อลวนรักของหนุ่มน้อยหน้ามึน [Yaoi]
8.5
เขียนโดย JR_ST
วันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 16.16 น.
12 chapter
10 วิจารณ์
20.68K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 18.50 น. โดย เจ้าของนิยาย
7) เจอกัน ?
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความผมกำลังอยู่ที่ไหน ? ผมรู้สึกว่าหลังผมมันนุ่มสบาย ดวงตาผมมันหนักหน่วงจนไม่สามารถลืมตาตื่นได้ แต่มีบางสิ่งบางอย่างที่ผมสามารถรับรู้ได้........
“ เมษ.... กูขอโมษนะ “ เสียงใครบางคนบอกกับผม
“ ไอเมษ ฟื้นมาไวๆนะ “เสียงนั้นบอกอีกครั้งแต่น้ำเสียงต่างจากเสียงแรกบอกกับผมพร้อมกับสัมผัสอุ่นๆที่ฝ่ามือของผม
“ ..........” ผมได้ยินเสียงเหล่านั้นพูดกันไม่เป็นศัพท์ก่อนที่สติของผมจะเลือนลางไปทั้งๆที่กำลังหลับ..........
.
.
.
.
แสงแดดยามเช้าสาดส่องเล็ดลอดเข้ามาภายในห้องผ่านบานหน้าต่างของห้องคนไข้ ผมรู้สึกถึงแสงแดดอุ่นๆจึงค่อยๆลืมตาตื่นขึ้น......
สิ่งแรกที่เห็นด้วยตาเนื้อ คือ ผนังสีขาวโพลนประกอบกับกลิ่นยาอ่อนๆ ผมค่อยๆพยุงตัวขึ้น ผมกวาดสายตามองทั่วห้อง มีโซฟาข้างๆเตียงที่ผมกำลังพัก และโต๊ะไม้สีสวยอีกฝั่งหนึ่ง และเสียงหยดน้ำเกลือไหลติ๋งๆ ตามสาย ผมค่อยๆมองตาม มันถูกเจาะลงเข้าที่ข้อมือผม
0 [ ] 0ผมตกใจ กลัวยาไม่พอผมยังกลัวเข็มแต่ไม่มากเท่าเห็นเลือด ถ้าเห็นเลือดนี่ผมขอบาย
มันตึงผมลองยกขึ้นยกลงเพื่อทดสอบ 0 ^0ฮึบ ฮึบ
“เคร้ง “ เสียงสายน้ำเกลือกระทบกับเสาตั้งขวดน้ำเกลือไปมา เพราะฝีมือผม แต่ก็หยุดลง เพราะผมเมื่อย ว่าแต่ทำไมผมถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ ผมจำได้ว่าผมพยายามเดินหนีทำเป็นไม่สนใจไอดีฟ แต่จู่ๆผมก็สลบไป พอรู้ตัวอีกทีก็รู้ว่าตัวเองนอนอยู่ในห้องสีขาวโพลน คงจะเป็นโรงพยาบาลก็ว่าได้
ถึงอย่างไรห้องนี้ก็กลับมาเงียบเช่นเคย ห้องที่เงียบและเย็นเฉียบจากเครื่องปรับอากาศ ผมไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เอาซะเลย มันเงียบจนเกินไปสำหรับคนธรรมดาอย่างผมจะรับไหว เพราะทำไมน่ะเหรอ ?...........
เพราะว่ามันทำให้ผมรู้สึกไม่เหลือใครยังไงล่ะ มันทำให้ผมนึกย้อนถึงวันอันแสนเจ็บปวดและทรมานใจ [ ไรท์ไม่ได้จะตั้งใจให้ดราม่า : ไรท์เตอร์ ]
ผมค่อยๆลุกลงจากเตียง เท้าผมสัมผัสกับพื้นหินอ่อนเย็นๆเนื่องจากอุณหภูมิในห้อง ผมสะดุ้งเท้าเล็กน้อย ผมเท้าปล่อยและอยู่ในชุดคนไข้ เลื้อยืดบางๆสีน้ำเงินและกางเกงสีเดียวกัน
ผมค่อยๆก้าวเท้า แต่
“ ตุบ “ เพียงแค่ผมก้าวขาออกไปแค่ก้าวเดียว ร่างกายผมกลับทรุดยวบลง ร่างกายที่เบากลับเริ่มหนักขึ้น ผมพยายามลุก แต่มันไร้เรี่ยวแรง นี่ผมกำลังเป็นอะไร มันเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายผม ?
ทางด้านดีฟ : DeeF
ทั้งคืนเขานอนเฝ้าเมษจนถึงตอนเช้าเขาก็กลับไปเอาเสื้อ พอกลับไปเอาเสื้อมาก็แวะซื้อของฝากเล็กๆน้อยๆ เผื่อเมษหิว แล้วจึงมุ่งหน้าไปที่ โรงพยาบาลทันที
โรงพยาบาล XYZ
ร่างสูงเดินเข้าเข้าลิฟท์ แล้วกดปุ่มชั้น 16 ทันที เพราะเขารีบมาก เขาเป็นห่วงร่างบาง กลัวว่าร่างบางตื่นมาแล้วไม่เห็นตน
“ เห้ย !!เดี๋ยว “ จู่ๆร่างชายผู้หนึ่งกระโจนเข้ามาอย่างไม่กลัวตายขณะที่ประตูลิฟท์ใกล้จะปิดลง ช่างกล้าจริงๆ ชายปริศนากดไปที่ชั้น 16 แต่ดีฟกดแล้วเขากดซ้ำเพราะความไม่รู้ ดีฟไม่ได้พูดอะไรแค่เพียงคิดว่า ผู้ชายคนนี้ช่างซื่อบื้อ ก็เพียงเท่านั้น
ทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรทำให้ได้ยินแต่เสียงลิฟต์ค่อยเลื่อน ชายปริศนาเมื่อรู้สึกว่าบรรยากาศในนี้เงียบเกินไปจึงเป็นฝ่ายทักทายร่างสูงก่อนด้วยอุปสัยของตนเอง
“ เอ่อ สวัสดีครับ คุณมาเยี่ยมใครหรอครับ “ ชายปริศนาถาม ดีฟหันไปหาเขา
“ ผมมาเยี่ยมเพื่อนน่ะครับ “ ดีฟตอบ ชายปริศนามองถุงพลาสติกที่มีพวกผลไม้ ขนมหวาน อะไรหลายๆอย่าง
“ อ๋อ ครับ “
“ ติ๊ง “ เสียงลิฟต์ดังขึ้น
“ งั้นผมไปก่อนนะครับ ^_^“ เขาพูดทิ้งท้ายไว้แล้วเดินออกไปก่อน ดีฟจึงออกมาทีหลัง ชายปริศนาเขาเดินไวมาก แต่ดีฟไม่ได้สนใจ ดีฟมุ่งตรงไปที่ห้องคนไข้
ห้องคนไข้ 563
ดีฟยุดมาอยู่หน้าประตูห้อง เขารู้สึกใจเต้น นี่เขาตื่นเต้นทำไมกัน
“ แค่มาเฝ้าน่าๆ “ ดีฟพึมพำบอกย้ำตนเองให้หายประหม่า
ดีฟกำลังจะเอื้อมมือไปบิดกลอน แต่ต้องชะงักเพราะบางอย่างออกมาจากห้อง
“ ตุบ “ เสียงบางอย่างคล้ายกับวัตถุบางอย่างหล่นจากพื้น ดีฟเมื่อได้ยินรู้สึกใจดีจึงเปิดออกไป เขาเดินเข้าไป...........
End Part DeeF
แอ๊ด เสียงเปิดประตูดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงที่เดินเข้ามาหาเมษที่ตอนนี้ล้มพับกองกับพื้น ผมค่อยๆเงยหน้าขึ้น
ใครกันที่มาหาผม ? แล้วผมก็พบคำตอบที่ผมได้สงสัย……
“ ไอดีฟ “ ผมเอ่ยอย่างตะลึง
“ อืม ฉันเอง แล้วนี่มึงทำไมถึงได้มานั่งที่พื้น ?“ ไอดีฟมันถามผม
“ คือ ฉันลุกจากเตียง....แล้วพอฉันเดินมันพลาดน่ะ “ ผมตอบ ร่างสูงถอนหายใจแล้วยิ้มเล็กน้อย เขานึกว่าร่างเล็กจะเป็นอะไรไปมากกว่านี้ แต่ก็ดีแล้วล่ะที่ร่างเล็กปลอดภัย
“ ไอดีฟ นะ นายยิ้มหรอ? “ ผมอึ้งอีกครั้งเมื่อเห็นไอดีฟถอนหายใจใส่ผมแล้วก็ยิ้มออกมา
“ อ่ะ ช่างเถอะ เรื่องของฉันไม่ใช่เรื่องนาย “ ดีฟรีบหุบแล้วปรับเสียงให้เป็นปกติ ทำเอาผมอยากจะขำออกมา
“ จะนั่งแบบนี้อีกนานมั้ย ? -_- “ ไอดีฟถามผม ผมสะดุ้ง ผมค่อยๆพยุงตัวลุกแต่มันทรงตัวไม่อยู่ ดีฟเมื่อเห็นเมษจะล้มจึงรีบรับตัวร่างบางเข้าหาตนเอง
“ ปุก “
ร่างผมถูกไอดีฟรวบรัดเข้าไว้หัวผมไปชนอกแกร่งของมัน เหมือนเหตุการณ์ผมเคยประสบเจอมาก่อนหนึ่งครั้ง ใช่ ตอนที่เกือบถูกเจ้าแก๊ง นร. เรียกไถ่เงินรุมกระทืบด้วยปากจัดๆของผมแต่ไอดีฟมาช่วยผม ผมยืนขึ้นแต่เกือบหงายหลัง ไอดีฟเลยรับผมด้วยแขนเพียงข้างเดียว แต่ต่างจากครั้งนี้
ตึก ตึก ตึก ตึก..... เสียงหัวใจผมมันเริ่มเต้นแรง ทำไมกันนะ เพราะอะไร ?
“ ถ้ารู้ว่าไม่ไหวทำไมไม่บอกฉัน !! “ ไอดีฟขึ้นเสียงใส่ผม
“ ก็ ก็ฉันไม่รู้นี่ !! “ ผมโวยพร้อมกับผลักแผงอกแกร่งให้ออกห่าง ผมค่อยๆทรงตัว ผมหน้ามุ่ยใส่มัน
“ วันหลังบอกละกัน ฉันจะได้รู้ หากนายเป็นอะไรขึ้นมาอีกฉันจะทำยังไง “ ไอดีฟบอกผมเสียงเรียบ พอฟังแล้วมันรู้สึกดีใจยังไงก็ไม่รู้
“ ทำไมล่ะ “ ผมจึงถามกลับ
“ เพราะ...ถ้านายเป็นอะไรไป ฉันจะบอกกับพี่ของนายยังไง “ แต่ความดีใจกลับต้องหมดไป ทำไมผมต้องฟังแล้วมันรู้สึกเจ็บที่หน้าอก เอ๊ะ แล้วเราจะไปสนใจความรู้สึกนั่นทำไม ผมสะบัดหัวไปมาก่อนจะเดินไปที่เตียงแล้วนั่งลงบนเตียง
ดีฟเมื่อพูดออกไปรู้สึกแน่นหน้าอก เพราะอะไรกัน เขาก็ไม่รู้ ไม่เข้าใจ เขาเห็นเมษเดินขึ้นเตียงโดยไม่พูดอะไร เขาจึงวางกระเป๋าเสื้อที่โซฟาแล้ววางพวกของเยี่ยมไว้ที่โต๊ะเหล็กเล็กๆไว้
“ยวบ” ไดีฟนั่งลงบนโซฟา ผมมองถุงพลาสติกที่บรรจุอะไรสักอย่างที่ตั้งอยู่บนโต๊ะข้างเตียงที่ผมกำลังนั่งพักแกว่งขาไปมา แน่นอนว่าต้องเป็นของกินแน่นอน
“ นี่ !ไอดีฟ นายซื้ออะไรมาน่ะ” ผมถามแล้วชี้ไปที่ถุงนั่น
“ ของฝากนายยังไงล่ะ “
“ อืม ฉันกินได้มั้ย “
“ ได้สิ เดี๋ยวฉันหยิบให้ “ ดีฟเดินไปหยิบถุงใส่พวกขนมปนกับผลไม้ที่เขาได้ซื้อมา ดีฟลากเก้าอี้ตัวนึงแล้วนั่งลงข้างๆเมษ
ไอดีฟลากเก้าอี้ตัวหนึ่งเข้ามานั่งข้างๆผม ผมจึงขึ้นไปนั่งดีๆ ผมเอาขาขึ้นแล้วหลังพิงหัวเตียง ดีฟจึงสามารถที่จะวางพวกถุงขนม ผมจึงเอื้อมหน้าไปดู มีน้ำผลไม้ น้ำเปล่า ขนมปัง ลูกอม และอีกถุงมีพวกผลไม้ นี่มันเอามาให้ผมเยอะไปมั้ย อย่าบอกนะว่ามันใช้เงินมันซื้อมาน่ะ
“ นี่ นาย ทำไมมันถึงเยอะแบบนี้ “ ผมเอ่ย
“ ทำไม หรือไม่เอา “ ดีฟหยิบถุงออกไปแต่ผมห้าปรามเอาไว้ ใครบอกนายไม่เอา ไม่เอาก็เสียดายของแย่สิ ดีฟยิ้มอย่างสะใจเล็กน้อยที่ได้แกล้งร่างเล็ก
“ อืม “ดีฟวางถุงลง ผมจึงคว้ามือไปหยิบขนมปังมาก่อนเป็นอันดับแรก และน้ำผลไม้ ผมทำการจัดการของกิน ผมแกะปากถุงขนมปัง มันเป็นรถช็อคโกแลตสอดใสข้างในขนมปังสี่เหลี่ยม ผมค่อยๆทานอย่างมีมารยาท
“ นี่ ช็อคโกแลตเลอะปากหมดแล้ว “ ไอดีฟที่นั่งเงียบเอ่ยขึ้น เลอะ ผมคิดว่าผมกินอย่างเรียบร้อยแล้วนะ มันจะเลอะได้ไง เมษใช้ลิ้นเลียทั่วริมฝีปาก อันที่จริงเขาสามารถวางเจ้าขนมปังได้แต่ร่างเล็กไม่ยอมวางเพราะเขาคิดว่าอาจเสียอรรถรส ดีฟเมื่อเห็นท่าทางของเมษแล้วนึกอดขำในใจ
เขาอยากจะหัวเราะออกไปแต่นั่นไม่ใช่บุคลิกของเขา ปกติเขาเป็นเฉยชา ไม่สนใจใคร วันๆมุ่งแต่เรื่องงานในห้องปกครองและเรื่องเรียน ไม่ค่อยๆไปเที่ยวสังสรรค์กับเพื่อนสักเท่าไรนัก แล้วอันที่จริง คือ ไม่ค่อยจะหัวเราะออกมาให้ใครได้เห็นหรอก แม้แต่รอยยิ้มก็เป็นเรื่องยากที่คนทั่วไปจะสามารถเห็นเขายิ้ม แต่กับเมษ เมษได้เห็นรอยยิ้มนั้นไปแล้ว
“ ไม่เห็นมีเลย “ผมเอ่ย เมื่อผมหาไม่เจอจึงกินเจ้าขนมปังแสนนุ่มต่อ ไอดีฟมันคงงอำผม ไอดีฟมันลุกขึ้นมาแล้วใช้หัวแม่มือปาดที่ข้างแก้มผม ผมมองมันอย่าง งงๆ
“ อะ อะไร “
“ นี่ไง “ มันชูนิ้วที่ปาดแก้มผม มันเลอะซอสช็อคโกแลต ทำเอาผมหน้าร้อนเลย หรือว่าผมไข้ขึ้น
“ อะ เอ่อ......ขะ ขอบคุณ “ ผมพูดตะกุกตะกัก ผมแกล้งทำกินขนมปังจนหมดแก้เขิน
“ โฮ้ย !นี่เราเป็นอะไรของเรากันแน่ ไม่ใช่เรามีใจให้ไอดีฟหรอกนะ จะบ้าเหรอ ผู้ชายนะเว่ย ไม่ใช่หรอก เราจะคงตื่นเต้นที่มีคนมาเยี่ยมเราเป็นครั้งแรก แถมไม่ค่อยสนิท “ เมษพูดกับตัวเองในใจ
.
.
.
.
.
“ วันนี้คนไข้กับบ้านได้แล้วนะครับ ไข้ก็ลดลงมากเลยล่ะครับ........ถ้าไม่มีอะไรแล้วหมอขอตัวก่อนนะครับ “ คุณหมอในชุดกาวน์สีขาวบอกพวกเราเมื่อเสร็จธุระจึงเดินออกจากห้องตามด้วยนางพยาบาลอีกหนึ่งคนที่เป็นลูกมือช่วยคุณหมอ
“ เฮ้อ... “ ผมถอนหายใจ ผมโล่งใจ เหมือนยกภูเขาออกจากทรวงอก ต่อไปนี้เราจะได้ออกจากห้องอันแสนสุดน่าเบื่อสักที
“ ยังดีที่นายไม่เป็นอะไร “ ดีฟเอ่ย ผมหันไป จะพูดย้ำนักย้ำหนาทำไมวะ
“ นี่....เสื้อนาย “ ไอดีฟรูดซิปออกมาแล้วหยิบชุดของผมแล้วยื่นมาให้ผม ผมเดินไปรับแล้วเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำ
.
.
ผ่าง... ผมเปิดประตูเดินออกจากห้องน้ำเพื่อนให้อีกคนที่กำลังเล่นโทรศัพท์รู้ว่าผมเปลี่ยนชุดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไอดีฟหยุดเล่นแล้วเก็บโทรศัพท์
“ นี่ ไปกันเถอะ “ผมบอกมัน ดีฟพยักหน้าก่อนที่จะถือพวกกระเป๋าสัมภาระแทนผม แล้วพวกเราก็เดินออกจากห้องไป
ลาก่อน ห้องสุดแสนน่าเบื่อ เฮ้อ รู้สึกสบายใจจังเมื่อได้ก้าวออกจากห้องนั่น การที่ผมป่วยมันก็ดีเหมือนกันแฮะ ได้ขนมฟรี มีคนถือกระให้โดยไม่ต้องมีค่าตอบแทน......
.
.
.
.
หญิงสาวในชุดเดรสสีหวานเดินออกจากห้องผู้ป่วยโดยมีชายร่างสูงใบหน้าหล่อเหลาเดินเคียงข้าง ผู้คนรอบข้างอาจเข้าใจไปว่าทั้งสองคนนี้เหมือนคนรักกัน แต่อันที่จริงแล้วไม่ใช่ พวกเขาไม่ใช่แฟนกันอย่างที่พวกผู้คนเหล่านั้นคิดไว้ เพียงแต่เป็นเพื่อนสมัยเด็กกันก็เท่านั้น หญิงสาวกลัดกลุ้มใจกับอาการป่วยของแม่ แม่ของเธอป่วยอย่างหนัก เธอไม่รู้จะทำอย่างไรดี เธอไม่อยากเสียใครไป เธอกังวลตลอดทางที่เดินมา
“ นี่ เมย์ ไม่สบายใจหรือหากมีเรื่องอะไรให้ฉันช่วยบอกฉันได้นะ ^_^“ ชายหนุ่มที่เดินข้างเธอบอก เขาหวังว่าเมย์จะคลายเครียดลงบ้าง เมย์รู้สึกโล่งอก เมย์รู้ว่าเขาอาจเป็นคนที่เธอพึ่งพาได้
“ อืม ขอบคุณนะ...” เธอบอกกับชายหนุ่มแล้วเดินต่อไป ชายหนุ่มเขาอยากให้เมย์หันมาสนใจเขา อยากให้เปิดใจคุยกับเขาอีกครั้งหลังจากที่ต้องบอกลาความรักเมื่อ 1 ปีที่ผ่านมา เธอนั้นจมปลักแต่ความหลัง แต่เขาก็ได้แต่มองเธออยู่ห่างๆ
.
.
.
พวกเราค่อยๆเดินอย่างช้าๆ ผมนึกขึ้นได้บางอย่าง “ โทรศัพท์ “ ของผมยังไงล่ะครับ มันอยู่ไหน ผมหยุดเดินแล้วใช้มือทั้งล้วงทั้งคลำกระเป๋ากางเกง ปรากฏว่า มันหายไป ไอดีฟหยุดเดินแล้วหันมามองผม
“ นายหาไร เมษ “ ไอดีฟถามผม
“ โทรศัพท์ฉันหายไปไหนไม่รู้ “ ผมบอกอย่างร้อนใจ
“ อยู่กับฉัน “ ไอดีฟบอกผมด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ผมจึงหยุดกังวลแล้วเปลี่ยนมาแขวะมันแทน ไอดีฟ
“ แล้วทำไมไม่บอกฉันเล่า ฉันหาแทบตายเลยนะ ! >[ ]< “ ผมตะแผดเสียง
“ ก็ไม่รู้ “ ไอดีฟยักไหล่ ผมจึงเดินเข้าไปแล้วทุบไหล่และหน้าอกของมันอย่างหมั่นไส้
“ ตุบ ตุบ ตุบ ตุบ “เสียงหมัดเล็ดทุบไหล่และแผงอกกว้างจนเป็นจุดเด่นของคนแถวนั้น บ้างก็คิดว่าสองคนนี้เป็นแฟนกัน ดูน่ารักตามประสาคนรัก ร่างสูงยอมให้ร่างเล็กทุบตีตนเพราะชอบ ในชีวิตไม่เคยมีใครกล้ามาทำแบบนี้เหมือนเมษ
“ รู้สึกมีความสุขจัง เวลาคนทุบตี “ ดีฟคิด เขาแอบยิ้มให้กับร่างเล็กขณะที่ร่างเล็กกำลังทุบตีเขาอย่างหนัก เมษหยุดลงเพราะมือทั้งสองข้างต่างระบมเป็นรอยแดงไปหมดแล้ว
“ เฮ้อ เหนื่อย “ ผมบ่นออกมา ไอหมอนี่ !มันจะอึดไปถึงไหน โดนผมทำร้ายขนาดนี้แล้วยังปกติดี ไม่เป็นอะไร เจ็บใจนัก
“ แล้วจะทุบทำไม “ไอดีฟถามกลับ
“ เรื่องของฉันไม่ใช่เรื่องของนาย “ ผมใช้ประโยคที่ไอดีฟเคยย้อนผม ไอดีฟเขม็งตาใส่ผมเล็กน้อย
“ ย้อนฉันเหรอ “
“ เปล๊าาาา “ ผมตอบเสียงสูง กลบเกลื่อนเอา ดีฟเมื่อเห็นผมกวนมันเลยหยิกแก้มผมแรงๆ
“ โอ๊ย !! >[ ]< ซี้ด มึงรังแกคนป่วย “ ผมหลุดใช้คำหยาบ แต่ก็ไม่ได้ทำให้คนตรงหน้าตกใจหรือแปลกใจอะไรสักนิด
“ หัดพูดคำหยาบหรอ “
“ เออ กูพูดตั้งนานแล้ว “ ผมพูดพลางลูบแก้มข้างที่ไอดีฟมันหยิกผม ผมรู้สึกว่าไอดีฟมันค่อยๆเปิดใจพูดกับผม ผมก็ไม่ได้ตั้งใจหรอกนะ มันบังเอิญ ตอนแรกผมนึกว่าไอดีฟมันจะเป็นคนเงียบขรึม ตัดขาดจากโลกภายนอก เอ้ย! นั่นก็เว่อร์เกินไป ไม่ถึงขนาดนั้น แต่พอเวลาผ่านไปผมก็รู้ว่าไอดีฟมันเป็นพวกที่ไม่ค่อยพูด ไม่ถึงกับเงียบขรึมตามในความคิดของผมหรอกมั้ง ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่อคติในใจผมมันเลือนหายไป
“ นี่ไปกันเถอะ “ ไอดีฟบอกผม
“ อื้ม “ ผมพยักหน้าไอดีฟก่อนที่ไอดีฟมันจะเดินนำผมแต่รอผม
ดีฟเดินนำหน้าเมษแต่ก็ชะลอบ้างเพราะรู้ว่าเมษอาจเดินตามตนไม่ทัน ดีฟแอบยิ้มหวานอย่างมีความสุข หัวใจของเขาพองโตกับบทสนทนาเมื่อครู่มันอาจจะคล้ายกับบทสนทนาทั่วไปแต่แฝงไปด้วยความสุขข้างในของเขา ช่วงเวลานี้อาจจะเป็นช่วงเวลาที่เขามีความสุขมากที่สุดก็ว่าได้
“ ดีฟ !!“ เสียงใสทัก ดีฟชะงักเท้าเพราะใครบางคนเรียกเขา เขาเบิกตากว้างก่อนจะกลับมาทำหน้าเฉยชาใส่เจ้าของเสียงใสนี้ เมษหยุดเดินตามเพราะเห็นร่างสูงที่นำตนหยุดลง เขาเดินเข้าหาดีฟว่าทำไมถึงหยุด
“นี่ หยุดทำไม....” ไม่ทันจะถามเสร็จ เมษก็ถูกตัดบทโดยเธอที่เรียกชื่อของดีฟ
“ ดีฟ ทำไมเด็กนั่น... “ เธอชี้นิ้วไปที่เมษอย่างไม่สบอารมณ์
“ ทำไม ? “ดีฟถามเธอ
“ เพราะเด็กนั่นใช่มั้ย ?...เพราะเด็กนั่นที่ทำให้เมษไม่หันกลับมามองเมย์ ... “ เธอถามเสียงสะอื้น
“ อาจจะใช่ “ ดีฟตอบก่อนจะพาร่างเล็กออกห่างจากที่นี่เพราะดูท่าจะไม่ดี..........
.
.
.
.
เธอกำหมัดแน่นจนเลือดซิบเมื่อได้ฟังประโยคนั้นจากปากของดีฟ คนรักเก่าของเธอ คนนั้นๆไม่เคยกลับหันมามองเธอแม้แต่น้อย เธอรู้ว่าเธอทำผิดไว้กับเขาอย่างมหันเกินจะกลับไปแก้ไขได้ เธอแค่อยากขอโอกาส แต่มันพังทลายลงเมื่อได้รับประโยคนั่นจากร่างสูง
“ เพราะเด็กนั่นใช่มั้ย ?...เพราะเด็กนั่นที่ทำให้เมษไม่หันกลับมามองเมย์ ... “
“ อาจจะใช่ “
เมย์เมื่อได้รู้ว่าดีฟไม่เคยเสียใจมากเมื่อได้ฟังและเธอคิดแค้นมากเมื่อรู้อีกทีว่า ดีฟเปลี่ยนไปเพราะใคร ไม่กลับหันมามองเพราะใคร ความเสียใจภายใจจิตใจเธอกลับกลายเป็นไฟร้อนที่เต็มไปด้วยโทสะแทนที่เข้ามาแทน
“ เมย์ “ ชายหนุ่มข้างๆเธอที่เงียบตลอดทางดูเหมือนจะไร้ตัวตนในสายตาของเมย์ก็เอ่ยขึ้น
“ พิรุณ ฉันขอให้นายช่วยอะไรอะไรซักอย่างสิ “ เธอพูดด้วยแววตาพิโรธ
“ อะไรเหรอ “ พิรุณถามด้วยความไม่แน่ใจ ไม่รู้ว่าสิ่งที่เมยขอมันดีหรือไม่
“ ช่วยฉัน.......
.
.
.
.
.
กำจัดเด็กนั่นหน่อยสิ ! ! “
___________________________________________________________
เอาตอนใหม่มาฝากยามค่ำคืนนะคะ แหะๆ ตอนนี้ยาวไปหน่อย แต่ก็ปกติของรีดเดอร์นักอ่านทุกคนเนอะ คราวหน้าไรท์จะแต่งยาวๆแบบนี้อีกนะคะ แบบยาวแบบนี้จะได้สนุกกับนิยายเรื่องนี้นานๆหน่อย ไรท์รองกลับไปคิดทบทวน คิดว่า ตอนที่แล้วมามันสั้นไป เราอ่านไม่นานก็จบตอนแล้ว55555 จริงๆไม่รู้ไปคลั่งที่ไหนมา ถึงได้แต่งยาวแบบนี้รวดเดียววันเดียว ล่อซะ 20 หน้า ใน MS Word เลย และแรงบันดาลใจที่ทำให้ไรท์สามารถคิดตอนต่อไปของเรื่องนี้ก็คือ
- จำนวนคนอ่านของนิยาย แฟนคลับของไรท์รวมทั้งความคิดเห็น ถึงจะไม่มากก็ตามที และเวลาคิดไม่ออกก็จะดูซีรี่ย์เกาหลี เรื่อง Emergency Man And Womanแล้วไรท์จะคิดตาม ซีรี่ย์เรื่องนี้ช่วยได้มากเลยล่ะคะ
ช่วยเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ ฝากอ่านและติดตามต่อไปด้วยนะคะ
ขอบคุณค่ะ
“ เมษ.... กูขอโมษนะ “ เสียงใครบางคนบอกกับผม
“ ไอเมษ ฟื้นมาไวๆนะ “เสียงนั้นบอกอีกครั้งแต่น้ำเสียงต่างจากเสียงแรกบอกกับผมพร้อมกับสัมผัสอุ่นๆที่ฝ่ามือของผม
“ ..........” ผมได้ยินเสียงเหล่านั้นพูดกันไม่เป็นศัพท์ก่อนที่สติของผมจะเลือนลางไปทั้งๆที่กำลังหลับ..........
.
.
.
.
แสงแดดยามเช้าสาดส่องเล็ดลอดเข้ามาภายในห้องผ่านบานหน้าต่างของห้องคนไข้ ผมรู้สึกถึงแสงแดดอุ่นๆจึงค่อยๆลืมตาตื่นขึ้น......
สิ่งแรกที่เห็นด้วยตาเนื้อ คือ ผนังสีขาวโพลนประกอบกับกลิ่นยาอ่อนๆ ผมค่อยๆพยุงตัวขึ้น ผมกวาดสายตามองทั่วห้อง มีโซฟาข้างๆเตียงที่ผมกำลังพัก และโต๊ะไม้สีสวยอีกฝั่งหนึ่ง และเสียงหยดน้ำเกลือไหลติ๋งๆ ตามสาย ผมค่อยๆมองตาม มันถูกเจาะลงเข้าที่ข้อมือผม
0 [ ] 0ผมตกใจ กลัวยาไม่พอผมยังกลัวเข็มแต่ไม่มากเท่าเห็นเลือด ถ้าเห็นเลือดนี่ผมขอบาย
มันตึงผมลองยกขึ้นยกลงเพื่อทดสอบ 0 ^0ฮึบ ฮึบ
“เคร้ง “ เสียงสายน้ำเกลือกระทบกับเสาตั้งขวดน้ำเกลือไปมา เพราะฝีมือผม แต่ก็หยุดลง เพราะผมเมื่อย ว่าแต่ทำไมผมถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ ผมจำได้ว่าผมพยายามเดินหนีทำเป็นไม่สนใจไอดีฟ แต่จู่ๆผมก็สลบไป พอรู้ตัวอีกทีก็รู้ว่าตัวเองนอนอยู่ในห้องสีขาวโพลน คงจะเป็นโรงพยาบาลก็ว่าได้
ถึงอย่างไรห้องนี้ก็กลับมาเงียบเช่นเคย ห้องที่เงียบและเย็นเฉียบจากเครื่องปรับอากาศ ผมไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เอาซะเลย มันเงียบจนเกินไปสำหรับคนธรรมดาอย่างผมจะรับไหว เพราะทำไมน่ะเหรอ ?...........
เพราะว่ามันทำให้ผมรู้สึกไม่เหลือใครยังไงล่ะ มันทำให้ผมนึกย้อนถึงวันอันแสนเจ็บปวดและทรมานใจ [ ไรท์ไม่ได้จะตั้งใจให้ดราม่า : ไรท์เตอร์ ]
ผมค่อยๆลุกลงจากเตียง เท้าผมสัมผัสกับพื้นหินอ่อนเย็นๆเนื่องจากอุณหภูมิในห้อง ผมสะดุ้งเท้าเล็กน้อย ผมเท้าปล่อยและอยู่ในชุดคนไข้ เลื้อยืดบางๆสีน้ำเงินและกางเกงสีเดียวกัน
ผมค่อยๆก้าวเท้า แต่
“ ตุบ “ เพียงแค่ผมก้าวขาออกไปแค่ก้าวเดียว ร่างกายผมกลับทรุดยวบลง ร่างกายที่เบากลับเริ่มหนักขึ้น ผมพยายามลุก แต่มันไร้เรี่ยวแรง นี่ผมกำลังเป็นอะไร มันเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายผม ?
ทางด้านดีฟ : DeeF
ทั้งคืนเขานอนเฝ้าเมษจนถึงตอนเช้าเขาก็กลับไปเอาเสื้อ พอกลับไปเอาเสื้อมาก็แวะซื้อของฝากเล็กๆน้อยๆ เผื่อเมษหิว แล้วจึงมุ่งหน้าไปที่ โรงพยาบาลทันที
โรงพยาบาล XYZ
ร่างสูงเดินเข้าเข้าลิฟท์ แล้วกดปุ่มชั้น 16 ทันที เพราะเขารีบมาก เขาเป็นห่วงร่างบาง กลัวว่าร่างบางตื่นมาแล้วไม่เห็นตน
“ เห้ย !!เดี๋ยว “ จู่ๆร่างชายผู้หนึ่งกระโจนเข้ามาอย่างไม่กลัวตายขณะที่ประตูลิฟท์ใกล้จะปิดลง ช่างกล้าจริงๆ ชายปริศนากดไปที่ชั้น 16 แต่ดีฟกดแล้วเขากดซ้ำเพราะความไม่รู้ ดีฟไม่ได้พูดอะไรแค่เพียงคิดว่า ผู้ชายคนนี้ช่างซื่อบื้อ ก็เพียงเท่านั้น
ทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรทำให้ได้ยินแต่เสียงลิฟต์ค่อยเลื่อน ชายปริศนาเมื่อรู้สึกว่าบรรยากาศในนี้เงียบเกินไปจึงเป็นฝ่ายทักทายร่างสูงก่อนด้วยอุปสัยของตนเอง
“ เอ่อ สวัสดีครับ คุณมาเยี่ยมใครหรอครับ “ ชายปริศนาถาม ดีฟหันไปหาเขา
“ ผมมาเยี่ยมเพื่อนน่ะครับ “ ดีฟตอบ ชายปริศนามองถุงพลาสติกที่มีพวกผลไม้ ขนมหวาน อะไรหลายๆอย่าง
“ อ๋อ ครับ “
“ ติ๊ง “ เสียงลิฟต์ดังขึ้น
“ งั้นผมไปก่อนนะครับ ^_^“ เขาพูดทิ้งท้ายไว้แล้วเดินออกไปก่อน ดีฟจึงออกมาทีหลัง ชายปริศนาเขาเดินไวมาก แต่ดีฟไม่ได้สนใจ ดีฟมุ่งตรงไปที่ห้องคนไข้
ห้องคนไข้ 563
ดีฟยุดมาอยู่หน้าประตูห้อง เขารู้สึกใจเต้น นี่เขาตื่นเต้นทำไมกัน
“ แค่มาเฝ้าน่าๆ “ ดีฟพึมพำบอกย้ำตนเองให้หายประหม่า
ดีฟกำลังจะเอื้อมมือไปบิดกลอน แต่ต้องชะงักเพราะบางอย่างออกมาจากห้อง
“ ตุบ “ เสียงบางอย่างคล้ายกับวัตถุบางอย่างหล่นจากพื้น ดีฟเมื่อได้ยินรู้สึกใจดีจึงเปิดออกไป เขาเดินเข้าไป...........
End Part DeeF
แอ๊ด เสียงเปิดประตูดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงที่เดินเข้ามาหาเมษที่ตอนนี้ล้มพับกองกับพื้น ผมค่อยๆเงยหน้าขึ้น
ใครกันที่มาหาผม ? แล้วผมก็พบคำตอบที่ผมได้สงสัย……
“ ไอดีฟ “ ผมเอ่ยอย่างตะลึง
“ อืม ฉันเอง แล้วนี่มึงทำไมถึงได้มานั่งที่พื้น ?“ ไอดีฟมันถามผม
“ คือ ฉันลุกจากเตียง....แล้วพอฉันเดินมันพลาดน่ะ “ ผมตอบ ร่างสูงถอนหายใจแล้วยิ้มเล็กน้อย เขานึกว่าร่างเล็กจะเป็นอะไรไปมากกว่านี้ แต่ก็ดีแล้วล่ะที่ร่างเล็กปลอดภัย
“ ไอดีฟ นะ นายยิ้มหรอ? “ ผมอึ้งอีกครั้งเมื่อเห็นไอดีฟถอนหายใจใส่ผมแล้วก็ยิ้มออกมา
“ อ่ะ ช่างเถอะ เรื่องของฉันไม่ใช่เรื่องนาย “ ดีฟรีบหุบแล้วปรับเสียงให้เป็นปกติ ทำเอาผมอยากจะขำออกมา
“ จะนั่งแบบนี้อีกนานมั้ย ? -_- “ ไอดีฟถามผม ผมสะดุ้ง ผมค่อยๆพยุงตัวลุกแต่มันทรงตัวไม่อยู่ ดีฟเมื่อเห็นเมษจะล้มจึงรีบรับตัวร่างบางเข้าหาตนเอง
“ ปุก “
ร่างผมถูกไอดีฟรวบรัดเข้าไว้หัวผมไปชนอกแกร่งของมัน เหมือนเหตุการณ์ผมเคยประสบเจอมาก่อนหนึ่งครั้ง ใช่ ตอนที่เกือบถูกเจ้าแก๊ง นร. เรียกไถ่เงินรุมกระทืบด้วยปากจัดๆของผมแต่ไอดีฟมาช่วยผม ผมยืนขึ้นแต่เกือบหงายหลัง ไอดีฟเลยรับผมด้วยแขนเพียงข้างเดียว แต่ต่างจากครั้งนี้
ตึก ตึก ตึก ตึก..... เสียงหัวใจผมมันเริ่มเต้นแรง ทำไมกันนะ เพราะอะไร ?
“ ถ้ารู้ว่าไม่ไหวทำไมไม่บอกฉัน !! “ ไอดีฟขึ้นเสียงใส่ผม
“ ก็ ก็ฉันไม่รู้นี่ !! “ ผมโวยพร้อมกับผลักแผงอกแกร่งให้ออกห่าง ผมค่อยๆทรงตัว ผมหน้ามุ่ยใส่มัน
“ วันหลังบอกละกัน ฉันจะได้รู้ หากนายเป็นอะไรขึ้นมาอีกฉันจะทำยังไง “ ไอดีฟบอกผมเสียงเรียบ พอฟังแล้วมันรู้สึกดีใจยังไงก็ไม่รู้
“ ทำไมล่ะ “ ผมจึงถามกลับ
“ เพราะ...ถ้านายเป็นอะไรไป ฉันจะบอกกับพี่ของนายยังไง “ แต่ความดีใจกลับต้องหมดไป ทำไมผมต้องฟังแล้วมันรู้สึกเจ็บที่หน้าอก เอ๊ะ แล้วเราจะไปสนใจความรู้สึกนั่นทำไม ผมสะบัดหัวไปมาก่อนจะเดินไปที่เตียงแล้วนั่งลงบนเตียง
ดีฟเมื่อพูดออกไปรู้สึกแน่นหน้าอก เพราะอะไรกัน เขาก็ไม่รู้ ไม่เข้าใจ เขาเห็นเมษเดินขึ้นเตียงโดยไม่พูดอะไร เขาจึงวางกระเป๋าเสื้อที่โซฟาแล้ววางพวกของเยี่ยมไว้ที่โต๊ะเหล็กเล็กๆไว้
“ยวบ” ไดีฟนั่งลงบนโซฟา ผมมองถุงพลาสติกที่บรรจุอะไรสักอย่างที่ตั้งอยู่บนโต๊ะข้างเตียงที่ผมกำลังนั่งพักแกว่งขาไปมา แน่นอนว่าต้องเป็นของกินแน่นอน
“ นี่ !ไอดีฟ นายซื้ออะไรมาน่ะ” ผมถามแล้วชี้ไปที่ถุงนั่น
“ ของฝากนายยังไงล่ะ “
“ อืม ฉันกินได้มั้ย “
“ ได้สิ เดี๋ยวฉันหยิบให้ “ ดีฟเดินไปหยิบถุงใส่พวกขนมปนกับผลไม้ที่เขาได้ซื้อมา ดีฟลากเก้าอี้ตัวนึงแล้วนั่งลงข้างๆเมษ
ไอดีฟลากเก้าอี้ตัวหนึ่งเข้ามานั่งข้างๆผม ผมจึงขึ้นไปนั่งดีๆ ผมเอาขาขึ้นแล้วหลังพิงหัวเตียง ดีฟจึงสามารถที่จะวางพวกถุงขนม ผมจึงเอื้อมหน้าไปดู มีน้ำผลไม้ น้ำเปล่า ขนมปัง ลูกอม และอีกถุงมีพวกผลไม้ นี่มันเอามาให้ผมเยอะไปมั้ย อย่าบอกนะว่ามันใช้เงินมันซื้อมาน่ะ
“ นี่ นาย ทำไมมันถึงเยอะแบบนี้ “ ผมเอ่ย
“ ทำไม หรือไม่เอา “ ดีฟหยิบถุงออกไปแต่ผมห้าปรามเอาไว้ ใครบอกนายไม่เอา ไม่เอาก็เสียดายของแย่สิ ดีฟยิ้มอย่างสะใจเล็กน้อยที่ได้แกล้งร่างเล็ก
“ อืม “ดีฟวางถุงลง ผมจึงคว้ามือไปหยิบขนมปังมาก่อนเป็นอันดับแรก และน้ำผลไม้ ผมทำการจัดการของกิน ผมแกะปากถุงขนมปัง มันเป็นรถช็อคโกแลตสอดใสข้างในขนมปังสี่เหลี่ยม ผมค่อยๆทานอย่างมีมารยาท
“ นี่ ช็อคโกแลตเลอะปากหมดแล้ว “ ไอดีฟที่นั่งเงียบเอ่ยขึ้น เลอะ ผมคิดว่าผมกินอย่างเรียบร้อยแล้วนะ มันจะเลอะได้ไง เมษใช้ลิ้นเลียทั่วริมฝีปาก อันที่จริงเขาสามารถวางเจ้าขนมปังได้แต่ร่างเล็กไม่ยอมวางเพราะเขาคิดว่าอาจเสียอรรถรส ดีฟเมื่อเห็นท่าทางของเมษแล้วนึกอดขำในใจ
เขาอยากจะหัวเราะออกไปแต่นั่นไม่ใช่บุคลิกของเขา ปกติเขาเป็นเฉยชา ไม่สนใจใคร วันๆมุ่งแต่เรื่องงานในห้องปกครองและเรื่องเรียน ไม่ค่อยๆไปเที่ยวสังสรรค์กับเพื่อนสักเท่าไรนัก แล้วอันที่จริง คือ ไม่ค่อยจะหัวเราะออกมาให้ใครได้เห็นหรอก แม้แต่รอยยิ้มก็เป็นเรื่องยากที่คนทั่วไปจะสามารถเห็นเขายิ้ม แต่กับเมษ เมษได้เห็นรอยยิ้มนั้นไปแล้ว
“ ไม่เห็นมีเลย “ผมเอ่ย เมื่อผมหาไม่เจอจึงกินเจ้าขนมปังแสนนุ่มต่อ ไอดีฟมันคงงอำผม ไอดีฟมันลุกขึ้นมาแล้วใช้หัวแม่มือปาดที่ข้างแก้มผม ผมมองมันอย่าง งงๆ
“ อะ อะไร “
“ นี่ไง “ มันชูนิ้วที่ปาดแก้มผม มันเลอะซอสช็อคโกแลต ทำเอาผมหน้าร้อนเลย หรือว่าผมไข้ขึ้น
“ อะ เอ่อ......ขะ ขอบคุณ “ ผมพูดตะกุกตะกัก ผมแกล้งทำกินขนมปังจนหมดแก้เขิน
“ โฮ้ย !นี่เราเป็นอะไรของเรากันแน่ ไม่ใช่เรามีใจให้ไอดีฟหรอกนะ จะบ้าเหรอ ผู้ชายนะเว่ย ไม่ใช่หรอก เราจะคงตื่นเต้นที่มีคนมาเยี่ยมเราเป็นครั้งแรก แถมไม่ค่อยสนิท “ เมษพูดกับตัวเองในใจ
.
.
.
.
.
“ วันนี้คนไข้กับบ้านได้แล้วนะครับ ไข้ก็ลดลงมากเลยล่ะครับ........ถ้าไม่มีอะไรแล้วหมอขอตัวก่อนนะครับ “ คุณหมอในชุดกาวน์สีขาวบอกพวกเราเมื่อเสร็จธุระจึงเดินออกจากห้องตามด้วยนางพยาบาลอีกหนึ่งคนที่เป็นลูกมือช่วยคุณหมอ
“ เฮ้อ... “ ผมถอนหายใจ ผมโล่งใจ เหมือนยกภูเขาออกจากทรวงอก ต่อไปนี้เราจะได้ออกจากห้องอันแสนสุดน่าเบื่อสักที
“ ยังดีที่นายไม่เป็นอะไร “ ดีฟเอ่ย ผมหันไป จะพูดย้ำนักย้ำหนาทำไมวะ
“ นี่....เสื้อนาย “ ไอดีฟรูดซิปออกมาแล้วหยิบชุดของผมแล้วยื่นมาให้ผม ผมเดินไปรับแล้วเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำ
.
.
ผ่าง... ผมเปิดประตูเดินออกจากห้องน้ำเพื่อนให้อีกคนที่กำลังเล่นโทรศัพท์รู้ว่าผมเปลี่ยนชุดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไอดีฟหยุดเล่นแล้วเก็บโทรศัพท์
“ นี่ ไปกันเถอะ “ผมบอกมัน ดีฟพยักหน้าก่อนที่จะถือพวกกระเป๋าสัมภาระแทนผม แล้วพวกเราก็เดินออกจากห้องไป
ลาก่อน ห้องสุดแสนน่าเบื่อ เฮ้อ รู้สึกสบายใจจังเมื่อได้ก้าวออกจากห้องนั่น การที่ผมป่วยมันก็ดีเหมือนกันแฮะ ได้ขนมฟรี มีคนถือกระให้โดยไม่ต้องมีค่าตอบแทน......
.
.
.
.
หญิงสาวในชุดเดรสสีหวานเดินออกจากห้องผู้ป่วยโดยมีชายร่างสูงใบหน้าหล่อเหลาเดินเคียงข้าง ผู้คนรอบข้างอาจเข้าใจไปว่าทั้งสองคนนี้เหมือนคนรักกัน แต่อันที่จริงแล้วไม่ใช่ พวกเขาไม่ใช่แฟนกันอย่างที่พวกผู้คนเหล่านั้นคิดไว้ เพียงแต่เป็นเพื่อนสมัยเด็กกันก็เท่านั้น หญิงสาวกลัดกลุ้มใจกับอาการป่วยของแม่ แม่ของเธอป่วยอย่างหนัก เธอไม่รู้จะทำอย่างไรดี เธอไม่อยากเสียใครไป เธอกังวลตลอดทางที่เดินมา
“ นี่ เมย์ ไม่สบายใจหรือหากมีเรื่องอะไรให้ฉันช่วยบอกฉันได้นะ ^_^“ ชายหนุ่มที่เดินข้างเธอบอก เขาหวังว่าเมย์จะคลายเครียดลงบ้าง เมย์รู้สึกโล่งอก เมย์รู้ว่าเขาอาจเป็นคนที่เธอพึ่งพาได้
“ อืม ขอบคุณนะ...” เธอบอกกับชายหนุ่มแล้วเดินต่อไป ชายหนุ่มเขาอยากให้เมย์หันมาสนใจเขา อยากให้เปิดใจคุยกับเขาอีกครั้งหลังจากที่ต้องบอกลาความรักเมื่อ 1 ปีที่ผ่านมา เธอนั้นจมปลักแต่ความหลัง แต่เขาก็ได้แต่มองเธออยู่ห่างๆ
.
.
.
พวกเราค่อยๆเดินอย่างช้าๆ ผมนึกขึ้นได้บางอย่าง “ โทรศัพท์ “ ของผมยังไงล่ะครับ มันอยู่ไหน ผมหยุดเดินแล้วใช้มือทั้งล้วงทั้งคลำกระเป๋ากางเกง ปรากฏว่า มันหายไป ไอดีฟหยุดเดินแล้วหันมามองผม
“ นายหาไร เมษ “ ไอดีฟถามผม
“ โทรศัพท์ฉันหายไปไหนไม่รู้ “ ผมบอกอย่างร้อนใจ
“ อยู่กับฉัน “ ไอดีฟบอกผมด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ผมจึงหยุดกังวลแล้วเปลี่ยนมาแขวะมันแทน ไอดีฟ
“ แล้วทำไมไม่บอกฉันเล่า ฉันหาแทบตายเลยนะ ! >[ ]< “ ผมตะแผดเสียง
“ ก็ไม่รู้ “ ไอดีฟยักไหล่ ผมจึงเดินเข้าไปแล้วทุบไหล่และหน้าอกของมันอย่างหมั่นไส้
“ ตุบ ตุบ ตุบ ตุบ “เสียงหมัดเล็ดทุบไหล่และแผงอกกว้างจนเป็นจุดเด่นของคนแถวนั้น บ้างก็คิดว่าสองคนนี้เป็นแฟนกัน ดูน่ารักตามประสาคนรัก ร่างสูงยอมให้ร่างเล็กทุบตีตนเพราะชอบ ในชีวิตไม่เคยมีใครกล้ามาทำแบบนี้เหมือนเมษ
“ รู้สึกมีความสุขจัง เวลาคนทุบตี “ ดีฟคิด เขาแอบยิ้มให้กับร่างเล็กขณะที่ร่างเล็กกำลังทุบตีเขาอย่างหนัก เมษหยุดลงเพราะมือทั้งสองข้างต่างระบมเป็นรอยแดงไปหมดแล้ว
“ เฮ้อ เหนื่อย “ ผมบ่นออกมา ไอหมอนี่ !มันจะอึดไปถึงไหน โดนผมทำร้ายขนาดนี้แล้วยังปกติดี ไม่เป็นอะไร เจ็บใจนัก
“ แล้วจะทุบทำไม “ไอดีฟถามกลับ
“ เรื่องของฉันไม่ใช่เรื่องของนาย “ ผมใช้ประโยคที่ไอดีฟเคยย้อนผม ไอดีฟเขม็งตาใส่ผมเล็กน้อย
“ ย้อนฉันเหรอ “
“ เปล๊าาาา “ ผมตอบเสียงสูง กลบเกลื่อนเอา ดีฟเมื่อเห็นผมกวนมันเลยหยิกแก้มผมแรงๆ
“ โอ๊ย !! >[ ]< ซี้ด มึงรังแกคนป่วย “ ผมหลุดใช้คำหยาบ แต่ก็ไม่ได้ทำให้คนตรงหน้าตกใจหรือแปลกใจอะไรสักนิด
“ หัดพูดคำหยาบหรอ “
“ เออ กูพูดตั้งนานแล้ว “ ผมพูดพลางลูบแก้มข้างที่ไอดีฟมันหยิกผม ผมรู้สึกว่าไอดีฟมันค่อยๆเปิดใจพูดกับผม ผมก็ไม่ได้ตั้งใจหรอกนะ มันบังเอิญ ตอนแรกผมนึกว่าไอดีฟมันจะเป็นคนเงียบขรึม ตัดขาดจากโลกภายนอก เอ้ย! นั่นก็เว่อร์เกินไป ไม่ถึงขนาดนั้น แต่พอเวลาผ่านไปผมก็รู้ว่าไอดีฟมันเป็นพวกที่ไม่ค่อยพูด ไม่ถึงกับเงียบขรึมตามในความคิดของผมหรอกมั้ง ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่อคติในใจผมมันเลือนหายไป
“ นี่ไปกันเถอะ “ ไอดีฟบอกผม
“ อื้ม “ ผมพยักหน้าไอดีฟก่อนที่ไอดีฟมันจะเดินนำผมแต่รอผม
ดีฟเดินนำหน้าเมษแต่ก็ชะลอบ้างเพราะรู้ว่าเมษอาจเดินตามตนไม่ทัน ดีฟแอบยิ้มหวานอย่างมีความสุข หัวใจของเขาพองโตกับบทสนทนาเมื่อครู่มันอาจจะคล้ายกับบทสนทนาทั่วไปแต่แฝงไปด้วยความสุขข้างในของเขา ช่วงเวลานี้อาจจะเป็นช่วงเวลาที่เขามีความสุขมากที่สุดก็ว่าได้
“ ดีฟ !!“ เสียงใสทัก ดีฟชะงักเท้าเพราะใครบางคนเรียกเขา เขาเบิกตากว้างก่อนจะกลับมาทำหน้าเฉยชาใส่เจ้าของเสียงใสนี้ เมษหยุดเดินตามเพราะเห็นร่างสูงที่นำตนหยุดลง เขาเดินเข้าหาดีฟว่าทำไมถึงหยุด
“นี่ หยุดทำไม....” ไม่ทันจะถามเสร็จ เมษก็ถูกตัดบทโดยเธอที่เรียกชื่อของดีฟ
“ ดีฟ ทำไมเด็กนั่น... “ เธอชี้นิ้วไปที่เมษอย่างไม่สบอารมณ์
“ ทำไม ? “ดีฟถามเธอ
“ เพราะเด็กนั่นใช่มั้ย ?...เพราะเด็กนั่นที่ทำให้เมษไม่หันกลับมามองเมย์ ... “ เธอถามเสียงสะอื้น
“ อาจจะใช่ “ ดีฟตอบก่อนจะพาร่างเล็กออกห่างจากที่นี่เพราะดูท่าจะไม่ดี..........
.
.
.
.
เธอกำหมัดแน่นจนเลือดซิบเมื่อได้ฟังประโยคนั้นจากปากของดีฟ คนรักเก่าของเธอ คนนั้นๆไม่เคยกลับหันมามองเธอแม้แต่น้อย เธอรู้ว่าเธอทำผิดไว้กับเขาอย่างมหันเกินจะกลับไปแก้ไขได้ เธอแค่อยากขอโอกาส แต่มันพังทลายลงเมื่อได้รับประโยคนั่นจากร่างสูง
“ เพราะเด็กนั่นใช่มั้ย ?...เพราะเด็กนั่นที่ทำให้เมษไม่หันกลับมามองเมย์ ... “
“ อาจจะใช่ “
เมย์เมื่อได้รู้ว่าดีฟไม่เคยเสียใจมากเมื่อได้ฟังและเธอคิดแค้นมากเมื่อรู้อีกทีว่า ดีฟเปลี่ยนไปเพราะใคร ไม่กลับหันมามองเพราะใคร ความเสียใจภายใจจิตใจเธอกลับกลายเป็นไฟร้อนที่เต็มไปด้วยโทสะแทนที่เข้ามาแทน
“ เมย์ “ ชายหนุ่มข้างๆเธอที่เงียบตลอดทางดูเหมือนจะไร้ตัวตนในสายตาของเมย์ก็เอ่ยขึ้น
“ พิรุณ ฉันขอให้นายช่วยอะไรอะไรซักอย่างสิ “ เธอพูดด้วยแววตาพิโรธ
“ อะไรเหรอ “ พิรุณถามด้วยความไม่แน่ใจ ไม่รู้ว่าสิ่งที่เมยขอมันดีหรือไม่
“ ช่วยฉัน.......
.
.
.
.
.
กำจัดเด็กนั่นหน่อยสิ ! ! “
___________________________________________________________
เอาตอนใหม่มาฝากยามค่ำคืนนะคะ แหะๆ ตอนนี้ยาวไปหน่อย แต่ก็ปกติของรีดเดอร์นักอ่านทุกคนเนอะ คราวหน้าไรท์จะแต่งยาวๆแบบนี้อีกนะคะ แบบยาวแบบนี้จะได้สนุกกับนิยายเรื่องนี้นานๆหน่อย ไรท์รองกลับไปคิดทบทวน คิดว่า ตอนที่แล้วมามันสั้นไป เราอ่านไม่นานก็จบตอนแล้ว55555 จริงๆไม่รู้ไปคลั่งที่ไหนมา ถึงได้แต่งยาวแบบนี้รวดเดียววันเดียว ล่อซะ 20 หน้า ใน MS Word เลย และแรงบันดาลใจที่ทำให้ไรท์สามารถคิดตอนต่อไปของเรื่องนี้ก็คือ
- จำนวนคนอ่านของนิยาย แฟนคลับของไรท์รวมทั้งความคิดเห็น ถึงจะไม่มากก็ตามที และเวลาคิดไม่ออกก็จะดูซีรี่ย์เกาหลี เรื่อง Emergency Man And Womanแล้วไรท์จะคิดตาม ซีรี่ย์เรื่องนี้ช่วยได้มากเลยล่ะคะ
ช่วยเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ ฝากอ่านและติดตามต่อไปด้วยนะคะ
ขอบคุณค่ะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ