Love in demon : รักวุ่นๆของเด็กหนุ่มกับ(เหล่า)ปีศา
เขียนโดย Blueheadphone
วันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2561 เวลา 21.19 น.
แก้ไขเมื่อ 11 เมษายน พ.ศ. 2561 21.25 น. โดย เจ้าของนิยาย
8) การผจญภัยครั้งที่ 7
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความหมอนั่นคือใครกัน?
คำถามนี้ยังคงวนเวียนไปมาอยู่ภายในสมองของวูดวูฟทุกครั้งเมื่อเขาได้มองไปยังเบ็คกาลอสซึ่งนั่งกอดตุ๊กตาในขณะเดียวกันก็ได้ใช้วัตถุประหลาดนั่นในการนำทางด้วยการวางสร้อยคอของเขาไว้บนพานนั้น เข็มทิศเวทย์มนต์จะปรากฏขึ้นคองนำทางให้แก่ผู้ใช้งานเหมือนกับที่เซอร์เพ็นบอกไว้
มาเข้าเรื่องกันต่อ หากไม่ได้สนใจเรื่องรูปลักษณ์ร่างกายและใบหน้านั้นจะตอบได้ทันทีเลยว่าคนสองคนนั้นช่างแตกต่าง ทั้งเรื่องของพลังและแรงกดดันอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่คนผมฟ้าก็มีพลังมากพออยู่แล้วแต่อีกคนในร่างของเขากลับมีพลังมากกว่าหลายขุม
หากมีเรื่องติดใจที่จะไม่ถามออกไป เพราะดูท่าแล้วเจ้าตัวเองก็เหมือนจะจำอะไรไม่ได้ ทั้งเรื่องของคนผมแดงหรือเรื่องที่เคยสู้กับยูเรนัส เนื่องจากว่าเบ็คกาลอสไม่ได้พูดถึงเรื่องนั้นเลยแม้แต่น้อย แล้วเมื่อถามออกไปเขาก็ส่ายหัวไปมาเหมือนมันไม่เคยเกิดขึ้น
ข้อสงสัยอีกข้อหนึ่งคือเรื่องของสภาพร่างกายเด็กคนนี้ ในช่วงแรกชายหนุ่มกะจะนำตัวเขาเข้าโรงพยาบาลซึ่งใกล้ที่สุด จังหวะนั้นตุ๊กตาหมีนั่นก็บอกว่าไม่จำเป็น เจ้านายของมันต้องการแค่เวลานอนเท่านั้น ซึ่งมันก็เป็นจริงเพราะร่างกายของเบ็คกาลอสสามารถคืนสภาพและเยียวยาตนเองได้ในระยะเวลาอันสั้นแม้แผลนั้นจะหนักหนาจนดูแล้วจะรอดยากก็ตาม
“อีกไกลแค่ไหนเราถึงจะเจอมัน?”
วูดวูฟเอ่ยถามเพื่อทราบเส้นทางในการขับเรือของตนเองและทำลายความเงียบซึ่งเกิดขึ้นมาตั้งแต่เริ่มออกทะเลมา โดยเขาต้องคอยเลี่ยงสายตาไม่ให้จ้องไปหาท่อนบนเปลือยเปล่าของคู่หูตนเอง เพราะมันช่างดึงดูดให้มองยิ่งนัก ทั้งกล้ามหน้าท้องและแขนที่ไม่ได้มีมากหรือน้อยจนเกินไป เมื่อแสงแดดส่องลงมากระทบกับเหงื่อบนร่างกายนั้นมันช่าง...น่าหลงใหล
“ไม่รู้สิ”คนผมฟ้าส่ายหัว “มันเอาแต่ชี้มาทางนี้”
“แต่นี่เราออกมาจะ 3 ชั่วโมงแล้วนะ”คนขับเรือบอก “มันใจจริงๆรึไงว่าเจ้านั่นมันใช้ได้?”
“พูดอย่างกับว่าเรามีทางเลือกอื่นอย่างงั้นแหละ”เขาหันหน้ามาบอก “หรือนายอยากจะกระโดดลงไปงมหาอัญมณีในมหาสมุทร? มันไม่ใช่การหาไดโนเสาร์ในห้างนะที่ทำได้ง่ายขนาดนั้นน่ะ!”
ฉับพลันเข็มทิศนั้นจากที่มันเคยชี้ไปด้านหน้า มันก็หันเหให้พุ่งลงไปด้านล่างอย่างเร็วจนคนผมดำแทบจะหยุดเรือไม่ทัน
“ข้างล่างงั้นเหรอ?”เบ็คกาลอสถามก่อนจะลุกไปมองลึกลงไปในน้ำทะเลสีใสจนมองเห็นพื้นด้านล่าง “เมืองใต้น้ำ ‘แอนทีส’ ”
“มันเคยเป็นเกาะอยู่ครั้งหนึ่งก่อนจะถูกอูราโนสพังซะยับจนจมลงไปใต้ทะเล”วูดวูฟเสริม “นายคิดจะดำลงไปในน้ำลึกแบบนั้นเนี่ยนะ!?”
“ทำไมล่ะ?”
คนผมดำตะโกนถามเมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มกำลังเปลี่ยนกางเกงยีนส์ของตนเองเป็นกางเกงขาสั้นลายดอกซากุระสีชมพู เบ็คกาลอสยักไหล่ไม่สนใจคำพูดของคู่หูก่อนจะดีดนิ้วเรียกวงเวทย์สีฟ้าไว้ใต้เท้า ผลของมันคือการเปลี่ยนร่างกายของผู้ใช้ให้มีครีบและเหงือกงอกออกมาพร้อมกับเกล็ดปลาสีฟ้าซึ่งเกิดขึ้นที่ขาไล่ขึ้นมาถึงเข่า
“อควาฟอร์ม”
นั่นคือชื่อของร่างแห่งวารีของเบ็คกาลอส ในร่างนี้เขาจะไม่โดนการโจมตีของเวทย์ประเภทน้ำทุกชนิด นอกจากนั้นเขายังสามารถหายใจได้แม้จะอยู่ใต้น้ำลึกเท่าใดก็ตาม เสริมมาด้วยความสามารถในการลดแรงหนืดใต้น้ำซึ่งมีมากกว่าอากาศ แรงดัน ความเย็น แน่นอนก็ไม่มีผลกับเขาในร่างนี้
“นี่นายใช้เวทย์ได้กี่แบบกันแน่...ทั้งสายฟ้า ลม น้ำและพืช”
“ดิน น้ำ ลม ไฟ สายฟ้า น้ำแข็ง โลหะ วิญญาณ พืช เหล็ก เสียง แสงและความมืด”เจ้าตัวหันมาตอบ “13 แบบของเวทย์มนต์ฉันใช้มันได้ทั้งหมด”
“…”มันจะสารพัดประโยชน์ไปแล้วเด็กคนนี้ “นายจะทิ้งฉันเฝ้าเรืองั้นเหรอ?”
“โปรดเข้าใจว่าฉันแบ่งฟอร์มแต่ละฟอร์มให้ใครไม่ได้ ระยะทางมันลึกพอสมควรถ้านายไม่ใช่โลมาก็คงรอดยากกว่าจะขึ้นมาได้อีกที”คนผมฟ้าทำท่าครุ่นคิดไปสักพัก “แต่อันที่จริงฉันทำแบบนี้ได้”
เบ็คกาลอสดีดนิ้วสร้างฟองออกซิเจนขึ้นมาแล้วจึงดึงให้ศีรษะของวูดวูฟเข้าไปในฟองอากาศพกพานั้น คนผมฟ้าบอกให้บอกถ้าหากรู้สึกว่าออกซิเจนจะหมดเพราะมันอันตรายก่อนจะกระโดดตามลงในน้ำก่อน
เท็ดดี้เป็นคนอาสาจะเฝ้าเรื่องให้เนื่องจากว่าสภาพของมันไม่สามารถลงไปในน้ำได้ คนผมดำพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนจะเปลี่ยนชุดของตัวเองไปใส่ชุดของนักประดำน้ำ แล้วจึงค่อยกระโดดน้ำตามคู่หูตนเอง
คนผมฟ้ารับรู้ดีว่าน้ำลึกภายใต้อุณหภูมิต่ำขนาดนี้ร่างกายของมนุษย์ทั่วไปคงจะไม่เอื้ออำนวยสักเท่าไหร่ เขาจึงจำเป็นต้องหยุดรอวูดวูฟเป็นระยะจนกระทั่งทั้งคู่สามารถลงมาเหยียบพื้นทรายเบื้องล่าง ณ ศูนย์กลางแห่งเมืองแอนทีสได้สำเร็จ
สภาพรอบด้านเป็นโครงสร้างของที่อยู่อาศัยที่มีรอยฟันจนมันพังเกือบจะทุกหลัง ไม่ว่าจะมองไปทางใดก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของความตายซึ่งติดอยู่ตามรอยเลือดสีเขียวที่ติดอยู่ตามที่ต่างๆ ไม่อยากจะจินตนาการในพลังที่สามารถถล่มเกาะทั้งเกาะได้ด้วยปีศาจแค่ตนเดียว
จริงด้วยสิ…
จู่ๆเบ็คกาลอสก็หันมาจ้องมองวูดวูฟแล้วใช้มือที่มีพังผืดนั้นดันอกของเขาให้ไปติดกับผนังของบ้านหลังหนึ่ง คนผมฟ้าเขย่งเท้าของตนให้ศีรษะของเขาเข้าไปอยู่ในฟองอากาศเดียวกับคนผมดำ จนลมหายใจร้อนของทั้งคู่สามารถสัมผัสถึงกันและกันได้
“อะ...อะไร?” คนตัวสูงกว่าเบือนหน้าหนีแล้วถาม
“ฉันลืมไปว่านายสื่อสารกันไม่ได้ใต้น้ำ”เบ็คกาลอสหัวเราะ “ภาษามือฉันเองก็ใช้ไม่เป็นด้วยเพราะงั้นหันหน้ามานี่”
คนผมฟ้าออกคำสั่งแล้วอีกฝ่ายก็ยอมทำตามแต่โดยดีโดยไม่รู้ตัว นิ้วชี้ของเขาส่องแสงสว่างสีชมพูออกมาแล้วจึงวางมันไว้บนหน้าผากของตนเอง แล้วจึงนำไปวางบนหน้าผากของอีกคน เจ้าตัวหลับตาและทำมันซ้ำไปซ้ำมาเพื่อให้เกิดความแน่ใจในสิ่งที่เขาทำ
[ได้ยินใช่ไหม?]คนใช้พลังถามโดยยังไม่ได้ขยับปากพูด
[โทรจิตงั้นเหรอ?]คนถูกถามเองก็ทำแบบเดียวกัน [เวทย์เชื่อมความคิดสินะ]
[แม่นแล้วครับ]เบ็คกาลอสชม [แสนรู้กว่าที่คิดนะน้องหมา]
[มีเชื้อค้างคาวผสมอยู่โว้ย!!!]
ทั้งสองหยุดทะเลาะกันเมื่อประสาทสัมผัสดันได้รับรู้ถึงบางสิ่งซึ่งเคลื่อนที่เข้ามาด้วยความเร็ว เมื่อได้เงยหน้าขึ้นไปก็พบกับปลาขนาดใหญ่เท่ารถยนต์พุ่งลงมาโดยมีมนุษย์ปลาตนหนึ่งขี่มันและบังคับด้วยการจับที่ครีบหลัง
เบ็คกาลอสและวูดวูฟหลบมันได้อย่างหวุดหวิด มนุษย์ปลาคนนั้นกระโดดลงมาจากหลังปลาก่อนจะยิงลูกหน้าไม้ซึ่งทำมาจากน้ำพุ่งเข้ามาหาคนผมดำ แต่เด็กหนุ่มเข้ามาขวางมันเอาไว้ทำให้ลูกกระสุนนั้นถูกเบี่ยงออกไป
“พวกแกเป็นใคร”มนุษย์ปลาคนนั้นเอ่ยถามในขณะกำลังเล็งพร้อมยิงกระสุนนัดต่อไป
“พี่ชายใจเย็นๆนะ”คนผมฟ้ายกมือไกล่เกลี่ย “เราไม่ได้มีเจตนาร้าย เราแค่มาหาของที่เราต้องการแล้วเราก็จะไป”
“ของอะไรของพวกแก”
“บอกไม่ได้...แค่ช่วยหลีกทางให้เราก็พอแล้ว”
“ที่นี่เขตของเรา ไม่อนุญาตให้คนนอกบุกรุก!!!”
ปีศาจตนนั้นประกาศดังลั่นก่อนจะใช้มีดซึ่งเหน็บอยู่ด้านข้างกรีดแขนของตนเองเพื่อปล่อยเลือดสีเขียวออกมา แล้วในไม่กี่วินาทีทั้งสองก็เข้าใจถึงสาเหตุการกระทำนั้นเพราะไกลๆนั้นพวกเขาเห็นฝูงปลาฉลามกำลังดิ่งลงมาหาทั้งคู่
เสริมด้วยกองกำลังเหล่ามนุษย์ปลาซึ่งขี่ปลากระเบนพุ่งเข้ามาในแนวเดียวกัน เบ็คกาลอสร้องดังลั่นด้วยความตกใจก่อนจะเชื่อมขาทั้งสองข้างของตนเองเข้าด้วยกันเพื่อให้มันเปลี่ยนกลายเป็นหางปลา ซึ่งหางนี้จะทำให้เจ้าตัวสามารถเคลื่อนไหวใต้น้ำได้ไวมากยิ่งขึ้น
คนผมฟ้าบอกให้คู่หูใช้มือข้างหนึ่งถือพานเอาไว้แล้วคอยบอกทาง ส่วนอีกข้างให้ยื่นมาก่อนที่เขาจะจับลากเพื่อนให้หนีไปด้วยความเร็ว แล้วยังต้องคอยหลบหลีกการโจมตีด้วยฟันและการพุ่งชนของปลาฉลามบวกกับพวกหอกซึ่งไม่ใช่น้ำอีกต่อไปแล้ว
[ตรงไปอีก]
[กำลังพยายามอยู่นี่ไง!!!]
ไม่ทันไรเบ็คกาลอสก็ต้องรีบหยุดการว่ายน้ำของตนเองเพราะตรงหน้าคือประตูโค้งขนาดใหญ่ซึ่งยังคงสภาพเดิมไว้ แต่จุดที่ต้องทำให้หยุดก็คือพวกชนเผ่าปลาดันขี่ปลากระเบนมาดักทางของพวกเขาไว้โดยถือเอาจากความชำนาญในพื้นที่ซึ่งมีมากกว่า
เด็กหนุ่มส่งเสียงจิ๊ปากก่อนจะรวมมวลอนูของน้ำไว้ที่มือแล้วแปรเปลี่ยนให้มันกลายเป็นอาวุธซึ่งถูกเรียกว่า ‘ตรีศูลน้ำ’ เขาปักมันลงกับพื้นทรายเพื่อสร้างสนามพลังป้องกันรอบด้าน
[นายคิดจะทำอะไร?]คนผมดำถาม
[เราฝ่าออกไปไม่ได้ พวกมันเยอะเกินไป]เขาตอบ [เกาะฉันไว้ดีๆนะ]
[หมายความว่าอะไร?]
คนผมฟ้าไม่ยอมตอบอะไรแล้วปล่อยมือจากแขนของเพื่อนก่อนจะกัดนิ้วของตนเองให้เลือดสีแดงสดของตนเองไหลออกมาก่อนจะวาดเป็นตัวอักษรโบราณบนแขน ฉับพลันเสียงร้องอันน่าพิศวงก็ดังขึ้นไปทั่วมหาสมุทร ทุกชีวิตในท้องทะเลต่างหยุดนิ่งด้วยความหวาดกลัวในเสียงความถี่ต่ำของมัน
สัตว์น้ำขนาดมหึมาใหญ่มากกว่าตึกสิบชั้นก็โผล่ขึ้นมาจากพื้นทรายตรงจุดที่สนามพลังของเจ้านายมันสร้างอยู่ มันอ้าปากขนาดใหญ่ของมันก่อนจะดูดทุกอย่างซึ่งอยู่ใกล้เข้าไป และแน่นอนว่าในจุดนั้นไม่มีใครสามารถตั้งตัวทันทำให้พวกเขาถูกดูดเข้าไปในปากนั้นจนหมด
ด้วยความแรงของการดูดนั้นมันมากพอจะทำลายบาเรียสุดแข็งแกร่งของเบ็คกาลอสได้ ทำให้เจ้าของต้องใช้อาวุธปักบนหลังของสัตว์เลี้ยงตนเองแล้วคว้าขาของวูดวูฟที่กำลังจะถูกดูดเข้าไปในปากนั้น
“ขอโทษนะบลู”
หลังจากปากนั้นหุบลงและกระโดดลงมาจากหลังของสัตว์เลี้ยงขนาดใหญ่นั้นมือก็ได้วางลงบนข้างลำตัวของมันแล้วเอ่ยคำขอโทษที่ในสถานการณ์นั้นมันจำเป็นต้องทำ แล้วดูเหมือนเจ้าบลูเองก็เข้าใจจริงส่งเสียงคล้ายเสียงหัวเราะของยักษ์ออกมา
“เอาล่ะ...ระเบิด”
เบ็คกาลอสประกบมือเข้าด้วยกันพร้อมออกคำสั่ง มันทำให้แสงสว่างสีขาวถูกปล่อยออกมาจากส่วนต่างๆของบลูก่อนที่มันจะระเบิดแสงออกมาพร้อมกับความสว่างจนต้องหลับตา พอลืมตาขึ้นมาก็เห็นร่างของมนุษย์ปลาและพวกปลาทั้งหลายล่องลอยไปตามกระแสน้ำ
[จำเป็นต้องฆ่าพวกเขาด้วยเหรอ…]คนผมดำถาม
[แค่สลบน่า]อีกฝ่ายยักไหล่ [ไม่จำเป็นต้องโหดได้ทุกเวลาหรอกนะ...มีเวลาแค่ 20 นาทีให้ไวเลย]
[ครับๆ]
เมื่อจบการต่อสู้ที่วูดวูฟเกือบไม่ได้ทำอะไรเลยทั้งคู่ก็ยังคงมุ่งหน้าต่อไปตามเส้นทางเข็มผิศของพานแก้ว มันนำทางให้พวกเขาเดินผ่านประตูโค้งและเข้าไปในถ้ำใต้น้ำขนาดใหญ่ หากแต่มันมืดจนมองไม่เห็นอะไร เด็กหนุ่มจึงใช้เวทย์แสงของตนสร้างความสว่าง
เดินลึกเข้าไปข้างในก็พบเห็นวัตถุต่างๆซึ่งดูแล้วมีความคล้ายคลึงกับของบูชาเหล่าผู้สิ้นชีพ อาวุธ ภาพวาดตามฝาผนังและโครงกระดูก...
[ใกล้แล้ว]คนผมฟ้าบอก
[รู้ได้ยังไง?]
[ไม่รู้สิ...มันแค่ความรู้สึก]
จุดปลายทางของพวกเขาคือกล่องสมบัติเหล็กขนาดกลางซึ่งโดยรอบมีเทีนนซึ่งสามารถจุดในน้ำได้ตั้งไว้โดยรอบ เบ็คกาลอสกลืนน้ำลายลงคอหนึ่งครั้งก่อนจะค่อยๆเอื้อมมือไปคว้ากล่องนั้นมาไว้ในอก
[มันอยู่ในนี้...]
[เปิดสิ]
ฝาหีบเหล็กนั้นถูกเปิดออกทำให้กลไกของกล่องนั้นทำงาน มันค่อยๆยกอัญมณีสีน้ำเงินเข้มขึ้นมาตามแรงเปิดของคนถือ หากแต่ยังไม่ได้จะได้ใคว่คว้ามันมาวูดวูฟก็จำเป็นต้องผลักร่างของคนเตี้ยกว่าออกไปแล้วใช้แขนขัดกับแขนของบุคคลปริศนาซึ่งพุ่งเข้ามาพร้อมมีดสั้น
ร่างคนนั้นยกเท้าขึ้นมาแล้วยันหน้าท้องของคู่ต่อสู้ออกไปจนไปกระทบกับแผ่นหิวด้านหลังทำให้ฟองอากาศของเขาแตกออก เบ็คกาลอสซึ่งเพิ่งจะลุกขึ้นมาได้ก็เพิ่งจะค้นพบว่าอัญมณีในกล่องมันกลิ้งหายไป แล้วในขณะนี้มันได้อยู่ในมือของเขาคนนั้นแล้ว
หอกคู่ถูกจ่อไว้ที่คอของเขาแต่นั่นก็ยังไม่ถึงเวลายอมแพ้ เด็กหนุ่มใช้เข่ากระแทกขึ้นมาเปลี่ยนทิศทางการพุ่งของอาวุธยาวคู่นั้นก่อนจะใช้ครีศูลซัดกลับไปแม้มันจะถูกป้องกันด้วยก็ตาม
“ฉันไม่ยอมให้พวกแกเอาอัญมณีไปเด็ดขาด!!!”
“ถ้าฉันจะเอานายก็ขวางไม่ได้!!!”
ทั้งคู่จู่โจมด้วยท่าเดียวกันโดยใช้ศีรษะกระแทกกันจนต้องถอยออกไปทั้งคู่ เบ็คกาลอสกัดฟันกรอดแล้วเปลี่ยนตรีศูลน้ำในมือให้กลายเป็นน้ำแข็งพุ่งใส่แล้วก็เป็นเหมือนเดิมคือถูกรับไว้ด้วยหอกคู่นั้น
มนุษย์ปลาในความมืดนั้นส่งเสียงร้องก่อนจะออกแรงดันสุดชีวิตให้คู่ต่อสู้ของเขาชนเข้ากับผนังหินด้านข้างแล้วดึงหอกเล่มหนึ่งกลับมาและพุ่งมันไป เด็กหนุ่มซึ่งอ่านเกมส์ทันจึงโยกศีรษะหลบแล้วดีดนิ้วเพื่อปล่อยฟองอากาศอีกลูกให้กับคู่หูของตน
คนผมดำลืมตาขึ้นมาด้วยดวงตาสีแดงฉานและแล้วแขนกับมือของเขาก็เปลี่ยนไปกลายเป็นแขนของปีศาจ เล็บยาวนั้นพุ่งเข้าข่วนด้านข้างลำตัวของศัตรูทำให้เลือดสีเขียวของเขาไหลออกมา แต่นั่นกลับเป็นผลดีต่อเผ่ามนุษย์ปลาเพราะสัตว์เลี้ยงของเขาสามารถรับกลิ่นเลือดได้ และจะมาที่นี่ในเวลาไม่ถึงนาที
หอกเหล็กนั้นถูกยกขึ้นมาปาดกลางลำตัวของวูดวูฟ หากเจ้าตัวนั้นกลับยิ้มแทนที่มันจะสร้างความเจ็บปวด ทันใดนั้นความสามารถของบลัดดี้แมนก็ทำงานในทันที เลือดสีแดงเข้มของคนผมดำถูกเปลี่ยนให้เป็นของแข็งในรูปของหนามพุ่งทิ่มแทงร่างของมนุษย์ปลาตนนั้น
เบ็คกาลอสรีบเติมการโจมตีนั้นด้วยการสวมเกราะน้ำแข็งไว้ตรงเท้าของตนเองแล้วยันใส่ร่างอีกฝ่ายให้กลิ่งออกไป เนื่องด้วยการอ่านสถานการณ์ว่าต่อสู้คนเดียวไม่ไหวทำให้ผู้พิทักษ์สมบัตินั้นต้องถอยออกไปนอกถ้ำ
ทั้งคู่รีบรุกตามไปติดๆ ในขณะเวลาวูดวูฟกำลังจะใช้มือปีศาจของเขาพุ่งไปทำร้ายปีศาจตรงหน้าซึ่งกำลังรักษาแผลของตนเองด้วยน้ำพิเศษ คนผมฟ้าก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจก่อนจะกระโจนไปขว้างการโจมตีนั้นจนทั้งวูดวูฟและอีกฝ่ายต้องตกใจ
[มาขวางทำไม!?]
“แกต้องการอะไร!?”
“นี่นาย...ผู้ชายที่เก็บขยะตรงชายหาด”
เด็กหนุ่มหันกลับไปพูดกับปีศาจปลาฉลามที่ครอบครองเส้นผมสีน้ำเงินเข้มและดวงตาชวนหลงสีเดียวกัน เขาทำท่านึกอยู่เล็กน้อยก็ต้องถึงบางอ้อว่าเด็กตรงหน้านี้คือคนที่ยื่นมือเข้ามาช่วยงานทำความสะอาดชายหาดในเขตของเขาเมื่อตอนนั้น
แต่นั่นมันใช่เรื่องต้องหยุดการต่อสู้ไหมล่ะ!?
“ถึงนายจะเคยช่วยฉัน แต่การช่วยเหลือนั้นมันไม่มีค่าพอที่ฉันจะยกกำลังข้อมือนี้ให้หรอกนะ!”
ทันทีเมื่อคนผมน้ำเงินยกอัญมณีที่ฝังอยู่กลางกำไลข้อมือขึ้นมาแสงสว่างสีขาวก็พุ่งออกมาจากอัญมณีทั้งสามชิ้นซึ่งอยู่ใกล้กัน สิ่งที่เบ็คกาลอสและวูดวูฟเห็นก็คล้ายคลึงกับเหตุการณ์เมื่อครั้งก่อนแต่คราวนี้แตกต่างอยู่สักนิดเพราะประตูนั้นถูกเปิดในลักษณะกว้างขึ้นพอสมควร
สัมผัสมืออุ่นๆของใครสักคนถูกวางลงบนศีรษะของมนุษย์ปลาคนนั้นจนเขาต้องสะดุ้ง มันเป็นความรู้สึกอันแสนจะอบอุ่นและชวนคิดถึงจนน้ำตาใสๆนั้นเอ่อล้มออกมาจากดวงตาของเขา และแล้วเมื่อภาพเหล่านั้นหายไปพวกเขาก็กลับมายังจุดเดิมในสถานการณ์แบบเดิม
“ทำแบบเมื่อกี้อีกได้รึเปล่า!?”ฉลามหนุ่งถึงกับทิ้งอาวุธในมือแล้วพุ่งมาจับไหล่ของคนตรงหน้าแล้วเขย่าพร้อมขอร้องให้อีกฝ่ายทำในสิ่งที่เขาไม่ได้ทำ “ได้โปรด!”
“เมื่อกี้ฉันไม่ได้ทำอะไร”เขาตอบ “นายเองก็เห็นสินะ…”
“ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น...แต่มือนั้น...ใช่แน่นอนว่า...”
ยังไม่ทันจะได้พูดจบประโยควงเวทย์รูปร่างคล้ายหน้าปัดนาฬิกาก็ถูกสร้างขึ้นล้อมพื้นที่ของเมืองโบราณเอาไว้ แรงสั่นสะเทือนขนาดใหญ่เกิดขึ้นตามมาด้วยการยกตัวของพื้นทรายรอบด้าน
ใช่แล้วเมืองแห่งนี้กำลังถูกยกขึ้นไป!!!
[หาอะไรจับไว้!]
ด้วยความเร็วของการยกตัวทำให้เมื่อมันโผล่พ้นขึ้นมาเหนือผิวน้ำร่างของเด็กหนุ่มจึงปลิวขึ้นไปบนอากาศ นับว่ายังโชคดีที่ฉลามตนนั้นเอื้อมมือมาคว้าเขาได้ทัน เบ็คกาลอสมองเขาด้วยสายตาอึ้งๆก่อนจะรีบผลักร่างนั้นออกไป....ซึ่งก็แอบกล่าวขอบคุณเบาๆไปแล้วล่ะนะ
สิ่งอันน่าตกตะลึงอึกอย่างหนึ่งคือเหล่าซากปรักหักพักของเมืองโบราณกำลังถูกฟื้นฟูใหม่ด้วยพลังเวทย์มนต์ของใครบางคนจนมันกลับมาอยู่ในสภาพเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบเหมือนกับเมื่อหลายปีก่อน มันช่างชวนคิดถึงเหลือเกินสำหรับชายผมน้ำเงิน...เกาะบ้านเกิดของเขาคืนชีพขึ้นมาจากน้ำแล้ว!
ความเผลอตัวตามสถานการณ์โดยรอบทำให้อัญมณีชิ้นนั้นถูกคว้าไปได้ด้วยมือของร่างปริศนา(อีกแล้วหรอ?) ร่างของจิ้งจอกเก้าหางนั้นเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วพร้อมกับใช้หางของมันฟาดใส่ทั้งสามคนให้ถอยไปกองรวมกัน ก่อนที่มันจะกระโดดขึ้นไปนั่งบนกิ่งไม้ซึ่งใหญ่พอจะรองรับน้ำหนักของมันและร่างของเด็กน้อยคนนี้ได้
“นั่นมัน...”
“ไงเบ็คกาลอสกับวูดวูฟสินะ? เดรนเล่าเรื่องของพวกแกให้ฟังเยอะแยะเลยแหละ”จิ้งจอกเก้าหางนั้นหัวเราะ “ฉันไนน์เทล ‘เก้าหางเก้าชีวิต’ ขอรับสมบัติชิ้นนี้ไปล่ะนะ”
จบไปอีกแล้วนะครับอีก 1 ตอน ขออภัยที่มาช้าครับงานเยอะจริงๆ หากมีข้อผิดพลาดหรือสะดุดตรงไหนต้องขออภัยจริงๆครับ >/\<
“…มันไม่ใช่การหาไดโนเสาร์ในห้างนะที่ทำได้ง่ายขนาดนั้นน่ะ!”ที่เบ็คกาลอสพูดผมล้อเลียนมาจากซีรีย์ของฝรั่ง Primeval ไดโนเสาร์ทะลุโลก (โดยส่วนตัวชอบภาค 3 มากที่สุดส่วนเอฟเฟคชอบภาคหลังๆ) ลืมไปแล้วว่าภาคไหนแต่น่าจะ ep แรกๆ ตอนเขากำลังหาแรปเตอร์(เขียนถูกเปล่าหว่า?)ในห้าง แล้วเขาบอกประมาณว่ามันยาก ผมคิดว่ามุขนี้มันตลกดีเลยเอามาแก้ให้มันง่ายขึ้น 555
‘บลู’ สัตว์วิญญาณของเบ็คกาลอสผมเขียนมาจาก Bloop บลุป เขาไว้ใช้เรียกของเสียงความถี่ต่ำมากใต้มหาสมุทร โดยคาดว่าหากมันเป็นสิ่งมีชีวิตมันก็ต้องใหญ่กว่าปลาวาฬสีน้ำเงินหลายเท่า ผมเลยกะขนาดไม่ถูกเลยแต่งแบบกลางให้มันตัวพอๆกับตึก 10 ชั้น...ปลาวาฬมันใหญ่ขนาดไหนอ่ะ 555 หากใครสนใจผมเอาข้อมูลมาจากhttps://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9A%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B8%9B ส่วนในยูทูปเขาก็มีเรื่องเล่าของตัวนี้เยอะแยะลองไปฟังได้นะครับ (ผมว่ามันน่ารักดีเลยเอามาเขียนเลย -.-)
Blueheadphone
ปล.อย่าลืมเม้นติชมนะตัว!
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ