Love in demon : รักวุ่นๆของเด็กหนุ่มกับ(เหล่า)ปีศา
เขียนโดย Blueheadphone
วันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2561 เวลา 21.19 น.
แก้ไขเมื่อ 11 เมษายน พ.ศ. 2561 21.25 น. โดย เจ้าของนิยาย
6) การผจญภัยครั้งที่ 5
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“ขอดูหน่อยสิว่าผู้สืบทอดพลังแห่งแสงอย่างแกมีพลังอย่างที่เดรนคุยโวไว้แค่ไหน”
“ผู้สืบทอดพลังแห่งแสง”เบ็คกาลอสทวนคำพูดของปีศาจ “ใครกัน?”
“ก็แกยังไงล่ะ!!!”
ชายผมครามไม่พูดเปล่าด้วยการตวัดนิ้วขึ้นเรียกดอกไม้ปีศาจขนาดใหญ่ให้งอกเงยขึ้นมาจากพื้น พวกมันค่อยๆบานกลีบออกโชว์ด้านในซึ่งเต็มไปด้วยน้ำย่อยสีเขียวอันน่าสะอิดสะเอียนก่อนจะยิงกระสุนเมล็ดพืชที่ติดน้ำย่อยเหล่านั้นออกมาด้วย
เบ็คกาลอสกระโดดหลบไปอีกทางทำให้การโจมตีนั้นพุ่งเข้าไปทำลายร้านสะดวกซื้อร้านนั้นแทน คนผมฟ้ากัดฟันกรอดก่อนจะทิ้งของทั้งหมดยกเว้นกระเป๋าและเจ้าตุ๊กตาหมีด้วยการหิ้วมันทั้งสองออกวิ่งไปอีกทางหนึ่ง
ดูเหมือนปีศาจตนนี้จะไม่ยอมให้เขาวิ่งหนีไปได้โดยง่าย มันเรียกใช้เลือดแปะลงบนพื้นเพื่ออัญเชิญสัตว์ขี่ซึ่งเป็นรากไม้ที่มีรูปร่างลักษณะเป็นงูขนาดมหึมาแล้วกระโจนขึ้นไปขี่มันเพื่อไล่ตามอีกฝ่ายไป
“ฉันจะล่อมันไปทางทีไม่มีคน นายคอยช่วยคนแถวนี้ก่อน”
“ขอรับ”
เด็กหนุ่มสั่งตุ๊กตาของตนแล้วโยนมันออกไปหาผู้หญิงคนหนึ่งที่มีรากไม้พุ่งเข้าไปหาเพื่อตัดให้มันขาด ส่วนตนเองก็ต้องใช้สัมผัสทั้งหลายหลบหลีกการโจมตีของยูเรนัส ทั้งเท้าสัมผัสการสั่นไหวของดินด้านล่างเท้า จมูกดมกลิ่นหอมและเหม็น รวมถึงดวงตาซึ่งคอยหลังกลับไปมองตลอด
เขาลากพฤกษาทมิฬออกมาไกลจนคิดว่ามันห่างออกมาจากตัวชุมชนเป็นระยะทางพอสมควร จึงค่อยหันกลับมาประจันหน้ากับปีศาจพืชตนเดิม ยูเรนัสหัวเราะในลำคอแล้วกระโดดลงมาจากหลังของสัตว์ขี่ตนเองก่อนจะทำให้มันหายไปด้วยการให้มันแตกสลายกลายเป็นเมล็ดแล้วจมลงไปในพื้น
คนผมครามหันไปมองรอบๆถึงกับต้องหัวเราะในความคิดของเด็กหนุ่ม รอบด้านของเขาไม่มีต้นไม้เลยสักต้นเพราะมันคือชายหาดอันแสนวางเปล่า มีเพียงแค่เม็ดทราย ลมร้อนและคลื่นของทะเลเท่านั้น
“ไม่ได้ลากฉันมาแค่ให้พ้นจากไอ้พวกมนุษย์สินะ?”ราชาแห่งพืชเอ่ยถาม “แล้วแกคิดว่าการที่ไม่มีต้นไม้พลังของฉันจะน้อยลงรึยังไงกัน?”
“บอกตามตรง...เออ”เบ็คกาลอสตอบ “อย่างน้อยมันก็น่าจะช่วยลดพลังของแกไปได้ไม่มากก็น้อยสักนิด”
“ก็คงต้องขอปรบมือให้เลยนะ”ยูเรนัสทำตามปากของตน “แต่ก็คิดตื้นไปหน่อยนะ”
คนผมครามดีดนิ้วทำให้ต้นไม้งอกเงยออกมาจากพื้น เขาลูบพวกมันอย่างเอ็นดูก่อนจะเด็ดผลไม้ผลหนึ่งออกมาโยนใส่ปาก
“อย่าลืมสิว่าฉันคือ 1 ใน 6 ตัววิปลาสที่พวกแกเรียกกัน...ไม่ว่าจะที่ไหนดอกไม้งามของฉันก็จะงดงามได้ตลอดเวลา”
“แล้วปีศาจระดับสูงอย่างแกทำไมถึงมาอยู่ที่นี่กัน”เด็กหนุ่มถามจุดประสงค์ของอีกฝ่าย “พวกแกสมควรจะเก็บตัวไม่ใช่รึไง...หรือไม่กลัวตกเป็นเป้าสายตาของ 7 วีรบุรุษ”
“ฉันมาเพื่อสิ่งเดียว”ยูเรนัสชี้นิ้วไปทางสร้อยคอของมนุษย์ตรงหน้า “สร้อยคอยูลาส”
“…”คนผมฟ้ากำชับสร้อยคอของตนเองให้แน่น “พวกแกก็อยากได้คำขอพรทั้ง 7 ข้อรึยังไง...ปีศาจพวกแกก็มีพลังในการครอบครองทุกสิ่งอยู่แล้วนี่”
“ข้อนั้นฉันคงตอบไม่ได้ แต่ถ้าอยากรู้ก็คงต้องชนะฉันให้ได้ซะก่อนนะ”ยูเรนัสส่ายหัวไปมา “แต่คงไม่มีวันนั้นหรอก...ไหนขอดูหน่อยซิว่าเดรนประเมินแกสูงขนาดไหนกัน”
พฤกษาทมิฬชี้นิ้วมาหาศัตรูทำให้รากไม้รอบข้างพุ่งเข้ามาเบ็คกาลอส มนุษย์ตรงหน้ามันเปิดกระเป๋ามิติของตนแล้วดึงดาบเล่มหนึ่งด้านในออกมาปัดป้องมันออกไปหรือบ้างก็ใช้ตัดทำลายพวกมันให้ขาดเป็นสองท่อน
หากแต่รากไม้ซึ่งตกอยู่บนหาดทรายมันดันงอกมือและเท้าออกมาให้การเป็นสิ่งมีชีวิตที่เดินได้ด้วยสองเท้าแถมยังมีปากตรงบริเวณลำต้นซึ่งอ้าได้กว้างพอจะกลืนคนลงไปได้ทั้งคน
ใบไม้ด้านบนหัวของพวกมันถูกสั่งให้ปลิวออกไปและเมื่อผ่านร่างกายของเบ็คกาลอสมันก็สามารถเฉือนเนื้อของเขาได้เหมือนกับใบมีด ยูเรนัสหัวเราะแล้วสั่งให้ใบไม้เหล่านั้นล้อมรอบร่างของเด็กหนุ่มเอาไว้จนมองทั้งรอบด้านไม่เห็น
“ฆ่าด้วยการถูกเฉือนจากใบไม้อันแสนน่ารักของฉัน...”
คนผมครามกำมือเพื่อเป็นสัญญาณให้พวกมันพุ่งเข้าโจมตีเหยื่อที่อยู่ด้านใน เจ้าตัวหัวเราะดังลั้นในชัยชนะอันแสนจะได้มาอย่างง่ายดายของตน ดูเหมือนว่าเดรนจะประเมินค่าของเด็กคนนี้มากเกินไม่ทั้งที่ในความจริงมันไม่เห็นมีอะไรนอกจาก...
พรึบ!
วงเวทย์สีแดงถูกวาดลงบนพื้นตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ทำให้เกิดเปลวไฟพุ่งขึ้นมาแผดเผาเหล่าใบมีดสีเขียวนั้นจนมอดไหม้ เด็กหนุ่มแสยะยิ้มก่อนจะปักดาบของตนลงบนเวทย์ของตนทำให้ดาบเหล็กของเขาถูกหล่อหลอมจนกลายเป็นดาบเวทย์ไฟในที่สุด
“นี่แกไม่ได้ใช้ได้แค่เวทย์ลมกับสายฟ้ารึไง...”ยูเรนัสพูดตามที่ตนได้ยิน “ตอนที่แกสูงกับไอออนกับราเวลก็ไม่ได้เอาจริงสินะ…”
“หมายถึงเข้าปีศาจใบมีดกับไอ้สามหางนั่นสินะ”เขาพูดถึงปีศาจที่สู้ด้วยเมื่อตอนที่เจอกับวูดวูฟ “ลูกสมุนของพวกแกสินะ?”
“ไม่ใช่ของฉัน ของอูราสต่างหาก”ปีศาจพืชพูดถึงฝาแฝดคนแรกของตน “ดูเหมือนแกจะพอมีค่ากับคำคุยโวของเดรนนะ”
“ถ้านั่นเป็นคำชมก็จะขอรับไว้”
เบ็คกาลอสใช้จังหวะนั้นพุ่งเข้าไปแล้วซัดดาบไฟใส่ยูเรนัสโดยหวังว่าจะสามารถตัดคอของอีกฝ่ายได้ แต่ถ้ามันง่ายขนาดนั้นก็คงจะไม่ใช่ปีศาจที่เก่งที่สุดในปัจจุบัน มันเรียกต้นไม้ที่เสริมพลังความมืดของตนเองเพื่อใช้กระแทกร่างของเบ็คกาลอสออกไป
เด็กหนุ่มถอยครูดไปกับพื้นทรายก่อนจะใช้เวทย์ลมของตนดันตนเองให้เข้าไปหายูเรนัสอีกครั้งอย่างรวดเร็วและรุนแรงกว่าเดิม แม้จะสามารถหลบทันแต่กระนั้นก็ยังคงโดนแบบถากๆจนเป็นแผลเล็กน้อยบริเวณหัวไหล่
คนผมครามกัดฟันกรอดด้วยความโมโหพลางแทงมือเข้าไปในลำต้นไม้ก่อนกระชากแส้หนามออกมา เขาใช้อาวุธยาวในมือพุ่งเข้าไปรัดคอของศัตรูเพื่อกระชากให้เด็กหนุ่มล้มลงกับพื้น หากมนุษย์คนนั้นพยายามจะลุกขึ้นปีศาจก็จะสะบัดแส้ไปอีกทางทำให้เขาไม่สามารถดันตัวลุกขึ้นออกมาได้
เมื่อเห็นท่าไม่ดีเด็กหนุ่มจึงคว้าหมับเข้าที่แส้หนามนั้นแม้มันจะเจ็บปวดแต่ก็ต้องทำ เขาใช้เวทย์ไฟเผามันจนลามไปหามือของเจ้าของจนยูเรนัสต้องปล่อยมันทิ้งตามมาด้วยการเอี้ยวตัวหลบลูกไฟจากมือของศัตรู
“กี่ปีแล้วนะที่ฉันเครื่องติดขนาดนี้”ปีศาจพืชพูดพลางปัดคราบไหม้ตรงเสื้อ
“ฉันก็เหมือนกันไม่ได้เครื่องร้อนแบบนี้มานานแล้ว”เบ็คกาลอสว่าก่อนใช้เวทย์เยียวยารักษาแผลตรงคอของตน
“แต่คงต้องของดความสนุกลงไว้แค่ตรงนี้แหละ”
ยูเรนัสตวัดนิ้วขึ้นเรียกรากหนามพุ่งขึ้นมารัดแขนและขาของเด็กหนุ่มเอาไว้พร้อมกับยกจนสูงขึ้นจากพื้น พฤกษาทมิฬวางมือลงบนพื้นเรียกเถาไม้จำนวนมากออกมาจากมือของตนแล้วทำให้พวกมันออกมาล้อมรอบทั้งสองคนเอาไว้
มันกลายเป็นเสมือนสวนเล็กๆซึ่งทำมาจากเถาไม้จำนวนมากจนแทบจะบดบังแสงอาทิตย์จากด้านนอก คนผมฟ้ารู้สึกได้ทันทีว่ายิ่งรากหนามนี้รัดเขาแน่นมามากเท่าใดเหมือนกับว่าพลังของเขากำลังถูกดูดกลืนไปเท่านั้น โดยยิ่งทำให้แน่ใจเมื่อเห็นดอกไม้รูปร่างประหลาดงอกเงยออกมาจากเถาไม้รอบด้าน
“ที่นี่คือสวนดอกไม้แห่งโลกปีศาจ”คนผมครามว่าแล้วเด็ดดอกไม้ดอกหนึ่งมาดอมดม “ใช้พลังงานชีวิตของทุกสิ่งในสวนมาเป็นสารเร่งให้ดอกไม้บาน”
ปีศาจพืชดีดนิ้วอีกครั้งเพื่อให้ดอกไม้ปีศาจเหล่านั้นปล่อยควันสีเขียว ซึ่งเมื่อเบ็คกาลอสก็รู้ได้ทันทีว่านั้นมันคือควันพิษแต่จะห้ามไม่ให้เขาหายใจได้อย่างไรในเมื่อกลุ่มควันนี้มันมีอยู่ทั่วไปในสวนไร้ทางออกแห่งนี้
สีหน้าอันแสนทรมานของเหยื่อทำให้ยูเรนัสแสยะยิ้มอย่างพอใจกับภาพตรงหน้า แม้จะเสียดายในความเก่งกาจแต่งานของเขานั้นสำคัญกว่า และเมื่อเห็นว่าเขาแน่นิ่งไปสักพักจากการสูดควันพิษก็สั่งให้รากไม้นั้นคลายร่างของเขาออก
มือเอื้อมไปจิกผมให้เบ็คกาลอสเงยหน้าขึ้นมา พลางคิดในใจว่าอีกฝ่ายก็หน้าตาดีใช่ย่อย หากแต่ต้องมาจบชีวิตด้วยอายุยังน้อย...ช่างน่าเสียดายยิ่งนัก ชายผมครามปลดสร้อยคอของเด็กหนุ่มออกมาพิจารณาก่อนจะเก็บมันใส่กระเป๋ากางเกง แต่ไม่ทันจะได้เดินออกไปจากสวนก็ได้ยินประโยคหนึ่งถูกพูดออกมา
“พิษร้ายแรงระดับ 8 นับว่าไม่เสียหน้าของปีศาจพืชระดับนี้”
เบ็คกาลอสว่าหลังจากใช้ปากของตนดูดพิษเหล่านั้นเข้าไปจนหมดพลางริมฝีปากเพื่อสัมผัสรสชาติของควันพิษนั้น ยูเรนัสเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงเมื่อเห็นมนุษย์คนนั้นได้กลืนกินอากาศพิษของเขาเข้าไป ทั้งที่ในความเป็นจริงแค่สูดดมมันเพียงแค่นิดเดียวพิษก็สามารถพรากชีวิตของผู้นั้นได้
แล้วนี่มันคืออะไรกัน!?
“สวนดอกไม้แห่งโลกปีศาจมันมืดไปหน่อย...ขอแสงแดดคืนมาเถอะ”
คนผมฟ้ากระทืบเท้าลงใส่ดินทำให้เกิดเปลวไฟพุ่งขึ้นมาแล้วกระจายออกไปรอบตัว เปลวไฟร้อนแผดเผาสวนเสมือนของปีศาจพืชจนมันกลายเป็นผงปลิวไปตามอากาศ พฤกษาทมิฬกัดฟันด้วยความโมโหที่มนุษย์ตรงหน้าบังอาจมาทำลายดอกไม้แสนสวยของตน
ปีศาจหนุ่มสั่งให้รากไม้จำนวนมากพุ่งออกมาแล้วมุ่งหน้าโจมตีเป้าหมายในทันที แต่ชั่วพริบตาที่รากไม้นั้นจะทิ่มแทงร่างกายของเด็กหนุ่มมันก็ดันเลี้ยวหลบแล้วไปปักตามหาดทรายแทน
“เสียใจด้วยนะเมื่อฉันอยู่ในร่างนี้ ฉันจะไม่ได้รับการโจมตีทั้งหมดของพวกพืช”
เบ็คกาลอสบอกอีกฝ่ายในขณะเวทย์สีเขียวบนพื้นกำลังทำงาน เสื้อผ้าของเขาถูกเปลี่ยนให้มันกลายเป็นเสมือนเปลือกไม้แข็งซึ่งทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันการโจมตีของพืชทุกชนิดและในบางครั้งก็จะสามารถสะท้อนมันกลับไปหาอีกฝ่ายได้ถ้าอยู่ในรัศมีเหมาะสม
ยูเรนัสสบถคำหยาบซ้ำไปซ้ำมาแล้วสั่งการโจมตีทุกชนิดพุ่งเข้าหาเด็กหนุ่ม โดยไม่ว่ามันจะเป็นแบบใดทั้งรากไม้ ใบไม่ใบมีด แส้หนามหรือแม้กระทั่งพิษก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลยแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำมันยังพุ่งกลับมาโจมตีผู้ใช้มันอีกต่างหาก
“บัดซบ! บัดซบที่สุด! พลังของฉันฆ่าเด็กมนุษย์ธรรมดาไม่ได้เนี่ยนะ!?”
“อย่าโทษพลังของแกเลยยูเรนัส แกน่ะมีพลังมากกว่าฉันหลายขุม”มนุษย์คนเดิมบอก “แต่ฉันแค่รู้วิธีป้องกันเท่านั้นเอง”
“...อย่าได้ใจนักไอ้ผู้สืบทอดพลังแห่งแสง!!!”
ยูเรนัสตะโกนดังลั่นจนแม้แต่เบ็คกาลอสยังสะดุ้งในเสียงคำรามนั้น มันดีดนิ้วเรียกดอกไม้ยักษ์กินคนขึ้นมาก่อนที่ดอกไม้นั้นจะอ้าปากแล้วกลืนร่างของผู้เรียกมันออกมาเข้าไปด้านใน คนผมฟ้าถึงกับร้องอุทานเสียงดังกับสิ่งที่ดอกไม้นั้นทำ หากแต่ใช้เวลาไม่นานเจ้าพืชนั้นก็แตกกระจายเป็นเสี่ยงๆเผยให้เห็นร่างที่แท้จริงของยูเรนัส
ปีศาจพืชอันมีรูปร่างลักษณะคล้ายกับพวกเซนทอร์ในตำนาน ท่อนบนยังคงมีลักษณะคล้ายมนุษย์แตกต่างก็เพียงมีเขียวยืดยาวออกมากับแขนขนาดมหึมาที่มีคล้ายกับเสาดิน ท่อนล่างมีลักษณะเป็นม้าแต่ที่เท้านั้นเป็นเปลือกไม้ ส่วนหางก็กลายเป็นรากไม้ถูกมัดรวมกัน
แม้ขนาดตัวจะใหญ่หากแต่การเคลื่อนไหวนั้นรวดเร็วมาก ยูเรนัสวิ่งเข้ามาด้วยสี้เท้าอย่างว่องไวก่อนจะใช้หมัดขนาดใหญ่ชกเข้าหามนุษย์ด้านล่าง เบ็คกาลอสทั้งสองของตนรับหมัดนั้นเอาไว้ แม้จะเสริมพลังเวทย์ของตนไว้ในมือมันก็ไม่สามารถป้องกันแรงอันมหาศาลของปีศาจตรงหน้าได้ทำให้เด็กหนุ่มต้องปลิวไปด้านหลังตามแรงอัดนั้น
ร่างของเขาถูกซัดจนกระเด็นมาจมในส่วนน้ำทะเลแล้วพยายามจะลุกขึ้น ช่วงจังหวะเดียวกันพฤกษาทมิฬก็ไม่ยอมให้คนผมฟ้าทำอะไรตามใจชอบ มันใช้มือเพียงข้างเดียวจับขาทั้งสองข้างของเหยื่อเอาไว้แล้วโยนเขากลับไปบนฝั่ง
ด้วยความแรงจากการเหวี่ยงนั้นร่างของเบ็คกาลอสถูกขว้างไปชนกับก้อนหินขนาดใหญ่จึงทำให้เกราะเปลือกไม้ด้านหลังของเขาแตกออก และก็เป็นเช่นเดิมที่เขาจะได้ลุกขึ้นเท้าของปีศาจนั้นก็เหยียบเข้าบริเวณหน้าอกอย่างจัง
“อัก!!!”
เบ็คกาลอสกระอักเลือดสีแดงสดออกมาเปรอะเปื้อนส่วนขาของปีศาจตนนั้นในขณะกำลังพยายามดันเท้ามันออก ยูเรนัสหัวเราะในลำคอแล้วยกเท้าของตนขึ้นก่อนจะกระทืบซ้ำลงมาหลายรอบจนเกิดหลุมขนาดใหญ่ตรงบริเวณนั้น
เมื่อเห็นเขาแน่นิ่งไปพฤกษาทมิฬจึงใช้มือคว้าศีรษะของเด็กหนุ่มขึ้นมาก่อนจะออกแรงบีบ เป็นผลให้มนุษย์ผู้โชคร้ายต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด
“จงรับรู้เอาไว้ซะนี่แหละคือความต่างชั้นของพลัง!!!”
“อ้าก!!!”
“นั่นแหละร้องให้มันดังอีก!!! จงรับโทษที่มาทำให้ฉันคนนี้โกรธซะเถอะไอ้มนุษย์!!!”
ปัง!
เสียงลั่นไกปืนดังขึ้นตามมาด้วยกระสุนเหล็กพุ่งตรงมาใส่แขนขนาดใหญ่ของปีศาจตนนั้นทำให้มันเผลอปล่อยร่างของเด็กหนุ่มลง เท็ดดี้รีบวิ่งเข้ามาพร้อมโยนระเบิดควันใส่หน้าของยูเรนัสเพื่อบดบังรัศมีการมองเห็นก่อนจะรีบยกร่างของเจ้านายตนซึ่งมีขนาดตัวใหญ่กว่าวิ่งหนีออกมา
ปีศาจพืชคำรามอย่างเกรี้ยวกราดทันใดนั้นกระสุนอีกนัดก็ถูกลั่นไกให้พุ่งตรงมายังตรงบริเวณดวงตาของมัน กระสุนที่เจาะเข้าไปสร้างความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสทำให้มันต้องกรีดร้องเสียงดังลั่นไปทั่ว วูดวูฟลดปืนพกในมือลงแล้วปาดเหงื่อของตนทิ้ง นี่คือสิ่งที่เขาเคยบ้าที่จะทำมากที่สุดกับการยิงปืนใส่ปีศาจที่แม้แต่พ่อบุญธรรมของตนรับมือยังลำบาก!
“ไอ้พวกบัดซบ!!!”
ยูเรนัสออกเสียงด่าดังลั่นก่อนที่จะมีรากไม้จำนวนมากพุ่งออกมาจากร่างกายของเขา พวกมันพุ่งตรงมาหาทั้งสามอย่างรวดเร็วซึ่งยังนับว่าโชคดีที่เบ็คกาลอสยังมีพลังในการป้องกันอยู่ แต่กับอีกสองคนพวกเขาต้องหาหนทางเอาตัวรอดเอาเอง
ซึ่งบางครั้งเท็ดดี้และวูดวูฟก็ไม่สามารถหลบได้จึงเป็นผลให้ร่างกายของพวกเขาเกิดบางแผลหลายจุด พฤกษาทมิฬยืดแขนขนาดใหญ่ของตนออกมาชกเข้าที่ร่างกายของชายผมดำจนปลิวกระเด็นออกไป ส่วนอีกข้างก็พุ่งไปคว้าร่างของเบ็คกาลอสแล้วดึงกลับมา
ตุ๊กตาหมีซึ่งพยายามกระโจนเข้ามาเพื่อใช้มีดสั้นช่วยเจ้านายก็ถูกเขาไม้พุ่งออกมาแทงทะลุไปด้านหลังจนพลังเวทย์ไหลออกไปจนหมดทำให้มันแน่นิ่งไปในที่สุด ปีศาจพืชทุ่มร่างของเด็กหนุ่มลงกับพื้นพร้อมกับยกขาสองข้างของตนขึ้นหมายจะปลิดชีวิตของคนด้านล่าง
“ตายซะ!!!”
ชายผมดำหลับตาปี๋เพื่อไม่อยากมองภาพที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่ยูเรนัสกลับหยุดเท้าของตนเองเอาไว้ทั้งที่มันเกือบจะขยี้ร่าของเหยื่ออยู่แล้ว มันค่อยๆก้าวถอยหลังด้วยความหวาดกลัวหลังจากสัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันมหาศาล มันมากซะจนพอจะทำให้เหล่าสิ่งมีชีวิตทุกชนิดรอบด้านต่างพากันหวาดกลัวและวิ่งหนีไปกันหมด
ริมฝีปากสีชมพูพึมพำอะไรสักอย่างในขณะกำลังดันตัวลุกขึ้น ดวงตาสีเทาอันหม่องมนลืมตาขึ้นมาจ้องมองอีกฝ่ายด้วยความแค้น เส้นผมสีฟ้ากำลังถูกย้อมให้กลายเป็นสีแดงฉานราวกับเลือด และเมื่อยื่นมือออกไปด้านหน้าลำแสงสีแดงก็ถูกรวบรวมเอาไว้ก่อนจะยิงออกไปเป็นเส้นตรง
ตูม!
พลังทำลายล้างของลำแสงมรณะทำลายทุกอย่างแม้แต่ต้นไม้ที่แข็งแกร่งที่สุดของยูเรนัสซึ่งเรียกออกมาป้องกันก็ไม่สามารถลดพลังอานุภาพของการโจมตีนั้นได้แม้แต่เล็กน้อย ร่างกายอันใหญ่ตัวถูกทำให้ชนเข้ากับก้อนหินที่มันขว้างร่างของเด็กหนุ่มใส่ด้วยพลังของเบ็คกาลอสที่ดูเหมือนไม่ใช่เขา
พฤกาษทมิฬอ้าปากค้างกับพลังของเด็กคนเดิม ในขณะเดียวกันร่างของเจ้าตัวก็กำลังเดินเข้ามาโดยที่เขาไม่มีเรี่ยวแรงพอจะหนีเลยแม้แต่น้อย เท้าของเบ็คกาลอสถูกกระทืบลงบนอกของมันเช่นเดียวกับที่มันทำไว้กับเขาหลายครั้ง
“พอแล้ว…”
เจ้าตัวในขณะที่กำลังสำลักเลือดสีเขียวออกมา ดวงตาสีเทานั้นมองอีกฝ่ายด้วยความสังเวชแต่กระนั้นก็ยังคงทำตามคำขอของศัตรูแล้วทิ้งท้ายเอาไว้
“ส่งยูลาสคืนมาแล้วจะไสหัวไปไหนก็ไป”
เมื่อได้ยินดังนั้นยูเรนัสก็แปลงร่างกลับเป็นมนุษย์อย่างรวดเร็วก่อนวางสร้อยคอชิ้นสำคัญไว้บนพื้นแล้วสั่งให้เหล่าใบไม้มาปกคลุมร่างของเขาแล้วหายไปพร้อมกับพวกมัน เด็กหนุ่มผมแดงก้มลงไปคว้าสร้อยคอแล้วสวมมันดังเดิมก่อนจะเอามือของตนวางทาบหน้าอกของตนเอง
ยังไม่ทันไรที่วูดวูฟจะเอ่ยปากเรียกคู่หูของตนร่างของเบ็คกาลอสก็หายวับแล้วมาโผล่อยู่ด้านหลังของชายผมดำ
“อ่อนแอ...”
“…”
เมื่อสิ้นสุดคำพูดนั้นผมสีแดงก็ค่อยๆเปลี่ยนกลับเป็นสีฟ้าพร้อมกับเปลือกตาซึ่งกำลังปิดตัวลง ร่างของเด็กหนุ่มทรุดลงไปโดยยังโชคดีที่คนผมดำคว้าร่างของเขาเอาไว้ทัน ทิ้งไว้เพียงแค่ความเงียบและความสงใสเอาไว้ให้กับวูดวูฟ
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย!?
555 ก็จบไปแล้วนะครับอีกตอนไม่รู้ว่าเขียนพอให้คนอ่านเข้าใจไหม ยังไงก็ช่วยติดตามและคอมเม้นเป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ!
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ