love mission ภารกิจรัก ทดแทนหัวใจนายจอมกวน
7.7
เขียนโดย พรสิริ
วันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2557 เวลา 20.13 น.
55 ตอน
8 วิจารณ์
53.34K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 18.40 น. โดย เจ้าของนิยาย
48)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความกว่าจะได้ออกจากโรงพยาบาลก็ปาเข้าไปเกือบเย็น รถยนต์คันหรูสีดำแล่นฉิวมุ่งหน้าสู่บ้านกลางกรุงที่หญิงสาวปรารถนามานานแสนนาน ชายหนุ่มทำหน้าที่พลขับด้วยอาการหงุดหงิดใจเขารู้สึกเหมือนว่าตนเองเป็นฝ่ายพ่ายแพ่ให้กับอะไรซักอย่าง ถึงแม้ว่าจะอารมณ์เสียแต่เขาก็ยังมีสติในการขับรถอย่างระมัดระวัง ผิดกับหญิงสาวที่นั่งข้างๆลิบลับ เธอดูร่าเริงสดใสกว่าปกติ นั่งร้องเพลงเจื้อแจ้วมาตั้งแต่อยู่ที่โรงพยาบาล เป็นเสียงที่ชายหนุ่มลงความเห็นแล้วว่าน่ารำคาญที่สุด แต่กระนั้นเขาก็ไม่ได้เอ่ยเตือนให้เธอหยุดแม้แต่คำเดียว
“เป็นอะไรอีกล่ะ ทำหน้าอย่างกับคนโดนเบี้ยวหนี้”
หญิงสาวหยุดร้องเพลงทันทีเมื่อสังเกตเห็นรังสีอัมหิตแผ่ซ่านออกมาจากตัวคนข้างๆ
“ยุ่ง ฉันจะทำหน้ายังไงมันก็เรื่องของฉัน”
เขาตอบอย่างหงุดหงิด ไม่หันหน้ามามองเธอแม้แต่นิดเดียว วินาทีนี้ เขายิ่งคิดว่าตัวเองแพ้เข้าไปอีก
“ชิ ไอ้เราก็ถามด้วยความห่วงใย ทำหน้าอย่างกับเด็กน้อยหิวข้าว”
บ่นจบหญิงสาวก็หันกลับไปร้องเพลงต่ออย่างอารมณ์ดี ดื่มด่ำกับรสชาติแห่งชัยชนะเล็กๆของเธอ
รถแล่นเข้ามาจอดในบ้านหลังใหญ่แสนคุ้นตา หญิงสาวไม่รอให้ใครมาเปิดประตูให้ เธอหยิบยาถุงใหญ่สามถุงเดินเข้าบ้านทันที ในถุงยาที่เต็มไปด้วยยาบำรุงหลายชนิด ก่อนจะออกมาจากโรงพยาบาลเธอและเขาก็เพิ่งทะเลาะกันเรื่องถุงยาที่เยอะจนเวอร์ของชายหนุ่ม ก่อนจะตกลงกันได้ว่าควรจะรับยาแค่สามถุงใหญ่ๆพอ เขาจึงยอมให้เธอกลับบ้านได้แต่โดยดี
‘กินหมดนี่ฉันคงต้องกลายเป็นยอดมนุษย์แน่ๆ จะบำรุงอะไรกันนักหนา’
เธอเดินเข้าบ้านมาอย่างรวดเร็ว ไม่รอชายหนุ่มเลยแม้แต่น้อย หญิงสาวเดินเข้ามาในตัวบ้านอย่างคุ้นเคย เธอแสนจะคิดถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่ตั้งอยู่ในบ้านหลังนี้ โดยเฉพาะลุงแหมบ ที่กำลังยืนจัดโต๊ะอาการมื้อเย็นอย่างขมักเขม้น
“เป็นอย่างไรบ้างครับหนูข้าวตอก หายดีแล้วใช่ไหมครับ”
ลุงแหมบหันมาพูดกับคนที่เพิ่งเดินเข้ามา เขาได้รับข่าวดีจากคุณหนูเมื่อไม่นานมานี่เองว่าเธอจะกลับมาอยู่ที่บ้านเสียที จึงเริ่มทำอาหารสุขภาพรอต้อนรับเธออย่างสุดฝีมือ
“หายดีแล้วค่ะลุงแหมบ หนูคิดถึงลุงแหมบมากๆเลยค่ะ”
เธอพูดก่อนจะไปยืนข้างๆลุงแหมบเพื่อช่วยจัดโต๊ะอาหาร
“ไม่ต้องช่วยครับ หนูข้าวตอกขึ้นไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวคุณหนูมาเห็นผมจะโดนว่า”
ลุงแหมบรีบเข้ามาหยิบจานกระเบื้องในมือของเธอทันทีก่อนที่คุณหนูขี้วีนของเขาจะเข้ามาเห็นเสียก่อน เพราะคุณหนูของเขานั้นสั่งให้จัดการอาหารให้เสร็จก่อนที่ทั้งคู่จะกลับมาถึง แต่ด้วยความพิถีพิถันในการทำอาหาร จึงทำให้ทุกอย่างช้าไปพอสมควร
“นายนั่นไม่ว่าอะไรหรอกค่ะ ช่วงนี้เขาใจดี๊ใจดีผิดปกติ”
‘ใจดีมากกกก ตอนนั่งรถมาทำท่าจะกินหัวฉันตลอด’
หญิงสาวรู้ตัวดีว่าลุงแหมบผู้แสนจะใจดีคนนี้ไม่มีทางยอมให้เธอช่วยงานแน่นอน เธอจึงจำเป็นจะต้องล่อลวงเขาอย่างสุดความสามารถ
“จริงๆนะคะลุงแหมบ คุณหนูของลุงเนี่ย จริงๆแล้วเป็นคนใจดี มีเมตตา โดยเฉพาะตอนอยู่ที่โรงพยาบาลนะ เขาเป็นคนน่ารักมากเลยค่ะ และตอนนี้เขาก็ยังคงน่ารักเหมือนตอนอยู่ที่โรงพยาบาล ใจดี นุ่มนวล”
หญิงสาวพูดโน้มน้าวเขาไปพร้อมกับสายตาชวนฝัน คนฟังได้แต่ยิ้มอ่อนโยนให้กับความพยายามของเธอ แต่สำหรับเขาแล้ว ทำไมเขาจะไม่รู้จักนิสัยคุณหนูแสนเอาแต่ใจคนนี้ คนที่สามารถได้เห็นคุณหนูในมุมใจดีนุ่มนวลอย่างที่เธอบอกมีเพียงผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้และผู้หญิงที่เป็นต้นเหตุแห่งฝันร้ายของคุณหนูเท่านั้น
เธอนินทาชายหนุ่มที่กำลังเดินเข้ามาในห้องอาหารด้วยอาการหงุดหงิดกว่าเก่า เขายืนมองความดื้อรั้นของเธอ ก่อนจะเข้าบ้านเขาก็ย้ำให้เธอขึ้นไปพักผ่อนที่ห้องทันที แต่แล้วทุกอย่างก็เป็นจริงดังเขาคิด เธอไม่แม้แต่จะขึ้นไปพักผ่อน กลับเดินเข้าไปช่วยทำงานโดยไม่ดูสังขารตัวเองเอาซะเลย
“ว่า!!!!”
เสียงกัมปนาทดังขึ้นด้านหลังของทั้งสองคน ทั้งคู่สะดุ้งสุดตัวตกใจจนแทบจะทำจานกระเบื้องเคลือบอย่างดีหลุดมือ
“บอกแล้วใช่ไหม!!! ว่าให้ขึ้นไปพักบนห้องทันที ทำไมถึงดื้ออย่างนี้”
“ก็ฉันไม่เป็นอะไรแล้วนี่นา ที่สำคัญ ฉันเบื่อกับการนอนแล้วด้วย”
เธอหันกลับไปเถียงเขาด้วยท่าทางพร้อมรบเต็มที่ แต่ชายหนุ่มกลับเบือนหน้าหนีไปทางอื่นเพื่อข่มอารมณ์หงุดหงิดที่กำลังเพิ่มทวีความรุนแรงขึ้นหลายเท่า เขาหงุดหงิดใจทุกครั้งที่ได้ยินเธอพูดว่าเธอไม่เป็นอะไรแล้ว
‘เพราะเธอไม่เห็นมันน่ะซิ เธอไม่เห็นความเศร้าสลดแสนน่ากลัวนั่นน่ะซิ เธอถึงได้ยังดื้อด้านแบบนี้ตลอด แต่สำหรับฉัน แค่เห็นมันครั้งเดียวก็เกินพอ’
“ต่อให้ร่างกายเธอแข็งแรงจนสามารถวิ่งมาลาทอนได้ เธอก็ต้องขึ้นไปพักผ่อนบนห้องเดี๋ยวนี้ นี่คือคำสั่ง”
ชายหนุ่มเองก็ตอบกลับความดื้อรั้นของเธอไปอย่างรุนแรงด้วยเช่นกัน
“แล้วทำไมฉันต้องทำตามคำสั่งของนายด้วยไม่ทราบ เราไม่ได้เป็นอะไรกันซักหน่อย”
หญิงสาวเองก็เถียงกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้ ลุงแหมบได้แต่ยืนดูสงครามของทั้งคู่อย่างหวั่นใจแต่ก็ไม่คิดที่จะห้ามศึกครั้งนี้เลยแม้แต่น้อย เพราะอยากจะรู้ความคืบหน้าของทั้งคู่ตามคำสั่งของนายหญิง
‘เราไม่ได้เป็นอะไรกันงั้นหรือ บ้าบอชะมัด’
“หึ ถ้าเราเป็นอะไรกัน มันคงไม่จบลงแค่ให้เธอขึ้นไปพักผ่อนหรอก รู้ไว้ด้วย”
ยิ่งสงครามยืดเยื้อ อารมณ์ของเขาก็ยิ่งร้อนแรงด้วยความโทสะ
คนฟังทั้งสองได้แต่ยืนอ้าปากหวอกับประโยคช๊อกโลกเมื่อครู่ ก่อนที่คู่กรณีจะหน้าแดงก่ำอย่างห้ามไม่อยู่
‘มันจะไปจบลงตรงไหนนะเรื่องนี้ ไม่ใช่แระ ไอ้บ้าเอ้ยยยย นายพูดอะไรออกมาเนี่ย’
หญิงสาวทำได้แค่ไล่ความสับสนปนอยากรู้ออกไปจากสมองให้หมด ก่อนที่คนรอบข้างจะจับสังเกตได้
“เอ่อ… ผมว่าควรไปพักผ่อนทั้งคู่นั่นแหละครับ เดี๋ยวที่เหลือผมจัดการเอง พวกคุณทั้งหลายไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้นครับ”
ทั้งคู่หันกลับมามองหน้าคนพูดแทบจะพร้อมกัน แล้วก็เป็นชายหนุ่มนั่นเองที่พยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของลุงแหมบอย่างแรง หญิงสาวที่เอาแต่ใจมาตลอดจึงต้องขึ้นไปพักผ่อนตามยถากรรมในห้องของตนเองต่อไป
ณ ห้องนอนขนาดใหญ่โตอันคุ้นตา เธอคิดถึงห้องนี้ทุกครั้งที่เธอนอนอยู่ในโรงพยาบาล ห้องที่ถูกทำความสะอาดอย่างพิถีพิถันเพื่อรอเจ้าของกลับมาพักตามเดิม
โต๊ะเล็กๆมุมห้องติดกับหน้าต่างบานใหญ่ มีสิ่งของแปลกตาวางอยู่ พร้อมกระดาษสีเหลืองที่ติดอยู่บนนั้นอย่างเด่นชัด
.. ฉันรู้ว่าเธอต้องใช้มันในการทำละครเวทีออกมาให้ดี..
ข้อความสั้นๆนำพาสายตาของหญิงสาวจับจ้องไปยังโน๊ตบุ๊คเครื่องใหม่เอี่ยมอ่องสีขาวจั๊วที่สลักรูปแอปเปิลติดหลาอยู่บนตัวเครื่อง
‘อะไรของหมอนี่กันแน่ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ฉันตามไม่ทันนะเฟ้ยยย’
เธอติดกระดาษกลับคืนที่เดิมพร้อมกับหยิบโน๊ตบุ๊คขึ้นมาเพื่อตรงไปยังห้องเจ้าของมันทันที
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เธอรอไม่นาน เจ้าของห้องนั้นก็เปิดประตูออกต้อนรับผู้มาเยือนด้วยผ้าขนหนูปิดกายครึ่งล่าง เขาต้องรีบออกมาจากห้องน้ำทันทีเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู อารมณ์เขาตอนนี้ดูเหมือนจะถูกดับลงด้วยสายน้ำเย็นฉ่ำไปหมดแล้ว จึงเหลือเพียงชายหนุ่มครึ่งบนเปลือยเปล่าพร้อมรอยยิ่มเจ้าชายที่เคยเป็น
หญิงสาวรีบก้มหน้าลงด้วยความเขินอายก่อนจะยื่นโน๊ตบุ๊คไปให้เขาอย่างกลัวๆ(กลัวว่าจะห้ามใจไม่อยู่)
“นี่คืออะไร”
“โน๊ตบุ๊คไง ไม่รู้จักหรือ”
เขาถามกลับมาอย่างกวนๆด้วยมาดเจ้าชายผู้เลอโฉมที่อัดแน่นไปด้วยดีกรีความกวนบาทาจนล้นหลาม
“ฉันหมายถึงมันมาอยู่ที่ห้องฉันได้ไงต่างหาก”
เธอตอบโดยไม่เงยหน้าไปมองหุ่นเจ้าชายแสนยวนใจนั้นแม้แต่น้อย ถึงแม้ว่าชายหนุ่มจะพยายามเบนตัวเข้ามาใกล้ขนาดไหนก็ตาม มันก็ไม่สามารถทำให้หญิงสาวหวั่นไหวได้
“ฉันคิดว่าเธอควรใช้มันเพื่อทำงาน หรือแก้เบื่อเวลาเธอว่างๆในบ้านหลังนี้”
“ฉันไม่เหงาหรอก ในเมื่อฉันมีโรงเรียนให้ไปในวันพรุ่งนี้”
เมื่อพูดถึงโรงเรียนดวงตาของเธอก็เป็นประกายระยิบระยับอย่างเปี่ยมหวัง เธอคิดถึงเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่เธอมี เรื่องราวมากมายถูกแพ็กใส่กระเป๋าใบโตเพื่อรอลำเรียงเล่าให้เขาฟัง
“ออ ไม่ต้องแล้วล่ะ ฉันทำเรื่องลาหยุดยาวให้เธอไปจนถึงอาทิตย์หน้า เชิญเธอพักผ่อนตามสบายได้เลยนะ”
ชายหนุ่มเล่าความจริงอย่างสบายอารมณ์ แต่คนที่ได้ฟังถึงกับเงยหน้ามองชายหนุ่มอย่างไม่เชื่อหู สองตาปะทะเขากับอกแน่นขาวเนียนอย่างจัง แต่มันไม่สำคัญเท่าข่าวร้ายที่เธอกำลังเผชิญอยู่เลยสักนิด
“อาทิตย์หน้า นายต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ใครบอกว่าจะหยุดยาวขนาดนั้นกันฮะ”
เธอยืนท้าวเอวอย่างเอาเรื่อง ความฝันที่จะได้เมาส์มอยกับเพื่อนรักเป็นอันต้องดับวูบเพราะความเจ้ากี้เจ้าการของไอ้คนกวนประสาทอย่างหมอนี่ ยิ่งเห็นเขายืนมองเธออย่างสบายจิตมันยิ่งทำให้เธอเดือดพล่านไปทั้งร่าง
“แก้ไขอะไรไม่ได้แล้วล่ะ ผอ.อนุมัติเรื่องไปแล้ว”
ความเนิบนาบเยือกเย็นของชายหนุ่มเป็นเชื้อไฟอย่างดีที่คอยสุมลงในร่างกายของเธอ ความโกรธแล่นไปทั่วทุกอนูของร่างกาย เธออยากจะกระโดดเข้าไปจิกหน้าหล่อๆนั้นซะให้หายแค้น หน้าที่บ่งบอกถึงความไม่รู้ร้อนรู้หนาวต่อสิ่งรอบข้างอีกต่อไป
“นายนี่มัน… ”
‘ข่มไว้ข้าวตอก ข่มความแค้นนี้ไว้ เพราะถึงลงมือกับนายนี่ไปก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้’
“ไอ้จอมโหด”
เธอตะโกนไปพร้อมความแค้นที่แน่นเต็มอก ชายหนุ่มถึงกับยิ้มร่า เหมือนกับพึ่งถูกหวยมาหมาดๆ
“ถึงจะด่าฉันไปเธอก็แก้ไขอะไรไม่ได้อยู่ดี”
“ฉันไม่ได้ด่านายสักหน่อยอย่าสำคัญตัวผิดไปหน่อยเลย ฉันตั้งชื่อให้โน๊ตบุ๊คต่างหาก”
พูดจบเธอก็รีบเดินออกมาจากหน้าห้องนั้นก่อนที่จะโมโหกับท่าทางกวนโอ้ยของเขาไปมากกว่านี้ ก้มมองโน๊ตบุ๊คในมืออย่างหงุดหงิด
‘ตั้งชื่อตามนิสัยของเจ้านายมันนั่นแหละ’
……….โปรดติดตามตอนต่อไป………
“เป็นอะไรอีกล่ะ ทำหน้าอย่างกับคนโดนเบี้ยวหนี้”
หญิงสาวหยุดร้องเพลงทันทีเมื่อสังเกตเห็นรังสีอัมหิตแผ่ซ่านออกมาจากตัวคนข้างๆ
“ยุ่ง ฉันจะทำหน้ายังไงมันก็เรื่องของฉัน”
เขาตอบอย่างหงุดหงิด ไม่หันหน้ามามองเธอแม้แต่นิดเดียว วินาทีนี้ เขายิ่งคิดว่าตัวเองแพ้เข้าไปอีก
“ชิ ไอ้เราก็ถามด้วยความห่วงใย ทำหน้าอย่างกับเด็กน้อยหิวข้าว”
บ่นจบหญิงสาวก็หันกลับไปร้องเพลงต่ออย่างอารมณ์ดี ดื่มด่ำกับรสชาติแห่งชัยชนะเล็กๆของเธอ
รถแล่นเข้ามาจอดในบ้านหลังใหญ่แสนคุ้นตา หญิงสาวไม่รอให้ใครมาเปิดประตูให้ เธอหยิบยาถุงใหญ่สามถุงเดินเข้าบ้านทันที ในถุงยาที่เต็มไปด้วยยาบำรุงหลายชนิด ก่อนจะออกมาจากโรงพยาบาลเธอและเขาก็เพิ่งทะเลาะกันเรื่องถุงยาที่เยอะจนเวอร์ของชายหนุ่ม ก่อนจะตกลงกันได้ว่าควรจะรับยาแค่สามถุงใหญ่ๆพอ เขาจึงยอมให้เธอกลับบ้านได้แต่โดยดี
‘กินหมดนี่ฉันคงต้องกลายเป็นยอดมนุษย์แน่ๆ จะบำรุงอะไรกันนักหนา’
เธอเดินเข้าบ้านมาอย่างรวดเร็ว ไม่รอชายหนุ่มเลยแม้แต่น้อย หญิงสาวเดินเข้ามาในตัวบ้านอย่างคุ้นเคย เธอแสนจะคิดถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่ตั้งอยู่ในบ้านหลังนี้ โดยเฉพาะลุงแหมบ ที่กำลังยืนจัดโต๊ะอาการมื้อเย็นอย่างขมักเขม้น
“เป็นอย่างไรบ้างครับหนูข้าวตอก หายดีแล้วใช่ไหมครับ”
ลุงแหมบหันมาพูดกับคนที่เพิ่งเดินเข้ามา เขาได้รับข่าวดีจากคุณหนูเมื่อไม่นานมานี่เองว่าเธอจะกลับมาอยู่ที่บ้านเสียที จึงเริ่มทำอาหารสุขภาพรอต้อนรับเธออย่างสุดฝีมือ
“หายดีแล้วค่ะลุงแหมบ หนูคิดถึงลุงแหมบมากๆเลยค่ะ”
เธอพูดก่อนจะไปยืนข้างๆลุงแหมบเพื่อช่วยจัดโต๊ะอาหาร
“ไม่ต้องช่วยครับ หนูข้าวตอกขึ้นไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวคุณหนูมาเห็นผมจะโดนว่า”
ลุงแหมบรีบเข้ามาหยิบจานกระเบื้องในมือของเธอทันทีก่อนที่คุณหนูขี้วีนของเขาจะเข้ามาเห็นเสียก่อน เพราะคุณหนูของเขานั้นสั่งให้จัดการอาหารให้เสร็จก่อนที่ทั้งคู่จะกลับมาถึง แต่ด้วยความพิถีพิถันในการทำอาหาร จึงทำให้ทุกอย่างช้าไปพอสมควร
“นายนั่นไม่ว่าอะไรหรอกค่ะ ช่วงนี้เขาใจดี๊ใจดีผิดปกติ”
‘ใจดีมากกกก ตอนนั่งรถมาทำท่าจะกินหัวฉันตลอด’
หญิงสาวรู้ตัวดีว่าลุงแหมบผู้แสนจะใจดีคนนี้ไม่มีทางยอมให้เธอช่วยงานแน่นอน เธอจึงจำเป็นจะต้องล่อลวงเขาอย่างสุดความสามารถ
“จริงๆนะคะลุงแหมบ คุณหนูของลุงเนี่ย จริงๆแล้วเป็นคนใจดี มีเมตตา โดยเฉพาะตอนอยู่ที่โรงพยาบาลนะ เขาเป็นคนน่ารักมากเลยค่ะ และตอนนี้เขาก็ยังคงน่ารักเหมือนตอนอยู่ที่โรงพยาบาล ใจดี นุ่มนวล”
หญิงสาวพูดโน้มน้าวเขาไปพร้อมกับสายตาชวนฝัน คนฟังได้แต่ยิ้มอ่อนโยนให้กับความพยายามของเธอ แต่สำหรับเขาแล้ว ทำไมเขาจะไม่รู้จักนิสัยคุณหนูแสนเอาแต่ใจคนนี้ คนที่สามารถได้เห็นคุณหนูในมุมใจดีนุ่มนวลอย่างที่เธอบอกมีเพียงผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้และผู้หญิงที่เป็นต้นเหตุแห่งฝันร้ายของคุณหนูเท่านั้น
เธอนินทาชายหนุ่มที่กำลังเดินเข้ามาในห้องอาหารด้วยอาการหงุดหงิดกว่าเก่า เขายืนมองความดื้อรั้นของเธอ ก่อนจะเข้าบ้านเขาก็ย้ำให้เธอขึ้นไปพักผ่อนที่ห้องทันที แต่แล้วทุกอย่างก็เป็นจริงดังเขาคิด เธอไม่แม้แต่จะขึ้นไปพักผ่อน กลับเดินเข้าไปช่วยทำงานโดยไม่ดูสังขารตัวเองเอาซะเลย
“ว่า!!!!”
เสียงกัมปนาทดังขึ้นด้านหลังของทั้งสองคน ทั้งคู่สะดุ้งสุดตัวตกใจจนแทบจะทำจานกระเบื้องเคลือบอย่างดีหลุดมือ
“บอกแล้วใช่ไหม!!! ว่าให้ขึ้นไปพักบนห้องทันที ทำไมถึงดื้ออย่างนี้”
“ก็ฉันไม่เป็นอะไรแล้วนี่นา ที่สำคัญ ฉันเบื่อกับการนอนแล้วด้วย”
เธอหันกลับไปเถียงเขาด้วยท่าทางพร้อมรบเต็มที่ แต่ชายหนุ่มกลับเบือนหน้าหนีไปทางอื่นเพื่อข่มอารมณ์หงุดหงิดที่กำลังเพิ่มทวีความรุนแรงขึ้นหลายเท่า เขาหงุดหงิดใจทุกครั้งที่ได้ยินเธอพูดว่าเธอไม่เป็นอะไรแล้ว
‘เพราะเธอไม่เห็นมันน่ะซิ เธอไม่เห็นความเศร้าสลดแสนน่ากลัวนั่นน่ะซิ เธอถึงได้ยังดื้อด้านแบบนี้ตลอด แต่สำหรับฉัน แค่เห็นมันครั้งเดียวก็เกินพอ’
“ต่อให้ร่างกายเธอแข็งแรงจนสามารถวิ่งมาลาทอนได้ เธอก็ต้องขึ้นไปพักผ่อนบนห้องเดี๋ยวนี้ นี่คือคำสั่ง”
ชายหนุ่มเองก็ตอบกลับความดื้อรั้นของเธอไปอย่างรุนแรงด้วยเช่นกัน
“แล้วทำไมฉันต้องทำตามคำสั่งของนายด้วยไม่ทราบ เราไม่ได้เป็นอะไรกันซักหน่อย”
หญิงสาวเองก็เถียงกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้ ลุงแหมบได้แต่ยืนดูสงครามของทั้งคู่อย่างหวั่นใจแต่ก็ไม่คิดที่จะห้ามศึกครั้งนี้เลยแม้แต่น้อย เพราะอยากจะรู้ความคืบหน้าของทั้งคู่ตามคำสั่งของนายหญิง
‘เราไม่ได้เป็นอะไรกันงั้นหรือ บ้าบอชะมัด’
“หึ ถ้าเราเป็นอะไรกัน มันคงไม่จบลงแค่ให้เธอขึ้นไปพักผ่อนหรอก รู้ไว้ด้วย”
ยิ่งสงครามยืดเยื้อ อารมณ์ของเขาก็ยิ่งร้อนแรงด้วยความโทสะ
คนฟังทั้งสองได้แต่ยืนอ้าปากหวอกับประโยคช๊อกโลกเมื่อครู่ ก่อนที่คู่กรณีจะหน้าแดงก่ำอย่างห้ามไม่อยู่
‘มันจะไปจบลงตรงไหนนะเรื่องนี้ ไม่ใช่แระ ไอ้บ้าเอ้ยยยย นายพูดอะไรออกมาเนี่ย’
หญิงสาวทำได้แค่ไล่ความสับสนปนอยากรู้ออกไปจากสมองให้หมด ก่อนที่คนรอบข้างจะจับสังเกตได้
“เอ่อ… ผมว่าควรไปพักผ่อนทั้งคู่นั่นแหละครับ เดี๋ยวที่เหลือผมจัดการเอง พวกคุณทั้งหลายไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้นครับ”
ทั้งคู่หันกลับมามองหน้าคนพูดแทบจะพร้อมกัน แล้วก็เป็นชายหนุ่มนั่นเองที่พยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของลุงแหมบอย่างแรง หญิงสาวที่เอาแต่ใจมาตลอดจึงต้องขึ้นไปพักผ่อนตามยถากรรมในห้องของตนเองต่อไป
ณ ห้องนอนขนาดใหญ่โตอันคุ้นตา เธอคิดถึงห้องนี้ทุกครั้งที่เธอนอนอยู่ในโรงพยาบาล ห้องที่ถูกทำความสะอาดอย่างพิถีพิถันเพื่อรอเจ้าของกลับมาพักตามเดิม
โต๊ะเล็กๆมุมห้องติดกับหน้าต่างบานใหญ่ มีสิ่งของแปลกตาวางอยู่ พร้อมกระดาษสีเหลืองที่ติดอยู่บนนั้นอย่างเด่นชัด
.. ฉันรู้ว่าเธอต้องใช้มันในการทำละครเวทีออกมาให้ดี..
ข้อความสั้นๆนำพาสายตาของหญิงสาวจับจ้องไปยังโน๊ตบุ๊คเครื่องใหม่เอี่ยมอ่องสีขาวจั๊วที่สลักรูปแอปเปิลติดหลาอยู่บนตัวเครื่อง
‘อะไรของหมอนี่กันแน่ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ฉันตามไม่ทันนะเฟ้ยยย’
เธอติดกระดาษกลับคืนที่เดิมพร้อมกับหยิบโน๊ตบุ๊คขึ้นมาเพื่อตรงไปยังห้องเจ้าของมันทันที
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เธอรอไม่นาน เจ้าของห้องนั้นก็เปิดประตูออกต้อนรับผู้มาเยือนด้วยผ้าขนหนูปิดกายครึ่งล่าง เขาต้องรีบออกมาจากห้องน้ำทันทีเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู อารมณ์เขาตอนนี้ดูเหมือนจะถูกดับลงด้วยสายน้ำเย็นฉ่ำไปหมดแล้ว จึงเหลือเพียงชายหนุ่มครึ่งบนเปลือยเปล่าพร้อมรอยยิ่มเจ้าชายที่เคยเป็น
หญิงสาวรีบก้มหน้าลงด้วยความเขินอายก่อนจะยื่นโน๊ตบุ๊คไปให้เขาอย่างกลัวๆ(กลัวว่าจะห้ามใจไม่อยู่)
“นี่คืออะไร”
“โน๊ตบุ๊คไง ไม่รู้จักหรือ”
เขาถามกลับมาอย่างกวนๆด้วยมาดเจ้าชายผู้เลอโฉมที่อัดแน่นไปด้วยดีกรีความกวนบาทาจนล้นหลาม
“ฉันหมายถึงมันมาอยู่ที่ห้องฉันได้ไงต่างหาก”
เธอตอบโดยไม่เงยหน้าไปมองหุ่นเจ้าชายแสนยวนใจนั้นแม้แต่น้อย ถึงแม้ว่าชายหนุ่มจะพยายามเบนตัวเข้ามาใกล้ขนาดไหนก็ตาม มันก็ไม่สามารถทำให้หญิงสาวหวั่นไหวได้
“ฉันคิดว่าเธอควรใช้มันเพื่อทำงาน หรือแก้เบื่อเวลาเธอว่างๆในบ้านหลังนี้”
“ฉันไม่เหงาหรอก ในเมื่อฉันมีโรงเรียนให้ไปในวันพรุ่งนี้”
เมื่อพูดถึงโรงเรียนดวงตาของเธอก็เป็นประกายระยิบระยับอย่างเปี่ยมหวัง เธอคิดถึงเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่เธอมี เรื่องราวมากมายถูกแพ็กใส่กระเป๋าใบโตเพื่อรอลำเรียงเล่าให้เขาฟัง
“ออ ไม่ต้องแล้วล่ะ ฉันทำเรื่องลาหยุดยาวให้เธอไปจนถึงอาทิตย์หน้า เชิญเธอพักผ่อนตามสบายได้เลยนะ”
ชายหนุ่มเล่าความจริงอย่างสบายอารมณ์ แต่คนที่ได้ฟังถึงกับเงยหน้ามองชายหนุ่มอย่างไม่เชื่อหู สองตาปะทะเขากับอกแน่นขาวเนียนอย่างจัง แต่มันไม่สำคัญเท่าข่าวร้ายที่เธอกำลังเผชิญอยู่เลยสักนิด
“อาทิตย์หน้า นายต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ใครบอกว่าจะหยุดยาวขนาดนั้นกันฮะ”
เธอยืนท้าวเอวอย่างเอาเรื่อง ความฝันที่จะได้เมาส์มอยกับเพื่อนรักเป็นอันต้องดับวูบเพราะความเจ้ากี้เจ้าการของไอ้คนกวนประสาทอย่างหมอนี่ ยิ่งเห็นเขายืนมองเธออย่างสบายจิตมันยิ่งทำให้เธอเดือดพล่านไปทั้งร่าง
“แก้ไขอะไรไม่ได้แล้วล่ะ ผอ.อนุมัติเรื่องไปแล้ว”
ความเนิบนาบเยือกเย็นของชายหนุ่มเป็นเชื้อไฟอย่างดีที่คอยสุมลงในร่างกายของเธอ ความโกรธแล่นไปทั่วทุกอนูของร่างกาย เธออยากจะกระโดดเข้าไปจิกหน้าหล่อๆนั้นซะให้หายแค้น หน้าที่บ่งบอกถึงความไม่รู้ร้อนรู้หนาวต่อสิ่งรอบข้างอีกต่อไป
“นายนี่มัน… ”
‘ข่มไว้ข้าวตอก ข่มความแค้นนี้ไว้ เพราะถึงลงมือกับนายนี่ไปก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้’
“ไอ้จอมโหด”
เธอตะโกนไปพร้อมความแค้นที่แน่นเต็มอก ชายหนุ่มถึงกับยิ้มร่า เหมือนกับพึ่งถูกหวยมาหมาดๆ
“ถึงจะด่าฉันไปเธอก็แก้ไขอะไรไม่ได้อยู่ดี”
“ฉันไม่ได้ด่านายสักหน่อยอย่าสำคัญตัวผิดไปหน่อยเลย ฉันตั้งชื่อให้โน๊ตบุ๊คต่างหาก”
พูดจบเธอก็รีบเดินออกมาจากหน้าห้องนั้นก่อนที่จะโมโหกับท่าทางกวนโอ้ยของเขาไปมากกว่านี้ ก้มมองโน๊ตบุ๊คในมืออย่างหงุดหงิด
‘ตั้งชื่อตามนิสัยของเจ้านายมันนั่นแหละ’
……….โปรดติดตามตอนต่อไป………
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ