Love Hunter สยบร้าย ขยายรัก

9.4

เขียนโดย KeawSwaggie

วันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2557 เวลา 21.14 น.

  19 บท
  29 วิจารณ์
  24.26K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 เมษายน พ.ศ. 2558 21.28 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) บทที่ 3 กลับตาลปัด

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่ 3

กลับตาลปัด

           

            “ไม่จริง…” ฉันถือพินัยกรรมมือสั่นแล้วก้มหน้าพูดกับตัวเอง ฉันว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ เพราะแม่ฉันไม่มีทางที่จะยกมรดกของตระกูลตัวเองให้ตระกูลอื่นง่ายๆหรอกทุกสิ่งทุกอย่างของตระกูลเราล้วนมาจากน้ำพักน้ำแรงของคนในครอบครัวทั้งนั้น ตระกูลแฟร์ไคลน์ต้องไปขู่อะไรแม่แน่ๆ! =^=!

 

            “ฉันสั่งส่วนของเธอให้แล้วนะ เป็นหม้อไฟโซบะ โอเคมั๊ย”

 

            นายสทอร์มยังคงลอยหน้าลอยตาพูดทั้งๆที่เห็นว่าตอนนี้ฉันสั่นไปทั้งตัวด้วยความไม่พอใจ หมอนี่นี่มันยังไงกันนะ เขาเต็มใจแต่งงานกับฉันหรือไง ทำไมเขาไม่ค้านล่ะ! Why!?

 

            “นี่สทอร์ม ฉันขอถามอะไรหน่อยได้มั๊ย”

 

            “ว่ามาสิ” เขาพูดโดยที่เขาเองยังคงยุ่งอยู่กับการเทน้ำชาอุ่นๆ ลงในแก้วที่วางอยู่บนโต๊ะ

 

            “นายพอใจหรอที่จะแต่งงานกับคนที่นายไม่ได้รักน่ะ อีกอย่างเราก็ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน นายคิดว่านี่มันโอเคสำหรับนายแล้วเหรอ”

 

            “…”

 

            นายสทอร์มจ้องหน้าฉันนิ่งเหมือนพยายามจะดูปฏิกิริยาของฉัน เหมือนเขาต้องการจะอ่านความคิดของฉัน ฉันพยายามกลืนน้ำตาที่เอ่อมาจากไหนก็ไม่รู้แล้วทำหน้าให้นิ่งที่สุด ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆ ทำไมเขาถึงทำเหมือนว่าอะไรก็ได้ ยังไงก็ได้ ไร้ความรู้สึก!

 

            “นี่! ฉันถามนายอยู่นะ!”

 

            “ฉันว่านี่มันก็โอเคแล้วนี่… ฉันกับเธอแต่งงานกันเราก็เป็นครอบครัวเดียวกันฉันได้บริหารกิจการอินทรอสร่วมกับเธอ อ้อ…แต่ฉันคิดว่าถ้าเธอไม่เต็มใจก็ไม่ต้องแต่งงานกับฉันก็ได้นะ เพราะยังไงถึงเธอไม่แต่งงานยังไงมรดกทุกอย่างของตระกูลอินทรอสก็ต้องถูกโอนมาให้ตระกูลแฟร์ไคลน์อยู่แล้ว เธอคิดว่าแบบไหนดีกว่ากันล่ะ^^”

 

            สทอร์มส่งยิ้มมาให้ฉันแววตาไม่ได้มีความจริงใจเลยซักนิด เขานี่มันปิศาจชัดๆ! ฉันไม่คิดเลยว่าคนหน้าตาดีตระกูลดีทำไมถึงได้ทำแบบนี้ ให้ตายเถอะ!

           

            “ตระกูลนายนี่มันปิศาจชัดๆ! กระกูลแฟร์ไคลน์ทำอะไรกับอินทรอสกันแน่ทำไมแม่ฉันถึงต้องยอมยกมรดกของตระกูลตัวเองให้ตระกูลเฮงซวยของนายด้วย!!” ฉันพูดแล้วขว้างพินัยกรรมใส่หน้านายสทอร์ม แต่เขาก็ยังคงนิ่งและหยิบพินัยกรรมขึ้นมาวางบนโต๊ะแบบเดิม เขามีความรู้สึกรับรู้บ้างไหมเนี่ยว่าฉันเดือดแค่ไหนน่ะ ห๊ะ!!

           

            ช่วงเวลาแห่งความอึดอัดค่อยๆลดลงเพราะพนักงานของร้านนำอาหารมาวางบนโต๊ะ โชคดีจังฉันจะได้ไม่ต้องจ้องหน้านายสทอร์มนานเขาแทบจะกินหัวฉันอยู่แล้วเนี่ย หน้าตาดี แต่ปากคอเราะร้ายสุดๆ ขนาดฉันที่เคยปลื้มๆนี่หมดเลยความช่งความชอบ แค่อยู่ด้วยกันไม่กี่นาทียังทำให้อึดอัดได้ขนาดนี้ แต่ก็เอาสิฉันเกิดมาไม่เคยแพ้ใครอยู่แล้ว ก็ลองดูซักตั้งว่าเขาจะทนฉันได้แค่ไหนกันเชียว!

 

            ทันทีที่อาหารถูกวางบนโต๊ะของเราครบ ฉันก็เลิกสนใจอีตาหล่อร้ายนั่นแล้วก็ยกหม้อไฟขึ้นซดให้น้ำร้อนๆมันลงไปในคอย้อมใจซักหน่อย อ๊า!!! สดชื่นดีจริงๆเชียว >[]<:;

 

               “นี่! มันร้อนนะ ค่อยๆกินไม่เป็นหรือไง”

 

สทอร์มวางตะเกียบที่เขาถืออยู่ลงแล้วรีบเอื้อมมือวาจับแขนฉันที่กำลังยกหม้อไฟขึ้น

               

               “เรื่องของฉัน ไม่เกี่ยวกับนาย! หม้อไฟน่ะ มันต้องกินอย่างนี้ถึงจะอร่อย ถ้ามัวแต่นั่งเป่าให้มันหายร้อนจะเรียกว่าหม้อไฟทำไมกันล่ะ =0=!”

 

               “=____=:;”

 

               นายสทอร์มมองฉันนิ่งก่อนจะปล่อยมือออก ฉันยกหม้อไฟขึ้นซดอีกทีด้วยมือเปล่า อันที่จริงมันก็ร้อนอ่ะแหละแต่มันก็ไม่ได้ร้อนมากมายอะไร ทำไมต้องทำหน้าตกใจขนาดนั้นก็ไม่รู้พวกเวอร์ =3=!

 

               “ถ้านายไม่กินของนายจะให้ฉันช่วยกินก็ได้นะ แจ๊บๆๆ (=_(=*)”

 

               ฉันพูดหลังจากที่คีบหนวดปลาหมึกยักษ์สามชิ้นเข้ามาในปาก แล้วมองจานของนาย สทอร์มยังคงเหลือครบทุกชิ้น ทำไมเขาไม่กินอ่ะ อร่อยจะตายย วุ๊ เสียของๆ (=3=)

 

               “เธอไม่ได้กินอะไรมากี่วันแล้วเนี่ย กินอย่างกับไม่เคยกินมาก่อน =___=” หมอนั่นพูดแล้วเลื่อนจานซูชิมาทางฉัน ก่อนจะนั่งมองฉันกินด้วยใบหน้านิ่งๆ ให้ตายเถอะ ฉันล่ะเกลียดหน้านิ่งๆหยิ่งยโสแบบนี้ที่สุด ทำไมเขาถึงต่างจากตอนเมาเมื่อวานจังเนี่ย =3=?

 

               หลังจากที่ฉันจัดการอาหารของเขาเสร็จ(กินมันทุกอย่างที่อยู่บนโต๊ะ) สทอร์มก็เรียกพนักงานมาเก็บเงินก่อนจะฉุดแขนฉันให้ลุกขึ้น และจูงไปที่หน้าประตูลิฟท์เพื่อลงไปที่ชั้นเสื้อผ้าที่อยู่ลงไปอีกสองชั้น

 

 

               ฉันเลิกขัดขืนและเดินตามไปตามแรงที่เขาดึงเพราะยิ่งขัดขืนก็เท่ากับฉันเสียแรงเปล่าๆ เพราะเขาจับแขนฉันแน่นมาก เรียกได้ว่าพอปล่อยมานี่เป็นรอยสีเขียวเป็นจ้ำๆ ฮึ่ม! เจ็บนะ! =*=

 

               ตอนนี้เท่าที่ฉันคิดก็คือไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทางไหนที่ฉันจะหลีกเลี่ยงการแต่งงานได้เลย เพราะถ้าทันทีที่ฉันปฏิเสธเขานั่นแปลว่าทรัพย์สินทุกอย่างที่เคยเป็นของตระกูลฉันก็จะกลายเป็นของตระกูลแฟร์ไคลน์ทันที และนั่นแหละปัญหาที่ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ต้องโอนให้เขา ทำไมไม่ยกให้พี่ไวน์ซะล่ะ?

 

               “นี่นายสทอร์ม ว่าแต่น้องฮันนี่ของนายไปไหนซะล่ะ”

 

               “เธออยากรู้ไปทำไม”

 

               “ก็เปล๊า! เพราะเมื่อวานน่ะนายเมามาห้องฉันแล้วก็พูดถึงแต่ฮันนี่ๆอยู่นั่นแหละ”

 

               “เหอะ! ตลก! ฉันน่ะนะไปห้องเธอ เมื่อไหร่กัน ฝันเหรอไง -____-”

 

               “โอ้โห กล้าพูดเนอะ เมาหัวทิ่มหัวตำ นี่ถ้าไม่ได้ฉันแบกนายไปส่งที่ห้องนายก็คงได้นอนหนาวตายอยู่ตรงทางเดินนั่นน่ะแหละ คนเขาช่วยแล้วทำเป็นลืม รู้งี้ไม่ช่วยซะก็ดี =___=!”

 

               “พูดเรื่องบ้าอะไรของเธอ (=____=)”

 

               สรุปนี่เขาไม่เชื่อจริงๆสินะ เอ้อออ มองเข้าไป สายตากวนๆนั่น ฉันนี่อยากจะเอานิ้วจิ้มตาเขาจริงๆเลย ชิส์!

           

            ติ๊ง…

 

            ทันทีที่ประตูลิฟท์เปิดออกสทอร์มก็จูงฉันไปที่ร้านอินทรอสที่ฉันเพิ่งเข้ามาเมื่อเช้านี้ พนักงานทุกคนรีบมายืนเข้าแถวต้อนรับด้วยความเคารพนายสทอร์ม อะไรน่ะ! =0= ทีฉันเป็นลูกเจ้าของแต่กลับจำไม่ได้และไม่ได้มายืนทำความเคารพแต่กลับหมอนี่รีบวิ่งมาเข้าแถวต้อนรับ เหอะ! พนักงานพวกนี้นี่เห็นฉันเป็นตัวอะไรน่ะ เดี๊ยวฉันก็สั่งให้แม่ไล่ออกซะหรอก =[++]=!

           

               “นั่งรอตรงนี้ก่อน เดี๊ยวฉันจะไปเลือกเสื้อผ้ามาให้เธอลองใส่”

 

               เขาพาฉันมานั่งตรงมุมลองเสื้อ ฉันนั่งบนโซฟาขนาดใหญ่แล้วมองตามนายสทอร์มที่กำลังเดินๆหยิบๆเลือกๆ เขาหันมาสบตาฉันก่อนจะหันกลับไปเลือกเสื้อผ้าต่อ อะไรของหมอนั่นน่ะ อารมณ์ขึ้นๆลงๆ =^=*

 

               ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วพยายามติดต่อแม่ แต่ก็ถูกตัดสายโทรกี่ครั้งแม่ก็กดตัดสายทุกครั้ง แปลกนะเพราะแม่ไม่เคยตัดสายฉันเลยซักครั้งตั้งแต่เกิดมา ฉันว่าเรื่องนี้ผิดปกติเข้าไปทุกๆแล้วนะเนี่ย

 

**รับสายหน่อยคร๊าบบ น้องสาวของพี่ รับสายหน่อยคร๊าบบ…

 

               “พี่ไวน์คะ! นี่มันเกิดอะไรกันแน่ ทำไมแม่ไม่รับสายของริชท์เลย แล้วทำไมพินัยกรรมถูกเปลี่ยน พี่ไวน์ ฮึก..ฮึก…” ฉันปล่อยน้ำตาออกมาทันทีที่รับสายจากพี่ไวน์ ถึงแม้ว่าฉันจะไม่อยากร้องไห้เลยก็ตาม..

 

               ‘ริชท์ พี่ขอโทษนะ พี่จะโทรมาบอกว่าพี่คงต้องกลับไปอยู่ที่บ้านกับพ่อและแม่ก่อนน่ะ อาหารที่เตรียมไว้ให้แล้วอยู่ในตู้เย็นนะ เวฟแล้วทานได้เลย…”

 

               “พ…พี่ไวน์กำลังจะย้ายออกจากห้องเหรอคะ!! ไหนบอกว่าจะอยู่จนกว่าแม่จะเสร็จงานอาทิตย์หน้าไงคะ!”

 

               “เอ่อ…พี่ขอโทษนะริชท์ พี่ขอโทษจริงๆ พี่ก็อยากอยู่ต่อแต่พี่…อยู่ไม่ได้…”

 

               “…พ..พี่ไวน์บอกริชท์หน่อยได้ไหมคะว่าเกิดอะไรขึ้นกับตระกูลเรา แฟร์ไคลน์ทำอะไรกับตระกูลเรากันแน่…”

 

               “พี่ขอโทษจริงๆริชท์ พี่บอก…ไม่ได้”

 

               ฉันวางโทรศัพท์ลงบนหน้าตักของตัวเอง สิ่งเดียวที่ฉันแน่ใจก็คือตระกูลแฟร์ไคลน์ต้องทำอะไรตระกูลของอินทรอสแน่ๆ แต่ฉันก็ยังไม่รู้สาเหตุอะไรเลย ฉันกดวางสายพี่ไวน์แล้วเช็ดน้ำตาที่อยู่บนหน้าออก ฉันไม่อยากให้หมอนั่นรู้ว่าฉันอ่อนแอ!

 

               “อ่ะนี่”

 

               นายสทอร์มเดินกลับมา แล้วยื่นเสื้อผ้าสี่ห้าชุดมาให้ฉัน ทุกๆชุดล้วนเป็นบราเซียสีสดกับกางเกงแฟชั่นหรูหรา ฉันรับทั้งหมดมาวางไว้ข้างๆตัว

 

               “เธอ… เป็นอะไรน่ะ” สทอร์มนั่งลงข้างๆแล้วถามฉันสีหน้าดูตกใจเล็กน้อย

 

               “เปล่า..ฉันต้องลองทั้งหมดนี่ใช่มั๊ย นายนั่งรอก่อนละกัน”

 

               ฉันคว้าบราเซียและกางเกงที่วางอยู่ขึ้นมาถือแล้วเดินไปที่ห้องลองเสื้อ ฉันคงทำได้แค่นี้สินะ ทำได้แค่ทำในสิ่งที่ผู้ใหญ่วางหมากเอาไว้…

 

               ฉันถอดชุดที่ฉันใส่อยู่ออกก่อนจะลองใส่แต่ละชุดออกไปให้หมอนั่นดู ให้ตายเถอะนี่ฉันกำลังทำอะไรอยู่กันน่ะทำไมฉันรู้สึกเหมือนฉันไม่มีค่าเลย ให้ตายสิ ทั้งๆฉันเป็นคุณหนูแห่งอินทรอสเชียวนะ!!

 

               เวลาผ่านไปจนในที่สุดนายสทอร์มก็พอใจกับชุดสุดท้ายที่ฉันใส่ เป็นบราเซียสีชมพูพาสเทลลักษณะเป็นเกาะอกและมันวาวประดับด้วยมุกเม็ดเล็กสีขาวกับกางเกงขาสั้นทรงจั๊มสีชมพูพาสเทลมันวาวเช่นเดียวกัน

 

               “โอเค เอาชุดนี้แหละ อ่ะนี่ ฉันซื้อชั้นในกับเสื้อผ้าชุดใหม่มาให้เธอแล้ว ฉันเดินด้วยเสื้อเชิตตัวเดียวนี่มันก็หนาวเหมือนกันนะ เอ้า! ยืนมองอะไร รีบๆเข้าไปเปลี่ยนแล้วเอาแจ๊กเก็ตฉันคืนมาได้แล้ว!”

 

               “=___=”

 

               “ม…มองอะไรน่ะ! =[]=:;”

 

               “=______=” หึ หมอนี่กำลังเขินอยู่สินะที่ต้องมาเห็นอกไซส์ตู้มๆของฉัน เหอะๆๆๆ =0=* คิดเหรอว่าฉันจะตามไม่ทัน หนาวเหรอ ข้ออ้างชัดๆ เห็นๆอยู่ว่าเขาน่ะหน้าแดงทุกทีที่มองฉัน ไอโรคจิต เอ๊ยยยยย -^-!

 

          “ทำไมล่ะ ฉันก็เห็นนายแอบมองดูหน้าอกฉันบ่อยๆนี่นา”

 

          “น…นี่! เธอพูดอะไรของเธอน่ะ ฉันไปมองของเธอตอนไหน=[]=;;”

 

           “อ้าว! ไม่ได้มองหรอกเหรอ ก็ดี งั้นเอาเสื้อนายคืนไป อ่ะ!-0-!”

 

            ฉันถอดเสื้อแจ๊กเก็ตของสทอร์มออกก่อนจะยื่นเสื้อส่งไปให้เขา

 

            “เฮ่ย! มาถอดอะไรตรงนี้! ถ้าจะถอดก็ ข..เข้าไปถอดในห้องเปลี่ยนเสื้อสิ!!”

 

               นายสทอร์มพูดด้วยท่าทีตกใจที่เห็นฉันถอดเสื้อคินให้เขาแล้วดูเหมือนว่าเขาจะแอบมองหน้าอกของฉันจริงๆด้วยแฮะ เอิ๊กๆๆๆ ดูสิรีบผลักฉันเข้ามาในห้องลองเสท้ออย่างไวเลย =w=

 

               หลังจากที่ฉันเปลี่ยนมาใส่เสื้อที่เขาซื้อให้เสร็จแล้วพอออกมาก็พบว่าเขากำลังยืนเลือกรองเท้าอยู่ที่ร้านตรงข้าม และแน่นอนถ้าฉันเดาไม่ผิดก็คงเป็นรองเท้าของฉันอีกน่ะแหละเพราะร้านนั้นเป็นร้านรองเท้าผู้หญิง ว่าแต่ทำไมดูเขาใส่ใจรายละเอียดของงานเปิดตัวคู่หมั้นจังนะ -3-

 

               ฉันเดินย่องออกจากร้านแบรนด์อินทรอสแล้วย่องๆเลี่ยงออกไปไม่ให้เขาเห็น พอพ้นระยะอันตรายฉันก็รีบวิ่งจู๊ดเข้าไปในลิฟท์แล้วกดขึ้นไปที่ชั้น 35 เรื่องอะไรฉันจะต้องยอมเขาทุกอย่าง เอาซี้ๆๆๆ ก็ให้รู้ไปว่าถ้าไม่มีฉันแล้วงานเปิดตัวจะเป็นยังไง เฮอะ! ฉันจะซ่อนตัวอยู่ในห้องนี่ล่ะ ให้ตายยังไงฉันก็ไม่ไปเด็ดขาด!!!

 

               ติ๊ง!

 

               ปรู๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด (ไม่ต้องตกใจ เสียงฉันวิ่งน่ะ เอิ๊กๆๆ >w<*)

 

               ทันทีที่ลิฟท์เปิดฉันก็วิ่งตรงไปที่ห้องของฉันแล้วล็อกประตูพร้อมเปลี่ยนระบบป้องกันเป็นระบบฮาร์ดอานาล็อคที่เป็นระบบป้องกันคีย์การ์ดแปลกปลอมอย่างแน่นหนา แค่นั้นยังไม่พอ ฉันนี่ลงทุนลากชั้นวางรองเท้ามาบังประตูอีกทีเพื่อความปลอดภัยของฉันอีกชั้นหนึ่งเลยค่ะ ฮึๆๆๆๆ อย่างน้อยฉันก็รอดไปได้อีก 1 วันล่ะนะ โอ้เย่ \(-0-)/

 

               ฉันเดินไปนั่งที่โซฟาหน้าห้องนอนก่อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเซลฟี่ตัวเองประมาณหกเจ็ดรูปแล้วอัพลงไอจี แล้วก็เฟสบุ๊ค ที่มีคนมาฟอลโล่ว์นับหมื่นชีวิต ทำไงได้ก็ฉันทั้งสวยทั้งรวยใครๆก็ต้องชอบฉันอยู่แล้ว กิ๊ๆๆๆๆ >w<

 

 

            ***Today I don’t Just like doing anything….***

 

            “!!”

 

            ฉันสะดุ้งกับเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นเล็กน้อยขณะที่ฉันกำลังจะกดเซลฟี่ตัวเองอีกครั้ง พอมองไปที่หน้าจอก็พบเบอร์แปลกๆ เฮอะ! พวกโรคจิตอีกน่ะแหละ เรื่องอะไรฉันจะรับล่ะ เดี๊ยวนี้พวกโทรก่อก่วนฉันเยอะมากเพราะพวกบ้าคนดังน่ะสิแอบเอาเบอร์ฉันไปปล่อยในบล็อกเกาะแฟร์ไคลน์อยู่เรื่อยฉันล่ะเซ็งที่วันๆจะต้องเจอเบอร์แปลกๆ เทิ่อาทิตก่อนก็มีโทรมาขอเซ็กซ์โฟน เฮอะ เดี๊ยวแม่จะเอาแซกโซโฟนยัดปากให้ =^=!

 

            ติ๊ด

 

            ตัดสายแม่มมม (-0-)/

 

            ปิ๊บบบบๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

 

            “T____T” ฉันแทบจะกรีดร้องออกมาเลยทีเดียว นี่มันอะไรกันอีกเนี่ย! (T[]T) เสียงประตูห้องของฉันร้องแจ้งเตือนรัวๆพร้อมๆกับเสียงโทรศัพท์ที่ดังแบบถี่ๆอีก นะโมตัสสะภควะโต อะระหะโตสัมมาสัมพุทธสะ ไปที่ชอบๆเถอนะอย่ามาหลอกหลอนฉัยเลยยยยย พรีสสสสส (T[]T)

ปึง!ๆๆๆๆๆๆ

 

            ***Today I don’t Just like doing anything….***

 

           ปิ๊บบบบๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

 

           ปึง!ๆๆๆๆๆๆ

 

           ***Today I don’t Just like doing anything….***

 

           ปิ๊บบบบๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

 

            “แม่มมมมเอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!!!”        

 

            ย๊ากกกกกกกกกก!!!! ฉันหมดความอดทนแล้วนะนี่มันบ้าอะไรเนี่ย!!! ฉันตัดสินใจเดินดุ่มๆไปหยิบโทรศัพท์ที่อยู่บนโซฟาแล้วกดรับ! โรคจงโรคจิตก็เอาสิ! ฉันจะด่าให้แหลกเลย!! รู้จักนังริชท์เน่น้อยไปซะแล้ว!!

 

            “มีอะไรมิทราบ!!!!!”

 

            (“นี่เธอกล้าหนีฉันขึ้นมาได้ยังไง! แล้วยังมีหน้ามาป้องกันคีย์การ์ดของฉันอีก!!”)

 

            “ก็นี่มันห้องของฉัน! นายไม่ต้องเข้ามาน่ะถูกแล้ว!! แล้วจะเข้ามาทำพระจิงโกเบลอะไรมิทราบ ห๊ะ!! =[++]=!!!”

 

            (“พูดบ้าอะไรของเธอน่ะ! วันนี้เธอต้องไปเปิดตัวเป็นคู่หมั้นฉันนะ!!”)

 

            “ฉันไม่ไป!!!”

 

            (“เธอพูดว่าไงนะ!!?”)

 

            “ฉันบอกว่าฉันไม่ไปแล้วไงล่ะ!! ฮึ! ยังไงซะนายก็เข้ามาลากฉันออกไปจากห้องนี้ไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าฉันไม่ไปฉันก็ไม่ต้องแต่งงานกับนาย ให้ตายเถอะ! แค่ฉันคิดว่าต้องเปิดตัวหรือหมั้นกับนายนะ หนูนี่ขนลุกเลยค่ะ!! นายมันก็แค่ไอ้โรคจิตน่ะแหละ!! คิดว่าลากฉันไปเปิดตัวได้ก็ลองดูสิ ถ้านายลากฉันออกจากห้องนี้แล้วพาฉันไปเปิดตัวด้วยได้ฉันจะยอมให้นายจูบเลยเอาสิ!! เฮอะ!! มันคงยากไปสินะ! งั้นแค่เปิดประตูเข้ามาได้ฉันให้จูบเลยอ่ะ!!”

 

            (“หึ! เธอพูดเองนะ…”)

 

            ติ๊ด.. แกร๊ก..

 

            “!!!!” ฮ…เฮ่ย! เฮ่ยๆๆ ด..เดี๊ยวๆๆ ประ..ประตูมันเปิดออกแล๊วววววววว!! มันเปิดออกได้ยังง๊ายยยย ฉันเปลี่ยนระบบป้องกันคีย์การ์ดแล้วนี่นา!! T[+++++]T::;

           

ฉันวิ่งไปดันชั้นวางรองเท้าที่ค่อยๆเลื่อนเพราะแรงผลักของนายสทอร์มที่อยู่ข้างนอก โอ๊ยยยยย! ทำไมตาบ้านั่นถึงได้แรงช้างนักนะ ชั้นวางรองเท้าก็ไม่ได้เบา นี่ก็ดันเข้ามาอยู่ได้! ฉันนี่ออกแรงต้านจนมือแดงไปหมดแล้วนะ! เลิกรังควานฉันซักทีเถ๊ออออออออ ฮึ๊ดดดดดด หนักโว๊ย! \(TT[]TT)/

 

            “น..นี่นาย! อย่าพยายามเลยยังไงนาย็เข้ามาไม้ได้หรอก เพราะฉนั้นเลิกยุ่งกับฉันซักที!”

 

            “เรื่องอะไรล่ะ ในเมื่อเธอยื่นข้อเสนอมาให้ฉันขนาดนั้นแล้วถ้าฉันเข้าไปไม่ได้ก็อดน่ะสิ”

 

            “ม…โมฆะ! ฉันโมฆะแล้วตอนนี้ไม่มีข้อเสนอแล้ว!!!(T[]T)”

 

            ผลัก!

 

            ฮือออออออ ในที่สุดฉันก็ต้านแรงอันทรงพลังช้างเผือกของเขาไม่ไหวแถมยังถูกผลักกระเด็นลงไปนั่งกองอยู่กับพื้นด้วยแรงดันประตูของนายสทอร์ม โอ๊ยยย เจ็บมือเป็นบ้าเลย! ฉันล่ะอยากจะกระโดดเตะแบบฟาดหางจระเข้าใส่คอเขาจริงๆทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไง งืออออออ (TT0TT)

 

            ยังไม่ทันที่ฉันจะได้เงยหน้าขึ้นไปมอง นายสทอร์มก็คุกเข่าลงมาแล้วประกบจูบลงมาที่ปากของฉันด้วยความอารมณ์เสีย ฉันทั้งผลักทั้งทุบแต่ก็ไม่เป็นผล สทอร์มรวบมือทั้งสองข้างของฉันไว้ด้วยมือของเขาเพียงข้างเดียวส่วนอีกข้างก็เชยคางของฉันไว้เพื่อไม่ให้ฉันเบนหน้าหนี อ๊ากกก ฉันจะขาดอากาศหายใจอยู่แล้วนะ ปล่อยฉันซักที!

 

            “อ..อึก”

 

            ฉันพยายามเบนหน้าหนีเพื่อหาอากาศหายใจแต่แล้วก็ถูกเขาจับให้หันกลับมา รสจูบของเขาค่อยๆลดความรุ่นแรงลงแต่กลับกลายเป็นความกระหายเข้ามาแทน เขาสอดลิ้นข้ามาในปากของฉัน ฮืออออ นี่มันจูบแบบไหนของเขากัน! บ้าชัดๆ!

 

            “อึก!”

 

            ฉันพยายามออกเสียง แต่ก็ถูกเขาดูดคำพูดไปจนหมดเพราะแรงกดของเขา เรี่ยวแรงที่มีอยู่ของฉันเริ่มหมดไป มือของฉันที่เคยทุบอกเขาตอนนี้กำลังกำชายเสื้อของเขาไว้แน่นด้วยความกลัว ฉันยอมรับว่านี่ไม่ใช่จูบแรกของฉันเพราะฉันเคยจูบกับเจ้าดัชชี่น้องหมาที่บ้านคุณปู่ (มันนับแม้กระทั่งหมา =__=:;) แต่เจ้าดัชชี่ก็ไม่เคยรุนแรงกับฉัน แต่ดูที่เขาทำสิ ป่าเถื่อนที่สุด..

 

            ในที่สุดสทอร์มก็ยอมถอนจูบออกส่วนฉันที่หมดแรงได้แต่ซบอกเขาแบบไม่รู้ตัว รู้แค่ว่าตอนนี้น้ำตาของฉันที่เอ่อขึ้นมาเต็มเบ้าตา ฉันพยายามเช็ดน้ำตาออกเพื่อไม่ให้ไหลลงมา ฉันไม่อยากร้องไห้ ฉันไม่อยากอ่อนแอ…

 

            “ป..ปล่อยฉัน”

 

            ฉันพูดขึ้นทำลายความเงียบที่ก่อตัวขึ้นมาได้ซักพัก สทอร์มที่โอบฉันเอาไว้ก่อนหน้าค่อยๆคลายมือแล้วปล่อยให้ฉันตั้งหลักยืนขึ้นก่อนที่เขาจะค่อยๆยืนตามขึ้นมา

 

            “..ฮ..เฮอะ! ทำอย่างกับว่านี่เป็นจูบแรกของเธอไปได้ เธอเคยจูบกับฉันแล้วนี่ ที่ห้องนี้น่ะ”

 

            “น..นั่นฉันไม่นับว่าเป็นจูบหรอก! มันไม่ใช่จูบ! เพราะนายเมา!” ฉันจ้องเขาสายตาเอาเรื่อง นี่เขาจำเรื่องเมื่อวานได้ยังไง (ขนาดฉันยังจำไม่ได้ จำได้แต่เจ้าดัชชี่ =0=:;) แล้วนี่เขายังถือวิสาสะมาจูบฉันอีกไม่พอ นี่ยังจะมาดูถูกฉันอีกเหรอ! ถึงฉันจะเคยแตะๆปากกับเขาเมื่อวันก่อนก็เถอะ แต่เขาก็ไม่มีสิทธิ์มาดูถูกฉัน! แล้วนั่นก็ไม่ใช่จูบด้วย!!! ใช่มั๊ยล่ะ!!

 

            “แล้วถ้าฉันไม่เมา เธอก็จะยอมรับว่านั่นเป็นจูบรึไง เอ้า! ฉันไม่เมาก็ได้ อ่ะๆ”

 

            สทอร์มพูดแล้วยักไหล่สองสามที ฮึ! นี่คิดว่าฉันมีอารมณมาล้อเล่นกับเขานักหรือไง

 

            “นั่นมันเรื่องของอดีต! แต่ถึงยังไงตอนนี้นายก็ไม่มีสิทธ์มาจูบฉันแบบนี้!”

 

            “ก็นี่เป็นข้อเสนอของเธอเองนี่!=__=!”

 

            “แต่ฉันบอกว่าโมฆะไปแล้วไง!”

 

            “…”

 

            สทอร์มเงียบก่อนจะเอื้อมมือมาจับแขนของฉัน..

 

            “อย่ามาแตะต้องฉัน!!” ฉันพูดพร้อมปัดมือของเขาออกอย่างแรง แล้วเดินชนไหล่ของเขาออกไปนอกห้อง

 

            “ริชท์! คิดว่าเดินหนีฉันแบบนี้แล้วจะหนีฉันรอดเหรอ!”

 

            ตึกๆๆๆ

 

            ฉันวิ่งทันทีที่ได้ยินเสียงนายสทอร์มวิ่งตามมา ก็ไม่รู้ว่าจะไปไหนดีหรอกนะ รู้แค่ว่าต้องหนี!

 

 

            ควับ!

 

 

            ไม่ทันแฮะ ฉันหนีเขาไม่ได้อีกแล้วเหรอ…

 

            “มากับฉันเดี๊ยวนี้!”

 

            “ไม่! ปล่อยฉันนะ!! สทอร์ม!! กรี๊ดดดด!!”

 

            เสียงกรีดร้องของฉันไม่ได้ช่วยให้เขาหยุดได้เลยสักนิด เขาไม่แม้แต่หันมามองด้วยซ้ำ ฉันพยายามรั้งเองตัวไว้แต่กลับกลายเป็นว่าฉันกำลังลอยตามเขาไปเรื่อยๆ และที่ทำให้ฉันตกใจยิ่งกว่านั้นก็คือ เขากำลังลากฉันเข้าไปในห้องของเขา!

 

            “ช่วยด๊วยยยยยย!! ปล่อยฉ๊านนนนนน ปล๊อยยยยยยย!!!\(T[]T\)”

 

            “ฮึ! ตอนนี้ชั้นนี้ไม่มีใครอยู่หรอก มีแค่เธอกับฉัน ^-^”

 

            “กรี๊ดดดด รปภ.!! รอปอพ๊อออออออ Help me please!!!”

 

 

            ติ๊ด..แกร๊ก!

 

 

            ปึง!

 

            ทันทีที่เขาเปิดประตูห้องได้เขาก็เหวี่ยงตัวฉันไปนั่งกองอยู่บนโซฟาแล้วก็ใช้เท้าปิดประตูอีกต่างหาก!

 

            “เหลือเวลาอีกแค่สี่ชั่วโมงงานเปิดตัวเธอว่าเป็นคู่หมั้นของฉันก็จะเริ่มแล้ว ทำตัวดีๆหน่อยไม่ได้รึไง”

 

            “ฉ..ฉันบอกแล้วว่าฉันไม่ไป ทำไมนายต้องพยายามพาฉันไปขนาดนั้นด้วย!”

 

            “ก็เพื่ออินทรอสของเธอไงล่ะ!! เธออยากเห็นตระกูลตัวเองล้มละลายหรือยังไงกัน!!”

 

            “ล..ล้มละลายเหรอ เหอะๆๆ ขอบอกให้รู้ไว้ด้วยนะว่าตระกูลอินทรอสถือหุ้นเป็นอันดับที่สามของเกาะ ไม่มีทางล้มละลายง่ายๆหรอก!!=^=!!”

 

            “ดูเธอจะมั่นใจมากเลยนะ จะให้ฉันบอกอะไรให้มั๊ย ว่าตอนที่ตลาดหุ้นโลกตกเป็นตอนที่ย่าของเธอเสียทำให้ตระกูลเธอถอนหุ้นคืนไม่ทันแล้วตอนนี้หุ้นทั้งหมดก็เลยตกมาเป็นของตระกูลแฟร์ไคลน์ แค่นั้นยังไม่พอนะ แม่ของเธอยังกู้เงินจากบริษัทของฉันไปสั่งซื้อวัตถุดิบจากเมืองนอกตอนนี้ก็ยังไม่มีเงินจะมาจ่ายคืนแถมยังยกเธอมาเป็นหลักประกันหนี้สินไว้กับฉันอีก!”

 

            “!!!!!!!!!!”

 

            ฉันตกใจจากสิ่งที่สทอร์มพูดมาทั้งหมด นี่ก็แสดงว่าที่พี่ไวน์ไม่ยอมบอกฉันก็คือเรื่องนี้เองน่ะเหรอ! แล้วทำไมทุกคนถึงต้องปิดบังฉันด้วย ทำอย่างกับว่าฉันเป็นคนอื่นคนไกลอย่างนั้นแหละ!!

 

            “ทีนี้เธอพอจะเข้าใจได้หรือยัง ฉันกำลังช่วยตระกูลของเธออยู่นะ!”

 

            “ล…แล้วทำไมนายต้องยื่นมือเข้ามาช่วยด้วย กระกูลของฉัน ข..เขายัดเยียดฉันให้กับนายนะ! ฮ..ฮึกๆ”

 

            น้ำตาที่ฉันอุตส่าห์กลั้นมานานแสนนานค่อยๆไหลรินอาบแก้มทั้งสองข้าง มือกำชายเสื้อของตัวเองไว้แน่น ทั้งโมโห ทั้งเสียใจ ทั้งกลัว ทุกอย่างประเดประดังเข้ามาในหัวของฉัน ตอนนี้ก็เท่ากับว่าตระกูลของฉันใกล้จะล้มละลายในอีกไม่ช้าเพียงแค่มีตระกูลแฟร์ไคลน์ช่วยยื้อไว้ก็เท่านั้น…แล้วทำไมเขาถึงเลือกที่จะไม่บอกตั้งแต่แรก ทำไมทุกคนถึงต้องปิดเป็นความลับด้วย

 

            “ทีนี้เธอเตรียมตัวไปกับฉันได้หรือยัง?”

 

            สทอร์มเดินมานั่งข้างๆฉันแล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าของเขาขึ้นมาซับน้ำตาให้ฉันเบาๆ เขาเลือกที่จะไม่ตอบคำถามของฉันและได้แต่นั่งปลอบใจอยู่สักพักนึง ถึงฉันจะไม่เข้าใจเขาและเดาอารมณ์ของเขาไม่ค่อยถูกแต่ฉันก็พอจะสัมผัสได้ว่านายสทอร์มหวังดีกับฉันอยู่พอสมควรเลยทีเดียว..

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.4 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.1 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา