อลวนรักของหนุ่มน้อยหน้ามึน [Yaoi]

8.5

เขียนโดย JR_ST

วันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 16.16 น.

  12 chapter
  10 วิจารณ์
  20.69K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 18.50 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

7) เจอกัน ?

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ผมกำลังอยู่ที่ไหน ? ผมรู้สึกว่าหลังผมมันนุ่มสบาย ดวงตาผมมันหนักหน่วงจนไม่สามารถลืมตาตื่นได้ แต่มีบางสิ่งบางอย่างที่ผมสามารถรับรู้ได้........

 

“ เมษ.... กูขอโมษนะ “ เสียงใครบางคนบอกกับผม     

“ ไอเมษ ฟื้นมาไวๆนะ “เสียงนั้นบอกอีกครั้งแต่น้ำเสียงต่างจากเสียงแรกบอกกับผมพร้อมกับสัมผัสอุ่นๆที่ฝ่ามือของผม

“ ..........” ผมได้ยินเสียงเหล่านั้นพูดกันไม่เป็นศัพท์ก่อนที่สติของผมจะเลือนลางไปทั้งๆที่กำลังหลับ..........

 

.

.

.

.

แสงแดดยามเช้าสาดส่องเล็ดลอดเข้ามาภายในห้องผ่านบานหน้าต่างของห้องคนไข้ ผมรู้สึกถึงแสงแดดอุ่นๆจึงค่อยๆลืมตาตื่นขึ้น......

   สิ่งแรกที่เห็นด้วยตาเนื้อ คือ ผนังสีขาวโพลนประกอบกับกลิ่นยาอ่อนๆ ผมค่อยๆพยุงตัวขึ้น ผมกวาดสายตามองทั่วห้อง มีโซฟาข้างๆเตียงที่ผมกำลังพัก และโต๊ะไม้สีสวยอีกฝั่งหนึ่ง และเสียงหยดน้ำเกลือไหลติ๋งๆ ตามสาย ผมค่อยๆมองตาม มันถูกเจาะลงเข้าที่ข้อมือผม

 

0 [ ] 0ผมตกใจ กลัวยาไม่พอผมยังกลัวเข็มแต่ไม่มากเท่าเห็นเลือด ถ้าเห็นเลือดนี่ผมขอบาย

 

มันตึงผมลองยกขึ้นยกลงเพื่อทดสอบ  0 ^0ฮึบ ฮึบ

 

“เคร้ง “ เสียงสายน้ำเกลือกระทบกับเสาตั้งขวดน้ำเกลือไปมา เพราะฝีมือผม แต่ก็หยุดลง เพราะผมเมื่อย ว่าแต่ทำไมผมถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ ผมจำได้ว่าผมพยายามเดินหนีทำเป็นไม่สนใจไอดีฟ แต่จู่ๆผมก็สลบไป พอรู้ตัวอีกทีก็รู้ว่าตัวเองนอนอยู่ในห้องสีขาวโพลน คงจะเป็นโรงพยาบาลก็ว่าได้

 

   ถึงอย่างไรห้องนี้ก็กลับมาเงียบเช่นเคย ห้องที่เงียบและเย็นเฉียบจากเครื่องปรับอากาศ ผมไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เอาซะเลย มันเงียบจนเกินไปสำหรับคนธรรมดาอย่างผมจะรับไหว เพราะทำไมน่ะเหรอ ?...........

เพราะว่ามันทำให้ผมรู้สึกไม่เหลือใครยังไงล่ะ มันทำให้ผมนึกย้อนถึงวันอันแสนเจ็บปวดและทรมานใจ [ ไรท์ไม่ได้จะตั้งใจให้ดราม่า : ไรท์เตอร์ ]

 

ผมค่อยๆลุกลงจากเตียง เท้าผมสัมผัสกับพื้นหินอ่อนเย็นๆเนื่องจากอุณหภูมิในห้อง ผมสะดุ้งเท้าเล็กน้อย ผมเท้าปล่อยและอยู่ในชุดคนไข้ เลื้อยืดบางๆสีน้ำเงินและกางเกงสีเดียวกัน

 

ผมค่อยๆก้าวเท้า แต่

 

ตุบ “ เพียงแค่ผมก้าวขาออกไปแค่ก้าวเดียว ร่างกายผมกลับทรุดยวบลง ร่างกายที่เบากลับเริ่มหนักขึ้น ผมพยายามลุก แต่มันไร้เรี่ยวแรง นี่ผมกำลังเป็นอะไร มันเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายผม ?

 

ทางด้านดีฟ : DeeF

ทั้งคืนเขานอนเฝ้าเมษจนถึงตอนเช้าเขาก็กลับไปเอาเสื้อ พอกลับไปเอาเสื้อมาก็แวะซื้อของฝากเล็กๆน้อยๆ เผื่อเมษหิว แล้วจึงมุ่งหน้าไปที่ โรงพยาบาลทันที

 

โรงพยาบาล XYZ

 

ร่างสูงเดินเข้าเข้าลิฟท์ แล้วกดปุ่มชั้น 16 ทันที เพราะเขารีบมาก เขาเป็นห่วงร่างบาง กลัวว่าร่างบางตื่นมาแล้วไม่เห็นตน

“ เห้ย !!เดี๋ยว “ จู่ๆร่างชายผู้หนึ่งกระโจนเข้ามาอย่างไม่กลัวตายขณะที่ประตูลิฟท์ใกล้จะปิดลง ช่างกล้าจริงๆ ชายปริศนากดไปที่ชั้น 16 แต่ดีฟกดแล้วเขากดซ้ำเพราะความไม่รู้ ดีฟไม่ได้พูดอะไรแค่เพียงคิดว่า ผู้ชายคนนี้ช่างซื่อบื้อ ก็เพียงเท่านั้น

ทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรทำให้ได้ยินแต่เสียงลิฟต์ค่อยเลื่อน ชายปริศนาเมื่อรู้สึกว่าบรรยากาศในนี้เงียบเกินไปจึงเป็นฝ่ายทักทายร่างสูงก่อนด้วยอุปสัยของตนเอง

“ เอ่อ สวัสดีครับ คุณมาเยี่ยมใครหรอครับ “ ชายปริศนาถาม ดีฟหันไปหาเขา

“ ผมมาเยี่ยมเพื่อนน่ะครับ “ ดีฟตอบ ชายปริศนามองถุงพลาสติกที่มีพวกผลไม้ ขนมหวาน อะไรหลายๆอย่าง

“ อ๋อ ครับ “

“ ติ๊ง “ เสียงลิฟต์ดังขึ้น

“ งั้นผมไปก่อนนะครับ ^_^“ เขาพูดทิ้งท้ายไว้แล้วเดินออกไปก่อน ดีฟจึงออกมาทีหลัง ชายปริศนาเขาเดินไวมาก แต่ดีฟไม่ได้สนใจ ดีฟมุ่งตรงไปที่ห้องคนไข้

 

ห้องคนไข้ 563

 

ดีฟยุดมาอยู่หน้าประตูห้อง เขารู้สึกใจเต้น นี่เขาตื่นเต้นทำไมกัน

 

“ แค่มาเฝ้าน่าๆ “ ดีฟพึมพำบอกย้ำตนเองให้หายประหม่า

ดีฟกำลังจะเอื้อมมือไปบิดกลอน แต่ต้องชะงักเพราะบางอย่างออกมาจากห้อง

ตุบ “ เสียงบางอย่างคล้ายกับวัตถุบางอย่างหล่นจากพื้น ดีฟเมื่อได้ยินรู้สึกใจดีจึงเปิดออกไป เขาเดินเข้าไป...........

 

End Part DeeF

แอ๊ด เสียงเปิดประตูดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงที่เดินเข้ามาหาเมษที่ตอนนี้ล้มพับกองกับพื้น ผมค่อยๆเงยหน้าขึ้น

  

       ใครกันที่มาหาผม ? แล้วผมก็พบคำตอบที่ผมได้สงสัย……

“ ไอดีฟ “ ผมเอ่ยอย่างตะลึง

“ อืม ฉันเอง แล้วนี่มึงทำไมถึงได้มานั่งที่พื้น ?“ ไอดีฟมันถามผม

“ คือ ฉันลุกจากเตียง....แล้วพอฉันเดินมันพลาดน่ะ “ ผมตอบ ร่างสูงถอนหายใจแล้วยิ้มเล็กน้อย เขานึกว่าร่างเล็กจะเป็นอะไรไปมากกว่านี้ แต่ก็ดีแล้วล่ะที่ร่างเล็กปลอดภัย

“ ไอดีฟ นะ นายยิ้มหรอ? “ ผมอึ้งอีกครั้งเมื่อเห็นไอดีฟถอนหายใจใส่ผมแล้วก็ยิ้มออกมา

“ อ่ะ ช่างเถอะ เรื่องของฉันไม่ใช่เรื่องนาย “ ดีฟรีบหุบแล้วปรับเสียงให้เป็นปกติ ทำเอาผมอยากจะขำออกมา

“ จะนั่งแบบนี้อีกนานมั้ย ? -_- “ ไอดีฟถามผม ผมสะดุ้ง ผมค่อยๆพยุงตัวลุกแต่มันทรงตัวไม่อยู่ ดีฟเมื่อเห็นเมษจะล้มจึงรีบรับตัวร่างบางเข้าหาตนเอง

“ ปุก “

 

ร่างผมถูกไอดีฟรวบรัดเข้าไว้หัวผมไปชนอกแกร่งของมัน เหมือนเหตุการณ์ผมเคยประสบเจอมาก่อนหนึ่งครั้ง   ใช่   ตอนที่เกือบถูกเจ้าแก๊ง นร. เรียกไถ่เงินรุมกระทืบด้วยปากจัดๆของผมแต่ไอดีฟมาช่วยผม ผมยืนขึ้นแต่เกือบหงายหลัง ไอดีฟเลยรับผมด้วยแขนเพียงข้างเดียว แต่ต่างจากครั้งนี้

 

ตึก   ตึก ตึก ตึก..... เสียงหัวใจผมมันเริ่มเต้นแรง ทำไมกันนะ เพราะอะไร ?

 

“ ถ้ารู้ว่าไม่ไหวทำไมไม่บอกฉัน !! “ ไอดีฟขึ้นเสียงใส่ผม

“ ก็ ก็ฉันไม่รู้นี่ !! “ ผมโวยพร้อมกับผลักแผงอกแกร่งให้ออกห่าง ผมค่อยๆทรงตัว ผมหน้ามุ่ยใส่มัน

“ วันหลังบอกละกัน ฉันจะได้รู้ หากนายเป็นอะไรขึ้นมาอีกฉันจะทำยังไง “ ไอดีฟบอกผมเสียงเรียบ พอฟังแล้วมันรู้สึกดีใจยังไงก็ไม่รู้

“ ทำไมล่ะ “ ผมจึงถามกลับ

“ เพราะ...ถ้านายเป็นอะไรไป ฉันจะบอกกับพี่ของนายยังไง “ แต่ความดีใจกลับต้องหมดไป ทำไมผมต้องฟังแล้วมันรู้สึกเจ็บที่หน้าอก เอ๊ะ แล้วเราจะไปสนใจความรู้สึกนั่นทำไม ผมสะบัดหัวไปมาก่อนจะเดินไปที่เตียงแล้วนั่งลงบนเตียง

     ดีฟเมื่อพูดออกไปรู้สึกแน่นหน้าอก เพราะอะไรกัน เขาก็ไม่รู้ ไม่เข้าใจ เขาเห็นเมษเดินขึ้นเตียงโดยไม่พูดอะไร เขาจึงวางกระเป๋าเสื้อที่โซฟาแล้ววางพวกของเยี่ยมไว้ที่โต๊ะเหล็กเล็กๆไว้

 

“ยวบ” ไดีฟนั่งลงบนโซฟา ผมมองถุงพลาสติกที่บรรจุอะไรสักอย่างที่ตั้งอยู่บนโต๊ะข้างเตียงที่ผมกำลังนั่งพักแกว่งขาไปมา แน่นอนว่าต้องเป็นของกินแน่นอน

“ นี่ !ไอดีฟ นายซื้ออะไรมาน่ะ” ผมถามแล้วชี้ไปที่ถุงนั่น

“ ของฝากนายยังไงล่ะ “

“ อืม ฉันกินได้มั้ย “

“ ได้สิ เดี๋ยวฉันหยิบให้ “   ดีฟเดินไปหยิบถุงใส่พวกขนมปนกับผลไม้ที่เขาได้ซื้อมา ดีฟลากเก้าอี้ตัวนึงแล้วนั่งลงข้างๆเมษ

     ไอดีฟลากเก้าอี้ตัวหนึ่งเข้ามานั่งข้างๆผม ผมจึงขึ้นไปนั่งดีๆ ผมเอาขาขึ้นแล้วหลังพิงหัวเตียง ดีฟจึงสามารถที่จะวางพวกถุงขนม ผมจึงเอื้อมหน้าไปดู มีน้ำผลไม้ น้ำเปล่า ขนมปัง ลูกอม และอีกถุงมีพวกผลไม้ นี่มันเอามาให้ผมเยอะไปมั้ย อย่าบอกนะว่ามันใช้เงินมันซื้อมาน่ะ

“ นี่ นาย ทำไมมันถึงเยอะแบบนี้ “ ผมเอ่ย

“ ทำไม หรือไม่เอา “ ดีฟหยิบถุงออกไปแต่ผมห้าปรามเอาไว้ ใครบอกนายไม่เอา ไม่เอาก็เสียดายของแย่สิ   ดีฟยิ้มอย่างสะใจเล็กน้อยที่ได้แกล้งร่างเล็ก

“ อืม “ดีฟวางถุงลง ผมจึงคว้ามือไปหยิบขนมปังมาก่อนเป็นอันดับแรก และน้ำผลไม้ ผมทำการจัดการของกิน ผมแกะปากถุงขนมปัง มันเป็นรถช็อคโกแลตสอดใสข้างในขนมปังสี่เหลี่ยม ผมค่อยๆทานอย่างมีมารยาท

“ นี่ ช็อคโกแลตเลอะปากหมดแล้ว “ ไอดีฟที่นั่งเงียบเอ่ยขึ้น เลอะ ผมคิดว่าผมกินอย่างเรียบร้อยแล้วนะ มันจะเลอะได้ไง เมษใช้ลิ้นเลียทั่วริมฝีปาก อันที่จริงเขาสามารถวางเจ้าขนมปังได้แต่ร่างเล็กไม่ยอมวางเพราะเขาคิดว่าอาจเสียอรรถรส ดีฟเมื่อเห็นท่าทางของเมษแล้วนึกอดขำในใจ

     เขาอยากจะหัวเราะออกไปแต่นั่นไม่ใช่บุคลิกของเขา ปกติเขาเป็นเฉยชา ไม่สนใจใคร วันๆมุ่งแต่เรื่องงานในห้องปกครองและเรื่องเรียน ไม่ค่อยๆไปเที่ยวสังสรรค์กับเพื่อนสักเท่าไรนัก แล้วอันที่จริง คือ ไม่ค่อยจะหัวเราะออกมาให้ใครได้เห็นหรอก แม้แต่รอยยิ้มก็เป็นเรื่องยากที่คนทั่วไปจะสามารถเห็นเขายิ้ม แต่กับเมษ เมษได้เห็นรอยยิ้มนั้นไปแล้ว

“ ไม่เห็นมีเลย “ผมเอ่ย เมื่อผมหาไม่เจอจึงกินเจ้าขนมปังแสนนุ่มต่อ ไอดีฟมันคงงอำผม ไอดีฟมันลุกขึ้นมาแล้วใช้หัวแม่มือปาดที่ข้างแก้มผม ผมมองมันอย่าง งงๆ

“ อะ อะไร “

“ นี่ไง “ มันชูนิ้วที่ปาดแก้มผม มันเลอะซอสช็อคโกแลต ทำเอาผมหน้าร้อนเลย หรือว่าผมไข้ขึ้น

“ อะ เอ่อ......ขะ ขอบคุณ “ ผมพูดตะกุกตะกัก ผมแกล้งทำกินขนมปังจนหมดแก้เขิน

 

“ โฮ้ย !นี่เราเป็นอะไรของเรากันแน่ ไม่ใช่เรามีใจให้ไอดีฟหรอกนะ จะบ้าเหรอ ผู้ชายนะเว่ย ไม่ใช่หรอก เราจะคงตื่นเต้นที่มีคนมาเยี่ยมเราเป็นครั้งแรก แถมไม่ค่อยสนิท “ เมษพูดกับตัวเองในใจ

.

 

.

 

.

 

.

 

.

 

“ วันนี้คนไข้กับบ้านได้แล้วนะครับ ไข้ก็ลดลงมากเลยล่ะครับ........ถ้าไม่มีอะไรแล้วหมอขอตัวก่อนนะครับ “ คุณหมอในชุดกาวน์สีขาวบอกพวกเราเมื่อเสร็จธุระจึงเดินออกจากห้องตามด้วยนางพยาบาลอีกหนึ่งคนที่เป็นลูกมือช่วยคุณหมอ

 

“ เฮ้อ... “ ผมถอนหายใจ ผมโล่งใจ เหมือนยกภูเขาออกจากทรวงอก ต่อไปนี้เราจะได้ออกจากห้องอันแสนสุดน่าเบื่อสักที

“ ยังดีที่นายไม่เป็นอะไร “ ดีฟเอ่ย ผมหันไป จะพูดย้ำนักย้ำหนาทำไมวะ

“ นี่....เสื้อนาย “ ไอดีฟรูดซิปออกมาแล้วหยิบชุดของผมแล้วยื่นมาให้ผม ผมเดินไปรับแล้วเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำ

.

.

ผ่าง... ผมเปิดประตูเดินออกจากห้องน้ำเพื่อนให้อีกคนที่กำลังเล่นโทรศัพท์รู้ว่าผมเปลี่ยนชุดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไอดีฟหยุดเล่นแล้วเก็บโทรศัพท์

“ นี่ ไปกันเถอะ “ผมบอกมัน ดีฟพยักหน้าก่อนที่จะถือพวกกระเป๋าสัมภาระแทนผม แล้วพวกเราก็เดินออกจากห้องไป

        ลาก่อน ห้องสุดแสนน่าเบื่อ เฮ้อ รู้สึกสบายใจจังเมื่อได้ก้าวออกจากห้องนั่น การที่ผมป่วยมันก็ดีเหมือนกันแฮะ ได้ขนมฟรี มีคนถือกระให้โดยไม่ต้องมีค่าตอบแทน......

.

.

.

.

หญิงสาวในชุดเดรสสีหวานเดินออกจากห้องผู้ป่วยโดยมีชายร่างสูงใบหน้าหล่อเหลาเดินเคียงข้าง ผู้คนรอบข้างอาจเข้าใจไปว่าทั้งสองคนนี้เหมือนคนรักกัน แต่อันที่จริงแล้วไม่ใช่ พวกเขาไม่ใช่แฟนกันอย่างที่พวกผู้คนเหล่านั้นคิดไว้ เพียงแต่เป็นเพื่อนสมัยเด็กกันก็เท่านั้น หญิงสาวกลัดกลุ้มใจกับอาการป่วยของแม่ แม่ของเธอป่วยอย่างหนัก เธอไม่รู้จะทำอย่างไรดี เธอไม่อยากเสียใครไป เธอกังวลตลอดทางที่เดินมา

“ นี่ เมย์ ไม่สบายใจหรือหากมีเรื่องอะไรให้ฉันช่วยบอกฉันได้นะ ^_^“ ชายหนุ่มที่เดินข้างเธอบอก เขาหวังว่าเมย์จะคลายเครียดลงบ้าง เมย์รู้สึกโล่งอก เมย์รู้ว่าเขาอาจเป็นคนที่เธอพึ่งพาได้

“ อืม ขอบคุณนะ...” เธอบอกกับชายหนุ่มแล้วเดินต่อไป ชายหนุ่มเขาอยากให้เมย์หันมาสนใจเขา อยากให้เปิดใจคุยกับเขาอีกครั้งหลังจากที่ต้องบอกลาความรักเมื่อ 1 ปีที่ผ่านมา เธอนั้นจมปลักแต่ความหลัง แต่เขาก็ได้แต่มองเธออยู่ห่างๆ

                                                                       .

.

.

พวกเราค่อยๆเดินอย่างช้าๆ ผมนึกขึ้นได้บางอย่าง “ โทรศัพท์ “ ของผมยังไงล่ะครับ มันอยู่ไหน ผมหยุดเดินแล้วใช้มือทั้งล้วงทั้งคลำกระเป๋ากางเกง ปรากฏว่า มันหายไป ไอดีฟหยุดเดินแล้วหันมามองผม

“ นายหาไร เมษ “ ไอดีฟถามผม

“ โทรศัพท์ฉันหายไปไหนไม่รู้ “ ผมบอกอย่างร้อนใจ

“ อยู่กับฉัน “ ไอดีฟบอกผมด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ผมจึงหยุดกังวลแล้วเปลี่ยนมาแขวะมันแทน ไอดีฟ

“ แล้วทำไมไม่บอกฉันเล่า ฉันหาแทบตายเลยนะ ! >[ ]< “ ผมตะแผดเสียง

“ ก็ไม่รู้ “ ไอดีฟยักไหล่ ผมจึงเดินเข้าไปแล้วทุบไหล่และหน้าอกของมันอย่างหมั่นไส้

 

“ ตุบ ตุบ ตุบ ตุบ “เสียงหมัดเล็ดทุบไหล่และแผงอกกว้างจนเป็นจุดเด่นของคนแถวนั้น บ้างก็คิดว่าสองคนนี้เป็นแฟนกัน ดูน่ารักตามประสาคนรัก ร่างสูงยอมให้ร่างเล็กทุบตีตนเพราะชอบ ในชีวิตไม่เคยมีใครกล้ามาทำแบบนี้เหมือนเมษ

 

“ รู้สึกมีความสุขจัง เวลาคนทุบตี “ ดีฟคิด เขาแอบยิ้มให้กับร่างเล็กขณะที่ร่างเล็กกำลังทุบตีเขาอย่างหนัก เมษหยุดลงเพราะมือทั้งสองข้างต่างระบมเป็นรอยแดงไปหมดแล้ว

“ เฮ้อ เหนื่อย “ ผมบ่นออกมา ไอหมอนี่ !มันจะอึดไปถึงไหน โดนผมทำร้ายขนาดนี้แล้วยังปกติดี ไม่เป็นอะไร เจ็บใจนัก

“ แล้วจะทุบทำไม “ไอดีฟถามกลับ

“ เรื่องของฉันไม่ใช่เรื่องของนาย “ ผมใช้ประโยคที่ไอดีฟเคยย้อนผม ไอดีฟเขม็งตาใส่ผมเล็กน้อย

“ ย้อนฉันเหรอ “

“ เปล๊าาาา “ ผมตอบเสียงสูง กลบเกลื่อนเอา ดีฟเมื่อเห็นผมกวนมันเลยหยิกแก้มผมแรงๆ

“ โอ๊ย !! >[ ]< ซี้ด มึงรังแกคนป่วย “ ผมหลุดใช้คำหยาบ แต่ก็ไม่ได้ทำให้คนตรงหน้าตกใจหรือแปลกใจอะไรสักนิด

“ หัดพูดคำหยาบหรอ “

“ เออ กูพูดตั้งนานแล้ว “ ผมพูดพลางลูบแก้มข้างที่ไอดีฟมันหยิกผม   ผมรู้สึกว่าไอดีฟมันค่อยๆเปิดใจพูดกับผม ผมก็ไม่ได้ตั้งใจหรอกนะ มันบังเอิญ ตอนแรกผมนึกว่าไอดีฟมันจะเป็นคนเงียบขรึม ตัดขาดจากโลกภายนอก เอ้ย! นั่นก็เว่อร์เกินไป ไม่ถึงขนาดนั้น แต่พอเวลาผ่านไปผมก็รู้ว่าไอดีฟมันเป็นพวกที่ไม่ค่อยพูด ไม่ถึงกับเงียบขรึมตามในความคิดของผมหรอกมั้ง ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่อคติในใจผมมันเลือนหายไป

“ นี่ไปกันเถอะ “ ไอดีฟบอกผม

“ อื้ม “ ผมพยักหน้าไอดีฟก่อนที่ไอดีฟมันจะเดินนำผมแต่รอผม

  

         ดีฟเดินนำหน้าเมษแต่ก็ชะลอบ้างเพราะรู้ว่าเมษอาจเดินตามตนไม่ทัน ดีฟแอบยิ้มหวานอย่างมีความสุข หัวใจของเขาพองโตกับบทสนทนาเมื่อครู่มันอาจจะคล้ายกับบทสนทนาทั่วไปแต่แฝงไปด้วยความสุขข้างในของเขา   ช่วงเวลานี้อาจจะเป็นช่วงเวลาที่เขามีความสุขมากที่สุดก็ว่าได้

 

“ ดีฟ !!“ เสียงใสทัก ดีฟชะงักเท้าเพราะใครบางคนเรียกเขา เขาเบิกตากว้างก่อนจะกลับมาทำหน้าเฉยชาใส่เจ้าของเสียงใสนี้ เมษหยุดเดินตามเพราะเห็นร่างสูงที่นำตนหยุดลง เขาเดินเข้าหาดีฟว่าทำไมถึงหยุด

“นี่ หยุดทำไม....” ไม่ทันจะถามเสร็จ เมษก็ถูกตัดบทโดยเธอที่เรียกชื่อของดีฟ

“ ดีฟ ทำไมเด็กนั่น... “ เธอชี้นิ้วไปที่เมษอย่างไม่สบอารมณ์

“ ทำไม ? “ดีฟถามเธอ

“ เพราะเด็กนั่นใช่มั้ย ?...เพราะเด็กนั่นที่ทำให้เมษไม่หันกลับมามองเมย์ ... “ เธอถามเสียงสะอื้น

“ อาจจะใช่ “ ดีฟตอบก่อนจะพาร่างเล็กออกห่างจากที่นี่เพราะดูท่าจะไม่ดี..........

.

.

.

.

เธอกำหมัดแน่นจนเลือดซิบเมื่อได้ฟังประโยคนั้นจากปากของดีฟ คนรักเก่าของเธอ คนนั้นๆไม่เคยกลับหันมามองเธอแม้แต่น้อย เธอรู้ว่าเธอทำผิดไว้กับเขาอย่างมหันเกินจะกลับไปแก้ไขได้ เธอแค่อยากขอโอกาส  แต่มันพังทลายลงเมื่อได้รับประโยคนั่นจากร่างสูง

 

“ เพราะเด็กนั่นใช่มั้ย ?...เพราะเด็กนั่นที่ทำให้เมษไม่หันกลับมามองเมย์ ... “

“ อาจจะใช่ “

 

เมย์เมื่อได้รู้ว่าดีฟไม่เคยเสียใจมากเมื่อได้ฟังและเธอคิดแค้นมากเมื่อรู้อีกทีว่า ดีฟเปลี่ยนไปเพราะใคร ไม่กลับหันมามองเพราะใคร ความเสียใจภายใจจิตใจเธอกลับกลายเป็นไฟร้อนที่เต็มไปด้วยโทสะแทนที่เข้ามาแทน

 

“ เมย์ “ ชายหนุ่มข้างๆเธอที่เงียบตลอดทางดูเหมือนจะไร้ตัวตนในสายตาของเมย์ก็เอ่ยขึ้น

“ พิรุณ ฉันขอให้นายช่วยอะไรอะไรซักอย่างสิ “ เธอพูดด้วยแววตาพิโรธ

“ อะไรเหรอ “ พิรุณถามด้วยความไม่แน่ใจ ไม่รู้ว่าสิ่งที่เมยขอมันดีหรือไม่

 

“ ช่วยฉัน.......

.

 

.

 

.

 

.

 

.

 

กำจัดเด็กนั่นหน่อยสิ ! ! “

 

___________________________________________________________

เอาตอนใหม่มาฝากยามค่ำคืนนะคะ แหะๆ ตอนนี้ยาวไปหน่อย แต่ก็ปกติของรีดเดอร์นักอ่านทุกคนเนอะ คราวหน้าไรท์จะแต่งยาวๆแบบนี้อีกนะคะ แบบยาวแบบนี้จะได้สนุกกับนิยายเรื่องนี้นานๆหน่อย ไรท์รองกลับไปคิดทบทวน คิดว่า ตอนที่แล้วมามันสั้นไป เราอ่านไม่นานก็จบตอนแล้ว55555 จริงๆไม่รู้ไปคลั่งที่ไหนมา ถึงได้แต่งยาวแบบนี้รวดเดียววันเดียว ล่อซะ 20 หน้า ใน MS Word เลย และแรงบันดาลใจที่ทำให้ไรท์สามารถคิดตอนต่อไปของเรื่องนี้ก็คือ

-         จำนวนคนอ่านของนิยาย  แฟนคลับของไรท์รวมทั้งความคิดเห็น ถึงจะไม่มากก็ตามที และเวลาคิดไม่ออกก็จะดูซีรี่ย์เกาหลี เรื่อง Emergency Man And Womanแล้วไรท์จะคิดตาม ซีรี่ย์เรื่องนี้ช่วยได้มากเลยล่ะคะ

 

ช่วยเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ ฝากอ่านและติดตามต่อไปด้วยนะคะ

 

ขอบคุณค่ะ

 

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา