RabbiT เหยื่อ.รัก.ร้าย

8.7

เขียนโดย nooonaa

วันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2557 เวลา 18.01 น.

  22 บท
  24 วิจารณ์
  37.36K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 มกราคม พ.ศ. 2557 18.12 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

20) Little rabbiT 19 : ชื่อเหยื่อ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

By Nooonaa

Little rabbiT 19 : ชื่อเหยื่อ

+Little rabbiT+

'เราเป็นแฟนกันแล้วนะ...กระต่ายตัวน้อยของกู'

มันกำลังจะทำให้ผมบ้าตาย!

อื่ย!

ตอนนี้ผมกำลังนั่งคิดเรื่องบ้าบอนี้อยู่ครับ แล้วก็นั่งคิดมานานมากแล้วด้วย แต่ไม่รู้ทำไม ยิ่งนั่งคิดมันก็ยิ่งนั่งงงกับเรื่องที่เกิดขึ้น

ก็เหมือนอีกคนใช้วิกฤตให้เป็นโอกาส...ที่จะเอาชนะผม

แต่ผมไม่ยอมรับหรอก...คนนิสัยไม่ดีแบบนั้น เอาเปรียบกันได้ตลอดเวลาจริง ดูอย่างตอนนี้สิครับ...

"ทำไมมึงไม่เลิกทำงานวะหะ" แถมยังบ้าอำนาจและชอบบังคับเหมือนเดิม ผมไปทำอะไรให้พี่รู้สึกเหมือนจะขาดใจรึไง กะอีแค่มาทำงานพิเศษเนี่ย

มันไม่ตายหรอกน่า ก็อีแค่งานพิเศษน่ะ แล้วที่สำคัญ...ผมต้องใช้เงินนะ ไม่ได้มีใช้เหลือเฝืออย่างพี่นี่

แต่เอาเถอะ...ถึงพี่จะบ่นยังไง ผมก็ไม่สนหรอก ยังไงผมก็จะทำ แล้วถ้าห้ามมากๆ ผมก็แค่ตีหน้าเศร้าพร้อมกับกัดริมฝีปากล่างเบาๆ เท่านั้นมันก็จบ

"เออๆ กูให้เวลามึงแค่หนึ่งชั่วโมงนะ"

นั่นไง...จบจริงๆ

เห้อ ก็ได้ๆ แค่หนึ่งชั่วโมงก็ยังดี ดีกว่าพี่มันบังคับไม่ให้ทำเลย เพราะวันนี้พี่นายบอกกับผมว่ามีงานด่วน ต้องรีบจัดให้เสร็จภายในคืนนี้ ดังนั้นผมก็หวังว่า...ไอ้ชั่วโมงหนึ่งนี้มันก็คงช่วยได้มากก็น้อยและนะ

ผมเลยยิ้มรับพี่ฟินย์เล็กน้อยก่อนจะขยับแว่นอันหนาของตัวเองให้เข้าที่ พร้อมกับรับหนังสือเล่มโตที่ยืมพี่นายมาจากพี่ฟินย์ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้เปิดประตูร้านเข้าไป มือหนาก็ตรงเข้ามาคว้าไหล่ผมพร้อมกับพลิกให้หันไปรับจูบของตัวเอง

"อื่อ!"

ลิ้นร้อนพยายามชอนไชไปทั่วหลังจากที่ทำให้ผมปากออกได้ ก่อนที่ความหวานมันจะมาพร้อมน้ำน้ำเชื่อมที่ตอนนี้มันกำลังผสมกับของผมปนเปไปหมด แถมยังส่งมือร้อนๆมาคลึงต้นคอให้ผมรู้สึกหมดแรงยิ่งกว่าเดิมอีก แต่พออีกฝ่ายรู้ว่าผมกำเคลิ้ม...เจ้าตัวก็รีบปล่อยคำแปลกๆใส่ผมทันที

"ชั่วโมงเดียวของมึง...มันก็ทำให้กูเหงาได้นะ"

อ่า! แย่แล้ว!

พรึบ!

นี่คือการอ้อนของพี่ฟินย์ใช่มั้ย! ทำไมถึงมาเล่นบ้าๆกับผมแบบนี้

"ซาร์ ซาร์” เสียงเรียกยังคงดังก้องไปทั่วประสาทหู แต่สติมันยังคงนิ่งสนิท ไม่สามารถรับรู้อะไรได้ จนอีกฝ่ายเริ่มดันผมให้ชิดพนังห้อง

“ถึงปากมึงจะยอมรับกูว่าเป็นแฟน แต่ใจมึงก็ยังกลัวกูอยู่สินะ” พะ พี่พูดเรื่องอะไรกัน...ใครมันจะคิดเรื่องแบบนั้น

ถึงมันจะเป็นเรื่องจริงก็เถอะ

ก็ดูสิ่งที่พี่ทำกับผมสิ มันน่าให้อภัยไหมล่ะ

“......” แต่ผมไม่ยอมพูดหรือตอบอะไรออกไป เอาแต่หันหน้าหนีจนอีกฝ่ายต้องถอนหายใจออกพร้อมกับเบือนหน้าหนีผมไปอีกทาง

“เอาเถอะ...เจอกันอีกหนึ่งชั่วโมงล่ะกัน” เสียงทุ้มนั้นดูเบื่อหน่ายผมเต็มทน แต่ผมก็ไม่สนใจ ทำเพียงแค่ดันอกหนาให้ออกห่าง ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องทำงานของพี่นาย

ที่จริงแค่นี้มันก็น้อยด้วยซ้ำ ถ้าผมทนได้ พี่ก็ต้องทนได้ ดังนั้น...อย่ามาเรียกร้องอะไรจากผมอีก ผมเจ็บมาพอแล้ว

"สวัสดีครับพี่นาย..." ผมส่งเสียงทักเจ้าของร้านทันทีที่เปิดประตูเข้าไปได้ โดยไม่คิดสนใจใครบางคนที่ยืนมองอยู่ข้างหลัง แต่พอผมกวาดตามองไปทางร่างสูงโปร่งของเจ้านายผม ผมกลับผมเด็กผู้หญิงที่มีลักษณะเหมือนทอมเกินเหตุ เธอมองผมต้องแต่หัวจรดเท้าก่อนจะหยุดที่ข้างตัวผมทื่อหนังสือเล่มโตอยู่ ผมเองก็มองตามก่อนจะหันไปมองหน้าหล่อนอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เจ้าหล่อนทำสีหน้าเหมือนจะอ้วก พร้อมกับโก่งคอทำท่าจะขย่อนของข้างในออกมา

เป็นอะไรของเขาน่ะ

"มาแล้วหรอซาร์ รีบไปเปลี่ยนชุดแล้วมาช่วยพี่เร็ว" แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ถาม พี่นายก็สั่งให้ผมไปเปลี่ยนชุด แต่ผมก็หาได้สนใจ เพราะตอนนี้ผมกำลังสนใจใบหน้าน่ารักนั่นต่างหาก

เธอน่ารักมากจริงๆนะครับ น่าทะนุถนอมมากๆด้วยเหมือนกัน

"อะ แล้วนี่ใครครับ" ผมชี้ไปทางเจ้าหล่อนอย่างไม่เกรงใจ พี่นายเองก็คงนึกได้ เลยร้องเสียงหลงพร้อมกับแนะนำอีกคนให้รู้จัก

"ลืมเลย นี่คือคุณเธอ เขาจะมาทำงานที่นี่ตั้งแต่วันนี้"

ทำงาน?

มาทำแทนผมงั้นหรอ?

"ฉันชื่อคุณเธอนะ" แต่แล้วสิ่งที่ผมคิดก็หายวาบไปกับตา เพียงแค่เสียงหวานนั้นเอ่ยแนะนำตัวเองพลางยิ้มหวานให้อีกด้วย ความสงสัยของผมเลยหายไป แล้วถูกแทนที่ด้วยอาการที่อยากจะรู้จักกับอีกฝ่ายแทน

"ผมชื่อซาร์ครับ เราเป็นเพื่อนกันนะ"

ผมง่ายไปมั้ย....แต่เธอน่ารักมากๆเลยนะ

"เป็นสิ ...." แล้วเธอก็ตอบรับผมกลับมาอย่างเป็นมิตรหลังจากที่อึ้งไปสักพัก มันเลยทำให้ความอึดอัดที่เคยมีนั้นหายไป ก่อนจะมีบรรยากาศของความเป็นเพื่อนเข้ามาแทน

"เข้ากันดีจังนะ แต่พี่นี่เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว มาช่วยกันเร็ว!" อยู่ๆเสียงนุ่มนั้นก็ดุพวกเราเบาๆ ถึงมันจะไม่น่ากลัวแต่ผมก็ตกใจที่ได้ยินแบบนั้น เลยรีบไปวางกระเป๋าแล้วเข้าไปช่วยอีกแรง แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้จับอุปกรณ์ พี่นายก็เริ่มทำให้ผมจนมุมอีกแล้ว

"ซาร์ แฟนนายมามั้ยวันนี้"

พี่นาย! พูดอะไรน่ะ!

"เขาไม่ใช่แฟนผมสักหน่อย" ให้ตายเถอะ ทำไมห้องนี้มันร้อนจัง

"ปากแข็งตลอด แต่มารอรับรอส่งทุกวัน ไม่เป็นก็เหมือนเป็นนั่นแหละ" มันอาจจะไม่ใช่แบบที่พี่คิดก็ได้นะ บางทีมันอาจจะเป็นเพราะพี่เขายังแก้แค้นผมไม่เสร็จ

แต่ถ้าพี่ฟินย์เขาคิดว่าผมเป็นแฟนจริงๆแล้วล่ะก็...อ๊ะ!

ไม่มีทางหรอก...คนใจร้ายขนาดนั้น คิดถึงแต่ผู้หญิงคนนั้นเดียวแน่...มันคงไม่มีโอกาสที่สมองจะแบ่งมาให้ผมสักเซี้ยวหนึ่ง

ไม่มีทาง

"ไม่ใช่สักหน่อย พี่นายน่ะมั่ว!"

"แหมๆ ทำเป็นว่าพี่นะ แต่เขานั่งรออยู่ใช่มั้ยล่ะ" มันก็ใช่อะนะ แต่มันอาจจะไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นห่วงผมสักหน่อย

"ครับ ผมให้กลับก็ไม่กลับ กลัวผมหนีมั้ง" ตั้งแต่วันที่ผมหนีกลับบ้าน พี่เขาก็ไม่เคยปล่อยผมให้ห่างสายตาเลย คงกลัวว่าผมจะกลับไปหาพี่จีนมั้ง

"ขี้หวงซะด้วยแหะ ดีแล้วๆ"

หวงหรือบ้าอำนาจ

มันค่อนข้างจะแตกต่างกันนะพี่นาย ระหว่างสองคำนี้ของผมน่ะ

"ดีตรงไหน ผมพูดอะไรไม่เคยฟังผมเลย แถมชอบบังคับให้ผมทำนู้นทำนี่อีก" ยิ่งต่อต้าน ยิ่งรุนแรง ไม่เคยจะเอาใจผมเลยสักครั้ง

เห้อ...เมื่อไหร่จะรักผมจริงๆจังสักทีนะ รักแบบที่พี่รักเธอคนนั้นน่ะพี่ฟินย์...ผมอยากได้แบบนั้น ไม่ใช่มาทำเหมือนผมเป็นแค่ของชิ้นๆหนึ่งของพี่ ที่ตอนนี้พี่ยังไม่เบื่อ...และยังไม่ชนะใครอีกคน

ใครอีกครนั้นที่รักผมจริงๆ...อย่างพี่จีน

เห้อ...แต่มันคงยากอีกนั่นแหละ

"บ่นอยู่นั่นแหละ ถ้าวันหนึ่งเขาไปแล้วจะเหงา"

เหงา?

ทำไมมันสะกิดที่หัวใจจนเจ็บแบบนี้นะ ไม่ไหวหรอกถ้าต้องเจอแบบนี้ ยังไงผมก็ทนไม่ได้หรอก ผมไม่ได้เก่งและแข็งแรงขนาดนั้น ผมมันก็แค่กระต่ายขี้ขลาดดีๆเลยนะ...ความจริงน่ะ

"ไปได้ก็ดี ผมจะบ้าตายเพราะเขาอยู่แล้ว" แต่ก็ต้องจำใจพูดออกไปแบบนั้น ทำตัวแข็งแกร่งเพื่อป่าวประกาศว่าตัวเองแข็งแรงดี แต่ความจริงแล้วมันก็อ่อนปวกเปียกจนน่าสมเพช

ทำไมมันถึงยากขนาดนี้กันนะ

"ทำเป็นพูดดีไป เออ...คุณเธอ นายช่วยออกไปเฝ้าหน้าร้านหน่อยสิ เดี๋ยวให้ซาร์ช่วยในนี้เอง" พี่นายเตือนผมอย่างเป็นห่วงอีกครั้ง ก่อนจะบอกให้คุณเธอให้ออกไปเฝ้าร้าน พี่นายคงจะเห็นว่าหน้าผมนั้นเริ่มไม่สู้ดีแล้ว

อ่า...ยากซะแล้วสิ

"คุณเธอ..."

"มาอยู่นี่ได้ไง!!!" แต่แล้วผมก็ได้ยินคุณเธอร้องเสียงหลงเหมือนตกใจอะไรบางอย่าง ผมกับพี่นายต่างก็มองหน้ากันก่อนจะหันไปมองที่ประตู แต่แล้วเสียงนั้นก็ดูจะเงียบไป ผมเลยเดินไปดูที่ประตูด้วยความสงสัย ก็พบว่าร่างบางกำลังคุยกับพี่ฟินย์ด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ แถมยังตอบอึกอักอีกด้วย พี่ฟินย์เองก็เอาแต่มองใบหน้าน่ารักนั้นจนผมรู้สึกแปลกๆ

พี่คงไม่ได้มองเพราะพี่...ชอบหรอกนะ

ไม่เอานะ...แบบนั้นน่ะ

แต่แล้วดูเหมือนตาคมจะเห็นผมที่แอบดูอยู่ที่ประตู ใบหน้าหล่อเลยหันมาพูดกับผมด้วยน้ำเสียงเข้ม เหมือนกำลังเปลี่ยนเรื่อง..ไม่ให้ผมรู้อะไรบางอย่าง

ทำไมล่ะครับ...พวกพี่มีอะไรกัน ทำไมผมถึงรู้ไม่ได้

"ซาร์! มันจะชั่วโมงหนึ่งแล้วนะ กลับบ้าน!"

"ผมยังทำงานไม่เสร็จเลย พี่กลับไปก่อนสิครับ" ผมตอบกลับด้วยน้ำเสียงน้อยใจกับสิ่งที่ผมเห็น ถึงมันจะไม่ใช่ความจริง...แต่มันก็ยังรู้สึกน้อยใจอยู่ดี โดยที่ไม่ต้องบอกก็คงจะรู้ว่าหน้าผมนั้นคงจะบึ้งตึงตามไปด้วยแล้ว ทั้งๆที่ลึกๆแล้ว..ผมก็กลัวที่จะโดนอีกคนดุที่กล้าทำกิริยาแบบนี้

แต่ผมแกล้งตีหน้ายิ้มตอนนี้ไม่ไหวหรอกนะ...ผมปวดใจจริงๆ

"กูบอกให้มึงกลับ!" ทำไมต้องดุกันด้วย นี่พี่มีอะไรปิดบังผมงั้นหรอ! ถึงอยากให้ผมกลับนัก!

"ผมไม่กลับ"

ผมไม่อยากจะกลับไปกับคนคนนิสัยไม่ดี! คนเจ้าชู้! จีบสาวไม่เลือกแบบพี่หรอก!

"ไอ้ซาร์ พูดไม่ฟังนะมึง ส่วนมึงน่ะกูจ้างให้ไล่คนของกูออกไงวะ เมื่อไหร่มันจะออกสักที" นี่! ทำไมต้องลามปามไปถึงพี่นายด้วย นี่พี่กำลังหนีความผิดอยู่ใช่มั้ย!

นิสัยไม่ดี!

"พี่ฟินย์! ทำไมถึงทำแบบนี้ละครับ ยังไงผมก็ไม่ออก พี่จะไปไหนก็ไปเลย"

คนเอาแต่ใจ!

"กูบอกให้มึงนั่งอยู่เฉยๆไงวะ จะมาทำงานให้เหนื่อยทำไม" นี่พี่พยายามหาเรื่องผมใช่มั้ย!

"ผมต้องใช้เงินนะ ไม่ได้มีเงินเหลือเฟือแบบพี่นี่"

"ซาร์ นายกลับไปเถอะ พี่ทำคนเดียวได้" สุดท้ายพี่นายก็ช่วยตัดปัญหาให้ผม พี่เขาคงจะรำคาญ เลยพยายามช่วยแก้ปัญหาให้ แต่ผมไม่ต้องการ!

"ไม่เอา ผมจะช่วยพี่ เห้ย!" ผมเลยหันไปบอกพี่นายเสียงแข็ง แต่นั่นคงจะเป็นตัวจุดชนวนให้อีกฝ่ายเริ่มทนไม่ไหว เพราะทันทีที่ผมพูดจบ ต้นแขนใหญ่ก็ตรงเข้ามาอุ้มผมขึ้นบ่าโดยไม่พุดพร่ำทำเพลงอะไรเลย ก่อนจับผมยัดใส่รถคันหรูของตัวเอง และดูเหมือนความน้อยใจของผมจะมีมากกว่าสิ่งใด เพราะทันทีที่ผมเป็นอิสระ ผมก็จัดการอาละวาดใส่อีกคนด้วยการขึ้นเสียงทันที

“หยุดนะพี่ฟินย์!”

“นี่มึง!”

“ทำไม! พี่จะทำไมกับผม!” ผมปัดมือใหญ่ที่หมายจะเข้ามาจับ จนเจ้าของมือต้องชะงักมือตัวเองไว้ ผมเลยใช้โอกาสนั้นเบี่ยงตัวหนีแล้วไปนั่งที่เบาะด้านหลังคนเดียว

ผมไม่ได้ตั้งใจจะเป็นคนขี้น้อยใจหรือเอาแต่ใจแบบนี้นะ แต่ดูสิ่งที่เขาทำสิ ทำมาเป็นมีลับลมคมในไปหมด บางทีผมก็จนปัญญานะ

"มึงมาโกรธอะไรกูเนี่ย"

ยังจะมาถามอีก!

"...." แต่ผมควรจะเงียบดีกว่า เพราะยิ่งผมพูด...มันก็ดูงี่เง่า

ซึ่งผมไม่ต้องการให้ใครมามองผมแบบนั้น และผมก็ไม่อยากดูเป็นตัวตลกในสายตาใครตอนนี้ด้วย

"คิดมากอีกแล้วใช่มั้ย เห้อ...ไหนบอกกูมาสิ คราวนี้เรื่องอะไร" ร่างสูงเอ่ยเสียงเบาก่อนจะเข้ามานั่งเบาะข้างหลังข้างๆผม แต่ผมก็เอาแต่นั่งนิ่งแถมยังหันหน้าหนีไปอีกทางด้วย

"........" ก็ผมไม่อยากจะคุยกับเขาตอนนี้นี่

"ซาร์...บางทีผู้ชายมันก็โง่ในเรื่องแบบนี้นะ แล้วกูก็เป็นผู้ชาย ถ้ามึงไม่บอกแล้วกูจะรู้มั้ย และยิ่งมึงไม่พูดแล้วกูจะเลิกทำในสิ่งที่มึงไม่ชอบได้งั้นหรอ" อยู่ๆพี่ฟินย์ก็พูดขึ้นมา แต่มันทำให้ผมรู้สึกถึงความจริงจังของอีกฝ่าย ผมเลยยอมที่จะหันไปหาก่อนที่มือใหญ่จะคว้าเอวผมให้ขึ้นไปนั่งคร่อมตักทันที

"ถ้ามึงชอบมึงก็บอก...ไม่ชอบก็บอก ยังไงกูก็ทำให้มึงอยู่แล้ว" ว่าเสร็จฝ่ามือใหญ่ก็ตรงเข้ามาประกบแก้มผมทั้งสองข้างก่อนจะดึงให้เข้ามาใกล้หน้าตัวเอง

"เข้าใจมั้ยครับ"

ฉ่า!

ไม่นะ! นี่พี่พูด ‘ครับ’ กับผมงั้นหรอ!

"อ๊ะ!"

ไม่ไหวหรอก!

อยู่ๆร่างกายผมก็หมดแรง มันเล่นเอาล้มทับอกแกร่งอย่างไม่ได้ตั้งใจก่อนที่อีกฝ่ายจะค่อยๆกระชับผมให้เข้ามาชิดพร้อมกับจับท่าให้ผมพิงไหล่ตัวเองในท่าที่สบายๆ

“ตกลงว่ามึงงอนกูเรื่องอะไรเนี่ย” และแล้วพี่ฟินย์ก็ถามผมอีกครั้ง ผมเองก็ชั่งใจเล็กน้อยที่จะตอบ เพราะยังติดอยู่ในใจ...ที่กลัวว่าอีกฝ่ายจะหาว่าผมงี่เง่า

“ว่ามาสิ...จะเงียบทำไม.

จะบอกหรือไม่บอกดีกันเนี่ย...ถ้าไม่บอกเรื่องก็ดูเหมือนจะไม่จบ แต่ถ้าบอก...ตัวเองก็จะเสียหน้า

แต่เอาเถอะซาร์...บอกไปก่อน แล้วค่อยว่ากันทีหลัง

“ทำไมพี่ต้องมองคุณเธอแบบนั้นด้วย ทำไมต้องมองใบหน้าน่ารักจนอีกฝ่ายแก้มแดง...ทำไมกัน พี่ฟินย์”

“หึๆ” แต่แล้วอีกฝ่ายกลับหัวเราะในลำคอเบาๆพร้อมกับส่ายหน้าอย่างขบขัน มันเล่นเอาหน้าผมเริ่มร้อนเพราะความอาย ก่อนที่อ้อมแขนแกร่งจะกระชับให้ตัวผมให้แนบชิดกับอีกฝ่ายมากขึ้น

“มึงได้ยินที่พวกกูฟังกันมั้ย”

หืม?

“มะ ไม่ครับ” ผมตอบอึกอัก เพราะเริ่มรู้สึกแปลกๆที่อีกฝ่ายถามแบบนั้น แต่พี่ฟินย์กลับขำอีกครั้งก่อนจะเอานิ้วเรียวยาวของตัวเอง...มาดึงแว่นผมออกจากหน้าผมช้าๆ พร้อมกับกดจูบลงมาบนริมฝีปากผมหนักๆ

“อื่อ!...”

“หึๆ” ยังจะมาขำอีก!

ทำไมชอบแกล้งผมนัก

“พี่ฟินย์...ผมเครียดนะ พี่จะให้ผมทำยังไง พี่ถึงจะมีผมคนเดียวสักที” ขนาดผู้หญิงคนนั้น...พี่ก็รัก แล้วพี่ก็ยังมีใครหลายๆคนเข้ามาอีก แบบนี้ผมก็ไม่ไหวหรอก มันมากเกินไป

“แล้วใครว่ากูไม่มีมึงคนเดียว” พี่ฟินย์เลิกคิ้วถามผมด้วยสีหน้าที่กลับมานิ่งเหมือนเดิม ผมเลยต้องหลบสายตาคู่นั้นลง เพราะมันไม่มีใครที่มาบอกผม...แต่ผมคิดไปเอง

“ก็ผมเห็นแบบนั้นนิ”

“เป็นเด็กที่คิดมากจริงๆสินะ” และแล้วร่างสูงก็ถอนหายใจออกยาว ก่อนจะดันผมลงจากตัก โดยที่เจ้าตัวเองก็ไม่พูดอะไรออกมาเลยสักคำ

“พี่ฟินย์....” ผมเรียกอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกสับสนผสมกับความกลัว แต่ก็ถูกเมิน ผมเลยรีบสวมแว่นกลับคืนพร้อมเดินกลับไปที่นั่งข้างคนขับเหมือนเดิม ก่อนที่รถของเราจะค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากหน้าร้านพี่นาย

ตลอดทางมันอึมครึมซะน่าปวดหัว ผมเองก็กลัวว่าถ้าผมพูดอะไรไปอีก อาจจะทำให้พี่ฟินย์โมโหก็ได้ เลยเลือกที่จะเงียบ...ทั้งๆที่ผมนั้นเป็นฝ่ายถูกกระทำ แต่มันไม่มีทางเลือกนี่

นี่ผมกลายเป็นคนผิดไปแล้วหรือเนี่ย ทั้งๆที่เมื่อกี้...ผมยังคุมเกมอยู่เลย

หลังจากที่ฝ่ารถติดมาได้ พี่ฟินย์ก็เลี้ยวเข้าไปในร้านๆหนึ่งที่ดูเหมือนร้านเสื้อผ้าผู้หญิงราคาแพง ผมมองเข้าไปข้างในที่ยังคงถูกเปิดไฟอยู่ไม่กี่ดวง ก่อนที่อีกคนจะเดินอ้อมไปเอาของที่กระโปรงหลังรถ ผมเองก็มองตามจนเห็นมือใหญ่หยิบกระเป๋าอุปกรณ์ที่คุ้นตาออกมา ก่อนจะพาผมลงรถและเข้าไปในร้านด้วยกัน

‘BLISS’

“มาทำอะไรที่นี่ครับ” ห้องเสื้อ ‘BLISS’ งั้นหรอ นี่มันห้องเสื้อของพวกพี่ฟินย์เขานี่ นี่พี่เขาพาผมมาที่ร้านของเขางั้นหรอ

“มาหาเพื่อนและก็ทำธุระ” คงมาทำงานมั้ง

“ผมทำให้พี่เสียเวลารึป่าว” เพราะพี่ต้องมานั่งเฝ้าผมทุกวัน ทำให้พี่เสียเวลาที่มีประโยชน์ของพี่ แต่ผมก็ไม่ได้ขอร้องสักหน่อย พี่ทำของพี่เองนะ

“ไม่ เห้อ...คิดมากอีกและมึง” ว่าเสร็จ...พี่เขาก็เข้ามากอดคอพร้อมกับลูบแขนผมเบาๆเหมือนให้เลิกคิด ผมเองก็รู้สึกดีขึ้นแต่ก็ยังตะหงิดๆอยู่ แต่ก็ไม่พยายามคิดเพราะผมไม่ได้ผิด พี่ฟินย์เลยพาขึ้นไปที่ชั้นสอง...ที่มีใครบางคนนั่งประดิษฐ์อะไรสักอย่างอยู่ที่โต๊ะตัวใหญ่กลางห้อง

สร้อยคอ

สุดยอด...นี่พวกพี่ทำด้วยมือกันหรอเนี่ย

“อ่าว...ว่าไงมึง แล้วนั่น...ใครกันวะ” พี่ทิวเองครับ...พี่เขาทักทันทีที่ราสองคนเปิดประตูเข้ามา แต่พอเห็นหน้าผมเท่านั้นแหละ...ก็ขมวดคิ้วถามทันที แถมยังมองตั้งแต่หัวจรดเท้าอีก ผมเลยเดินไปหลบหลังพี่ฟินย์อย่างกล้าๆกลัวๆพร้อมกับเกาะเสื้อนักศึกษาอีกคนแน่น

พี่เขามองผมได้น่ากลัวมาก...เหมือนจับผิดอะไรสักอย่าง แต่ว่า...พี่ทิวจำผมไม่ได้หรอ นี่ผมเปลี่ยนไปมากเลยรึไง ใครๆถึงจำผมไม่ได้

“นี่ซาร์ไง...มึงจำไม่ได้รึไง” ใช่ๆ...แค่ผมไม่ได้แต่งตัว ไม่ได้ใส่คอนแทคเลนล์ ใส่แว่นหน่ๆอันเดิม ไม่ได้ทาแป้งและก็ไม่ได้เซตผมตามที่พี่ฟินย์สั่งเท่านั้นเองนะ

“ซาร์....อ้อ! เด็กมึงคนนั้นอะนะ เห้ย! จริงดิ....ทำไมเปลี่ยนไปมากขนาดนี้วะ กูจำแทบไม่ได้”

จริงหรอ...อย่าอำผมน่า

“อย่ามากไปหน่อยเลยมึง” พี่ฟินย์ดุใส่อีกคนเสียงเขียวเนื่องจากพูดเว่อเกินจริง แต่พี่ทิวก็ยังไม่ลดละที่จะยืนยัน

“ก็เรื่องจริงนี่หว่า...นี่ถ้าเป็นไอ้กวางที่ไม่สนห่าใครเลยยิ่งเข้าไปใหญ่ เชื่อดิ...กูพนัน มันยังจำชื่อน้องเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับลุคที่เปลี่ยนขนาดนี้” หือ...เห็นภาพเลยอะพี่ทิว นี่ตกลงว่าผมเปลี่ยนจากหลังมือเป็นหน้ามือเห็นเลย หรือว่าพี่กวางนี่ไม่สนโลกจริงๆ เจอกันต้องหลายครั้ง แถมยังเคยแกล้งผมที่บ้านด้วย แต่กลับจำกันไม่ได้เนี่ยนะ

เป็นคนแบบไหนกันนะ...พวกพี่ๆเนี่ย

“หึ กูก็ว่างั้น” แล้วพี่ฟินย์ก็ขำในลำคอพร้อมกับส่ายหัวเบาๆ เหมือนกับว่าสิ่งที่อีกคนพูดนั้น พี่เขานึกภาพออกหมด

“แล้วมึงมีอะไรวะ กลับมาอีกทำไม” พออีกฝ่ายถาม...ร่างสูงก็เอากระเป๋าที่ถือมา มาวางลงบน ก่อนจะดันไปที่หน้าของอีกฝ่าย

“สักลายให้กูหน่อย”

เอ๋...สักลายหรอ

“สักอะไรวะ มึงชอบแต่จะสักให้คนอื่น ไม่เคยเห็นมึงคิดอยากจะให้คนอื่นสัก สมองกลับรึไงมึง” พี่ทิวว่าอีกคนด้วยอารมณ์ขบขัน แต่อีกฝ่ายกลับเปิดกระเป๋าออกก่อนจะหยิบเข็มและน้ำหมึกออกมาว่างไว้ตรงหน้าพี่ทิว

“เร็วๆ ซาร์ยังไม่ได้กินข้าว” เสียงดุนั้นเร่งให้อีกคนรู้ว่าพี่มันจริงจัง แต่มันกลับเล่นผมรู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาซะดื้อที่ถูกอีกคนเป็นห่วง พี่ทิวแลยรีบวิ่งไปล้างมือ...ก่อนจะมานั่งลงตรงหน้าอุปกรณ์สักที่อีกคนจัดเตรียมไว้ให้

“มาอารมณ์ไหนวะ น่ากลัวจริงๆเลยมึงเนี่ย”พี่มันบ่นอุบจนผมอึดขำไม่ได้ ผมนึกว่าจะมีแค่ผมที่รู้สึก แต่มันก็ไม่เว้นแม้แต่เพื่อนสนิทตัวเอง

“แล้วจะให้สักอะไร...เอาแบบมาดู” ว่าเสร็จ...มือใหญ่ก็หยิบแต่หมึกสีดำมาเปิดฝาก่อนที่มือใหญ่ของพี่ฟินย์จะค่อยๆถอดเสื้อตัวเองออก เผยร่างกายกำยำที่ผมชอบสู่สายตาทุกคน

มีเสน่ห์จัง

“แต่กูขอเตือน...กูเล่นสีแบบมึงไม่ได้นะเว้ย” ผมเห็นแบบนั้นก็พอเข้าใจว่าพี่ทิวหมายถึงอะไร แต่นี่พวกพี่สักกันเป็นหมดเลยหรอ นึกว่าพี่ฟินย์จะโรคจิตชอบสักคนเดียวซะอีก

“อืม” พอทุกอย่างเริ่มเข้าที่ ผมก็ทำท่าจะเดินไปนั่งรออีกคนที่โซฟาอีกด้าน แต่มือใหญ่กลับคว้าเอวผมไว้แล้วสั่งให้ผมยืนอยู่ตรงนั้น

“จะไปไหน...อยู่นี่แหละ” ผมเอียงคอสงสัยเล็กน้อยตามนิสัย แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร แต่พอพี่ฟินย์ตอบคำถามช่างสักอีกคนเท่านั้นแหละ ผมนี่ช็อกค้างกลางอากาศไปแปดวันเลยครับ

“ตกลงจะสักอะไร”

“สักชื่อแฟนกู... ‘ซาร์’…”

อึก!

อะไรนะ!

“พี่ฟินย์!”

“เห้ย! นี่มึงจะเอาจริวหรอวะ”

“ใช่ พี่จะทำแบบนั้นไปทำไม” ผมไม่เข้าใจจริงๆ พี่จะสักชื่อผมลงไปทำไม มันไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นหรอกนะ

“มึงจะได้เลิกคิดมากซะที...ไม่ดีรึไง” พี่ฟินย์เลิกคิ้วถามผมกลับ เล่นเอาผมสตั๊นไปสามวิ นิ้วเรียวยาวเลยเชยคางผมขึ้น...ให้รอรับจูบอันผ่าวเบาของตัวเอง

“กูเครียดว่ะ...เวลาเห็นมึงคิดว่ากูจะมีใคร ทำแบบนี้แหละดี กูจะได้เลิกเครียดสักที” ถึงพี่เขาจะพูดเหมือนทำเพื่อตัวเอง แต่ลึกๆแล้วก็ทำเพื่อผมอยู่ดี เพราะผมรู้ว่าพี่ฟินย์เป็นปากหนัก แถมไม่เคยพูดอะไรดีๆกับผมเลย ออกจะเย็นชาเสียด้วยซ้ำไป เหตุการณ์ครั้งนี้...ผมเลยรู้สึกว่าตัวเองนั้นมีความสำคัญสำหรับพี่เขาบ้าง

“ขะ ขอบคุณ ฮึกๆ นะครับ...”

“อ่าวเห้ยไอ้เหี้ย! มึงทำน้องเขาร้องทำไมเนี่ย!”

ผะ ผมร้องไห้หรอ...ไม่นะ ผมแค่ดีใจเท่านั้น แล้วทำไมน้ำตาผมถึงไหลได้ล่ะ

“ร้องทำไมวะ...มันจะมีสักเรื่องไหมที่มึงจะไม่ร้องกับสิ่งที่กูทำเนี่ย หยุดร้องเลยมึง...กูไม่ชอบ” ยิ่งพี่ฟินย์ดุ ผมก็ยิ่งร้องหนัก จนอีกฝ่ายต้องคว้าร่างผมทั้งร่างมากอดแทบจมอก แถมยังคอยลูบหัวปลอบให้หยุดสะอื้น

“กะ ก็ ก็ ฮึกๆ ผมหยุด ฮึก มะไม่ได้นี่ ฮื่อๆ ...ก็ๆมันดีใจนี่นา ฮื่อ...”

“โอเคๆ พอๆ หยุดร้องสักที ถ้าเสร็จช้า...มึงก็ได้เห็นมันช้าด้วยนะ”

“ขอเสนอมึงนี่น่าเร้าใจมากเนอะ” แล้วพวกเราก็ถูกอีกคนที่นั่งดูอยู่แซ่วจนได้ หน้าผมเองก็เริ่มแดงเพราะรู้สึกเขินที่มาเป่าปี่ต่อหน้าคนอื่น เลยรีบปาดน้ำตาทิ้ง แต่ปาดเท่าไหร่มันก็ไม่หมด พี่ฟินย์เลยจับมือผมให้หยุดเช็ด ก่อนที่ตัวเองจะหยิบผ้าเช็ดหน้าสีเทาสวยออกมาจากกระเป๋าเสื้อตัเอง แล้วค่อยๆซับน้ำตาให้

“เลิกร้องได้แล้ว เดี๋ยวก็ปวดหัวหรอก”

“อื่อๆ มะ ไม่ร้อง ฮึกๆ แล้ว...” ผมรับคำพี่เขาไว้พลางส่งยิ้มซะปากแทบฉีก ใบหน้าหล่อเองก็ไม่มีท่าทีอะไร ทำเพียงแค่มองหน้าผมนิ่งๆ แต่ก็ยังมิวายก้มลงหอมแก้มผมหนักๆงสองข้าง

ฟอด! ฟอด!

“สัด! น่ารักฉิบหาย!”

“หือ...วะ ว่า ฮึกๆ อะไรนะครับ...” ผมถามกลับเมื่อประโยคที่พี่ฟินย์พูดเมื่อกี้มันเบาจนผมไม่ได้ยินอะไรเลย แต่ใบหน้าเย็นชานั้นกลับนิ่งไม่พูดอะไรอีก ก่อนจะหันมาสั่งอีกคนที่มองหน้าผมอยู่

“มองแฟนกูทำเหี้ยไร! สัก..สักที่สิวะ!” แล้วปลายฝ่ามือใหญ่ก็ผลักหัวพี่ทิวจนเกือบหงายหลัง ผมทิวนี่วีนแตกเลยครับ แทบจะกระโดดกัดคอ แต่โชคยังดีที่สายตาพี่ฟินย์เขาดุเดือดจริง พี่ทิวเลยทำได้แค่บ่นอุบอิบจนน่าขำ ซึ่งแน่นอน...เล่นเอาผมหยุดร้องไห้สนิทเลยล่ะ

“ฝากไว้ก่อนเถอะมึง!” นิ้วยาวของพี่ฟินย์ชี้หน้าคาดโทษไว้ก่อนจะเริ่มหยิบเข็มขึ้นมาต่อกับเครื่องสักลาย พร้อมกับต่อสายเข้ากับมอเตอร์ นิ้วเรียวยาวป้ายเจลสีใสลงบนจุดที่จะวาดและเริ่มปลายเข็มลงไปตรงหน้าท้องฝั่งซ้าย...ที่เป็นที่เดียวกับผม ผมมองเลือดเม็ดเล็กที่เริ่มผุดขึ้นมาบนผิวเนื้อนั่น...ก็ทำให้หวนนึกกลับไปในวันที่พี่ฟินย์บังคับสักชื่อตัวเองลงบนหน้าท้องน้อยผม วันนั้นมันเป็นวันที่ผมอับอายที่สุดเท่าที่เคยมีมาในชีวิต แต่ตอนนี้มันกลับกำลังจะเลือนหายไป...เพียงแค่อีกคนกำลังทำทดแทนมันในวันนี้

แต่มันทดแทนกันได้จริงๆน่ะหรอ...แล้วมันก็คงไม่ใช่แผนการอะไรอีกใช่มั้ย

“กูรู้ว่าตอนนี้มึงกำลังคิดอะไรอยู่” ใบหน้าหล่อนั้นก้มลงมามองผม...ผมเลยเงยหน้าขึ้นไปมองตอบ ก่อนผมจะเห็นแววตาแข็งกร้าวของอีกฝ่าย...ที่พยายามจะจ้องให้ลึกเข้าไปในใจผม

“อะไรครับ...ผมไม่ได้คิดอะไรนะ”

“ไม่ต้องปิดกูหรอก กูรู้ว่ามึงยังไม่พร้อมจะเชื่อหรือเข้าใจกับสิ่งที่กูทำ แต่ตอนนี้สิ่งที่กูอยากได้จากมึงมากที่สุด มันไม่ใช่แค่ร่างกายและการแก้แค้น แต่มันคือ...การที่มึงจะเชื่อใจกูบ้าง” แล้วพี่เขาก็กระชับฝ่ามือผมแน่นเหมือนพยายามสื่อให้รู้ว่านั่นคือสิ่งที่เขาอยากจะบอกกับผมมากที่สุด และมันคือความจริง แต่ผมกลับรู้สึกติดอะไรบางอย่างอยู่ที่ใจ และมันก็พยายามร้องบอกผม...ว่ามันไม่ใช่

ผมรู้ว่าพี่ฟินย์นั้นเป็นคนเย็นชา และไม่ชอบพูดอะไรมาก...เลยเลือกที่จะแสดงออกมามากกว่า แต่สุนัขจิ้งจอกอย่างพี่ฟินย์ ผมยังจะเชื่อใจอะไรได้อีกงั้นหรอ เพราะในความรู้สึกผมนั้น ผมหมดความเชื่อใจกับตัวพี่เขา...ไปต้องนานแล้ว และตอนนี้มันก็เหลือแต่ความระแวงที่จะถูกทำร้ายให้เจ็บอีก...เป็นครั้งที่สอง

ซึ่งผมคนนี้...มันยังไม่พร้อมที่จะรับเรื่องใหม่จริงๆ

เพราะไม่ว่าอย่างไร...กระต่ายก็มักจะเป็นเหยื่อให้กับสุนัขจิ้งจอกแสนเจ้าเล่ห์อยู่ดี

ใช่ไหมครับ...พี่ฟินย์

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

140718

พี่ฟินย์แม่ง! เงียบเกินไปปะ!!!!

นานมั้ยๆ แล้วเป็นอย่างไงบ้าง น่าเบื่อมั้ย พอดีคิดตอนนี้ไม่ค่อยออก แก้เนื้อเรื่องมาสามรอบและ แต่ถูกใจรอบนี้ที่สุดและ บอกด้วยนะคะว่าเป็นไงบ้าง

ช่วยกดแนะนำนิยายเรื่องนี้ด้วยนะคะ เป็นกำลังใจเล้กๆน้อยๆนะ แหะๆ

รักนะ

จุบๆ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา