love mission ภารกิจรัก ทดแทนหัวใจนายจอมกวน
เขียนโดย พรสิริ
วันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2557 เวลา 20.13 น.
แก้ไขเมื่อ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 18.40 น. โดย เจ้าของนิยาย
47)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
บรรยากาศระหว่างทางเดินไปยังห้องของตนดูราวกับเดินอยู่ในโรงพยาบาลร้างก็ไม่ปาน แสงไฟสลัวๆตลอดเส้นทางยิ่งทำให้ทุกอย่างดูน่ากลัวเพิ่มขึ้นไปอีกโดยเฉพาะหลอดไฟที่กระพริบช้าๆอย่างเยือกเย็น ทำเอาหญิงสาวที่ยืนอยู่บริเวณนั้นพอดีถึงกับขนลุกซู่ แข้งขาเริ่มแข็งเกร็งจนถึงขั้นขยับไปไหนไม่ได้ ระบบขับถ่ายเริ่มทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเพราะมันพร้อมที่จะทะลักทลายออกมาได้ทุกเมื่อ อากาศรอบข้างวูบวาบเย็นเยือกอยู่ตลอดเวลาราวกับว่ามีพลังงานบางอย่างอยู่ข้างๆด้วยตลอด จิตใจของหญิงสาวราวกับคนที่พึ่งผ่านเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่สองมาหมาดๆ ชายหนุ่มตรงหน้าเธอก็เช่นกัน เขายืนตัวแข็งแน่นิ่งไป สายตาพุ่งมองไปข้างหน้าอย่างไม่กระพริบวิบไหว จับจ้องไปยังจุดเดียวเท่านั้น จุดที่คนข้างๆมองตามไปแต่ก็ไม่พบอะไรนอกจากความว่างเปล่าและวังเวง คนทั้งคู่ยืนนิ่งสติล่องลอยเตลิดไปไกลลิบลับ
“นี่ นาย พูดอะไรสักอย่างซิ อย่านิ่งแบบนี้”
เป็นหญิงสาวตัวสั่นเทาที่ดึงสติกลับมาได้ทัน เธอเริ่มเขย่าตัวคนตรงหน้าแรงๆเพื่อเรียกสติอีกคนกลับมา
‘อะไรมันจะน่ากลัวปานนั้น เกร็งจนตะคริวจะกินไปทั้งตัวแล้วนะ’
ชายหนุ่มโดนเขย่าอย่างแรงจนหลุดออกจากภวังค์ที่เขากำลังดำลึกลงไป เขาสูดหายใจ
เข้าปอดลึกๆสองสามครั้ง
“ฉันว่า เราควรรีบไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุดนะ”
“นายพึ่งจะคิดได้รึไง เราควรจะไปตั้งนานแล้วแหละ”
เธอพูดพลางดันหลังชายหนุ่มให้เดินนำไปด้วย แต่เขายังคงยืนนิ่งเช่นเคย
“มันจะต้องใช้ความเร็วพอสมควรเลยนะที่จะต้องเดินผ่านจุดนั้นไป”
‘จุดนั้นหรอ… ตกลงจุดนั้นมีพลังงานบางอย่างจริงๆใช่ไหม ให้ตายสิโรบิ้น’
ร่างกายสั่นเทาถึงกับหมดแรงเมื่อหยั่งรู้ถึงสิ่งที่เธอมองไม่เห็นแต่มีอยู่จริง
“เธอยังวิ่งไหวอยู่ไหม”
ชายหนุ่มถามเรียกความมั่นใจด้วยสิหน้าเครียดเข้ม หญิงสาวส่ายหน้าเบาๆแทนคำตอบ อย่าว่าแต่วิ่งเลย แค่เดินตรงๆก็ยังลำบาก เพราะอาการเกร็งจนทนแทบจะไม่ไหวเล่นงานเธออย่างสนุกสนาน ความเย็นเยือกรายล้อมไปทั่วทั้งบริเวณ
“ฉันคงต้องอุ้มเธอแล้วล่ะนะ ถ้ายังอยากจะรอดไปจากตรงนี้”
ถึงแม้ว่าชายหนุ่มจะพูดเสียเบาหวิวขนาดไหน แต่คำพูดนั้นกลับดังกังวานเข้าไปยังหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความกลัว เธอพยักหน้าให้เขาช้าๆ นาทีนี้คำพูดปฏิเสธต่างๆนาๆได้ไหลออกไปทางผิวหนังของเธอหมดแล้ว สองมือบางรีบเกี่ยวคอเขาอย่างแนบแน่น ชายหนุ่มช้อนร่างบางไว้แนบอกอย่างเชื่องช้าและนุ่มนวล เขาสูดหายใจเข้าปอดลึกๆพร้อมรอยยิ้มเล็กๆที่ผุดขึ้นมาบนใบหน้าคราม
“ไม่ต้องกลัวนะ ฉันจะปกป้องเธอเอง”
เสียงแผ่วเบากระซิบอยู่ข้างหูของคนที่มุดหน้าแนบอกเขาอยู่ เธอไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมามองสิ่งรอบข้างแม้แต่นิดเดียวเพราะกลัวว่าจะเห็นพลังงานบางอย่างเป็นขวัญตา
‘นายจะปกป้องฉันจากพลังงานบางอย่างนี้ได้ยังไง นายมันจะฮีโร่เกินไปแล้ว’
ชายหนุ่มเริ่มก้าวขาช้าๆก้มมองดูคนที่ซุกหน้าอยู่กับอกเขาอย่างมีความสุข การได้แกล้งให้เธอกลัวมันทำให้เขามีความสุขมากมายจนอยากจะหัวเราะออกมาดังๆ แต่ก็ทำไม่ได้เพราะกลัวว่าเธอจะจับไต๋เขาได้ซะก่อน เขากลั้นหัวเราะจนตัวสั่นเทา พยายามเดินให้ช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อยื้อความสุขอันแสนสั้นนี้ให้นานที่สุด
เธอสัมผัสได้ถึงความกลัวของเขาอย่างชัดเจน ทั้งเนื้อตัวที่สั่นเทาของเขา หัวใจที่เต้นเสียงดังโครมครามราวกับว่ามันกำลังจะระเบิดออกมาจากอก พยายามเดินให้เร็วที่สุดด้วยอาการขาแข็งเกร็งอย่างที่เธอเคยเป็น เวลาแต่ละวินาทีช่างเชื่องช้าราวกับถ่ายใกล้หมด
เพียงเวลาแค่ไม่นาน เขาก็นำพาร่างของหญิงสาวมาจนถึงห้องที่มีชื่อของเธอติดหลาอยู่หน้าห้อง จุดหมายปลายทางที่หญิงสาวเฝ้าฝันจะมาถึง เธอถูกวางลงบนเตียงสีขาวสะอาดอย่างแผ่วเบา
หญิงสาวสะดุ้งตัวเล็กน้อยเมื่อเธอถูกวางลงบนเตียง เธอจึงลืมตาขึ้นมองรอบห้องเพื่อให้แน่ใจว่าเธออยู่ในที่ที่ปลอดภัยแน่แล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มกลับมาทำงานปกติอีกครั้ง ชายหนุ่มที่อุ้มเธอมานั่งลงที่โซฟาตรงมุมห้องด้วยท่าทางสบายจิตสบายใจราวกับว่าไม่เคยผ่านเหตุการณ์ขนหัวลุกมาก่อน
‘ฉันว่า ฉันคงต้องรักษาตัวอีกระยะเนื่องจากพิษไข้หัวโกร๋นเป็นแน่’
เธอนั่งเรียกสติอยู่นานสองนานก็ตัดสินใจลุกไปเข้าห้องน้ำเพื่อปลดปล่อยสิ่งที่มันจะราดออกมาตอนที่เธอเจอเรื่องราวขนหัวลุก เธอจัดการเปลี่ยนกลับมาใส่ชุดคนไข้เรียบร้อย กระจกบานใหญ่ในห้องน้ำคือสิ่งสุดท้ายที่เธอจะมอง เพราะตอนนี้ แค่ใบไม้ประดับในห้องน้ำไหวก็ทำเธอช็อกได้แล้ว คำถามมากมายวิ่งวนอยู่ในหัวมากมาย คำถามที่รอจะถามคนที่รออยู่ข้างนอกแต่ก็กลัวคำตอบมากกว่า
‘จะไปอยากรู้ให้ตัวเองคิดมากทำไมกันฟระ รู้ไปก็นอนไม่หลับอยู่ดี สู้ไม่รู้จะดีกว่าว่านายนั่นเห็นอะไรมา’
เธอออกมาจากห้องน้ำด้วยความแน่วแน่ คำถามมากมายในหัวถูกปัดหายไปจนหมด เหลือเพียงแค่ใบหน้าซีดเซียวที่เต็มไปด้วยความอ่อนเพลียเท่านั้น อุณหภูมิในห้องเริ่มหนาวขึ้นเรื่อยๆ ทำเอาคนที่พึ่งออกมาจากห้องน้ำสั่นสะท้านไปทั้งตัว
‘นี่คงไม่ใช่พลังงานบางอย่างใช่ไหม… ’
ชายหนุ่มนั่งรอเธอเข้าห้องน้ำอยู่นานจนเผลอหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย เขาไม่ได้นอนหลับเต็มตามาหลายวันแล้ว และวันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่เขาไม่มีโอกาสได้พักผ่อนเลยแม้แต่น้อย
ผ้าห่มสีขาวสะอาดถูกเอามาห่มคลุมให้กับเจ้าชายรูปหล่อที่ยังคงนอนหลับสนิทอยู่บนโซฟา
‘คงเหนื่อยกับฉันมากสินะ ขอบคุณจริงๆที่ทำเพื่อฉันมากมายขนาดนี้’
เธอนั่งมองเขาอย่างเงียบๆ จดจำใบหน้าที่ครั้งหนึ่งเกือบจะไม่ได้เจอกับเขาอีก ใบหน้าที่ครั้งหนึ่งเคยคิดถึงเขาสุดหัวใจ
“ในเวลาที่นายหลับสนิทแบบนี้ นายน่ารักมากเลยรู้ไหม”
เธอพูดเพียงเท่านั้นก็กลับไปยังเตียงคนไข้ของเธอ ตั้งหน้าตั้งตาสวดมนต์กราบหมอนก่อนนอนแล้วจึงเข้าสู่ห้วงนิทราตามชายหนุ่มไปติดๆ
ช่วงเช้าที่อากาศดูหนาวกว่าปกติ ทุกอย่างดูเงียบสงบ หญิงสาวตื่นขึ้นมาพร้อมกับผ้าห่มผืนหน้าสองผืนที่คลุมตัวเธอจนมิดคอ ผ้าผืนนอกเธอจำได้ดีว่าเธอเสียสละมันให้กับผู้ชายที่นอนหลับอยู่บนโซฟายาว แต่บัดนี้มันได้กลับมาหาเจ้าของพร้อมกับร่างของคนบนโซฟาที่หายไป เธอรีบอาบน้ำชำระร่างกายให้สดชื่น ล้างร่องรอยแห่งความสยองขวัญขนหัวลุก เส้นผมที่ดูกระเซอะกระเซิงราวกับรังนกที่โดนพายุกระหน่ำถูกราดรดด้วยสายน้ำอุ่นสบายจนเปียกชุ่ม เธอจำเป็นจะต้องทำตัวให้เป็นปกติที่สุด ปกติให้เหมือนก่อนที่จะเกิดเรื่องราวร้ายๆในครั้งนั้น
‘ฉันจะต้องได้กลับบ้านในวันนี้ โรงพยาบาลนี้น่ากลัวเกินไป’
มันคือเป้าหมายชีวิตตั่งแต่เมื่อคืนนี้เอง เธอไม่เร่งรีบที่จะทำความสะอาดร่างกายเลยแม้แต่น้อย โดยเฉพาะกับเส้นผมที่ยังมีบางเส้นตั้งชันอยู่ แชมพูขวดเดิมถูกนำกลับมาใช้อีกครั้งแต่ในครั้งนี้ เธอเทมันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะกลัวประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย
กลิ่นหอมหรูๆของแชมพูทำให้เธอผ่อนคลายความตึงเครียดลงไปบ้าง หญิงสาวอาบน้ำอย่างมีความสุข แล้วจึงสวมชุดคนไข้ใส่กลับดังเดิมก่อนจะเดินเช็ดผมออกมาจากห้องน้ำพร้อมฮัมเพลงอย่างสบายอารมณ์
หญิงสาวตกใจเล็กน้อยเมื่อเปิดประตูมาพบกับคุณหมอคนเดิมที่เคยรักษาเธออยู่กับนายวาฟเฟิล การตรวจร่างกายตอนเช้าดำเนินไปอย่างรวดเร็ว คุณหมอยิ้มให้กับคนไข้ด้วยความโล่งใจ
“ไม่มีอะไรผิดปกตินะครับ พักผ่อนมากๆ ทานยาตามที่หมอสั่ง”
“อย่างนี้หนูก็สามารถกลับไปพักผ่อนที่บ้านได้แล้วใช่ไหมคะคุณหมอ”
หญิงสาวพูดขัดขึ้นมาอย่างดีใจ แต่คนที่ยืนอยู่หลังคุณหมอกลับไม่เห็นด้วยอย่างรุนแรง
“หมอครับ ผมว่าเธอยังไม่หายดีเลย เธอน่าจะพักอยู่ที่นี่อีกซักระยะนะครับ เพื่อรอ… ”
“ไม่ต้องรออะไรทั้งนั้นแหละ ฉันหายดีแล้ว ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว ทำไมนายไม่เชื่อฉันซักทีนะ”
“ฉันเชื่อในสิ่งที่ตาเห็นเท่านั้น”
“ถ้านายไม่เชื่อ ฉันเต้นให้ดูก็ได้… ”
หญิงสาวเริ่มโยกตัวเบาๆราวกับกำลังดูหมอลำซิ่ง ทั้งคุณหมอและนายวาฟเฟิล ต่างหันมองหน้ากันอย่างอึ่งๆอยู่นาน ก่อนจะเป็นคุณหมอเองที่หลุดหัวเราะออกมาอยากไม่ได้ตั้งใจ
“หมอคิดว่า ถ้าคุณจะกลับไปพักที่บ้านก็คงไม่เสียหายอะไร แต่ตอนนี้หยุดเต้นเถอะ หมอสงสาร”
เสียงสวรรค์ของคุณหมอเหมื่อนดั่งน้ำทิพย์แสนหอมหวาน เธอยกมือไหว้หมอราวกับกำลังขอหวยอยู่ ถึงแม้ชายหนุ่มตรงหน้าจะไม่ชอบใจนักกับคำพูดของหมอ แต่เขาคงยื้อเธอไว้ได้เพียงเท่านี้ หลังจากที่ลงทุนขอร้องหมออยู่นาน แต่หมอก็ดันมาแพ้ลูกตื้อของเธอจนได้
“ขอบคุณมากค่ะคุณหมอ”
หญิงสาวพูดขอบคุณคุณหมอจนเสียงดังออกนอกหน้าพลางเหล่ตาไปมองผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างหลังคุณหมอด้วยสายตาของผู้ชนะ
……………………………….โปรดติดตามตอนต่อไป …………………………………
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ