ถึงคราวนางร้าย ทะลุมิติ

8.7

เขียนโดย nightshadow

วันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 20.45 น.

  29 ตอน
  7 วิจารณ์
  71.31K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 23 กันยายน พ.ศ. 2558 16.14 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

16) นิทานดวงดาว

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

หลังจากตกอยู่ในภวังค์ความคิดในมุมของตัวร้ายชั่วขณะ พราวนภาก็เริ่มรู้สึกตัว ถึงความเงียบรอบตัว พอเงยหน้าขึ้นมา ก็พบว่าผู้รับฟังทั้งหลายต่างนิ่งอึ้ง เธอก็ทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถึงจะรู้ดีว่าทุกคนกำลังสงสัยในตัวตนของเธอและก็ได้เอ่ยขึ้นว่า

"เอ่อ... เอาล่ะทุกคน ที่ข้าคิดได้ก็มีแค่นี้แหละ ไว้ค่อยๆคิดค่อยๆทำกันไปตามสถานการณ์หลังจากนี้ก็แล้วกันนะ"

หลังจากที่นิ่งอึ้งอยู่นาน อี้หนานก็ได้เอ่ยตอบรับ "รับด้วยเกล้าพะยะค่ะ"

"อันหนิงเดี๋ยวตอนนี้ เจ้าช่วยรีบกลับบ้านไปเพื่อบอกเล่าเรื่องที่ข้าคิดจะทำ รวมถึงแผนการที่ได้คุยกันเมื่อครู่นี้ ให้ท่านพ่อรับทราบล่วงหน้าด้วยก็แล้วกัน    แต่เจ้าต้องหาโอกาสบอกกับท่านพ่อในขณะที่ท่านอยู่ลำพังนะ ข้าไม่อยากให้ท่านพ่อ ตกใจและกังวลกับความเปลี่ยนแปลงของข้าหลังจากนี้น่ะ แต่ข้าไม่ต้องการให้ ฮูหยินใหญ่และพี่สาวข้ารู้เรื่องนี้ เพราะข้ายังต้องการให้สองคนนั้นสนับสนุนคล้อยตาม เรื่องที่ข้าจะเข้าวังโดยจะใช้ความเปลี่ยนแปลงไปของข้าว่าเป็นคนทะเยอทะยาน อยากเขยบฐานะของตัวเองน่ะ เพราะข้าเชื่อว่าสองคนนั้น ต้องเห็นดีเห็นงามด้วยแน่ เพราะดูแล้วทั้งฮูหยินใหญ่และพี่สาวข้าเป็นบุคคลประเภทนั้นโดยตรงเลยล่ะ  แต่ว่าข้าจะเป็นคนบอกเรื่องนี้เอง"

"เจ้าค่ะ คุณหนู" อันหนิงเอ่ยปากรับคำสั่ง         "อี้หนาน เจ้าก็ช่วยไปเป็นเพื่อนอันหนิงทีนะ เพราะที่ป่าแห่งนี้ค่อนข้างไกลจากตัวเมือง นางเป็นผู้หญิงไปคนเดียวมันน่าเป็นห่วงน่ะ แล้วเดี๋ยวค่อยกลับมาที่นี่ใหม่ ข้ากับฝ่าบาทจะรออยู่ที่นี่ก็แล้วกัน" พราวนภาเอ่ยปากสั่งการ      

"พะยะค่ะ/เจ้าค่ะ" ทั้งสองเอ่ยปากรับคำ

หลังจากที่อี้หนานและอันหนิงไปดำเนินการตามที่สั่ง  ฮ่องเต้หนุ่มปัญญาอ่อนก็มานั่งข้างๆหญิงสาว "นี่ๆ นางฟ้า มาเล่นกันเถอะ นะๆ"   "ได้สิเพคะ แต่ที่นี่ไม่น่าจะมีอะไรให้เล่นนะเพคะ"  "เอาเป็นว่าพวกเรานอนคุยกันดีกว่าไหมเพคะ?  บรรยากาศของป่าที่นี่งดงาม ลมพัดเย็นสบายกำลังดีเลย"

"อือๆ เอาสิ!" แต่ฝ่ายชายหนุ่มนอนไม่นอนเปล่า ฉวยโอกาสล้มตัวลงนอนกอดหญิงสาวแน่น   ส่วนพราวนภาก็ไม่ได้ถือสาอะไรกับคนปัญญาอ่อน  หลังจากนั้นสองหนุ่มสาวก็เอนหลังนอนกับพื้นคุยกัน

"ฝ่าบาท พระชนมายุเท่าไหร่หรือเพคะ?"    "อ๋อ! ข้าเหรอ? อายุข้า 28 น่ะ" 

'หืม?... งั้นก็อายุเท่ากับอายุจริงเราเลยสินะ เพียงแต่ถ้าเป็นในร่างของเฟิงเซียน ก็อ่อนกว่าเขา 8 ปี' พราวนภาคิด

"ฝ่าบาทขึ้นครองราช ตั้งแต่เมื่อไหร่เพคะ?"

"ตั้งแต่เราอายุยังได้ 12 ปี น่ะ!  เพราะเสด็จพ่อประชวรหนักสวรรคตน่ะ เราที่เป็นรัชทายาทก็เลยต้องครองราชต่อแทน  แต่แล้วอยู่ๆ เสด็จลุงของเราก็จากไปอีกคน แต่การสวรรคตของเสด็จลุงถูกคนวางยา!" พอเอ่ยถึงตรงนี้ น้ำเสียงของฮ่องเต้ มีแววโกรธขึงชั่วขณะ และก็กล่าวปรารภอย่างเลื่อนลอย "เพราะเราขึ้นครองบัลลังก์ตั้งแต่ยังเด็ก ก็เลยไม่มีคน เป็นฐานอำนาจจนทำให้ ผู้คิดแย่งชิงบัลลังก์ปองร้ายหมายเอาชีวิต  เสด็จลุงทรงรับเคราะห์แทนเรา  เราเจ็บใจที่กลับหาตัวผู้บงการไม่ได้  การเป็นฮ่องเต้นี่ช่างยากลำบากเสียจริง!"

พราวนภามัวแต่ตั้งใจรับฟังเรื่องราวของฮ่องเต้หนุ่มเพลิน จนไม่ทันได้เอะใจเลยสักนิดว่าในขณะนี้คนที่กำลังพูดกับตัวเองอยู่นั้น  ไม่ได้มีคำพูดคำจาเหมือนคนปัญญาอ่อนเลยสักนิด   หญิงสาวรับฟังแล้วเอ่ยขึ้นว่า

 "ทุกคนไม่ว่าจะฐานันดรไหน ก็ล้วนแต่มีความยากลำบากของตัวเองทั้งนั้นแหละเพคะ! ไม่มีใครสบายหรอก  แต่ความลำบากของคนเรามันก็ต่างกัน ถ้าพระองค์ไปเป็นขอทาน ความลำบากของพระองค์ก็อยู่ที่ความยากจน อดอยากซึ่งคนพวกนั้นคงวาดฝันว่า คนที่อยู่ในวังอย่างฝ่าบาทโชคดีกว่าพวกตน หรือท่านพ่อของหม่อมฉันที่เป็นคหบดีมีเงินทอง ก็กลุ้มใจเรื่องบัญชีรายรับรายจ่าย สรุปแล้วมนุษย์ทุกคน ไม่มีใครสบายหรอกเพคะ"

พระองค์ก็ทรงคิดว่าสวรรค์ได้ลิขิตเอาไว้แล้วสิเพคะ  "แต่ว่านะเพคะ หม่อมฉันมีนิทานเรื่องหนึ่งจะเล่าให้พระองค์ฟังนะเพคะ ... กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีหญิงสาวคนหนึ่งมีชีวิตอยู่ในภพต่างจากที่พระองค์อาศัยอยู่ หญิงสาวผู้นั้น ชื่อว่า พราวนภา ชื่อของนางมีความหมายว่า ดวงดาวที่พร่างพราวอยู่บนท้องฟ้า"  ในขณะที่ฮ่องเต้หนุ่มมองเสี้ยวหน้าของหญิงสาวผู้เล่านิทานของพระองค์ ชายหนุ่มรู้ได้ทันทีว่า หญิงสาวกำลังเล่าเรื่องของตัวเองในรูปแบบของนิทาน พบว่าอีกฝ่ายนอนเล่าในขณะที่ตาเหม่อมองท้องฟ้า

"นางเป็นหญิงสาวจัดว่าเป็นคนมีฐานะมั่งคั่งมากของที่นั่น และมีอาชีพเป็นนักแสดง การแสดงของนางนั้นมักรับบทบาทเป็นตัวร้าย และด้วยความที่นางมีความสามารถในการแสดง   ทำให้คนดูเชื่อถือในการแสดงของนาง จึงทำให้นางมีชื่อเสียงโด่งดัง เป็นที่รู้จักกันไปทั่ว

และด้วยความที่นางมีรูปร่างหน้าตางดงาม จึงทำใหนางถูกว่าจ้างให้ใส่ชุดสวยงามของร้านขายเสื้อผ้าชื่อดังให้เป็นแบบอีกด้วย  แต่อยู่มาวันหนึ่ง ชะตาชีวิตของนางก็ได้พลิกผัน เพราะปรากฏว่านางประสบอุบัติเหตุจน สิ้นชีพ วิญญาณออกจากร่าง แต่นั่นหาใช่เป็นเพราะนางชะตาถึงคาดแล้วไม่ แต่เป็นเพราะความผิดพลาดของผู้ที่มารับวิญญาณของนางไป นำดวงวิญญาณของนางไปผิด แล้วพอจะกลับเข้าร่าง ร่างของนางก็เกิดความเสียหายขึ้นแล้ว    

จนพยายม  ตัดสินใจให้นางกลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง แต่ไม่ใช่ในภพเดิม  นางจะต้องมีชีวิตใหม่ในร่างของคนอื่นแทน"

"แล้วพระองค์ลองคิดดูสิเพคะ สำหรับหญิงสาวคนหนึ่งที่นางมีชีวิตที่ดีสมบูรณ์อยู่แล้ว แต่กลับต้องมาอยู่ในสถานที่ใหม่ เริ่มต้นใหม่ทั้งหมด พระองค์คิดว่ามันแย่หรือเปล่าล่ะเพคะ? ที่ภพเดิมนางก็มีบิดามารดาของนาง ที่นางรักและผูกพัน แต่ก็จะไม่ได้เจอกันอีกต่อไปแล้ว แต่ว่านะเพคะ หญิงสาวผู้นั้นไม่คิดยอมแพ้ต่อโชคชะตาหรอกเพคะ นางตัดสินใจที่จะยอมรับว่ามันเป็นชะตาที่ถูกลิขิตไว้แล้ว แต่นางก็จะขอใช้ชีวิตในแบบที่เป็นนางตามเดิม และทำในสิ่งที่นางรักและเชื่อมั่น นางไม่คิดจะนั่งโอดครวญด่าว่าโชคชะตา  แต่จะขอใช้ชีวิตให้คุ้มค่ากับที่ตนเองได้มีชีวิตใหม่ถึงแม้ว่านางจะไม่อาจทราบได้ว่า  จากนี้ไป ชีวิตของนางจะเป็นอย่างไรต่อไปก็ตาม"    

"เพราะฉะนั้นนะเพคะ นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า คนทุกคนย่อมต้องมีความทุกข์ยากเป็นของตัวเอง แต่ขอเพียงแต่เราไม่ยอมแพ้ เราก็จะสามารถลุกขึ้นยืนใหม่ได้เสมอ ไม่ว่าจะต้องล้มสักกี่ครั้งก็ตาม"

ฮ่องเต้หนุ่มนอนมองใบหน้าหญิงสาวข้างตนด้วยรอยยิ้มละไม 

'เราจะขอไขว่คว้าดวงดาวที่งดงามและเปล่งประกายเช่นเจ้า ให้อยู่เคียงข้างเราตลอดไป'

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา