Bother Guy! ปฏิบัติการตื๊ออันตรายคุณชายมาเฟีย
เขียนโดย Kreota
วันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 22.22 น.
แก้ไขเมื่อ 7 เมษายน พ.ศ. 2561 22.29 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) เลือดนี้แด่เธอ...#ลงทุนหนักมากกก
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
-3-
เลือดนี้แด่เธอ...#ลงทุนหนักมากกก
“คะ O_O?”
“ไม่ต้องมา ‘คะ?’ โทร! ตอนนี้เลย”
ด้วยน้ำเสียงและท่าทางที่เอาจริงของอาจารย์เพียงออ ทำให้ฉันจำเป็นต้องโทรให้พ่อกับแม่ปิดร้านขายของแล้วมาที่โรงเรียนอย่างด่วน
“ดิฉันทราบดีว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องภายในครอบครัว แต่ดิฉันจำเป็นต้องให้คุณทราบว่าการที่มีเจ้าหนี้มาตามทวงหนี้ถึงโรงเรียนแบบนี้ นอกจากจะทำให้นักเรียนคนอื่นแตกตื่นตกใจแล้วยังเป็นการรบกวนการเรียนการสอนด้วย และที่สำคัญมันทำให้จริญญาไม่เป็นอันเรียน เพราะว่ามัวแต่พะวงว่าจะมีใครมาก่อกวนอีก เพราะฉะนั้นดิฉันอยากจะขอร้อง อย่าให้มีเหตุการณ์แบบนี้อีก...ได้ไหมคะ...” อาจารย์เพียงออเริ่มสวดทันทีที่พ่อกับแม่ของฉันมาถึง คงเพราะจะจวกพ่อแม่ฉันยับเยินแบบนี้นี่เองถึงได้ไล่ให้ฉันไปเข้าเรียนซะ
ตอนนี้อาจารย์คงคิดว่าฉันถึงห้องเรียนแล้ว แต่เปล่าเลย...ฉันยังยืนเอาหูแนบกับประตูห้องฝ่ายปกครองอยู่ต่างหาก l_-;
“ยัยโบ! อยู่นี่เอง! ไม่เห็นแกไปเข้าเรียน ฉันนึกว่าจะโดนลุงชุดดำนั่นอุ้มฆ่าซะแล้ว” เหมยทักฉันเสียงดัง จนฉันต้องยกนิ้วชี้ขึ้นมาทาบที่ปากเพื่อให้ยัยนั่นลดเสียงลงหน่อย
“แกทำอะไรอยู่เนี่ย?” อ๋องพยายามเอาหูมาแนบกับประตูห้องปกครองเหมือนฉันบ้าง
“พ่อแม่ฉันอยู่ข้างใน”
“เฮ้ย! สงสัยอาจารย์เพียงออเอาจริงแล้วว่ะ” อ๋องทำตาโต
“แล้วตอนนี้เป็นไงบ้าง” เหมยถาม
“ไม่รู้สิ อาจารย์ไล่ฉันออกมาบอกให้ฉันไปเรียน”
“งั้น...เราก็ควรไปเรียนนะ” เหมยพูด ฉันกับอ๋องเผลอมองหน้ากันอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง ก่อนจะหันไปมองเหมยเป็นจุดโฟกัส
“ทำไมจู่ๆ ถึงรักเรียนขึ้นมาล่ะยัยหมวยเหมย” อ๋องกระแนะกระแหน
“ไม่ได้รักเรียนอะไรหรอก แต่ว่า...” เหมยไม่พูดต่อแต่ใช้ท่าทางการชี้แทนคำตอบ ปลายนิ้วชี้ไปที่ประตูห้องปกครองที่ก่อนหน้านี้ฉันใช้หน้าแนบอยู่
ควับ!
เฮือก!!
“อะ...อาจารย์ ^^;” ฉันทักอาจารย์เพียงออที่ยืนกอดอกมองพวกเรา 3 คนอยู่ เปิดประตูออกมาตอนไหนเนี่ย -_-;;
“ฉันให้เธอไปเรียนตั้งแต่เมื่อยี่สิบนาทีก่อนไม่ใช่หรอจริญญา ทำไมยังยืนอยู่ตรงนี้ -_+”
“เอ่อ...ที่จริงก็ถึงห้องเรียนแล้วล่ะค่ะ แต่ว่าพอดีเป็นคาบชีวะก็เลยต้องไปเรียนที่แล็ป” เหมยแก้ตัวอย่างมีทักษะ ถือว่าฟังขึ้นนะทางนี้ทางไปแล็ปพอดี
“คือ..หนูเป็นห่วงพ่อกับแม่ก็เลยแวะมาอีกครั้ง...ก่อนไปเรียนน่ะค่ะ” ฉันลอยไปตามน้ำอย่างเนียนๆ
“งั้นหรอ” อาจารย์เพียงออพูดอย่างไม่ค่อยเชื่อ ก่อนจะกวาดตามองพวกเราทีละคนและกลับเข้าไปในห้องตามเดิม แต่ไม่ลืมที่จะปิดประตูใส่หน้าฉันแรงๆ จนผมหน้าม้าปัดข้างของฉันปลิวแหว่งไปเลยทีเดียว
=””“= ฟู่~
เราเดินต่อมาที่ห้องแล็ปชีววิทยาตามที่เหมยได้บอกอาจารย์ไว้ ดีที่อ๋องกับเหมยเอาหนังสือกับอุปกรณ์การเรียนมาให้ฉันด้วย ก็เลยไม่ต้องกลับขึ้นไปเอาบนห้องให้เสียเวลาอีก
“เฮ้ย! -[ ]-!!” อยู่ๆ นังอ๋องก็ร้องออกมาแล้วหันไปจ้องที่สนามบาส ฉันก็หันไปมองบ้างเพราะคงเป็นหนุ่มหล่อๆ กำลังถอดเสื้อโชว์กล้ามชู๊ตบาสอยู่แน่ๆ จ้องตาไม่กระพริบขนาดนี้ +.,+
“ปาว *O*!” ฉันตาลุกวาวทันทีที่หันไปที่สนามบาสแล้วเห็นปาวกำลังวิ่งมาทางนี้...ห๊ะ! เขากำลังมองมาที่ฉันด้วย!!
ผัวะ!!
วูบบบ...
“เฮ้! เธอ...เป็นไงบ้าง...ได้ยินไหม!!...เธอ!” เสียงทุ้มๆ นุ่มละมุนหูของปาวดังอยู่ใกล้ๆ พร้อมกับแรงตบเบาๆ ที่แก้มทั้ง 2 ข้างเพื่อเรียกสติ
...นี่ฉันเป็นอะไรไป ทำไมแสงอาทิตย์มันจ้าขนาดนี้ >_<
“ยัยโบ!! โบอิ้ง!” เสียงเหมยเรียกดังเข้ามาอีกคน พร้อมแรงเขย่าที่รู้สึกว่าจะแรงขึ้นเรื่อย ฉันพยายามตั้งสติและกระพริบตาถี่ๆ เพื่อปรับสภาพการรับรู้ของตัวเองใหม่
เกิดอะไรขึ้น!
“เธอ! เป็นไงบ้าง” ดวงอาทิตย์ดวงใหญ่ที่ส่องแสงแยงตาฉันอยู่ถูกบดบังด้วยใบหน้าชวนหลงใหลของปาว นี่ฉัน...เป็นลมแดดรึไง ทำไมฉันนอนแผ่อยู่บนพื้นแบบนี้?
“ฉัน...” ฉันส่งเสียงออกไปเบาๆ แล้วรีบลุกขึ้นจากตักของปาวทันที ฉันไปนอนบนตักเขาได้ไงเนี่ย?
แต่...ขอเป็นลมอีกทีได้ป่ะ >////<
“ฉันเป็นไรไป” ฉันหันไปถามอ๋องกับเหมย
“แกโดนบาสอัดหน้า” อ๋องบอกสั้นๆ
บาสอัดหน้า...?
ฉันนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อกี๊อีกครั้ง ฉันจำได้ว่าฉันกำลังมองปาวที่กำลังวิ่งมาหา แล้วจู่ๆ ก็มีลูกกลมๆ สีส้ม ลอยมาและ...ผัวะ!!
เอ่อ...ฉันจำได้แล้ว U_U#
“ฉันขอโทษนะ” ปาวพูดขึ้นทันทีที่เห็นว่าฉันจำได้แล้ว
“ไม่เป็น...” ระหว่างที่ฉันกำลังจะบอกปาวว่า ‘ไม่เป็นไร’ เหมยก็ร้องขึ้นพร้อมกับชี้มาที่หน้าฉัน
“เลือด!! O_O!”
เลือดหรอ?
“ห๊ะ!” ฉันเลิกคิ้วถาม พร้อมๆ กับความรู้สึกเหมือนมีอะไรอุ่นๆ ไหลออกมาจากจมูกเลยเอานิ้วขึ้นมาแตะๆ ดู
“ละ เลือด!” ฉันรีบใช้หลังมือปาดเลือดที่จมูกออก แต่มันก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลย T^T
“งะ เงยหน้าไว้โบ เงยหน้าไว้” อ๋องบอกอย่างคิดได้ ฉันเลยรีบทำตามแต่พอเงยหน้าขึ้นไปกลับมองเห็นปาวที่นั่งอยู่ใกล้ๆ พอดี เพราะว่าเขาสูงกว่าฉันมาก พอฉันเงยหน้าขึ้นไปเลยป๊ะกับปาวเต็มๆ ฉันจึงต้องก้มหน้าลงแทน
ทำไมปาวต้องมาเห็นฉันในสภาพน่าสมเพชแบบนี้ด้วยเนี่ย TOT
“เอ้า! ยัยโบ ก้มทำไมเงยหน้าขึ้นสิ!!” อ๋องพยายามจับให้ฉันเงยหน้าขึ้น ฉันจะเงยหน้าได้ไงล่ะ อายจะตายอยู่แล้ว!!
“ไม่ต้องๆ ก้มหน้าลงนิดหน่อยแบบนี้แหละถูกแล้ว” ปาวบอกพร้อมกับกดศีรษะฉันให้ก้มลงอีกนิดหน่อย
“บีบจมูกไว้นะ” ปาวก้มลงมาบอกฉัน จนลมหายใจอุ่นๆ ของเขาปะทะกับหน้าผากฉัน ทำเอาร้อนวูบวาบไปหมดเลย แล้วแบบนี้เลือดกำเดาจะหยุดได้ไง มันก็ยิ่งพุ่งออกมาน่ะเซ่ >///<!
“อื้ม” ฉันรับคำ หวังว่าเสียงฉันคงไม่สั่นนะ
“โห...แฟนคลับแกคนนี้นี่ลงทุนหนักมากเลยนะเนี่ย” เสียงของท็อทดังเข้ามาอีกคน นี่อย่าบอกนะว่าคนทั้งสนามมามุงดูฉันหมดแล้ว T.T
“อี๋! เหมือนผีเลยอ่ะ เลือดเต็มหน้าเลยแก..” เสียงชะนีที่ไหนไม่รู้ลอยเข้ามา ฟังแล้วระคายเคืองรูหูชะมัด -_-!
“ลงทุนเยอะไปป่ะแก” นั่นไง เสียงนังชะนีหมายเลข 2 ดังขึ้นอีกคนก่อนจะตามมาด้วยเสียงของชะนีทั้งฝูงที่กำลังนินทาฉันอยู่ แต่เป็นการนินทาที่ดังมากกก...
“นังพวกนี้! พูดจาดีๆ หน่อย เดี๋ยวปั๊ด! โดดถีบขาคู่!” อ๋องพูดขึ้นมาทำลายเสียงนินทาที่กำลังอื้ออึงหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เสียงเหล่าชะนีไทมุงเงียบกริบลงทันที
ขอบใจนะอ๋องน้อยเพื่อนยาก T^T
“โบ ฉันมีทิชชู่” เหมยนั่งลงข้างๆ ฉันแล้วส่งทิชชู่ซองเล็กๆ ลายหมีพูมาให้ ฉันเอื้อมมือไปรับมาอย่างมีหวัง แต่...
ฟึบ~...ในซองมีแผ่นเดียว -,,-;
“อุ้ย!...แผ่นสุดท้ายพอดีเลย ^^;” เหมยยิ้มแหยๆ ให้ฉันแล้วหยิบเอาซองทิชชู่คืนอย่างสำนึกผิด ฉันเอาทิชชู่ผืนน้อยมาปิดจมูกเอาไว้ แต่แค่แป๊บเดียวทิชชู่ในมือก็ชุ่มโชกไปด้วยเลือด มันจะหยดโดนกระโปรงฉันแล้ว คนอื่นที่เห็นทีหลังต้องคิดว่าฉันเป็นวันนั้นของเดือนแน่ๆ เลย TOT
“เฮ้ย! ทำไร” ปาวรีบคว้ามือฉันเอาไว้ก่อนที่ฉันจะหยิบคอเสื้อตัวเองขึ้นมา
“ก็เอามาเช็ดเลือดไง”
“เสื้อเธอก็เปื้อนน่ะสิ” ด้วยประโยคนี้ ทำเอาเหล่าชะนีน้อยใหญ่ที่ยืนมุงอยู่เผลอร้องกรี๊ดออกมา
พวกเธอกำลังมโนอยากจะมานั่งเลือดกำเดาพุ่งเหมือนฉันใช่ไหม?...เอาไหมล่ะ! มาลองเปลี่ยนกัน ฉันจะยอมยืนมองอยู่เฉยๆ แทนที่พวกเธอเลย! มันไม่ได้น่าปลื้มเลยสักนิดน่าสมเพชจะตาย Y,,Y
“ไม่เป็นไรหรอก มันก็เปื้อนไปแล้วตั้งเยอะ” ฉันบอกแล้วหยิบคอเสื้อของตัวเองขึ้นมาอีกครั้ง แต่ปาวที่ยังจับมือฉัน (ไม่ปล่อย -.,-//) อยู่กลับยิ่งบีบมือฉันแรงขึ้นนิดหน่อยเพื่อห้ามฉันไว้
“โอ้ยปาว จะทำอะไรก็รีบทำสิ เลือดเพื่อนฉันจะหมดตัวแล้วนะ” อ๋องต่อว่าปาวที่ไม่ยอมให้ฉันได้ทำอะไรสักที
เขาถอนหายใจออกมายาวๆ เหลือบขึ้นไปมองประชาชีที่มุงดูอยู่นิดหน่อย ก่อนจะ...ถอดเสื้อนักเรียน O////O
“อ่ะ...” ปาวยื่นเสื้อนักเรียนมาให้พร้อมกับเสียงกรี๊ดของเหล่าสตรีหลายนางที่ยืนร่วมเป็นพยาน
นี่ฉัน...ไม่ได้ฝันไปใช่ไหม หรือว่าเป็นลมแดดแล้วมโนไปเอง?
“รับไปสิ เลือดไหลออกมาอีกแล้วน่ะ” ปาวไม่พูดเปล่าแต่พับๆ เสื้อนักเรียนตัวเองเป็นก้อนใหญ่ๆ แล้วยกขึ้นมาเช็ดให้ฉันเองโดยไม่รอให้ฉันรับมันมา
กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ปนกับกลิ่นเหงื่อของปาวทำให้ความฟินของฉันพุ่งกระฉูดยิ่งกว่าเดิม ใบหน้าที่ร้อนผ่าวๆ อยู่แล้วเพราะโดนแดดยามบ่ายแผดเผายิ่งทวีความร้อนมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อได้สัมผัสกับกลิ่นกายที่น่าหลงใหล -.,-//
“โชว์แมนนานแล้วเว้ยเพื่อน พาโบไปห้องพยาบาลเหอะ” เสียงฟานดังขึ้นมาขัดจังหวะความฟิน ดูเหมือนปาวจะเพิ่งรู้ตัวว่ากำลังซับเลือดให้ฉันตอนที่ฟานพูดนี่แหละ เขาเลยรีบชักมือกลับจนฉันแทบจะหยิบเสื้อของเขามาปิดจมูกไว้ไม่ทัน
“เออว่ะ” ปาวพูดอย่างคิดได้ก่อนจะช่วยพยุงฉันลุกขึ้นโดยมีอ๋องคอยช่วยพยุงอีกแรง พอโดนพยุงขึ้นมานี่แหละถึงรู้ว่ามีคนเยอะขนาดไหนมุงอยู่
“นี่! พวกเธอทำอะไรกัน” เสียงอาจารย์เพียงออดังขึ้น ทำให้วงกลมถูกแหวกออกอย่างรวดเร็ว
“จริญญา!” อาจารย์ร้องเสียงหลงเมื่อเห็นสภาพของฉัน “อธิบายมาว่าเกิดอะไรขึ้น!”
“ความผิดของผมเองครับอาจารย์ ผมทำบาสกระแทกหน้าจริญญา” ปาวบอกน้ำเสียงหนักแน่น เขาเรียกชื่อจริงของฉันด้วย >///<
“กระแทกแรงไหมเนี่ย ต้องไปสแกนสมองที่โรงพยาบาลรึเปล่า เธอรู้สึกหน้ามืดหรือว่าคลื่นไส้ไหม” อาจารย์เพียงออเข้ามาจับที่หน้าของฉันแล้วหมุนไปมาเบาๆ
“ไม่เป็นไรค่ะอาจารย์ ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว” ฉันบอกทั้งที่ยังคงบีบจมูกอยู่
“แน่ใจนะ”
“ค่ะ”
ระหว่างนั้นเองพ่อกับแม่ที่กำลังจะกลับบ้านก็ขับรถผ่านมาพอดี ฉันก็เลยได้รับอภิสิทธิ์กลับบ้านก่อนเวลาเลิกเรียน แต่ถึงอาจารย์เพียงออไม่อนุญาตแม่ฉันก็ต้องพากลับอยู่ดีเพราะว่าท่านเป็นห่วงฉันมาก ถ้าฉันยืนยันว่าจะนอนอยู่ในห้องพยาบาลของโรงเรียนท่านก็คงจะนั่งเฝ้าที่นี่ ฉันเลยกลับไปนอนที่บ้านน่าจะดีกว่า
พอกลับมาถึงบ้านฉันก็นอนประคบน้ำแข็งจนเผลอหลับไป ตื่นมาอีกทีตอนที่อ๋องโทรเข้ามาตอนหัวค่ำ
[เป็นไงบ้างโบ เลือดหยุดไหลหรือยัง] เหมยถามมาจากปลายสาย
[เห็นผู้ชายแล้วเลือดกำเดาพุ่งเชียวนะแก] เสียงอ๋องดังขึ้นมาอีกคน
พวกเรามักจะประชุมสายคุยกันแบบนี้เป็นประจำ ถ้าเกิดขาดคนใดคนหนึ่งไปความรู้สึกเหมือนคุยอะไรไปก็ไม่ค่อยสนุก
“ก็เพราะแกนั่นแหละไอ้อ๋อง ทักจนฉันต้องหันไป”
[ฉันทักลูกบาสที่ลอยมาหาแกหรอกย่ะ ไม่ได้ทักให้แกมองปาวสักหน่อย]
“แกก็น่าจะบอกว่า ‘เฮ้ย บาส!’ อะไรแบบนี้ก็ได้”
[ถึงฉันจะบอกแกว่า ‘เฮ้ย บาส!’ แกก็มองปาวอยู่ดีแหละ]
“อย่างน้อยๆ ฉันก็จะได้ระวังตัวไว้ไง!”
[พอๆ เลยพวกแกสองคน ถ้าเกิดไม่มีฉันคอยเบรกไว้ จะไม่ยอมหยุดเถียงกันเลยใช่ไหมห๊ะ!] เหมยพูดแทรกขึ้นมา
“ใช่” / [ใช่] ฉันกับอ๋องประสานเสียงกันอย่างพร้อมเพรียง
[เฮ้อ...ที่โทรมาเนี่ย ไม่ได้โทรมาเพื่อให้พวกแกเถียงกันว่าคนไหนผิดคนไหนถูกนะ…แกก็เข้าเรื่องสักทีสิอ๋อง]
“อ้าว! มีเรื่องไหนใหญ่กว่าเรื่องที่ไอ้อ๋องไม่บอกว่าฉันกำลังจะโดนบาสกระแทกหน้าอีกหรอเหมย” ฉันถามโดยที่ยังคงแซะอ๋องไม่เลิก
[นังอ้อยอิ่ง!!]
“ฮ่าๆๆๆ” พอฉันได้ยินเสียงของอ๋องน้อยแล้วจินตนาการไปถึงหน้ามุ่ยๆ ของนางแล้วอดขำไม่ได้เลย
[เรื่องที่แกลงทุนเอาหน้าไปรับบาสของปาวนั่นแหละ...ใหญ่กว่า] เหมยบอกเองในที่สุดโดยไม่รอไอ้อ๋องที่มัวแต่เล่นตัว แต่เอ๊ะ!...ลองกลับไปอ่านทวนประโยคที่เหมยพูดหน่อยสิคะ
ฉัน...เอาหน้าไปรับบาสของปาว งั้นหรอ! ใครมันเป็นคนพูดเนี่ย T[ ]T!
“จะบ้าหรอ!! คนดีๆ ที่ไหนมันจะเอาหน้าไปรอรับบาสกัน! มีแต่คนบ้าเท่านั้นแหละที่คิดแบบนี้” ฉันร้องลั่นบ้าน คิดว่าตอนนี้ความดันคงพุ่งปรี๊ดถึงขีดสุดแล้ว เลือดกำเดาจะพุ่งอีกไหมเนี่ย -.,-;
[งั้นก็คงบ้าทั้งโรงเรียนนั่นแหละ ตอนนี้ทั้งเฟสบุ๊ค ทั้งทวิตเตอร์ของโรงเรียนมีรูปแกแปะให้ว่อนไปหมด แถมมีแฮชแท็กเก๋ๆ ให้แกด้วยนะ] อ๋องเสริมจนฉันต้องกลืนน้ำลายลงคอเพราะรู้สึกว่าคอมันแห้งผากขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ
“แฮชแท็กอะไร”
[ลงทุนหนักมาก / ลงทุนหนักมาก] เหมยและอ๋องประสานเสียงกลับมา ทำเอาใจฉันเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมาเต้นตุบๆ อยู่นอกอก นี่น่ะหรอที่เขาบอกว่า ‘อกอีแป้นจะแตก’ ฉันรู้ซึ้งก็ตอนนี้แหละ!
*******************************************************
อัพอีกแล้วจ้าาาาา
ตอนที่ 3 ของเรารอกันนานไหมเอ่ย ^_^
ฝากติดตามด้วยนะคะทุกคน
:: ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ
********************************************************
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ