปีแล้วเขาก็ยังไม่เคยเข้าใจในพลังสะกดที่ทำให้คนรอบข้างหลงใหลในตัวของเด็กคนนี้ได้เลยแม้แต่น้อย
“เรื่องเล็กน้อย...ตอนนายเด็กนายเจ็บกว่านี้ตั้งมากมาย”ประโยคด้านหลังเขาพูดด้วยเสียงเบาเพราะไม่อยากให้เบ็คกาลอสได้ยิน “กลับไปซะเถอะ ที่นี่ไม่ใช่ที่ของนาย”
“ฉันจะไปก็ต่อเมื่อรู้ชื่อของนาย”
“…ไทแรนส์”
“โกหก”เบ็คกาลอสพูดออกไปแทบจะในทันทีเมื่อคนผมแดงบอกชื่อของตนเพราะเด็กหนุ่มสามารถจับผิดได้จากการหลบตาของอีกฝ่าย
“ไม่โง่เหมือนเมื่อก่อนแฮะ”คนตรงหน้าหัวเราะเมื่อนึกถึงความหลัง “คอนโทรนคือชื่อของฉัน...รู้แล้วก็กลับไปซะเถอะ”
คอนโทรนไม่พูดเปล่าเมื่อเขาดีดนิ้วเพื่อเรียกประตูไม้ออกมาด้านหลังของเบ็คกาลอส เมื่อมันเปิดออกมือสีดำมากมายก็พุ่งออกมาจับร่างของเด็กหนุ่มผมฟ้าเอาไว้ก่อนจะกระชากเขาเข้าไปในความมืดด้านหลัง
ในขณะที่คนผมฟ้าพยายามขัดขืนด้วยการยึดร่างของตนเอาไว้ตรงบานประตู เด็กหนุ่มผมแดงก็เอ่ยประโยคด้วยน้ำเสียงอันเป็นห่วงให้เขาได้ฟัง
“อย่าพยายามรวมมณีเข้าด้วยกันเลย...เพื่อความปลอดภัยของนายนะเบ็ค”
ปึง!
เสียงประตูปิดลงเมื่อร่างของเบ็คกาลอสถูกดึงเข้ามาด้านในอย่างสมบูรณ์ ภาพทุกอย่างกลายเป็นสีดำอีกครั้งพร้อมกับไม่สามารถขยับร่างกายของตนได้ เขาอยู่ในสภาพนี้นานพอสมควรก่อนจะได้ยินเสียงเรียกของใครสักคนดังเข้ามาในหู
และแล้วเขาก็สามารถลืมเปลือกตาอันหนักอึ้งให้เปิดออกมาได้ก็พบกับเท็ดดี้ที่ก้มร้องไห้ซบอกของเขาอยู่ เมื่อมือของเจ้านายเอื้อมขึ้นไปลูบหัวของมันเบาๆเท็ดดี้ก็เงยหน้าขึ้นมามองเด็กหนุ่มซึ่งกำลังส่งยิ้มให้มัน ฉับพลันมันก็พุ่งเข้าไปรัดคอนายเหนือหัวอย่างเต็มแรงจนคนผมฟ้าหายใจแทบจะไม่ออก
“ฉันยังไม่ตาย”
“เจ้านายเบ็ค...ฮือๆ...กระผมเป็นห่วงมากเลย...ขอรับ”มันว่าด้วยเสียงอู้อี้ “เจ้านายหลับไป...ฮึก...นานมากเลยครับ”
“กี่วันล่ะ?”
“เกือบ 5 วันเลยขอรับ”
นี่ตูหลับหรือตูตายวะ!?
“เจ้านายอย่าขยับนะขอรับ! ร่างกายอาจจะยังฟื้นสภาพไม่พอ!”
“ไม่เป็นไร…มันดีขึ้นมากแล้ว”
ตุ๊กตาหมีร้องเตือนเมื่อเห็นเจ้านายของมันกำลังดันตัวลุกขึ้น เบ็คกาลอสบอกเท็ดดี้ก่อนจะอุ้มมันขึ้นมากอดไว้ในอกแล้วก้มลงไปจูบหน้าผากที่มีกลิ่นเหม็นของมันหนึ่งทีแล้ววางลงไว้ที่เก้าอี้ไม้ข้างๆเตียงที่ตนเคยนอน
“หลับเถอะท่าทางนายจะใช้พลังงานมากเกินไปแล้ว”
“ขอรับ”
“แล้ววูฟหายไปไหนล่ะ?”คนผมฟ้าถามหาคู่หูของตน
“เมื่อคืนเจ้านายเขาเฝ้าเจ้านายทั้งคืน ตอนนี้เขาเลยหลับไม่รู้เรื่องอยู่ห้องข้างๆขอรับ”
“โอเคเดี๋ยวฉันไปหาเขาเอง”ว่าก่อนจะวางมือลงปิดบริเวณตาของตุ๊กตาหมี “นายก็คงจะเหนือมาเยอะแล้วนอนซะ”
เบ็คกาลอสเกาแก้มของตนด้วยความสงสัยว่าทำไมวันนี้เท็ดดี้ถึงว่านอนสอนง่ายกว่าที่คิด เวลาสั่งให้นอนทีไรก็แทบไม่เคยทำตาม แต่วันนี้กลับหายไปเฉยๆ ก็คงจะเป็นเพราะความเหนื่อยล้าจริงๆเหมือนที่เขาคิดนั่นแหละมั้ง
เจ้าตัวเดินออกไปด้านนอกทำให้พบเข้ากับห้องนั่งเล่นขนาดกลาง โดยเขาคิดเอาเองว่าที่นี่คือบ้านพักตากอากาศภายในเขตซีแลนด์ตามที่วูดวูฟได้ขอราชาไลท์เรย์มา มือเอื้อมไปจับรูปถ่ายซึ่งตั้งอยู่บนโต๊ะแล้วหัวเราะเมื่อเห็นเด็กผมดำคนหนึ่งยืนถ่ายรูปกับพ่อของตน ซึ่งนี่ก็เดาว่าต้องเป็นวูดวูฟสมัยเด็กอย่างแน่นอน
“ไม่น่าโตเลยนะนายเนี่ย”
เมื่อเคาะประตูขออนุญาตเสร็จแล้วไม่มีเสียงตอบกลับมาจึงถือวิสาสะเปิดเขาไปด้านในเอง ภายในห้องนอนอีกห้องเขาก็เห็นชายผมดำกำลังหลับลึกอยู่บนเตียงขนาดใหญ่ในท่าที่ไม่มีผ้าห่มคลุมอยู่จึงเดินเข้าไปจับผ้านั้นมาห่มให้อีกฝ่าย
ฉับพลันมือหยาบๆก็พุ่งมาคว้าแขนของเขาไว้แล้วพึมพำอะไรเบาๆสักอย่าง เด็กหนุ่มถอนหายใจก่อนจะค่อยๆดึงมันออกแล้ววางไว้ด้านข้างแล้วเดินออกมาจากห้องเพื่อหาห้องน้ำ เมื่อเข้าไปถึงก็ต้องเปลื้องผ้าออกเพื่อสำรวจร่างกายของตนเอง
ไม่น่าเชื่อว่าบาดแผลจากการต่อสู้และรอยช้ำทั้งหมดหายไปในเวลาแค่ 5 วัน อย่างน้อยมันก็สมควรจะเหลือรอยอะไรไว้บ้างสักนิดสิ!? แล้วอวัยวะนี้มันเป็นปกติเหมือนกับไม่เคยผ่านการต่อสู้มายังใหญ่ยาว เอ๊ย! ยังปกตีอยู่ครบ 32 ทุกส่วน
จัดการอาบน้ำและแต่งตัวให้หล่อโดยเสร็จสรรพและไม่ได้ให้ความสนใจกับเรื่องพลังรักษาของตนเองเลยแม้แต่น้อยก็เปิดประตูระเบียงออกไปสูดรับอากาศบริสุทธิ์ของบ้านริมทะเลพลางหันไปมองเหล่าผู้คนซึ่งกำลังเล่นน้ำอย่างสนุกสนานของชายหาดด้านข้าง
“มีบ้านกับหาดส่วนตัวแบบนี้ต้องรวยขนาดไหนกันนะ?”
ว่าแล้วก็นึกว่าถ้าหากเขามีเงินซื้อที่ริมทะเลขนาดนี้ได้เขาคงจะนำมันไปซื้อเครื่องเกมที่ทันสมัยที่สุดมาตั้งไว้ในบ้านพร้อมกับทีวีจอแบรน์ขนาดใหญ่ต่อแล้วนั่งเล่นทั้งวัน ไม่ต้องออกไปไล่ล่าพวกปีศาจให้เสียแรงเสียเหงื่อหรอก...แต่ในความเป็นจริงก็คงต้องขอหลังล่ะนะ
แล้วในจุดหนึ่งก็มีบางอย่างพุ่งเข้ามาในสมองให้เขาหันหน้าไปมองชายคนหนึ่งที่อยู่ชายหาดด้านข้าง เขาคนนั้นไม่เหมือนกับคนทั่วไปเพราะเขาไม่ได้เล่นน้ำ สร้างปราสาททราย ฟังเพลง เล่นบอลหรือทำอะไรทั้งนั้น...แต่เขากำลังเก็บขยะ?
“คนแบบนี้ก็มีด้วยรึไงกัน?”
วันนี้มีแต่เรื่องแปลกๆทั้งนั้น และเขาเองก็ไม่รู้เลยว่าทำไมจู่ๆตนเองถึงกระโดดลงไปด้านล่างแล้วพุ่งตรงเข้าไปหาชายผมน้ำเงินคนนั้น ก่อนที่ปากของตนเองจะยื่นข้อเสนอเข้าช่วยให้อีกฝ่ายฟัง
“ให้ผมช่วยนะครับ”
ชายผมน้ำเงินคนนั้นดูตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นเด็กคนนี้พุ่งตรงมาหาเขาและพูดประโยคนั้น นี่เขาทำงานแบบนี้มานานหลายปียังไม่เคยมีใครสักคนที่เคยคิดจะช่วยเขาเลยแม้แต่นิดเดียว เมื่อไม่ได้คำตอบเบ็คกาลอสก็คิดเอาเองว่าอีกฝ่ายตกลงจึงแย่งถุงขยะถุงหนึ่งมาแล้วเดินเก็บวัตถุสกปรกทุกชนิดเพื่อสร้างความสะอาดแก่หาด
“...คอนโทรน? ใครกันนะ…เออช่างมันเถอะ ฮ่าๆ!”
ร่างของเด็กหนุ่มผมแดงปรากฏขึ้นด้านหลังของคนผมฟ้าโดยไม่มีใครสามารถมองเห็นเขาได้ ก่อนที่คอนโทรลจะวางมือลงบนศีรษะของอีกฝ่ายเพื่อลบความทรงจำที่เขาสองคนเคยเจอกันอีกครั้งแล้วถอนหายใจเมื่อเห็นอีกฝ่ายลืมเขาตามที่คิดไว้
“ลืมฉันนั่นแหละดีแล้วเบ็ค...นี่ก็เพื่อนาย”
ภาพของคอนโทรนหายไปโดยที่เขาเองก็ไม่ได้ทันรู้สึกตัวถึงสายตาซึ่งจ้องมองมาของชายในผ้าคลุมสีดำ เดรนแสยะยิ้มอย่างพ่อใจเมื่อเห็นว่าร่างกายของเบ็คกาลอสยังคงครบถ้วนไม่มีส่วนใดขาดหรือเสียหาย นั่นทำให้เขาสบายใจอย่างมาก
“อย่าเพิ่งตายล่ะผู้สืบทอดพลังแห่งแสง...เราสองคนมีอะไรต้องทำกันอีกมากมายเลยไอ้หนู!”
ณ ปราสาทสถานที่ลับของ 6 ตัววิปลาส
ลึกเข้าไปในป่าใหญ่ในเขตใดเขตหนึ่งของทวีปยูโทเปีย มีปราสาทสีดำขนาดใหญ่ถูกตั้งไว้เพื่อไม่ให้ใครรู้ ณ ที่แห่งนี้คือจุดรวมของ 6 ตัววิปลาสซึ่งใช้กันมาตั้งแต่สมับบรรพกาล โดยสามารถสังเกตได้จากรูปภาพแขวนผนังที่เป็นแต่ละรุ่นของพวกมัน
รอบโต๊ะกลมหากแต่ไม่ครบองค์ประชุมเพราะขาดยูเรนัสซึ่งยังคงนั่งกอดเขาอยู่ภายในห้องของตนเองทำให้มีเพียงแค่ 5 ตนเท่านั้นที่มาร่วมประชุมกันด้วยคำสั่งของเดรน ผู้ที่ไม่ค่อยมีใครอยากจะขัดสักเท่าไหร่นัก
“ไอ้นี่สินะที่มันทำพี่ฉัน!? มันอยู่ไหนฉันจะฆ่ามัน!”
ด้วยความโมโหหลังจากชายในผ้าคลุมวางรูปของเด็กหนุ่มผมฟ้าไว้บนโต๊ะแล้วฝาแฝดคนรองอย่าง ‘อูราโนส คมดาบมฤตยู’ ได้หยิบไปดูก็ต้องใช้มือของตนทุบลงบนโต๊ะซะจนมันหักครึ่งยากจะนำกลับมาใช้งานได้
‘ไนน์เทล เก้าหางเก้าชีวิต’ ปีศาจผมส้มถอนหายใจแรงก่อนหันไปมองเด็กชายผมม่วงซึ่งถือว่าเป็นลูกเลี้ยงของตน เด็กน้อยพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนจะหมุนมือของตนเองเปลี่ยนเวลาให้โต๊ะนั้นกลับมาเป็นสภาพพร้อมใช้งานเหมือนใหม่
“ยังไม่ใช่เวลาของแกอูราส”เดรนบอก “พวกมันอยู่ที่ซีแลนด์และฉันเดาเอาไว้ว่าไอ้นกสองหัวอย่างคาเอมกับเซอร์เพ็นต้องเป็นคนแนะนำมันไปอย่างแน่นอน”
“จะฆ่าพวกมันรึเปล่าคิๆ ผมอยากผ่าท้องพวกมันใจจะขาดแล้วคิๆ”
ตัวตลกปีศาจผู้แสนโรคจิตอย่าง ‘โจ๊กเกอร์ ตัวตลกโลกมืด’ เอ่ยถามแล้วหัวเราะด้วยเสียงหวีดแหลมพลางใช้มีดสั้นในมือผ่าท้องของตนเองอย่างสนุกสนาน ก่อนจะนำเครื่องในของตนยัดกลับเข้าไปด้านในดังเดิมแล้วจึงจัดการเย็บด้วยเข็ม
“เลิกทำอะไรน่าขยะแขยงแบบนั้นซะทีเถอะโจ๊ก”
‘พลูโต มายามรณะ’ ทำท่าขยะแขยงเมื่อเห็นการกระทำของปีศาจอีกตน แม้เขาจะเคยเห็นมาเยอะแล้วกับการทำแบบนี้แต่ก็ไม่สามารถมองให้มันเป็นเรื่องปกติได้เสียที
“พวกเราจะเก็บไอ้กิ้งก่ากับไอ้งูนั่นไว้ทำไม? พวกมันขายข่าวให้พวกเราก็จริง แต่ในทางกลับกันมันก็เอาเรื่องของเราไปขายเหมือนกัน”ไนน์เทลว่า
“ไม่น่ามีปัญหาอะไรเพราะเรื่องสำคัญของพวกเรามันไม่ได้เผยแพร่ออกไป นั่นคือเหตุผลที่ฉันเก็บพวกมันสองตัวเอาไว้”เดรนตอบ “แล้วเรายังต้องติดตามผู้สืบทอดพลังแห่งแสงอยู่จึงต้องใช้พวกมันไปก่อน”
“ทำไมเราต้องติดตามไอ้เด็กนี่ด้วย!? ดูสิ่งที่มันทำกับยูเรสสิ!?”อูเรสตะโกนถาม “ถ้าแค่ชิงมณีมาฉันไปเอามาให้ก็ได้ แต่มีข้อแม้ว่าฉันต้องได้ฆ่ามันด้วยมือฉันเอง”
“แล้วแกเห็นสิ่งที่มันทำไว้กับยูเรนัสไหมล่ะ?”
ผู้นำปีศาจเอ่ยถามอีกฝ่าย เพราะหลังจากที่ยูเรนัสกลับมาด้วยสภาพสะบักสะบอมเจียนตายเขาก็เอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องไม่ออกมาเป็นเวลา 5 วันเต็มๆ และไม่มีใครสามารถเข้าไปได้เพราะมีต้นไม้มากมายปิดกั้นเขาเอาไว้
“ยูเรนัสที่ฉันรู้จักก็ไม่ใช่ปีศาจระดับล่างๆ ยิ่งในร่างปีศาจด้วยยังไม่เคยคิดว่ามันจะแพ้ให้ใครนอกจากฉัน ไนน์เทลและแก”เดรนพูด “ถ้าเลี่ยงการปะทะได้จะดีที่สุด”
“ฉันเห็นด้วย/ผมเห็นด้วยคิๆ”ไนน์เทลและโจ๊กเกอร์พูดพร้อมกัน
“ไนน์เทลฉันมีงานให้แกทำ”
“อะไรล่ะเดรน?”
“คาเอมขายข้อมูลให้ฉันว่ามณีชิ้นหนึ่งอยู่ที่ซีแลนด์ แกต้องไปเอามาก่อนที่ไอ้เด็กนั่นมันจะได้ไป เข้าใจนะ?”
“แล้วทำไมต้องฉันล่ะ!? ถ้าซีแลนด์ให้ไอ้อูราสไปไม่ดีกว่าเหรอ!?”
ปีศาจผมส้มว่าตามความจริงเพราะอูราโนสเคยเป็นใหญ่ในซีแลนด์ เนื่องจากเคยมีเผ่าพันธุ์ปีศาจปลาไม่ขึ้นตรงต่อเขาคมดาบมฤตยูจึงฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ซะจนเหลือรอดไปไม่กี่เปอร์เซ็นต์แล้วเขาก็ยังเป็นคนทำลายอารยธรรมใต้น้ำเกือบทั้งหมด ดังนั้นอูราโนสจึงน่าจะเป็นคนที่รู้ทุกซอกทุกมุมในเขตนั้นมากกว่าเขาที่ชอบเขตแซนแลนด์เสียมากกว่า
“ที่ฉันส่งแกไปเพราะพวกมันไปถึงแล้ว อูราโนสมันเก่งแต่ก็โง่ในเรื่องการหาของ”
“เฮ้ๆ!”
“เรื่องการดมกลิ่นหาของโบราณน่ะไม่มีใครเก่งเท่าแกหรอกไนน์เทล”
“ครับๆ ผมไปเองก็ได้ท่านเดรน...เฮ้อ”
“โจ๊กเกอร์แกจงไปแซนแลนด์”
“เห!? ผมหรอคิๆ”
“ใช่มณีอีกชิ้นเซอร์เพ็นมันบอกว่าอยู่ที่นั่น”
“ก็ได้ครับคิๆ”
“แล้วฉันล่ะ!?”
ฝาแฝดปีศาจของยูเรนัสทั้งอูราโนสและพลูโตเอ่ยถามเมื่อเดรนไม่ได้มอบหมายงานให้ เดรนไม่ตอบอะไรก่อนจะสั่งจบงานแล้วกระจายกันไปทำงานจนทั้งคู่เกิดความไม่พอใจ
“ชิ! เห็นว่าตัวเองเก่งที่สุดก็ทำตัวเป็นหัวหน้าพวกเรา”
“ฉันล่ะเหม็นขี้หน้ามันจะตายแล้ว...รอให้พวกเราได้มณีมาทั้ง 7 ชิ้นก่อนเถอะฉันจะขอให้มันหายไป”
“ฉันได้ยินที่พวกแกพูด!!!”เสียงตะโกนของเดรนลั่นไปทั้งปราสาทสร้างความหวาดกลัวแก่ทุกคนที่ได้ยินน้ำเสียงนั้นโดยเฉพาะอูราโนสและพลูโต
“นี่พี่เทลทำไมพวกเราต้องไปซีแลนด์ด้วยล่ะ?”ไทม์เด็กน้อยผู้คุมกาลเวลาถามพ่อเลี้ยงของตน
“เห? พี่กะจะพานายไปเล่นน้ำทะเลสักหน่อยนะ”ไนน์เทลหัวเราะ “ไม่อยากเล่นรึไง?”
“อยากสิครับ!”
“พรุ่งนี้เราต้องเดินทางแต่เช้าเพราะงั้นเด็กดีของพี่ต้องรีบๆนอนเข้าใจไหม?”
“ครับผม!”
ปีศาจอายุกว่า 300 ปีแต่ยังมีใบหน้าที่ยังเยาว์วัยกล่อมเด็กน้อยให้หลับไปพร้อมกับตุ๊กตากระต่ายสีชมพูก่อนจะมานั่งคิดว่าทำไมเดรนถึงส่งเขาไปยังซีแลนด์ เรื่องการหาของโบราณเขาช่ำชองมันก็จริงแต่เขาเองก็ไม่ใช่พวกที่ถูกกับน้ำสักเท่าไหร่
คนผมส้มก็นึกอะไรดีๆออกจึงเปิดลิ้นชักหากระดาษแผ่นหนึ่งแล้วคลี่มันออกอ่าน ทันใดนั้นรอยยิ้มชั่วร้ายก็ผุดขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลานั้น
‘‘มณีแต่ละชิ้นจะมีพลังดึงดูดกัน แต่ต้องในระยะใกล้’’เก้าหางเก้าชีวิตพึมพำ “งั้นก็ดีสิเพราะฉันมีพวกแกอยู่นี่หว่า?”
ปีศาจเก้าหางเปิดตู้ลับของตนเองออกมาเพื่อนำเครื่องประดับสองชนิดมาวางไว้บนโต๊ะ ชิ้นหนึ่งเป็นต่างหูที่มีอัญมณีสีส้ม ส่วนอีกหนึ่งชิ้นคือมงกุฎซึ่งทำมาจากทองแท้และมีอัญมณีสีม่วงประดับตรงกลาง
2 ใน 7 อัญมณีแห่งแสง ‘ราเทล’ กับ ‘ซีน’
จบไปแล้วอีกตอนนะครับอีกหนึ่งตอน ขอโทษที่หายไปนานนะครับเพราะช่วงนี้ใกล้เปิดเทอมต้องเช็คของที่บ้าน งานเต็มเลย 555 ยังไงซะถ้าตอนนี้มีคำผิดหรือบกพร่องในเนื้อเรื่องเยอะก็ต้องขออภัย เวลาแต่งแค่ 3 ชั่วโมงเองครับ และห่างหายไปนานเลยอาจจะมีลืมๆไปบ้าง ต้องขอภัยจริงๆครับ
ปล.อย่าลืมเม้นติชมนะจ๊ะ!
Blueheadphone
ลืมใส่เครดิตครับ!!!
เนื่องจากไปเจอคอมเม้นของคุณ นุ้งง'รุ้ง เฟี้ยวฟ้าววว(ชื่อน่ารักจัง 555) มาเม้นว่าเคยฟังเพลง ผมก็เลยคิดไปคิดมา ตูลืมใส่เครดิตนี่หว่า!!!
‘โอ้พิรุณเจ้าเอ๋ยซัดซาไร้แววจะหยุด จะกอดเธอเอาไว้เพราะเธอกำลังซ่อนเร้นคำตอบถ้อยคำหนึ่งเดียวที่หาตลอดมา ฝากเพียงเสียงกระซิบ ถึงเธอผู้เดียวที่จากยังมั่นคงเสมอ แม้ท้ายที่สุดขอเป็นแค่คน เยียวยาหัวใจที่อ่อนแรง’
เพลงนี้ชื่อว่า jougen no tsuki (Crescent Moon) แปลไทยว่า จันทร์เสี้ยวข้างขึ้น น่าจะของ Kurousa-P ft. Kaito รึเปล่าไม่แน่ใจ
ส่วนคำร้องไทยผมได้มาจากช่องของ Kurohina L. ในยูทูปครับ
https://www.youtube.com/watch?v=33SH72AoBoQ
‘อันฤดูกาลผลิใบซากุระขาวร่วงลงผืนดิน เป็นได้เพียงภาพความฝันที่ลอยอยู่ไกลแสน กลีบไม้งามโรยหล่นไปร่อนลมไสว กระซิบเสียงมาเป็นถ้อยคำอันจดจำไม่เลือนจากใจ จารึกลงช่วงเวลาที่ผ่านเลยมาโหดร้ายเหลือทน ผูกมัดโยงใจทั้งสองโดยไม่มีเหตุผล จนไม้งามซากุระงอกกลีบสดเขียวหมดใบร่วงรา ยังไม่เอือนพูดวาจาใดๆออกไป’
เพลงนี้ชื่อว่า Yume to Hazakura/夢と葉桜 (ความฝันกับใบซากุระ) ต้นฉบับน่าจะของ Hatsune Miku
คำร้องไทยผมก็ได้ฟังจากช่อง Kurohina L. ในยูทูปครับเหมือนเดิมครับ 555
https://www.youtube.com/watch?v=negBvgXjarU
อันนี้ซับไทยของช่อง 105kp (ส่วนตัวชอบครับ)
https://www.youtube.com/watch?v=1GKKueOroGY
อันนี้ของช่อง ToNy_GospeL ชอบพี่คนนี้ร้องเพลงมากเลยครับ รอฟัง partner in crime อยู่ เวอร์ชั่นผู้ชายร้องผมว่าก็เสียงหล่อดีนะ 555
https://www.youtube.com/watch?v=fd_uVID4OQg
ถ้าหากตกหล่นตรงไหนไปก็ต้องขออภัยด้วยนะครับ
เบ็คกาลอสส่งเสียงครางในลำคอออกมาขณะกำลังดันตัวลุกขึ้นจากพื้น สมองยังคงมีอาการเวียนหัวอยู่เล็กน้อยก่อนจะสะบัดเพื่อไล่มันออกไป ดวงตาสีชมพูหันไปมองรอบด้านก็ค้นพบว่าตนเองอยู่ที่ไหนสักแห่งซึ่งความทรงจำล่าสุดของเขายังคงเป็นตอนที่โดนยูเรนัสกระทืบซะจนเกือบตาย แล้วทำไมเวลานี้เขาถึงอยู่ในที่แบบนี้?
สองข้างทางและด้านหลังของเขามืดจนไม่สามารถมองเห็นอะไรได้เลย มีเพียงแค่แสงสว่างปลายทางคล้ายกับแสงในอุโมงค์ซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่เขามองเห็น เด็กหนุ่มตัดสินใจดันตัวลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปหาแสงสว่างนั้น
เมื่อสุดทางเขาก็เจอเข้าบ้านสองชั้นหลังหนึ่งจึงเลือกที่จะเดินไปอยู่หน้าประตูไม้บานหนึ่งที่มีลายสลักของช่างฝีมือดีทำไว้ รูปของมังกรผู้น่าเกรงขามกำลังโผบินขึ้นไปสู่ท้องฟ้าโดยมีเด็กชายมนุษย์คนหนึ่งนั่งอยู่บนหลังของมัน เขาวางมือลงบนประตูตรงหน้า
“มังกรทรราชจงก้มหัวให้แก่เรา”
คนผมฟ้าพูดประโยคแปลกๆออกมาโดยตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าตนไปเอาคำพูดนี้มาจากที่ใด ทันใดนั้นประตูก็เปิดออก เขารวบรวมความกล้าแล้วเดินเข้าไปก็พบความจริงว่าที่นี่มันใหญ่กว่าที่เขาคิดไว้มากแม้ภายนอกมันจะดูเล็กก็ตาม
ห้องแรกที่เบ็คกาลอสพบก็คือห้องนอนของเด็กเพราะมันมีเตียงสีฟ้าและของเล่นต่างๆมากมายถูกวางไว้ในชั้นเก็บของ นี่ยังไม่รวมพวกดาวไฟประดับด้านบนที่ดูแล้วสวยงามในแบบที่เขาชอบเหมือนกัน
หากแต่สิ่งสมควรจะตกใจก็คือเจ้าตุ๊กตาหมีบนเตียงนั้นมันมีรูปร่างลักษณะคล้ายราวกับว่ามันคือเท็ดดี้ เด็กหนุ่มเดินเข้าไปใกล้เพื่อพิสูจน์ด้วยการนำมันขึ้นมากอดพลางสูดดมกลิ่นนมบูดซึ่งเป็นเอกลักษณ์
กลิ่นเดียวกันเลย...
ทันใดนั้นเสียงล็อคกลอนก็ดังขึ้น เบ็คกาลอสรีบหันหน้ากลับไปทางต้นเสียงก็พบว่าประตูทางเข้าของเขามันได้กลายเป็นอีกบานไปเสียแล้ว คราวนี้มันได้กลายเป็นประตูบานใหญ่กับลายตกแต่งพร้อมด้ามจับซึ่งทำด้วยทองคำบริสุทธิ์อย่างหรูหรา
เด็กหนุ่มหิ้วเจ้าตุ๊กตาคู่ใจซึ่งไม่มีพลังงานอยู่ด้านในไปในห้องต่อไปด้วย ห้องนี้ถูกตกแต่งอย่างเลิศหรูและอลังการงานสร้างคล้ายกับอยู่ในวัง โดยมีรูปบานใหญ่ประดับอยู่ตรงผนังของห้อง และเป็นภาพเดียวที่เขารับรู้ได้ถึงพลังอะไรบางอย่าง
“ราชาเท็กเกเบรียล!?”
เขาอุทานชื่อชายผมฟ้าที่เป็นถึง 1 ใน 7 นักล่าผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ครอบครองฉายา ‘บทเพลงสยบปีศาจ’ ผู้ครอบครองเขตซองค์แลนด์ แม้จะไม่รู้อะไรมากกับผู้ชายคนนี้ แต่สิ่งที่เขารู้ก็คือชายคนนี้หายตัวไปเป็นเวลากว่า 10 ปี โดยไม่มีใครได้พบเห็น จนนักล่าผู้ยิ่งใหญ่ทุกคนนั้นลงความเห็นว่าเขาหายสาบสูญจึงมีการคัดเลือกหาคนที่มีความสามารถขึ้นมาแทน หากแต่ตอนนี้ก็ยังไม่มีใครมีความสามารถพอถึงจุดจุดนั้นได้
ส่วนด้านข้างของเขาเป็นผู้หญิงผู้สะสวยกับดวงตาสีชมพูอันทรงเสน่ย์ เธอคนนี้อาจจะเป็นภรรยาของราชาเพราะเธอสวมแหวนแต่งงานวงเดียวกับที่องค์ราชามี พวกเขาสองคนกำลังสวมกอดเด็กชายผมขาวคนหนึ่งซึ่งเด็กคนนี้นี่แหละที่เขารู้สึกแปลกๆเมื่อได้จ้องมองเขาไปในดวงตาคู่นั้น
“ว้าก!!!”
เด็กหนุ่มร้องเสียงดังลั่นเมื่อจู่ๆก็มีมือปริศนาพุ่งออกมาจากรูปภาพก่อนจะดึงเขาเข้าไปในรูปภาพนั้น เมื่อสามารถปรับสภาพดวงตาให้มองเห็นรอบด้านได้ก็พบว่าตนเองยืนอยู่ท่ามกลางสวนของต้นซากุระสีชมพูที่กำลังโปรยปราย ซึ่งมันจะดูสวยมากหากนี่คือเวลาปกติแต่ไม่ใช่ในความคิดกลับบรรยากาศหนาวเย็นจากเกล็ดหิมะจากท้องฟ้า
“ไฟเยอร์ฟรอม”เบ็คกาลอสร่ายเวยท์มนต์ของตน “อะไรกัน!? เวทย์ของเราใช้ไม่ได้!?”
จากหิมะนั้นก็ค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นห่าฝนที่ตกลงมาผสมกับอากาศเมื่อสักครู่ยิ่งทำให้อุณหภูมิในร่างกายของเบ็คกาลอสยิ่งลดลงเข้าไปใหญ่
“บัดซบที่นี่มันที่ไหนกัน!!!”
คนผมฟ้าตัดสินใจออกวิ่งด้วยแรงเท่าที่จะมีเพราะถ้าหากยังคงยืนอยู่เฉยๆมันก็คงไม่ต่างกับการยืนรอความตาย ฉับพลันเมื่อวิ่งออกไปได้สักพักหูของเขาก็ดันไปได้ยินเสียงของบทเพลงอันแสนไพเราะมาจากที่ใดสักแห่ง
“โอ้พิรุณเจ้าเอ๋ยซัดซาไร้แววจะหยุด จะกอดเธอเอาไว้เพราะเธอกำลังซ่อนเร้นคำตอบถ้อยคำหนึ่งเดียวที่หาตลอดมา”
“เสียงใครน่ะ!? ช่วยผมที!?”
“ฝากเพียงเสียงกระซิบ ถึงเธอผู้เดียวที่จากยังมั่นคงเสมอ แม้ท้ายที่สุดขอเป็นแค่คน เยียวยาหัวใจที่อ่อนแรง”
“ได้ยินเสียงผมไหม!? ช่วยผมทีเถอะ!?”
อย่าปล่อยอารมณ์ไปกับบรรยากาศโดยรอบ
จู่ๆคำสอนของพ่อก็ดังขึ้นมาในสมองของเขา เด็กหนุ่มกัดริมฝีปากของตนเองแน่นจนเลือดไหลแล้วทำตามที่เขาได้รับการสั่งสอนมา เบ็คกาลอสตั้งใจฟังเสียงนั้นเพื่อหาแหล่งเสียงและเมื่อพบจึงค่อยๆเดินฝ่าความหนาวเหน็บนี้ไปแม้ขาของเขาแทบจะไม่ขยับแล้วก็ตาม
เมื่อมาถึงจุดจุดหนึ่งซึ่งร่างกายของคนผมฟ้าไม่สามารถรับไหว เขาก็ล้มลงไปนอนกับพื้นภายใต้สภาพอากาศอันโหดร้ายที่พร้อมจะฆ่าเขาได้ในทุกวินาที และแล้วเสียงร้องเพลงก็ดังขึ้นอีกครั้ง หากคราวนี้มันแตกต่างออกไป เพราะเมื่อเขาได้ยินเสียงนั้นความหนาวเหน็บรอบตัวมันก็หายไปและกลายเป็นความอบอุ่นแทน
“อันฤดูกาลผลิใบซากุระขาวร่วงลงผืนดิน เป็นได้เพียงภาพความฝันที่ลอยอยู่ไกลแสน กลีบไม้งามโรยหล่นไปร่อนลมไสว กระซิบเสียงมาเป็นถ้อยคำอันจดจำไม่เลือนจากใจ”
นี่เป็นหลายครั้งของวันนี้ซึ่งเบ็คกาลอสไม่เข้าใจเลยว่าสถานที่รอบกายมันเปลี่ยนไปเร็วมากซะจนรับไม่ทัน แล้วคราวนี้เขากำลังยืนอยู่ตรงหน้าของเด็กหนุ่มที่ครอบครองเส้นผมสีแดง โดยเขาคนนี้นี่แหละคือคนต้นเสียงร้องเพลงอันแสนไพเราะ หากแต่บทเพลงของเขานั้นมันกลับมีความเจ็บปวดแฝงอยู่ในเนื้อเพลงและอารมณ์ของน้ำเสียงนั้น
“จารึกลงช่วงเวลาที่ผ่านเลยมาโหดร้ายเหลือทน ผูกมัดโยงใจทั้งสองโดยไม่มีเหตุผล จนไม้งามซากุระงอกกลีบสดเขียวหมดใบร่วงรา ยังไม่เอือนพูดวาจาใดๆออกไป”
“ฉัน...เคยได้ยินเพลงนี้”คนผมฟ้าพูดกับเด็กหนุ่มตรงหน้า
“ก็ไม่แปลก เพลงนี้ก็เคยเป็นเพลงนิยมในเว็บฟังเพลง”คนที่นั่งอยู่เงยหน้าขึ้นมาตอบ
“ไม่...ฉันเคยได้ยินเพลงนี้...ด้วยเสียงของนาย”
“...”เขาไม่ตอบอะไรทำแค่เพียงจ้องมองตัวเขาด้วยดวงตาสีเทาเศร้าหมองนั้น “นายสมควรจะลืมเรื่องของฉัน”
“นายเป็นใครกันแน่...”
“ฉันเพิ่งจะพูดไปว่านายควรจะลืมเรื่องของฉัน...คิดผิดจริงๆที่แสดงตัวออกไปช่วยนายตอนนั้น”
หมับ!
เบ็คกาลอสเอื้อมมือออกไปคว้าแขนของคนผมแดงซึ่งลุกขึ้นและกำลังจะเดินหนีเขาไปโดยตอบยังไม่ตรงคำถามของตนเอง
“ปล่อยเถอะ...แล้วกลับไปซะ”
“ฉันจะไม่กลับถ้ายังไม่ได้รู้คำตอบ”คนผมฟ้าพูดกับฝ่ายตรงข้าม “นายช่วยฉันไว้ตอนนั้นสินะ?”
“...”เด็กหนุ่มผมแดงไม่ตอบอะไรแต่หันหน้ากลับมา “ใช่ฉันเองแหละ”
“ขอบคุณ”
เด็กหนุ่มผมแดงเบือนหน้าหนีอีกฝ่ายเพื่อซ่อนอารมณ์ความรู้สึกและใบหน้าซึ่งกำลังค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดงของตนด้วยความเขินอาย แม้เวลาจะผ่านมาหลายปีแล้วเขาก็ยังไม่เคยเข้าใจในพลังสะกดที่ทำให้คนรอบข้างหลงใหลในตัวของเด็กคนนี้ได้เลยแม้แต่น้อย
“เรื่องเล็กน้อย...ตอนนายเด็กนายเจ็บกว่านี้ตั้งมากมาย”ประโยคด้านหลังเขาพูดด้วยเสียงเบาเพราะไม่อยากให้เบ็คกาลอสได้ยิน “กลับไปซะเถอะ ที่นี่ไม่ใช่ที่ของนาย”
“ฉันจะไปก็ต่อเมื่อรู้ชื่อของนาย”
“…ไทแรนส์”
“โกหก”เบ็คกาลอสพูดออกไปแทบจะในทันทีเมื่อคนผมแดงบอกชื่อของตนเพราะเด็กหนุ่มสามารถจับผิดได้จากการหลบตาของอีกฝ่าย
“ไม่โง่เหมือนเมื่อก่อนแฮะ”คนตรงหน้าหัวเราะเมื่อนึกถึงความหลัง “คอนโทรนคือชื่อของฉัน...รู้แล้วก็กลับไปซะเถอะ”
คอนโทรนไม่พูดเปล่าเมื่อเขาดีดนิ้วเพื่อเรียกประตูไม้ออกมาด้านหลังของเบ็คกาลอส เมื่อมันเปิดออกมือสีดำมากมายก็พุ่งออกมาจับร่างของเด็กหนุ่มผมฟ้าเอาไว้ก่อนจะกระชากเขาเข้าไปในความมืดด้านหลัง
ในขณะที่คนผมฟ้าพยายามขัดขืนด้วยการยึดร่างของตนเอาไว้ตรงบานประตู เด็กหนุ่มผมแดงก็เอ่ยประโยคด้วยน้ำเสียงอันเป็นห่วงให้เขาได้ฟัง
“อย่าพยายามรวมมณีเข้าด้วยกันเลย...เพื่อความปลอดภัยของนายนะเบ็ค”
ปึง!
เสียงประตูปิดลงเมื่อร่างของเบ็คกาลอสถูกดึงเข้ามาด้านในอย่างสมบูรณ์ ภาพทุกอย่างกลายเป็นสีดำอีกครั้งพร้อมกับไม่สามารถขยับร่างกายของตนได้ เขาอยู่ในสภาพนี้นานพอสมควรก่อนจะได้ยินเสียงเรียกของใครสักคนดังเข้ามาในหู
และแล้วเขาก็สามารถลืมเปลือกตาอันหนักอึ้งให้เปิดออกมาได้ก็พบกับเท็ดดี้ที่ก้มร้องไห้ซบอกของเขาอยู่ เมื่อมือของเจ้านายเอื้อมขึ้นไปลูบหัวของมันเบาๆเท็ดดี้ก็เงยหน้าขึ้นมามองเด็กหนุ่มซึ่งกำลังส่งยิ้มให้มัน ฉับพลันมันก็พุ่งเข้าไปรัดคอนายเหนือหัวอย่างเต็มแรงจนคนผมฟ้าหายใจแทบจะไม่ออก
“ฉันยังไม่ตาย”
“เจ้านายเบ็ค...ฮือๆ...กระผมเป็นห่วงมากเลย...ขอรับ”มันว่าด้วยเสียงอู้อี้ “เจ้านายหลับไป...ฮึก...นานมากเลยครับ”
“กี่วันล่ะ?”
“เกือบ 5 วันเลยขอรับ”
นี่ตูหลับหรือตูตายวะ!?
“เจ้านายอย่าขยับนะขอรับ! ร่างกายอาจจะยังฟื้นสภาพไม่พอ!”
“ไม่เป็นไร…มันดีขึ้นมากแล้ว”
ตุ๊กตาหมีร้องเตือนเมื่อเห็นเจ้านายของมันกำลังดันตัวลุกขึ้น เบ็คกาลอสบอกเท็ดดี้ก่อนจะอุ้มมันขึ้นมากอดไว้ในอกแล้วก้มลงไปจูบหน้าผากที่มีกลิ่นเหม็นของมันหนึ่งทีแล้ววางลงไว้ที่เก้าอี้ไม้ข้างๆเตียงที่ตนเคยนอน
“หลับเถอะท่าทางนายจะใช้พลังงานมากเกินไปแล้ว”
“ขอรับ”
“แล้ววูฟหายไปไหนล่ะ?”คนผมฟ้าถามหาคู่หูของตน
“เมื่อคืนเจ้านายเขาเฝ้าเจ้านายทั้งคืน ตอนนี้เขาเลยหลับไม่รู้เรื่องอยู่ห้องข้างๆขอรับ”
“โอเคเดี๋ยวฉันไปหาเขาเอง”ว่าก่อนจะวางมือลงปิดบริเวณตาของตุ๊กตาหมี “นายก็คงจะเหนือมาเยอะแล้วนอนซะ”
เบ็คกาลอสเกาแก้มของตนด้วยความสงสัยว่าทำไมวันนี้เท็ดดี้ถึงว่านอนสอนง่ายกว่าที่คิด เวลาสั่งให้นอนทีไรก็แทบไม่เคยทำตาม แต่วันนี้กลับหายไปเฉยๆ ก็คงจะเป็นเพราะความเหนื่อยล้าจริงๆเหมือนที่เขาคิดนั่นแหละมั้ง
เจ้าตัวเดินออกไปด้านนอกทำให้พบเข้ากับห้องนั่งเล่นขนาดกลาง โดยเขาคิดเอาเองว่าที่นี่คือบ้านพักตากอากาศภายในเขตซีแลนด์ตามที่วูดวูฟได้ขอราชาไลท์เรย์มา มือเอื้อมไปจับรูปถ่ายซึ่งตั้งอยู่บนโต๊ะแล้วหัวเราะเมื่อเห็นเด็กผมดำคนหนึ่งยืนถ่ายรูปกับพ่อของตน ซึ่งนี่ก็เดาว่าต้องเป็นวูดวูฟสมัยเด็กอย่างแน่นอน
“ไม่น่าโตเลยนะนายเนี่ย”
เมื่อเคาะประตูขออนุญาตเสร็จแล้วไม่มีเสียงตอบกลับมาจึงถือวิสาสะเปิดเขาไปด้านในเอง ภายในห้องนอนอีกห้องเขาก็เห็นชายผมดำกำลังหลับลึกอยู่บนเตียงขนาดใหญ่ในท่าที่ไม่มีผ้าห่มคลุมอยู่จึงเดินเข้าไปจับผ้านั้นมาห่มให้อีกฝ่าย
ฉับพลันมือหยาบๆก็พุ่งมาคว้าแขนของเขาไว้แล้วพึมพำอะไรเบาๆสักอย่าง เด็กหนุ่มถอนหายใจก่อนจะค่อยๆดึงมันออกแล้ววางไว้ด้านข้างแล้วเดินออกมาจากห้องเพื่อหาห้องน้ำ เมื่อเข้าไปถึงก็ต้องเปลื้องผ้าออกเพื่อสำรวจร่างกายของตนเอง
ไม่น่าเชื่อว่าบาดแผลจากการต่อสู้และรอยช้ำทั้งหมดหายไปในเวลาแค่ 5 วัน อย่างน้อยมันก็สมควรจะเหลือรอยอะไรไว้บ้างสักนิดสิ!? แล้วอวัยวะนี้มันเป็นปกติเหมือนกับไม่เคยผ่านการต่อสู้มายังใหญ่ยาว เอ๊ย! ยังปกตีอยู่ครบ 32 ทุกส่วน
จัดการอาบน้ำและแต่งตัวให้หล่อโดยเสร็จสรรพและไม่ได้ให้ความสนใจกับเรื่องพลังรักษาของตนเองเลยแม้แต่น้อยก็เปิดประตูระเบียงออกไปสูดรับอากาศบริสุทธิ์ของบ้านริมทะเลพลางหันไปมองเหล่าผู้คนซึ่งกำลังเล่นน้ำอย่างสนุกสนานของชายหาดด้านข้าง
“มีบ้านกับหาดส่วนตัวแบบนี้ต้องรวยขนาดไหนกันนะ?”
ว่าแล้วก็นึกว่าถ้าหากเขามีเงินซื้อที่ริมทะเลขนาดนี้ได้เขาคงจะนำมันไปซื้อเครื่องเกมที่ทันสมัยที่สุดมาตั้งไว้ในบ้านพร้อมกับทีวีจอแบรน์ขนาดใหญ่ต่อแล้วนั่งเล่นทั้งวัน ไม่ต้องออกไปไล่ล่าพวกปีศาจให้เสียแรงเสียเหงื่อหรอก...แต่ในความเป็นจริงก็คงต้องขอหลังล่ะนะ
แล้วในจุดหนึ่งก็มีบางอย่างพุ่งเข้ามาในสมองให้เขาหันหน้าไปมองชายคนหนึ่งที่อยู่ชายหาดด้านข้าง เขาคนนั้นไม่เหมือนกับคนทั่วไปเพราะเขาไม่ได้เล่นน้ำ สร้างปราสาททราย ฟังเพลง เล่นบอลหรือทำอะไรทั้งนั้น...แต่เขากำลังเก็บขยะ?
“คนแบบนี้ก็มีด้วยรึไงกัน?”
วันนี้มีแต่เรื่องแปลกๆทั้งนั้น และเขาเองก็ไม่รู้เลยว่าทำไมจู่ๆตนเองถึงกระโดดลงไปด้านล่างแล้วพุ่งตรงเข้าไปหาชายผมน้ำเงินคนนั้น ก่อนที่ปากของตนเองจะยื่นข้อเสนอเข้าช่วยให้อีกฝ่ายฟัง
“ให้ผมช่วยนะครับ”
ชายผมน้ำเงินคนนั้นดูตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นเด็กคนนี้พุ่งตรงมาหาเขาและพูดประโยคนั้น นี่เขาทำงานแบบนี้มานานหลายปียังไม่เคยมีใครสักคนที่เคยคิดจะช่วยเขาเลยแม้แต่นิดเดียว เมื่อไม่ได้คำตอบเบ็คกาลอสก็คิดเอาเองว่าอีกฝ่ายตกลงจึงแย่งถุงขยะถุงหนึ่งมาแล้วเดินเก็บวัตถุสกปรกทุกชนิดเพื่อสร้างความสะอาดแก่หาด
“...คอนโทรน? ใครกันนะ…เออช่างมันเถอะ ฮ่าๆ!”
ร่างของเด็กหนุ่มผมแดงปรากฏขึ้นด้านหลังของคนผมฟ้าโดยไม่มีใครสามารถมองเห็นเขาได้ ก่อนที่คอนโทรลจะวางมือลงบนศีรษะของอีกฝ่ายเพื่อลบความทรงจำที่เขาสองคนเคยเจอกันอีกครั้งแล้วถอนหายใจเมื่อเห็นอีกฝ่ายลืมเขาตามที่คิดไว้
“ลืมฉันนั่นแหละดีแล้วเบ็ค...นี่ก็เพื่อนาย”
ภาพของคอนโทรนหายไปโดยที่เขาเองก็ไม่ได้ทันรู้สึกตัวถึงสายตาซึ่งจ้องมองมาของชายในผ้าคลุมสีดำ เดรนแสยะยิ้มอย่างพ่อใจเมื่อเห็นว่าร่างกายของเบ็คกาลอสยังคงครบถ้วนไม่มีส่วนใดขาดหรือเสียหาย นั่นทำให้เขาสบายใจอย่างมาก
“อย่าเพิ่งตายล่ะผู้สืบทอดพลังแห่งแสง...เราสองคนมีอะไรต้องทำกันอีกมากมายเลยไอ้หนู!”
ณ ปราสาทสถานที่ลับของ 6 ตัววิปลาส
ลึกเข้าไปในป่าใหญ่ในเขตใดเขตหนึ่งของทวีปยูโทเปีย มีปราสาทสีดำขนาดใหญ่ถูกตั้งไว้เพื่อไม่ให้ใครรู้ ณ ที่แห่งนี้คือจุดรวมของ 6 ตัววิปลาสซึ่งใช้กันมาตั้งแต่สมับบรรพกาล โดยสามารถสังเกตได้จากรูปภาพแขวนผนังที่เป็นแต่ละรุ่นของพวกมัน
รอบโต๊ะกลมหากแต่ไม่ครบองค์ประชุมเพราะขาดยูเรนัสซึ่งยังคงนั่งกอดเขาอยู่ภายในห้องของตนเองทำให้มีเพียงแค่ 5 ตนเท่านั้นที่มาร่วมประชุมกันด้วยคำสั่งของเดรน ผู้ที่ไม่ค่อยมีใครอยากจะขัดสักเท่าไหร่นัก
“ไอ้นี่สินะที่มันทำพี่ฉัน!? มันอยู่ไหนฉันจะฆ่ามัน!”
ด้วยความโมโหหลังจากชายในผ้าคลุมวางรูปของเด็กหนุ่มผมฟ้าไว้บนโต๊ะแล้วฝาแฝดคนรองอย่าง ‘อูราโนส คมดาบมฤตยู’ ได้หยิบไปดูก็ต้องใช้มือของตนทุบลงบนโต๊ะซะจนมันหักครึ่งยากจะนำกลับมาใช้งานได้
‘ไนน์เทล เก้าหางเก้าชีวิต’ ปีศาจผมส้มถอนหายใจแรงก่อนหันไปมองเด็กชายผมม่วงซึ่งถือว่าเป็นลูกเลี้ยงของตน เด็กน้อยพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนจะหมุนมือของตนเองเปลี่ยนเวลาให้โต๊ะนั้นกลับมาเป็นสภาพพร้อมใช้งานเหมือนใหม่
“ยังไม่ใช่เวลาของแกอูราส”เดรนบอก “พวกมันอยู่ที่ซีแลนด์และฉันเดาเอาไว้ว่าไอ้นกสองหัวอย่างคาเอมกับเซอร์เพ็นต้องเป็นคนแนะนำมันไปอย่างแน่นอน”
“จะฆ่าพวกมันรึเปล่าคิๆ ผมอยากผ่าท้องพวกมันใจจะขาดแล้วคิๆ”
ตัวตลกปีศาจผู้แสนโรคจิตอย่าง ‘โจ๊กเกอร์ ตัวตลกโลกมืด’ เอ่ยถามแล้วหัวเราะด้วยเสียงหวีดแหลมพลางใช้มีดสั้นในมือผ่าท้องของตนเองอย่างสนุกสนาน ก่อนจะนำเครื่องในของตนยัดกลับเข้าไปด้านในดังเดิมแล้วจึงจัดการเย็บด้วยเข็ม
“เลิกทำอะไรน่าขยะแขยงแบบนั้นซะทีเถอะโจ๊ก”
‘พลูโต มายามรณะ’ ทำท่าขยะแขยงเมื่อเห็นการกระทำของปีศาจอีกตน แม้เขาจะเคยเห็นมาเยอะแล้วกับการทำแบบนี้แต่ก็ไม่สามารถมองให้มันเป็นเรื่องปกติได้เสียที
“พวกเราจะเก็บไอ้กิ้งก่ากับไอ้งูนั่นไว้ทำไม? พวกมันขายข่าวให้พวกเราก็จริง แต่ในทางกลับกันมันก็เอาเรื่องของเราไปขายเหมือนกัน”ไนน์เทลว่า
“ไม่น่ามีปัญหาอะไรเพราะเรื่องสำคัญของพวกเรามันไม่ได้เผยแพร่ออกไป นั่นคือเหตุผลที่ฉันเก็บพวกมันสองตัวเอาไว้”เดรนตอบ “แล้วเรายังต้องติดตามผู้สืบทอดพลังแห่งแสงอยู่จึงต้องใช้พวกมันไปก่อน”
“ทำไมเราต้องติดตามไอ้เด็กนี่ด้วย!? ดูสิ่งที่มันทำกับยูเรสสิ!?”อูเรสตะโกนถาม “ถ้าแค่ชิงมณีมาฉันไปเอามาให้ก็ได้ แต่มีข้อแม้ว่าฉันต้องได้ฆ่ามันด้วยมือฉันเอง”
“แล้วแกเห็นสิ่งที่มันทำไว้กับยูเรนัสไหมล่ะ?”
ผู้นำปีศาจเอ่ยถามอีกฝ่าย เพราะหลังจากที่ยูเรนัสกลับมาด้วยสภาพสะบักสะบอมเจียนตายเขาก็เอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องไม่ออกมาเป็นเวลา 5 วันเต็มๆ และไม่มีใครสามารถเข้าไปได้เพราะมีต้นไม้มากมายปิดกั้นเขาเอาไว้
“ยูเรนัสที่ฉันรู้จักก็ไม่ใช่ปีศาจระดับล่างๆ ยิ่งในร่างปีศาจด้วยยังไม่เคยคิดว่ามันจะแพ้ให้ใครนอกจากฉัน ไนน์เทลและแก”เดรนพูด “ถ้าเลี่ยงการปะทะได้จะดีที่สุด”
“ฉันเห็นด้วย/ผมเห็นด้วยคิๆ”ไนน์เทลและโจ๊กเกอร์พูดพร้อมกัน
“ไนน์เทลฉันมีงานให้แกทำ”
“อะไรล่ะเดรน?”
“คาเอมขายข้อมูลให้ฉันว่ามณีชิ้นหนึ่งอยู่ที่ซีแลนด์ แกต้องไปเอามาก่อนที่ไอ้เด็กนั่นมันจะได้ไป เข้าใจนะ?”
“แล้วทำไมต้องฉันล่ะ!? ถ้าซีแลนด์ให้ไอ้อูราสไปไม่ดีกว่าเหรอ!?”
ปีศาจผมส้มว่าตามความจริงเพราะอูราโนสเคยเป็นใหญ่ในซีแลนด์ เนื่องจากเคยมีเผ่าพันธุ์ปีศาจปลาไม่ขึ้นตรงต่อเขาคมดาบมฤตยูจึงฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ซะจนเหลือรอดไปไม่กี่เปอร์เซ็นต์แล้วเขาก็ยังเป็นคนทำลายอารยธรรมใต้น้ำเกือบทั้งหมด ดังนั้นอูราโนสจึงน่าจะเป็นคนที่รู้ทุกซอกทุกมุมในเขตนั้นมากกว่าเขาที่ชอบเขตแซนแลนด์เสียมากกว่า
“ที่ฉันส่งแกไปเพราะพวกมันไปถึงแล้ว อูราโนสมันเก่งแต่ก็โง่ในเรื่องการหาของ”
“เฮ้ๆ!”
“เรื่องการดมกลิ่นหาของโบราณน่ะไม่มีใครเก่งเท่าแกหรอกไนน์เทล”
“ครับๆ ผมไปเองก็ได้ท่านเดรน...เฮ้อ”
“โจ๊กเกอร์แกจงไปแซนแลนด์”
“เห!? ผมหรอคิๆ”
“ใช่มณีอีกชิ้นเซอร์เพ็นมันบอกว่าอยู่ที่นั่น”
“ก็ได้ครับคิๆ”
“แล้วฉันล่ะ!?”
ฝาแฝดปีศาจของยูเรนัสทั้งอูราโนสและพลูโตเอ่ยถามเมื่อเดรนไม่ได้มอบหมายงานให้ เดรนไม่ตอบอะไรก่อนจะสั่งจบงานแล้วกระจายกันไปทำงานจนทั้งคู่เกิดความไม่พอใจ
“ชิ! เห็นว่าตัวเองเก่งที่สุดก็ทำตัวเป็นหัวหน้าพวกเรา”
“ฉันล่ะเหม็นขี้หน้ามันจะตายแล้ว...รอให้พวกเราได้มณีมาทั้ง 7 ชิ้นก่อนเถอะฉันจะขอให้มันหายไป”
“ฉันได้ยินที่พวกแกพูด!!!”เสียงตะโกนของเดรนลั่นไปทั้งปราสาทสร้างความหวาดกลัวแก่ทุกคนที่ได้ยินน้ำเสียงนั้นโดยเฉพาะอูราโนสและพลูโต
“นี่พี่เทลทำไมพวกเราต้องไปซีแลนด์ด้วยล่ะ?”ไทม์เด็กน้อยผู้คุมกาลเวลาถามพ่อเลี้ยงของตน
“เห? พี่กะจะพานายไปเล่นน้ำทะเลสักหน่อยนะ”ไนน์เทลหัวเราะ “ไม่อยากเล่นรึไง?”
“อยากสิครับ!”
“พรุ่งนี้เราต้องเดินทางแต่เช้าเพราะงั้นเด็กดีของพี่ต้องรีบๆนอนเข้าใจไหม?”
“ครับผม!”
ปีศาจอายุกว่า 300 ปีแต่ยังมีใบหน้าที่ยังเยาว์วัยกล่อมเด็กน้อยให้หลับไปพร้อมกับตุ๊กตากระต่ายสีชมพูก่อนจะมานั่งคิดว่าทำไมเดรนถึงส่งเขาไปยังซีแลนด์ เรื่องการหาของโบราณเขาช่ำชองมันก็จริงแต่เขาเองก็ไม่ใช่พวกที่ถูกกับน้ำสักเท่าไหร่
คนผมส้มก็นึกอะไรดีๆออกจึงเปิดลิ้นชักหากระดาษแผ่นหนึ่งแล้วคลี่มันออกอ่าน ทันใดนั้นรอยยิ้มชั่วร้ายก็ผุดขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลานั้น
‘‘มณีแต่ละชิ้นจะมีพลังดึงดูดกัน แต่ต้องในระยะใกล้’’เก้าหางเก้าชีวิตพึมพำ “งั้นก็ดีสิเพราะฉันมีพวกแกอยู่นี่หว่า?”
ปีศาจเก้าหางเปิดตู้ลับของตนเองออกมาเพื่อนำเครื่องประดับสองชนิดมาวางไว้บนโต๊ะ ชิ้นหนึ่งเป็นต่างหูที่มีอัญมณีสีส้ม ส่วนอีกหนึ่งชิ้นคือมงกุฎซึ่งทำมาจากทองแท้และมีอัญมณีสีม่วงประดับตรงกลาง
2 ใน 7 อัญมณีแห่งแสง ‘ราเทล’ กับ ‘ซีน’
จบไปแล้วอีกตอนนะครับอีกหนึ่งตอน ขอโทษที่หายไปนานนะครับเพราะช่วงนี้ใกล้เปิดเทอมต้องเช็คของที่บ้าน งานเต็มเลย 555 ยังไงซะถ้าตอนนี้มีคำผิดหรือบกพร่องในเนื้อเรื่องเยอะก็ต้องขออภัย เวลาแต่งแค่ 3 ชั่วโมงเองครับ และห่างหายไปนานเลยอาจจะมีลืมๆไปบ้าง ต้องขอภัยจริงๆครับ
ปล.อย่าลืมเม้นติชมนะจ๊ะ!
Blueheadphone
ลืมใส่เครดิตครับ!!!
เนื่องจากไปเจอคอมเม้นของคุณ นุ้งง'รุ้ง เฟี้ยวฟ้าววว(ชื่อน่ารักจัง 555) มาเม้นว่าเคยฟังเพลง ผมก็เลยคิดไปคิดมา ตูลืมใส่เครดิตนี่หว่า!!!
‘โอ้พิรุณเจ้าเอ๋ยซัดซาไร้แววจะหยุด จะกอดเธอเอาไว้เพราะเธอกำลังซ่อนเร้นคำตอบถ้อยคำหนึ่งเดียวที่หาตลอดมา ฝากเพียงเสียงกระซิบ ถึงเธอผู้เดียวที่จากยังมั่นคงเสมอ แม้ท้ายที่สุดขอเป็นแค่คน เยียวยาหัวใจที่อ่อนแรง’
เพลงนี้ชื่อว่า jougen no tsuki (Crescent Moon) แปลไทยว่า จันทร์เสี้ยวข้างขึ้น น่าจะของ Kurousa-P ft. Kaito รึเปล่าไม่แน่ใจ
ส่วนคำร้องไทยผมได้มาจากช่องของ Kurohina L. ในยูทูปครับ
https://www.youtube.com/watch?v=33SH72AoBoQ
‘อันฤดูกาลผลิใบซากุระขาวร่วงลงผืนดิน เป็นได้เพียงภาพความฝันที่ลอยอยู่ไกลแสน กลีบไม้งามโรยหล่นไปร่อนลมไสว กระซิบเสียงมาเป็นถ้อยคำอันจดจำไม่เลือนจากใจ จารึกลงช่วงเวลาที่ผ่านเลยมาโหดร้ายเหลือทน ผูกมัดโยงใจทั้งสองโดยไม่มีเหตุผล จนไม้งามซากุระงอกกลีบสดเขียวหมดใบร่วงรา ยังไม่เอือนพูดวาจาใดๆออกไป’
เพลงนี้ชื่อว่า Yume to Hazakura/夢と葉桜 (ความฝันกับใบซากุระ) ต้นฉบับน่าจะของ Hatsune Miku
คำร้องไทยผมก็ได้ฟังจากช่อง Kurohina L. ในยูทูปครับเหมือนเดิมครับ 555
https://www.youtube.com/watch?v=negBvgXjarU
อันนี้ซับไทยของช่อง 105kp (ส่วนตัวชอบครับ)
https://www.youtube.com/watch?v=1GKKueOroGY
อันนี้ของช่อง ToNy_GospeL ชอบพี่คนนี้ร้องเพลงมากเลยครับ รอฟัง partner in crime อยู่ เวอร์ชั่นผู้ชายร้องผมว่าก็เสียงหล่อดีนะ 555
https://www.youtube.com/watch?v=fd_uVID4OQg
ถ้าหากตกหล่นตรงไหนไปก็ต้องขออภัยด้วยนะครับ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ