love mission ภารกิจรัก ทดแทนหัวใจนายจอมกวน

7.7

เขียนโดย พรสิริ

วันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2557 เวลา 20.13 น.

  55 ตอน
  8 วิจารณ์
  53.29K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 18.40 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

49)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

              หญิงสาวกลับมานั่งที่โต๊ะมุมห้องตัวเดิม วางจอมโหดลงที่เดิมแล้วเริ่มอ่านคู่มืออย่างตั้งอกตั้งใจ ที่ต้องตั้งใจมากมายจนเหมือนหลุดเข้าไปอีกโลกก็คือ ตัวอักษรภาษาอังกฤษล้วนๆนี่เอง แม้ว่าเธอจะเรียนอินเตอร์มาหลายปี แต่มันก็เป็นเรื่องยากสำหรับเธออยู่ดี

 

‘โอ้ยยยยข้าวตอกเอ้ยยย หน้าตาไม่ดีแล้วยังโง่อีกนะ  ครบครันจริงๆผู้หญิงคนนี้’

 

แต่ถึงจะกระท่อนกระแท่นไปบ้างแต่ เธอก็เข้าใจทุกประโยคที่เขียนอยู่ในนั้น

เธออ่านมันอย่างตั้งใจจนรู้สึกปวดตาจึงล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่มท่ามกลางถุงยาขนาดใหญ่สามถุง

 

“เฮ้อออ…”

 

เธอถอนหายใจให้กับชีวิตที่สุดแสนจะวุ่นวายของเธอ ตลอดเวลาที่เธออยู่ในโรงพยาบาล เธอไม่เคยมีเวลาส่วนตัวเลยสักนิด แม้แต่ในห้องน้ำเสียงของนายวาฟเฟิลก็ยังคอยตะโกนเข้ามาหลอกหลอนเธออยู่ประจำ แต่พอได้กลับมาอยู่กับตัวเองในห้องแบบนี้มันทำให้เธอรู้สึกเหงาขึ้นมาทันที

 

สมุดบันทึกเล่มเล็กๆถูกนำออกมาจากลิ้นชักหัวเตียง เธอจดทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอได้ประสบมาลงในสมุดอย่างตั้งใจ และนั่งอ่านแผนการหาข้อมูลของนายวาฟเฟิลวนไปวนมา เพื่อให้จดจำได้อย่างแม่นยำ

 

“มิซึกิ”

 

เธอเขียนชื่อผู้หญิงคนนี้ไว้ตัวใหญ่ๆเพราะเธอคือเป้าหมายที่หญิงสาวต้องหาข้อมูล และแหล่งข้อมูลขั้นดีสำหรับเธอก็คือลุงแหมบนั่นเอง

 

หญิงสาวลงมายังห้องอาหารตามเสียงเรียกของลุงแหมบ ชายหนุ่มนั่งรออยู่ตรงหัวโต๊ะก่อนแล้ว    โดยมีลุงแหมบคอยตักข้าวอยู่ข้างๆ เขายังคงทำตัวเนิบนาบนั่งกอดอกจ้องเธอตาไม่กระพริบ หญิงสาวเดินลงมายืนอยู่ข้างๆลุงแหมบโดยที่ตาก็ยังคงมองความเนิบนาบของชายหนุ่มอย่างไม่วางสายตา

 

“เชิญนั่งเลยครับ วันนี้ผมทำแต่ของชอบหนูข้าวตอกทั้งนั้นเลยนะครับ”

ลุงแหมบพูดพลางเดินไปเลื่อนเก้าอี้ให้เธอนั่งอย่างสุภาพ

 

“ลุงแหมบไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นก็ได้ค่ะ”

เธอรีบนั่งตามคำเชิญพร้อมกับบ่มเบาๆกับความเป็นสุภาพบุรุษของลุงแหมบ

 

“วันนี้ผมทำสุดฝีมือเลยนะครับ ทานให้เยอะๆล่ะ”

ลุงแหมบยิ้มอ่อนโยนก่อนจะตักข้าวให้เธอจนพูนจาน หญิงสาวมองไปยังโต๊ะอาหารที่เรียงรายไปด้วยกับข้าวนับสิบอย่าง เกือบเก้าสิบเปอร์เซ็นบนโต๊ะอาหารเป็นผักและปลา ส่วนอีกสิบเปอร์เซ็นเป็นยาบำรุง ซึ่งเธอคิดว่าไม่ใช่สามถุงใหญ่ๆที่กองอยู่ในห้องนอนของเธอแน่ๆ

 

“กับข้าวน่ากินจังเลยค่ะลุงแหมบ แบบนี้ไม่ต้องห่วงว่าจะเหลือนะคะ หนูจะกินให้เกลี้ยงเลยล่ะค่ะ เบื่ออาหารที่โรงพยาบาลจะแย่อยู่แล้ว ”

 

“งั้นกินเยอะๆเลยครับ ไม่พอผมทำให้อีกก็ได้นะ”

 

พูดจบลุงแหมบก็ตั้งท่าจะเดินเข้าครัวอีกรอบแต่หญิงสาวรีบห้ามไว้ซะก่อน

 

“ลุงแหมบจะทำอะไรช่วยเกรงใจพุงหนูนิดนึงนะคะ”

 

เสียงใสๆหัวเราะร่าเริงของเธอและลุงแหมบทำให้บรรยากาศในบ้านดูมีชีวิตชีวายิ่งขึ้น นานเท่าไรแล้วที่เขาไม่ได้เห็นเธอยิ้มมีความสุขขนาดนี้ มันทำให้เขาสบายใจอย่างประหลาดไม่เว้นแม้แต่ชายวัยกลางคนที่กำลังยืนหัวเราะร่วมกับเธอในตอนนี้ เขาเองก็เป็นห่วงเธอไม่น้อยเมื่อได้ทราบข่าวของเธอจากนายหญิง เขาเลือกหันหลังให้บ้านเกิดที่ไม่ได้กลับมาแสนนานทันทีโดยที่ไม่ต้องรอให้นายหญิงออกปากสั่งแม้แต่คำเดียว สำหรับเขาแล้ว เธอเป็นเหมือนหลานสาวผู้น่ารักและผู้มีพระคุณของเขา และคงจะเป็นคนสำคัญของคุณหนูอีกด้วย เขาจึงไม่ปล่อยให้คุณหนูต้องเผชิญกับเรื่องเลวร้ายนี้คนเดียวเป็นแน่

 

“กินข้าวกันได้แล้ว เลิกไร้สาระสักที”

 

ถึงแม้ชายหนุ่มจะรู้สึกดีกับบทสนทนาของทั้งคู่ แต่เขาก็อยากให้เธอกินยาตรงเวลาตามที่หมอสั่งเช่นกัน

 

“รู้แล้วจร้า ดุจริงนะพ่อคุณ”

 

เธอหันกลับมาสนใจผู้ชายที่นั่งตรงข้ามกับเธออีกครั้ง หวนนึกถึงภาพเหตุการณ์แสนกวนโอ้ยเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน

 

‘เมื่อกี้ยังอารมณ์ดีกวนโอ้ยฉันอยู่แท้ๆ ไปเดินผ่านรังแตนมาตอนไหนนะถึงได้กลับมาดุร้ายเหมือนเดิม’

 

ปลากระพงนึ่งมะนาวถูกลำเลียงลงบนจานเธออย่างรวดเร็ว แล้วตามมาด้วยยำปลาแซลมอน ผัดผักนาๆชนิด

 

“เดี๋ยวก่อนๆ นี่นายจะตักมาถมบ้านฉันรึไง ฉันตักเองได้ นายกินของนายไปเถอะหิวไม่ใช่หรอ”

 

“ไม่ต้องพูดมาก รีบกินไปเถอะ”

 

“ทำไมช่วงนี้นายชอบบังคับให้ฉันทำอะไรที่ฉันไม่อยากทำด้วยนะ นายเป็นโรคอะไรกันแน่ ฮึ”

 

หญิงสาวถามอย่างเหลืออด เมื่อถูกเขาบงการชีวิตไปแล้วร้อยเปอร์เซ็น

 

‘ที่นายคอยเป็นห่วงฉัน ฉันเองก็รู้สึกดีอยู่หรอกนะ แต่ความหวังดีของนายมันมาในจังหวะที่ฉันต้องห้ามใจตัวเองไม่ให้รู้สึกดีกับนายไปมากกว่านี้ ฉันจึงมองว่าเป็นการก้าวก่ายมากเกินไป ขอโทษนะที่ฉันทำตัวเอาแต่ใจ แต่ฉันจำเป็นต้องห้ามใจไว้เพราะในใจของนายยังมีใครบางคนอยู่ในนั้น ใครบางคนที่ฉันไม่สามารถเข้าถึง ใครบางคนที่ฉันไม่สามารถแตะต้องได้ใครบางคนที่ชื่อ มิซึกิ’

 

เธอมองเขาด้วยสายตาตัดพ้อปนน้อยใจ แต่ชายหนุ่มกลับไม่ไหวติงใดๆต่อสายตานั้น เขายังคงตักปลาซาบะชุ่มซอสใส่จานเธอไม่หยุดหย่อน

 

‘โรคอะไรงั้นหรือ...’

 

คำถามนั้นดังก้องอยู่ในหัวของชายหนุ่ม เขาถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมาว่าเขาเป็นโรคอะไรอยู่ ทำไมต้องคอยเป็นห่วงผู้หญิงคนนี้อยู่ตลอดเวลา ทำไมต้องคอยห้ามให้เธอทำในสิ่งที่เธออยากทำทั้งที่เขาก็อยากให้เธอมีความสุขที่สุด ทั้งๆที่เธอและเขาไม่ได้เป็นอะไรกันทั้งนั้น เธอไม่แม้แต่จะเฉียดใกล้คำว่าคนพิเศษเลยสักนิด แต่ทำไมเขาถึงปล่อยให้เธออยู่ห่างจากตัวเขาไม่ได้

 

‘รู้สึกผิด...งั้นหรือ’

 

เป็นการหาคำตอบที่มีแต่คำถามไม่จบสิ้น และยิ่งบั่นทอนจิตใจของเขาเอง

ดวงตาที่มีแต่ความสับสนและเจ็บปวดจ้องมองไปยังหญิงสาวที่กำลังกินอาหารที่เขาตักให้อย่างเอร็ดอร่อยโดยไม่ได้สนใจสายตาของเขาเลยแม้แต่น้อย

 

“ยังมีของหวานอีกนะครับหนูข้าวตอก อย่าพึ่งรีบอิ่มซะล่ะ”

 

ลุงแหมบเข้ามากระซิบบอกเธออีกครั้งหลังจากหายเข้าครัวไปอีกรอบ เธอส่งยิ้มให้ลุงแหมบจนแก้มปริ เพราะในเวลานี้ก็มีเพียงลุงแหมบเท่านั้นที่ทำให้เธอยิ้มได้

 

“นี่นาย ไม่กินข้าวรึไง นั่งคิดถึงใครอยู่หรอ”

 

เขาหันกลับมาสนใจเธออีกครั้งหลังจากจมจ่อมอยู่กับคำถามที่หาคำตอบไม่ได้ จานข้าวที่เคยว่างเปล่าของเขาตอนนี้กลับมีหัวปลากระพง เปลือกมะนาว หางปลาซาบะ เครื่องสมุนไพรในต้มยำอยู่เต็มไปหมด เจ้าของจานได้แต่กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก

 

“ส่วนที่ฉันตักให้ล้วนแต่มีประโยชน์ต่อร่างกายทั้งนั้นเลยนะ ตอบแทนที่นายใจดีตักให้ฉันไงล่ะ”

 

หญิงสาวกล่าวยิ้มๆด้วยคำพูดแสนดีที่มาพร้อมกับจุดประสงค์ทำลายล้างเป้าหมายให้สิ้นซาก  แล้วตามด้วยการบรรยายคุณประโยชน์ของอาหารที่เธอจงใจตักให้เขาไม่หยุด

 

“ประโยชน์มากมายขนาดนั้นเลยหรอ”

 

“ใช่เลย ฉันถึงอยากให้นายกินเยอะๆไง ฉันเป็นห่วงนายนะรู้ไหม”

 

“ฉันคิดว่าของพวกนี้คนที่พึ่งจะหายป่วยควรจะกินมากกว่านะ”

 

พูดจบชายหนุ่มก็ถ่ายโอนกรรมสิทธิ์จานข้าวนั้นมาให้เธออย่างรวดเร็ว เธอรับจานนั้นมาอย่างงงๆ แต่เธอก็ยื่นมันกลับไปให้เขาดังเดิม

 

“ออ! ไม่เป็นไร บังเอิญว่าคนที่พึ่งหายป่วยเขาอิ่มมาก คงไม่ต้องให้นายเสียสละอะไรไปมากกว่านี้แล้วล่ะ”

 

เธอวางจานข้าวลงตรงหน้าเขาก่อนจะตักปลาซาบะเข้าปากอย่างรวดเร็ว

 

“เห็นไหมล่ะ ของคนป่วยก็ยังไม่หมดเลย ฉันคงไม่ใจร้ายแย่งนายได้ลงคอหรอก”

 

เธอพูดทั้งที่ปลาซาบะเต็มปาก เขายิ้มให้ด้วยความอ่อนใจกับการกระทำของเธอ

 

‘ถึงเธอจะป่วย แต่ดีกรีความแสบสันก็ไม่เคยลดหายไป’

 

…………………………….โปรดติดตามตอนต่อไป…………………………………

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา