Sulfur Love (RE-Write)
9.2
เขียนโดย enzang2660
วันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 14.57 น.
57 บท
25 วิจารณ์
132.36K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2556 17.52 น. โดย เจ้าของนิยาย
20) Lover's Game
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 19
℃ LOVER’S GAME Ⓢ
“พี่เซล!”
ใครวะ แหกปากอยู่ได้คนจะหลับจะนอน มันจะเซ็งมากรู้มั้ยเวลากำลังฝันเรื่องอะไรดีๆแล้วโดนปลุกเนี่ย-_-
“หือ~ อย่าปลุกดิ”
“ตื่นเร็วๆเซ่!!!!”
“แหกปากอยู่ได้พ่อมึงตายหรออออ!!”
ผมลุกขึ้นตาโพรงแหกปากด่ามันกลับ ใบหน้าหวานตกใจเล็กน้อยก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นหน้านิ่วเหมือนคนปวดสิว –o-;
“พ่อยังไม่ตาย!”
“โทษ พอดีง่วงๆน่ะ-_-;;”
“-*-”
คนตัวเล็กนั่งคิ้วชนกันเป็นสะพานลอย ผมเหลือบมองไปที่แขนเล็กๆของมัน มันมีปลอกแขนโลหะสีเงินที่โยงระยางไปด้วยโซ่ซึ่งปลายโซ่ก็อยู่ที่ปลอกแขนอีกอันที่ข้อมือผม ผมจำได้ว่าครั้งสุดท้ายกำลังอยู่ในรถนี่นา แล้วไหงมาอยู่นี่....นี่ไหนก็ไม่รู้ ในห้องสี่เหลี่ยมๆผนังลายดอกไม้สีแตกร้าวเป็นทางยาว เฟอร์นิเจอร์สไตล์วินเทจสีขาวที่มีฝุ่นสีเทาจับอยู่
“ที่ไหนเนี่ย” ผมถามมัน
“ไม่รู้ ถ้ารู้ผมคงไม่บ้าเอาโซ่มาล่ามตัวเองหรอก”
ถามสามคำตอบมาเป็นพืด-_-* แถมออกแนวจะกวนตีนซะด้วยนะ ให้มันได้อย่างงี้สิไอ้เด็กนี่!
“ไม่รู้ก็บอกไม่รู้ พูดมากจริงๆ-*-”
“ชิ! ไม่น่าปลุกเลย”
มันบ่นแล้วสปริงตัวลุกหนีครับ แต่มันคงลืมว่าแขนผมกับมันโดนล่ามไว้ด้วยกัน และตัวผมก็ใหญ่กว่ามัน คิดดูแล้วกันว่าผมต้องลุกตามมันหรือมันจะลงมานั่งตามผม อ่อ ผมก็ไม่ใช่พระเอกแสนดีอะไรที่นางเอกจะล้มแล้วเอาตัวเข้าไปรับนะครับ มันล้มผมก็แค่หลบ จบเนอะ!
ตุ๊บ!
“โอ๊ย!”
วัตถุหนักประมาณขนาด50สิบกว่ากิโลกรัมตกลงมาจากระดับต่ำกว่าไหล่ผมล่วงลงกับพื้นดังสนัน เจ็บละสิ! มันนั่งกุมก้นมันแล้วก็หันมาทำแก้มป่องใส่ผมที่นั่งขำมันอยู่
“ผนังร้าวเลยอ่ะ”
ผมพูดพลางชี้ไปที่รอยร้าวบนกำแพง
“ผมไม่ได้ตัวหนักขนาดทำแผ่นดินไหวได้นะ><”
มันทำหน้าไม่พอใจก่อนนั่งหันหลังให้ผม อะไรกันเนี่ย งอนหรอ-o-? ผู้ชายงอนได้ด้วย? แล้วผมต้องง้อมั้ย ง้อยังไงล่ะผู้ชายเนี่ย-.-
แกร๊ง!
พรึ่บ!
อะไรวะ! โซ่ที่เห็นเส้นยาวๆอยู่เมื่อครู่ถูกแรงดึงของกลไกในปลอกแขนดึงเข้าไปอย่างรวดเร็ว ผมพยายามดึงแขนตัวเองเพื่อต้านกับแรงดึงของโซ่
“เจ็บ!”
ไอ้เด็กนั่นมันร้อง ใบหน้ามันฉายแววเจ็บแปลบๆ มันจะร้องไห้มั้ยวะ! พอคิดอย่างนั้นผมก็เลยเลิกต้านแรงดึงของโซ่ที่ม้วนหายเข้าไปในปลอกแขน
ตอนนี้แขนซ้ายของผมเลยติดคู่เป็นปาท่องโก้กับแขนมันเลย กรรม -_-;
“แขนติดกันเป็นไฮดราเลยอ่ะ-o-” มันเงยหน้าบอก
ผมล้วงมือลงไปในกระเป๋าเพื่อจะเอาโทรศัพท์ออกมาดู เผื่อจะโทรขอความช่วยเหลือจากนอกโลกได้บ้าง
“เฮ้ย! จะทำไรอ่ะOoO!”
มันร้องเสียงดังแถมยังทำหน้าตื่นๆ ผมก็แค่จะล้วงมือหยิบมือถือเท่านั้นเอง แต่ผมใส่มือถือไว้กระเป๋ากางเกงข้างซ้ายอ่ะนะ ไม่ทำเมินไม่ตอบมันแล้วก็ล้วงเอามือถือออกมา แล้วก็เหลือบมองใบหน้าแดงเข้มของคนข้างๆที่เสหน้าหลบตาผมอยู่
“แค่ล้วงเอามือถือเอง ไม่ได้ให้นายเป็นคนล้วงซะหน่อยทำเขินไปได้”
“ผมไม่ได้เขินนะ>///<!”
“แล้วหน้าแดงทำไมละ”
“กะ...ก็ ไม่มีไรนี่-3-”
ทำหน้าอึ่งอ่างอีกแล้วครับ เฮ้อ~ เด็กอาร้ายยย น่ารักโคตร เอ้ย! น่าถีบต่างหาก ผมหันมาสนใจเจ้าเครื่องมือยังชีพในมือ แบตเต็ม แต่สัญญาณไม่มี!! ไหนบอก 3G ครอบคลุมทุกพื่นที่แล้วไงวะ-*-
“ในเวลาแบบนี้แม้แต่มือถือก็ดูไร้ค่าน่าปาทิ้งจริงๆ” ผมบ่น
“พี่ว่าไร้ค่าแต่ผมก็ไม่มีปัญญาซื้อมันอ่ะ”
“ใครถาม?”
“แต่งกลอนต่างหากเฟ้ย ไม่ได้พร่ามให้หมาฟัง-*-”
เจ้าบทเจ้ากลอนนักนะ อย่างงี้ต้องตบรางวัล คิดเสร็จผมก็จัดรางวัลลงกลางหัวมันไปหนึ่งที มันมองผมตาขวางก่อนจะผลักผมลงพื้นแล้วขึ้นคร่อม พลาดท่าโดนกดซะได้ผมเนี่ย บ้าจริงๆ ผมตัวมันออกไปแต่มันก็กัดนิ้วผมแถมยังจิกหัวผมโขกกับพื้นอีก นี่มึงทำแบบนี้กับแฟนมึงได้ยังงายยยย~
~ฮัลโหลๆ ได้ยินมั้ยน่อ จะปล้ำกันอีกนานมั้ยเดี๋ยวท้องกันพอดีน่อ~
แสงสีขาวสะท้อนเข้าตาผมก่อนจะปรากฏภาพฉายบนผนัง ตุ๊กตาหมีสีขาวสภาพหลุดลุ่ยแขนและตามีรอยเย็บด้วยด้ายสีดำถูกจัดวางไว้บนเก้าอี้โยกพลาสติกของเด็กเล็ก
~นิ่งเชียว เอิ่ม~ ทักทายกันบ้างสิ ไม่มีมารยาทกันเลยน้า~
เสียงเล็กๆดังขึ้นรอบห้อง ผมลุกขึ้นมานั่ง ไอ้ซัลมันก็ลุกนั่งข้างๆผมแล้วก็ต่างคนต่างนิ่งจดจ่ออยู่แค่ภาพฉายนั่น เอาเป็นว่าก่อนอื่นขอถามก่อนว่า
“ที่นี่ที่ไหน พากูมาทำไม มีเรื่องอะไร ใครไปทำพ่อมึงตายหรอ ตลกมากใช่มั้ย ลงมาตัวต่อตัวเลยมะ อย่าบอกว่ารอเซ่เวนปิดเพราะแม่ งเปิด24ชั่วโมง
ว่าแต่มึงคือไอ้หมีตัวใหญ่นั่นใช่มั้ย ไหนบอกพากูมาแด ก น้ำชาไง ไหนวะน้ำชา เอาหน้ามารองบาทากูซะดีๆ !! อ่อ ลำโพงมึงกากมากเปลี่ยนใหม่ซะนะ กูฟังไรไม่ค่อยได้ยินเลย-*-”
ช่างเป็นการทักทายที่ยาวมาก ไม่ทราบว่าแร็ปเร็วขนาดนี้หายใจทางผิวหนังหรือครับน้อง ไอ้ตัวเล็กปากมอมข้างๆผมพูดแกว่งปากหาเสี้ยนไปหาเรื่องเขาทั้งที่มันก็ตัวเท่าลูกหมา หมากระเป๋าพันธุ์พกง่ายหายสะดวกด้วยสิ!! แบบนี้เรียกว่าไม่เจียมสินะ -_-;
~ขนาดไม่ได้ยินยังพร่ามยาวขนาดนี้ แล้วถ้าได้ยินไม่พร่ามที 3 วันจบหรือไงน่อ อ่อ เค้าจะตอบคำถามตัวก่อนนะ ที่นี่คือ...ไม่บอกดีกว่า...~
ไอ้หมีพูดจบไอ้เตี้ยข้างๆผมก็อ้าปากจะด่าเลย ดีนะผมเอามืออุดปากมันไว้ได้ แต่มีเสียงเล็ดลอดออกมาเล็กน้อย ปากไวโคตรเลย-o-!
“ต้องการอะไร เรียกค่าไถ่หรอ เอาเท่าไหร่ละ” ผมถาม
~เท่าไหร่ดีนะ~ ฮ่าๆ เค้าไม่ได้พาตัวมาเรียกค่าไถ่หรอกนะ เห็นเค้าดูเป็นผู้ร้ายมากเลยหรา~
“อาชญากร!”
~โหดร้าย! งอนล่ะนะเดี๋ยวเค้าฆ่าทิ้งทั้งคู่เลย~
เวร! ทีซัลมันด่าไม่งอน ทีผมพูดนิดเดียวมันจะฆ่าผมเลย –o-!
~พวกนายเป็นผู้โชคดีน้าๆ ที่เค้าเลือกมาเล่นเกมนี้ คิกๆ อย่าทำหน้าโง่กันอย่างงั้นสิ แอ๊บฉลาดๆหน่อยไม่เคยดูหนังผรั่งกันหรือไง ไม่คุ้นๆกับเหตุการณ์บ้างเลยหรา~”
“กูดูแต่การ์ตูน-_-!” ซัลตอบ
~แหม~ งั้นเค้าบอกให้ก็ได้ เกมที่ว่านี่ก็คือ!!~
“-_-//-_-” (ผมกับซัล)
~ทำหน้าตื่นกลัวกันหน่อยสิ~
กึก
เจ้าตัวเล็กมันถอยกรูดไปหลบหลังผม มือน้อยๆที่จับชายเสื้อของผมสั่นเทาพร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้างขึ้นอย่างคนหวาดกลัว สายตามันจ้องมองไปยังภาพฉายบนผนัง มันกำลังกลัวอะไรบางอย่าง หรือมันรู้แล้วว่าเป็นเกมอะไร
“เอ้าตื่นกลัวแล้วรีบๆร่ายมาได้ละ-_-”
มันกลับโหมดปกติแล้วก็กลับมานั่งข้างๆผมเหมือนเดิม เอ่อ.... ทำไปเพื่อ? ประชดไอ้หมีมันใช่มั้ย –o-
“เล่นละครเก่งจริงน่ะ...โอ้ย!”
ความรู้สึกเหมือนมีอะไรวิ่งผ่านทะลุเข้าไปในหัว มันเป็นเสียงสะท้อนในหัวชั่ววูบแล้วก็หายไป ผมกุมหัวตัวเองถูกบีบอัดด้วยคีมอันยักษ์ ปวดหัวเว้ยยย!!
“พี่เซลๆ พี่เป็นอะไร”
มือเล็กเขย่าเรียกชื่อผม ใบหน้าสวยตื่นตะหนกปนะตกใจ ขอบตากลมโตของมันมีน้ำเอ่อตื้นอยู่ สรุปใครเป็นคนปวดหัวเจียนตายกันแน่วะเนี่ย แล้วนี่เป็นการแสดงของมันหรือป่าว
“ไม่เป็นไรแล้ว แค่เหมือน...เดจาวูน่ะ”
มันคลายยิ้มสดใส เมื่อกี้ยังจะร้องไห้อยู่เลย เปลี่ยนอารมณ์เร็วดีเนอะ สงสัยวันนี้เป็นวันมามากสินะ-o-
“พี่พอจำได้แล้วใช่มั้ย”
“เอ่อ อาจจะแต่ไม่ทั้งหมดหรอกนะ”
~อย่าทำเหมือนเค้าเป็นส่วนเกินสิ มาๆเค้าจะบอกแล้วสนใจหน่อยจิ! เกมที่ว่าก็คือ! คือ! ทำยังไงก็ได้ให้ออกไปจากที่นี่ให้ได้~
“ไม่ต้องบอกก็จะทำอยู่แล้วละ!” ผมตอบกลับ
~ถ้าคิดว่าง่ายขนาดนั้นก็ไปเลยสิ ประตูอยู่โน่นก้าวออกไปเลย เคลียร์ให้จบภายใน 2 ชั่วโมงแล้วพวกตัวจะเป็นอิสระ แต่ถ้าไม่........~
“.....................”
~..พวกตัวก็ต้องอยู่กับเค้าที่นี่ตลอดไป..~
บานประตูถูกเปิดออกไปยังห้องสีขาวสะอาด ห้องโล่งกว้างมีประตูอยู่อีกด้านตรงข้ามและประตูกระจกอีกประตูที่ข้างกำแพง กลิ่นน้ำยาเหมือนในโรงพยาบาลลอยออกมาจากช่องแอร์ มันทำให้ผมรู้สึกเอียนจนอยากจะอ้วกมากๆ
~ฮ้า~ กลิ่นหอมสดชื่นดีเนอะ รีบๆเดินไปเอาคีย์การ์ดที่หน้าประตูกระจกซิจะได้รีบๆกลับบ้านไง~
ผมเดินไปอย่างว่าง่ายรีบๆเคลียร์ให้เสร็จๆซะ ผมเดินมาหาประตูกระจกที่อยู่ตรงผนังกลางห้อง หน้าประตูมีแท่นเสียบการ์ดอยู่ แต่มันมีการ์ดเสียบอยู่สองใบอ่ะ ใบไหนละ
~เฮ้! อย่าเพิ่งหยิบสิ ฟังเค้าก่อน~
ไอ้ตัวเล็กมันชะงักมือตัวเองไว้ก่อนจะพ่นลมหายใจดังๆออกทางปาก
~เห็นใช่มั้ยว่ามันมีอยู่สองอัน~
“รีบๆบอกดิ๊!!” ซัลบอก
~ใจร้อนจัง พวกตัวก็แค่เลือกหยิบการ์ดมาหนึ่งอัน อันนึงจะสามารถเปิดประตูอีกบานทางโน่นนนได้ ส่วนอีกอัน…….ถ้าดึงออกมาแล้วจะปลดล็อกประตูของเลทเธอร์เฟซ(Leatherface)~
เลทเธอร์เฟซ!! คุ้นๆหว่ะเหมือนเคยได้ยินชื่อนี้ที่ไหนเลย
“มันคือใคร-o-”
“จำไม่ได้ ว่าแต่เอาอันไหนดี”
ผมจิ้มใบซ้ายใบขวา เอาใบขวาดีกว่าดูท่าทางว่ามันจะใช่ล่ะนะ
ฟรึ่บ!
กริ๊ก!
อะไรดังกริ๊ก?
ผมกับซัลมองหน้ากันไปมา แล้วสายตาผมก็เลื่อนไปที่มือมัน ในมือผมก็มีการ์ดหนึ่งใบ ในมือมันก็มีการ์ดหนึ่งใบ แล้ว......
~ว้าววว ดีใจด้วยนะได้การ์ดไปเปิดประตูแถมยังได้วิ่งเล่นกับเลทเธอร์
เฟซจอมสับอีก คิกๆ~
แว๊งงงงงงง~
เสียงเครื่องยนต์หรืออะไรสักอย่างดังลอดออกมาจากประตู ก่อนที่คนตัวสูงใหญ่ยักษ์จะเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าประตู ใบหน้าของมันมีสะเก็ดแผ่นเนื้อที่แทบจะลอกออกมาได้ทั้งหน้าและรอยเย็บเป็นทางยาวแลดูขลังๆ เสื้อเอี๊ยมยีนส์แลดูสกปรกโสกโครกจากรอยเลือดที่แห้งจนซึมเข้าไปในเนื้อผ้า มันยกเลื่อยไฟฟ้าขึ้นพร้อมชี้มาทางพวกผม ใบหน้าสยดสยองยิ้มแสยะเล็กน้อยแล้วมันจะยกเท้าถีบประตูออกมา
“วิ่ง!!!!”
ผมตะโกนแล้วลากข้อมือซัลมันให้รีบวิ่งตาม ผมเหลือบไปมองข้างหลังไอ้ตัวใหญ่นั่นมันกำลังถือเลื่อยวิ่งไล่ผมอยู่ แล้วอีกไม่กี่ก้าวก็จะถึงตัวพวกผมแล้วด้วย
ถ้าไม่ติดว่ามีไอ้เตี้ยนี่อยู่ผมอาจจะไปถึงประตูแล้วก็ได้นะ
ตุ๊บ!
ร่างเล็กล้มลงไปกับพื้นผมเลยถูกฉุดลงไปที่พื้นด้วย เวรแล้วไง ทำไมมาสะดุดอากาศเอาตอนนี้
“สะดุดอ่ะ ผูกเชือกรองเท้าก่อนนะ”
มันพูด มือสั่นเทาเร่งรีบยัดเชือกรองเท้าเข้าไปในรองเท้า แต่กลายเป็นว่ามันไม่ได้เข้าไปเลยซักนิดผมว่ามันหลุดออกมาเยอะกว่าเดิมซะอีก จะนั่งรอให้แม่ งมาฟันหัวหรือไงวะ!!
วืด~
“พี่เซล!”
ผมโยนตัวมันพาดบ่าแล้วรีบวิ่งหลบเลื่อยที่เฉียวแผ่นหลังผมไปหน่อยนึง เกมเชี่ยไรเนี่ย เล่นกันถึงตายเลยหรอวะ!!
วืด~
แกร๊ง!
ผมก้มตัวหลบแล้วถอยมายืนข้างไอ้ยักษ์นั่นก่อนจะฟาดเท้าลงไปที่ข้อมือมัน ทำให้เลื่อยหลุดออกจากมือมันแล้วล่วงลงไปอยู่ที่พื้น มันมองผมตาขวางแล้วรีบเก็บเรื่อยที่ดับสนิทขึ้นมา จังหวะนั้นผมก็เลยรีบวิ่งไปที่ประตูเลย
“เสียบการ์ดๆๆ”
ผมวางซัลลง แล้วยื่นการ์ดให้อีกใบ ผมหันไปมองข้างหลังไอ้ยักษ์นั่นกำลังสตาร์ทเลื่อยไฟฟ้าของมันอยู่และดูเหมือนมันจะเปิดติดแล้วด้วย
“เปิดได้ยังๆๆ” ผมถามรัว
“เปิดไม่ได้อะTOT”
“ก็ใส่ผิดด้านมันจะแสกนยังไงวะ!!”
โอ้ย!! กูละกลุ้ม วิ่งกลับไปให้มันเฉาะหัวผมให้ตายๆไปเลยดีกว่า พอประตูเปิดออกผมก็รีบดึงการ์ดออกแล้วข้ามไปอีกฝากประตู
ปึง!
ผมปิดประตูแล้วยืนพิงกำแพง มันเป็นประตูเหล็กครับ กว่ามันจะเจาะทะลุเข้ามาได้ผมคงมีเวลาหายใจซักเฮือกสองเฮือกแหละ ไอ้ตัวเล็กก็ยกเท้าขึ้นมาผูกเชือกดูลำบากดีแหะ
“เหนื่อยมั้ย” ผมถาม
“ดูจากหน้าแล้วไม่น่าถามนะ-o-”
“เออ ไม่น่าถามเลยเปลืองน้ำลาย”
แน่ะ! ทำหน้างอนอีก ก็อยากตอบกวนตีนเองอ่ะ ห้องนี้เป็นห้องสตูดิโอ ประมาณนั้นละมั้งครับ น่าจะจัดเป็นฉากหมู่บ้านดูจากสภาพแวดล้อม มองไปทางไหนก็มีแต่บ้าน ต้นไม้แล้วก็มีรถจอดระเกะระกะอยู่บนถนน
หมับ!
เด็กผู้หญิงคนนึงซึ่งโผล่มาจากรูไหนก็ไม่รู้จับแขนซัลแล้วก็เขย่าๆ ในนี้นอกจากพวกผมแล้วยังมีคนอื่นอีกซินะ
“หนูถูกจับตัวมาหรอ!” ซัลถาม
“ระ...รีบหนี”
เด็กน้อยมองซ้ายมองขวาอย่างหวาดระแวง ซัลย่อตัวลงแล้วลูบมือเด็กเบาๆ น้ำตาเม็ดเล็กๆหยดลงมาจากข้างแก้มชมพูใสของเด็กผู้หญิง
“แต่แม่หนู....แม่หนูติดอยู่ในนั้น..”
เธอชี้ไปที่บ้านหลังสีเขียวที่อยู่ไม่ไกล ผมมองขึ้นไปยังโคมไฟที่ห้อยลงมาจากเพดานโดมแสงมันค่อยๆหรี่ จนบรรยากาศรอบข้างดูเหมือนเวลากลางคืน
“พี่เซลเราไป....”
“จะไปช่วยเขาตัวเองยังเอาไม่รอดเลย ไอ้บ้านั่นจะโผล่มาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ด้วย”
ผมพูดแทรกมัน มือผมยังถูกล็อกอยู่กับมันอยู่เลยนะแค่นี้ก็เดินลำบากแล้วจะมีปัญญาไปช่วยใครได้ละ เด็กนั่นร้องไห้โฮหนักเขาไปอีก ซัลมันก็เลยกอดไว้กับอก มันมองหน้าผมด้วยสายตาตัดพ้อที่ผมไม่คิดจะช่วยแม่ของเด็ก
“ไปก็ไป แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นอย่ามานั่งเสียใจละ”
ผมบอก ผมก็อยากจะช่วยให้รอดออกมาทุกคนอยู่หรอกแต่ผมเป็นห่วงซัลมัน เดี๋ยวมันจะไปปล่อยตัวอะไรออกมาวิ่งไล่ฆ่าผมอีก-o-!!
“พาไปเร็ว”
ผมบอกอีก เด็กนั่นก็รีบวิ่งจูงมือซัลเข้าไปในบ้าน กลิ่นคาวตะหลบอบอวลไปทั่วบ้านยิ่งกว่าข้างนอกเสียอีก รอยเลือดสดใหม่กระจายอยู่เต็มพื้น
ผมนั่งลงวัดลมหายใจของคนที่นอนนิ่งอยู่บนพื้นแล้วส่ายหน้าเบาๆ แบบนี้มันไม่เข้าท่าแล้วมั้ง
“ทางนี้ๆ”
เด็กนั่นกวักมือเรียกแล้วหายเข้าไปในห้อง พวกผมก็รีบวิ่งตามเข้าไปในห้อง
“เฮือก!”
ซัลสูดหายใจเฮือกใหญ่ไม่ต่างจากผม ร่างของผู้หญิงคนนึงนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นโดยมีมีดเสียบอยู่กลางหลัง เป็นภาพที่น่ากลัวอยู่ไม่น้อยผมจับหัวซัลซบไหล่ไว้มันจะได้ไม่ต้องมองภาพน่ากลัวนั่น เด็กน้อยนั่งลงข้างๆร่างผู้หญิงคนนั้นแล้วพรึมพรำอะไรบางอย่างซึ่งผมได้ยินไม่ชัดนัก
“ผู้ใหญ่ชอบโกหก..... ไหนบอกว่ารักไง บอกว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดไป
แล้วทำไม.......แค่เล่นด้วยนิดเดียวก็ตายแล้วละ!!!”
ซวบ!
มีดสีเงินถูกดึงขึ้นมาจากร่างไร้วิญญาณ เด็กน้อยค่อยๆหันหน้ามา ดวงตากลมใสจ้องเขม็งมาทางผม
“มาเล่นกันหนูนะ^^”
หน้ามันยิ้มแต่ตามันไม่ได้ยิ้มครับ(เปลี่ยนศัพท์ที่ใช้เรียกทันที!) มันชี้มีดมาทางผมเอาแล้วไง คิดไรไม่ออกก็วิ่งสิครับ
“ซัลวิ่ง!!”
ผมดันซัลให้ออกไปก่อนแล้วตัวผมค่อยออกตามมาแล้วก็ปิดประตูลงขังได้เด็กนั่นไว้ข้างใน ผมกวาดต้อนตู้ โต๊ะ ทุกอย่างที่อยู่แถวนั้นมากองกั้นหน้าห้อง
“เปิดประตูนะ!!!”
ไอ้ข้างในตะโกนครับ ผมหันมาหาซัล มันยืนตัวแข็งทื่อพลางจ้องมองอะไรบางอย่างอยู่ ผมมองลอดหน้าต่างชั้นสองลงไปก็เจอไอ้สับหมู!! มันมองเข้ามาทางหน้าต่างเหมือนรู้ว่าผมอยู่ทางนี้ มันยกเลื่อยขึ้นมาแล้ว......แม่ งก็วิ่งมา!!
“ลงไปล็อกประตูก่อนมั้ยพี่!!”
“มันมีเลื่อยมันก็เลื่อยประตูได้จะลงไปปิดทำไม”
“อย่างน้อยมันก็ถ่วงเวลาได้น่า!!”
“จะลงไปตายหรือไง!!”
“พี่กลัวตายหรอ!!”
ซัลตะโกนใส่หน้าผม ดวงตาสวยส่งสายตาต่อว่าผม มันคงหมดความศรัทธาในตัวผมแล้วละ คงคิดว่าผมขี้ขลาดมากซินะ ผมอยากทิ้งไอ้เด็กบ้าดื้อนี่ไว้จริงๆเลย แต่ผมทำไม่ได้ ถึงผมจะลืมเรื่องราวระหว่างผมกับมันไปแต่ความรู้สึกของผมก็ยังอยู่ ..........ทำไมมันไม่เข้าใจความคิดผมบ้างนะ ผมน่ะ!!
“ชั้นลงไปตายคนเดียวได้แต่ลากนายไปตายด้วยไม่ได้เข้าใจมั้ย!!!”
มันมองหน้าผมอย่าตะลึง เอ่อขอโทษที ถ้าเกิดเซลตอนม.2จะดูเถื่อนและน่ากลัวจนทำให้มันตกใจขนาดนี้
“อย่าร้องไห้”
ผมบอกมันก่อนปาดน้ำตาที่หล่นแหมะบนแก้มแดงๆของมัน มันโผกอดผมแล้วฝังใบหน้าแนบอกผม
“ขะ..ขอโทษนะ...ที่ว่าพี่ ทั้งที่พี่เป็นห่วงผม..ฮือๆ”
มันพูดเบาๆ ผมลูบเรือนผมนุ่มสลวยอย่างอ่อนโยน ปวดหัวอีกแล้วแหะ ความรู้สึกบางอย่างมันทำให้ผมอึดอัดแทบจะหายใจไม่ออก
ฮวบ!
“พี่เซล!”
ผมทิ้งตัวเกือบถึงพื้นแล้ว ถ้ามันไม่รับตัวผมไว้ เหมือนผมจะเคยทำมันร้องไห้ ร้องไห้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วย
“โอ๊ย!”
ผมจิกปลายนิ้วไว้บนหัว อยากจะทะลวงเข้าไปควักเอาสมองออกมาจริงๆ ภาพเหตุการณ์หลายชอตแล่นเข้าหัวผมอย่างต่อเนื่อง ภาพอันเลือนรางดูเบลอๆ ยิ่งผมต้องการจะเห็นมันให้ชัดเท่าไหร่หัวผมยิ่งโดนบีบรัดมากเท่านั้น
ทรมาณ...... จะบ้าตายแล้วโว้ยยยยย
แว๊งงงงงง~
“พี่เซลมันมาแล้ว!!”
แขนเล็กๆหิ้วปีกผมแล้วลากตัวผมไปตามระเบียง เสียงเลื่อยที่หมุนอย่างเร็วดังขึ้นเรื่อยๆ มันคงใกล้เข้ามาทุกทีแล้วสินะ มันพาผมเข้าไปแอบในห้องแล้วก็ล็อกประตู
“พี่เป็นไรหรือป่าว”
“ไม่แล้วละ หาทางออกกันเถอะ”
ผมหันซ้ายหันขวาสำรวจหาหน้าต่าง มันไม่ใช่หน้าต่างแบบเปิดได้ ถ้าจะออกไปทางนี้คงต้องหาอะไรเขวี้ยงให้หน้าต่างแตกอ่ะ แต่ถ้ามันเสือ ก ไม่แตกละก็ เนื้อพวกผมคงจะกลายเป็นเครื่องปรุงมาม่าแน่!!
แว๊งงงงงงงง~
เศษผงไม้กระจายออกมาจากบานประตู ชิบหายละไง-o-!! ไม่มีทางเลือกแล้ว
“ดึงตู้มากั้นประตูเร็ว!”
ผมกับซัลช่วยกันลากตู้หนังสือมากันไว้ แล้วก็ลากโซฟามากั้นไว้อีกที
ผมหยิบรูปปั้นอันใหญ่มาแล้วโยนไปที่หน้าต่าง
เพล้ง!
“รีบไปกันเถอะ”
ผมดึงซัลไปยืนที่ขอบหน้าต่างพร้อมกับผม ชั้นสอง อึก! ผมเมินหน้าหลบพื้นด้านล่าง หัวใจผมสั่นระรัวมือไม้เย็นไปหมด ออกซิเจนในร่างกายผมเริ่มหายออกไปจากตัว กูจะเป็นลม~
“อย่าบอกนะว่า....พี่กลัวความสูงน่ะ-o-!!”
เพิ่งรู้หรอ! ไม่กล้าก้าวขาลงไปอ่ะ มันรู้สึกหวิวๆถึงแม้จะไม่มีลมพัดแต่ก็เสียวได้อ่ะ!!
~จะครบ 2 ชั่วโมงแล้วนะ พวกตัวต้องรีบไปที่ฝาท่อกลางถนนแล้วละ นั่นเป็นทางไปด่านสุดท้ายไงละ เค้าใจดีบอกทางให้แล้วนะ แต่นายป๊อดนั่นจะไปถึงมั้ยน้า ฮ่าๆ~
ว่ากูหรอ ไอ้หมีสวะ!! ยอมไม่ได้แต่ก็ไม่กล้าโดดเว้ย!!
ปัง!
ตู้ถูกถีบล้มลงมา ผมมองไอ้หมูสับหน้ายับแล้วลอบกลืนน้ำลาย อยู่นี่ก็ตาย โดดลงไปก็อาจตาย ค่าเท่ากันเลยเลือกไม่ถูกเลยจะตายยังไงดีวะ
“บินละนะ!”
ฮะ ว่าไรนะ
พรืด!
ตุ้บ!
ไม่เจ็บครับ ผมลืมตาโพรงขึ้น ไม่ได้ตกลงพื้นครับแต่ตกลงบนกองขยะ
-o-! ซัลฉุดมือผมให้ลุกขึ้น มันกลายเป็นคนนำผมแล้วละ
“ฮึบ!”
มันยกฝาท่อครับ แต่ดูจะหนักมาเลยยกไม่ขึ้น ไอ้หมูสับก็กำลังจะดิ่งพสุธาลงมาหาแล้วด้วย
เคร้ง!
ผมเตะฝาท่อออก ซัลมองหน้าผมประมาณว่า ทำไมมึงไม่ทำตั้งแต่แรก
ท่อระบายมันไม่ได้กว้างเท่าไหร่ จะลงไปพร้อมกันก็คงต้องกอดกันลงไปละนะ ผมดึงคนตัวเล็กเข้ามาไว้ในอ้อมกอดแล้วกระโดดลงหลุมไปอย่างมาริโอ้ ความรู้สึกของการลงท่อมันเป็นอย่างนี้นี่เอง....-..-
“เหม็นโคตรรรรรร!!!!!”
“ว้ากกกกกก//เหวอออออ”
ตุ๊บ!
ซัลกับผมร้องเสียงหลง โหยหนุกเป็นบ้าเลย ยิ่งกว่าสวนมะขามทะเลกรุงเทพอีก เราตกลงมาบนเบาะอัดลมที่เอาไว้ซ้อมหนีไฟ้ไหม้ก็เลยไม่ได้รีบบาดเจ็บอะไร
“ซัลเป็นไรหรือป่าว”
มันยิ้มตาหยีให้ผม ยิ้มแบบนี้คงไม่เป็นไรละมั้ง ผมออกไปนอกเบาะแล้วดึงมันให้ตามมาแต่มันยืนทรงตัวไม่ดีเลยเซล้มมาทับผม
“ล้มทับกันแบบนี้บ่อยๆไม่ไหวหรอกนะ น้องชายชั้นพังกันพอดี”
ผมบ่นล้มทีไรเข่ามันเข้ามากระทุ้งน้องผมทุกทีเลย มันก้มหน้ำนึกผิดแล้วก็หันหน้าหลบแต่โชว์ใบหูกับข้างแก้มแดงก่ำให้ผมดู
“..ก็..ใช่นิ้วแทนไง-////-”
มันพรึมพร่ำงุงิอยู่คนเดียว ผมได้ยินอยู่นะว่านิ้ว แล้วเอามันเกี่ยวไรกับนิ้วอ่ะ ใครรู้ช่วยสงคำตอบมาที่ 488 6หกแล้วหกอีกด้วยนะครับ!!
“จะทับจนท้องเลยป่ะ”
ผมถามมัน มันลุกขึ้นปัดก้นแล้วก็ยืนบิดๆซ้ายทีขวาที อะไรกันเขินหรอฮ่าๆ แล้วทำไมผมต้องยิ้มแล้วก็หน้าแดงตามมันด้วยนะบ้าจริง -////-
~ด่านสุดท้ายแล้วนะ จีบกันพอหรือยังเนี่ย~
เหอะๆ มีเวลาไปจีบกันตอนไหนไม่ทราบวะ!! กูวิ่งกันอย่างเดียวเลยเนี่ย แหกต่างดูบ้างมั้ย!!
~สุดท้ายแล้วนะ ตัวคงอยากเอาโซ่ที่ล่ามแขนออกแล้วซินะ เค้าจะให้กุญแจก็ได้แต่ต้องกินน้ำไวน์ในแก้วนั่นให้หมดก่อนนะ~
บนโต๊ะกลมสีขาวประดับแจกันดอกไม้มีแก้วไวน์วางอยู่ ผมยกแก้วขึ้นมาเตรียมกระดกเข้าปาก แต่มือเล็กๆดึงแขนผมไว้ก่อน
“ถ้ามันเป็นยากพิษละ!!” ซัลบอก
“ชั้นตายนายรอด ก็คุ้มดีละมั้ง”
“อย่าทำบ้าๆนะ!!”
มันกระชากแขนผม แล้วพยายามแงะแก้วไวน์ไปซดเอง ดื้ออีกละไอ้เด็กนี่
~แหมๆ เค้าไม่ได้เลวขนาดนั้นน้า~
“โคตรเลวเลยละ!!//โคตรเลวเลยละ!!”
~ใจร้ายอีกแล้วนะ ถ้าอยากได้กุญแจก็ต้องทำตามเค้าบอกนะ เค้าให้พวกตัวกินไวน์ซะ แต่นายโย่งกินไวน์ผ่านแก้วได้แต่นายเตี้ยกินไวน์ผ่านแก้วไม่ได้ ก็! หาวิธีเองละกันนะ คิกๆ~
ทำไงละหว่า ผมกินผ่านแก้วได้มันกินผ่านไม่ได้ ผมกระดกไวใส่ไปปแล้วก็มาคิดต่อ งั้นเอาแบบนี้แล้วกัน กินแล้วคายใส่มือแล้วให้มันกินต่อ-o-! เอ่อ โหดร้ายกับมันไปมั้ย คายใส่มือแล้วให้กินต่อเนี่ย
“อมนานๆแบคทีเรียมันเยอะนะพี่-_-;”
จะอมนานไม่นานมันก็ต้องมีอยู่แล้ว แถมสกปรกนิดหน่อยด้วยแหละ คงไม่ถือสาหรอกนะ ไม่คายใส่มืองั้นก็ต้อง ..... ผมเหลือบมองริมฝีปากแดงสดที่เผยอออก มันคงรู้ว่าผมกำลังจะทำอะไร มันหลบตาผมก่อนปิดเปลือกตาลง เอาวะไหนๆก็มีแฟนเป็นผู้ชายแล้ว><
ผมแนบริมฝีปากลงไปทาบบนริมฝีปากนุ่มนิ่มแล้วปล่อยน้ำหวานปนขมเข้าไปให้มันลิ้มรส หวานจังไม่รู้ว่าไวน์หรือปากมันกันแน่ มันดูดน้ำออกไปจากปากผม ช่องปากที่เปิดเชื่อมกันอยู่ทำให้ลิ้นของผมหลุดไปแตะกับลิ้นของมัน แทนที่ผมจะละริมฝีปากออกกลับกลายเป็นว่าเอาลิ้นไปพันเล่นกับลิ้นมัน ผมกดหัวมันให้จูบกับผมได้แนบแน่นขึ้น ร้อน ร่างกายผมร้อนเหมือนถูกเปลวไฟลุกโหม ผมสอดมือเข้าไปสัมผัสผิวกายเรียบลื่นใต้เสื้อตัวบางแล้วลูบไล้สะโพกเล็กที่คุ้นมือ
~จะเอามั้ยกุญแจเนี่ย!!~
มันผละตัวออกจากผมแล้วยืนเช็ดปาก ลืมไปเลยแหะ เพลินไปหน่อยแบบว่าไวน์มันพาเมา-////-
~กุญแจก็อยู่ในแก้วไงเจ้าพวกโง่ รีบๆออกไปได้แล้ว ลงไปทางอุโมงค์นั่นแล้วจะออกไปข้างนอกได้ อ่อ กุญแจน่ะไขได้ครั้งเดียวนะ ถ้าคนนึงปลดล็อกได้แล้ว อีกคนก็จะถูกเข็มพิษในปลอกแขนทิ่มตายทันที หรือจะเลือกจบแบบ
โรมิโอกับจูเลียตดีนะ มีดอยู่ในแจกันดอกไม้น่ะ ตามสบาย~
ที่ขาแก้วไวน์ทีโลหะสีเงินสะท้อนแสงอยู่ คงเป็นกุญแจ ผมปากแก้วลงพื้นเพื่อจะเอากุญแจ ผมหยิบกุญแจดอกเล็กขึ้นมาแล้วยื่นให้ซัล
“ไขของนายซะ”
ผมบอก มันรับกุญแจไปแล้วก้มมอง รีบๆไขสิ กูเตรียมทำใจแล้วนะเนี่ย
“มาด้วยกันต้องไปด้วยกันสิ”
มันบอกแล้วก็จูงมือผมไปที่ปากอุโมงค์ มันบีบมือผมแรงๆ ผมเข้าใจแล้วถ้าออกไปแล้วค่อยไปให้ช่างตั้งโซ่ทิ้งก็ได้
~ขี้โกงนี่~
“ป่าวนี่ ก็แค่เลือกจบแบบหนังไทยที่พระเอกนางเอกต้องรอดทั้งคู่ไง”
ซัลบอก ผมยิ้มและหัวเราะเบาๆ เข้าใจตอบเนอะ หาเรื่องเถียงได้ตลอดเลย ก็นะพระเอกก็ต้องคู่กับนางเอกสิ ถ้าพระเอกตายแล้วใครจะอ่านวะ!!
ตู้ม!!
“แฮ่ก!”
ผมตะเกียดตะกายขึ้นมาเหนือผิวน้ำ พลางฉุดดึงเจ้าตัวเล็กที่กำลังจะฉุดผมให้จมขึ้นมาแล้วว่ายลากมาให้เกาะขอบสระไว้ บรรยากาศมันคุ้นๆวะ –o-! เหมือนเคยมาเลยอ่ะ
“พี่ลงไปทำไรอ่ะ เย็นแล้วเดี๋ยวเป็นหวัดนะพี่ อ้าว! ที่ซัลก็มาด้วยหรอ*o*”
ไอ้เคลเดินออกมาจากบ้านแล้วทักผม บ้าน! บ้านกูเองนี่หว่า!!!
“ทำไมเคลวินมาอยู่นี่ได้ละ” ซัลถาม
“ก็บ้านเค้าเองอ่ะ-o-” เคลตอบ
นี่มันเรื่องอะไรกัน!! วิ่งหนีไอ้หมูสับกับได้เด็กถือมีดสุดท้ายมาจบที่บ้านตัวเองซะงั้น หรือว่า!!
“เคลพ่ออยู่ไหน!”
“เห็นอยู่ห้องทำงานนะ ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักๆออกมาจากห้องทำงานด้วยแหละ-.-”
“ชัดเลย!”
“เอ๊ะ! ไรหรอ อ่าเดี๋ยวผมไปเอาผ้าขนหนูมาให้นะ แปบนึงๆ”
เคลวิ่งเข้าบ้านไป ผมขึ้นมานั่งริมสระลากไอ้ตัวเล็กขึ้นมาด้วย ไอ้พ่อบ้าหมีต้องแกล้งผมแน่ๆ ว่าแล้วเชียว แอบดูลูกวิ่งหนีหัวซุกหัวซุน ตัวเองกลับนั่งหัวเราะอยู่คนเดียว ฮึ่มมมมมมมมม-..-!! ควันออกจมูกแล้วนะเว้ย
“ทำไมมาโผล่ที่นี่ได้อ่ะ” ซัลถาม
“เหอะๆ อยากรู้มั้ยล่ะว่าไอ้หมีนั่นเป็นใคร”
“พี่รู้หรอ –o-!”
“เดี๋ยวจะพาไปกระทืบดีมั้ยละ^^”
“จัดปายยยย>O<”
“เอากุญแจมาก่อน”
“จะไขหรอ เดี๋ยวโดนยาพิษนะ”
“ไม่หรอกเชื่อดิ”
ผมแงะกุญแจออกมาจากมือมัน ก่อนจะได้ไขมันเล็กก็รั้งไว้ก่อน อะไรกลัวไขแล้วตัวเองจะตายหรอ ไม่ตายหรอก ไอ้พ่อบ้าหมีมันไม่กล้าขนาดนั้นหรอก
“ถ้าไขแล้วเราก็จะหลุดออกจากกันใช่มั้ย ถ้าแยกจากกันแล้ว......ผมก็ไม่มีโอกาสได้อยู่ใกล้ๆพี่แล้วสิ....”
มันก้มหน้าลง น้ำเสียงมันฟังแล้วสงสารเลย เสียงสั่นที่เปล่งถ้อยคำออกมามันทำให้ผมรู้สึกอยากจับผมเข้ามากอด ตั้งแต่ลืมตาตื่นที่โรงพยาบาล ผมไล่ตะเพิดมัน ให้มันไปอยู่ไกลๆจากผม นายอยากอยู่ใกล้ๆชั้นงั้นหรอ? อยากอยู่กับคนที่ทำให้นายร้องไห้เนี่ยนะ นายรักชั้นรักชั้น......มากขนาดนี้เลยหรอ
“อ่ะ! พี่เซล”
ผมดึงร่างเล็กเข้ามากอดไว้ ชั้นจะทำยังไงดี ความรู้สึกของนายทั้งหมดที่มีต่อชั้น มันทำให้ชั้นรู้สึกตื้นตันแต่ก็ทำให้ชั้นรู้สึกผิดอย่างมากกับสิ่งที่เคยทำลงไป
“อยากอยู่ใกล้ๆชั้นหรอ”
ใบหน้าหวานก้มลงแทนคำตอบ แขนเล็กโอบกอดเอวผมไว้แน่น ผมไม่ได้รังเกรียจมัน ไม่รู้สึกรังเกรียจหรือต่อต้านแล้ว ไม่ว่าจะกอดหรือจะจูบกัน ถึงสมองผมจะคิดต่อต้านแต่ร่างกายผมมันก็ไม่ทำตามหรอก ขอบคุณที่รักชั้นนะ เพื่อเป็นการตอบแทนความรักของนาย ชั้นสัญญาด้วยกายและใจว่าจะรักนายคนเดียวเท่านั้น ถึงแม้ว่าในความทรงจำของผมจะมีเรื่องราวของเนยอยู่เยอะกว่ามัน
แต่ผมจะพยายามนึกให้ได้ ความทรงจำของเราสองคน.......
℃ LOVER’S GAME Ⓢ
“พี่เซล!”
ใครวะ แหกปากอยู่ได้คนจะหลับจะนอน มันจะเซ็งมากรู้มั้ยเวลากำลังฝันเรื่องอะไรดีๆแล้วโดนปลุกเนี่ย-_-
“หือ~ อย่าปลุกดิ”
“ตื่นเร็วๆเซ่!!!!”
“แหกปากอยู่ได้พ่อมึงตายหรออออ!!”
ผมลุกขึ้นตาโพรงแหกปากด่ามันกลับ ใบหน้าหวานตกใจเล็กน้อยก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นหน้านิ่วเหมือนคนปวดสิว –o-;
“พ่อยังไม่ตาย!”
“โทษ พอดีง่วงๆน่ะ-_-;;”
“-*-”
คนตัวเล็กนั่งคิ้วชนกันเป็นสะพานลอย ผมเหลือบมองไปที่แขนเล็กๆของมัน มันมีปลอกแขนโลหะสีเงินที่โยงระยางไปด้วยโซ่ซึ่งปลายโซ่ก็อยู่ที่ปลอกแขนอีกอันที่ข้อมือผม ผมจำได้ว่าครั้งสุดท้ายกำลังอยู่ในรถนี่นา แล้วไหงมาอยู่นี่....นี่ไหนก็ไม่รู้ ในห้องสี่เหลี่ยมๆผนังลายดอกไม้สีแตกร้าวเป็นทางยาว เฟอร์นิเจอร์สไตล์วินเทจสีขาวที่มีฝุ่นสีเทาจับอยู่
“ที่ไหนเนี่ย” ผมถามมัน
“ไม่รู้ ถ้ารู้ผมคงไม่บ้าเอาโซ่มาล่ามตัวเองหรอก”
ถามสามคำตอบมาเป็นพืด-_-* แถมออกแนวจะกวนตีนซะด้วยนะ ให้มันได้อย่างงี้สิไอ้เด็กนี่!
“ไม่รู้ก็บอกไม่รู้ พูดมากจริงๆ-*-”
“ชิ! ไม่น่าปลุกเลย”
มันบ่นแล้วสปริงตัวลุกหนีครับ แต่มันคงลืมว่าแขนผมกับมันโดนล่ามไว้ด้วยกัน และตัวผมก็ใหญ่กว่ามัน คิดดูแล้วกันว่าผมต้องลุกตามมันหรือมันจะลงมานั่งตามผม อ่อ ผมก็ไม่ใช่พระเอกแสนดีอะไรที่นางเอกจะล้มแล้วเอาตัวเข้าไปรับนะครับ มันล้มผมก็แค่หลบ จบเนอะ!
ตุ๊บ!
“โอ๊ย!”
วัตถุหนักประมาณขนาด50สิบกว่ากิโลกรัมตกลงมาจากระดับต่ำกว่าไหล่ผมล่วงลงกับพื้นดังสนัน เจ็บละสิ! มันนั่งกุมก้นมันแล้วก็หันมาทำแก้มป่องใส่ผมที่นั่งขำมันอยู่
“ผนังร้าวเลยอ่ะ”
ผมพูดพลางชี้ไปที่รอยร้าวบนกำแพง
“ผมไม่ได้ตัวหนักขนาดทำแผ่นดินไหวได้นะ><”
มันทำหน้าไม่พอใจก่อนนั่งหันหลังให้ผม อะไรกันเนี่ย งอนหรอ-o-? ผู้ชายงอนได้ด้วย? แล้วผมต้องง้อมั้ย ง้อยังไงล่ะผู้ชายเนี่ย-.-
แกร๊ง!
พรึ่บ!
อะไรวะ! โซ่ที่เห็นเส้นยาวๆอยู่เมื่อครู่ถูกแรงดึงของกลไกในปลอกแขนดึงเข้าไปอย่างรวดเร็ว ผมพยายามดึงแขนตัวเองเพื่อต้านกับแรงดึงของโซ่
“เจ็บ!”
ไอ้เด็กนั่นมันร้อง ใบหน้ามันฉายแววเจ็บแปลบๆ มันจะร้องไห้มั้ยวะ! พอคิดอย่างนั้นผมก็เลยเลิกต้านแรงดึงของโซ่ที่ม้วนหายเข้าไปในปลอกแขน
ตอนนี้แขนซ้ายของผมเลยติดคู่เป็นปาท่องโก้กับแขนมันเลย กรรม -_-;
“แขนติดกันเป็นไฮดราเลยอ่ะ-o-” มันเงยหน้าบอก
ผมล้วงมือลงไปในกระเป๋าเพื่อจะเอาโทรศัพท์ออกมาดู เผื่อจะโทรขอความช่วยเหลือจากนอกโลกได้บ้าง
“เฮ้ย! จะทำไรอ่ะOoO!”
มันร้องเสียงดังแถมยังทำหน้าตื่นๆ ผมก็แค่จะล้วงมือหยิบมือถือเท่านั้นเอง แต่ผมใส่มือถือไว้กระเป๋ากางเกงข้างซ้ายอ่ะนะ ไม่ทำเมินไม่ตอบมันแล้วก็ล้วงเอามือถือออกมา แล้วก็เหลือบมองใบหน้าแดงเข้มของคนข้างๆที่เสหน้าหลบตาผมอยู่
“แค่ล้วงเอามือถือเอง ไม่ได้ให้นายเป็นคนล้วงซะหน่อยทำเขินไปได้”
“ผมไม่ได้เขินนะ>///<!”
“แล้วหน้าแดงทำไมละ”
“กะ...ก็ ไม่มีไรนี่-3-”
ทำหน้าอึ่งอ่างอีกแล้วครับ เฮ้อ~ เด็กอาร้ายยย น่ารักโคตร เอ้ย! น่าถีบต่างหาก ผมหันมาสนใจเจ้าเครื่องมือยังชีพในมือ แบตเต็ม แต่สัญญาณไม่มี!! ไหนบอก 3G ครอบคลุมทุกพื่นที่แล้วไงวะ-*-
“ในเวลาแบบนี้แม้แต่มือถือก็ดูไร้ค่าน่าปาทิ้งจริงๆ” ผมบ่น
“พี่ว่าไร้ค่าแต่ผมก็ไม่มีปัญญาซื้อมันอ่ะ”
“ใครถาม?”
“แต่งกลอนต่างหากเฟ้ย ไม่ได้พร่ามให้หมาฟัง-*-”
เจ้าบทเจ้ากลอนนักนะ อย่างงี้ต้องตบรางวัล คิดเสร็จผมก็จัดรางวัลลงกลางหัวมันไปหนึ่งที มันมองผมตาขวางก่อนจะผลักผมลงพื้นแล้วขึ้นคร่อม พลาดท่าโดนกดซะได้ผมเนี่ย บ้าจริงๆ ผมตัวมันออกไปแต่มันก็กัดนิ้วผมแถมยังจิกหัวผมโขกกับพื้นอีก นี่มึงทำแบบนี้กับแฟนมึงได้ยังงายยยย~
~ฮัลโหลๆ ได้ยินมั้ยน่อ จะปล้ำกันอีกนานมั้ยเดี๋ยวท้องกันพอดีน่อ~
แสงสีขาวสะท้อนเข้าตาผมก่อนจะปรากฏภาพฉายบนผนัง ตุ๊กตาหมีสีขาวสภาพหลุดลุ่ยแขนและตามีรอยเย็บด้วยด้ายสีดำถูกจัดวางไว้บนเก้าอี้โยกพลาสติกของเด็กเล็ก
~นิ่งเชียว เอิ่ม~ ทักทายกันบ้างสิ ไม่มีมารยาทกันเลยน้า~
เสียงเล็กๆดังขึ้นรอบห้อง ผมลุกขึ้นมานั่ง ไอ้ซัลมันก็ลุกนั่งข้างๆผมแล้วก็ต่างคนต่างนิ่งจดจ่ออยู่แค่ภาพฉายนั่น เอาเป็นว่าก่อนอื่นขอถามก่อนว่า
“ที่นี่ที่ไหน พากูมาทำไม มีเรื่องอะไร ใครไปทำพ่อมึงตายหรอ ตลกมากใช่มั้ย ลงมาตัวต่อตัวเลยมะ อย่าบอกว่ารอเซ่เวนปิดเพราะแม่ งเปิด24ชั่วโมง
ว่าแต่มึงคือไอ้หมีตัวใหญ่นั่นใช่มั้ย ไหนบอกพากูมาแด ก น้ำชาไง ไหนวะน้ำชา เอาหน้ามารองบาทากูซะดีๆ !! อ่อ ลำโพงมึงกากมากเปลี่ยนใหม่ซะนะ กูฟังไรไม่ค่อยได้ยินเลย-*-”
ช่างเป็นการทักทายที่ยาวมาก ไม่ทราบว่าแร็ปเร็วขนาดนี้หายใจทางผิวหนังหรือครับน้อง ไอ้ตัวเล็กปากมอมข้างๆผมพูดแกว่งปากหาเสี้ยนไปหาเรื่องเขาทั้งที่มันก็ตัวเท่าลูกหมา หมากระเป๋าพันธุ์พกง่ายหายสะดวกด้วยสิ!! แบบนี้เรียกว่าไม่เจียมสินะ -_-;
~ขนาดไม่ได้ยินยังพร่ามยาวขนาดนี้ แล้วถ้าได้ยินไม่พร่ามที 3 วันจบหรือไงน่อ อ่อ เค้าจะตอบคำถามตัวก่อนนะ ที่นี่คือ...ไม่บอกดีกว่า...~
ไอ้หมีพูดจบไอ้เตี้ยข้างๆผมก็อ้าปากจะด่าเลย ดีนะผมเอามืออุดปากมันไว้ได้ แต่มีเสียงเล็ดลอดออกมาเล็กน้อย ปากไวโคตรเลย-o-!
“ต้องการอะไร เรียกค่าไถ่หรอ เอาเท่าไหร่ละ” ผมถาม
~เท่าไหร่ดีนะ~ ฮ่าๆ เค้าไม่ได้พาตัวมาเรียกค่าไถ่หรอกนะ เห็นเค้าดูเป็นผู้ร้ายมากเลยหรา~
“อาชญากร!”
~โหดร้าย! งอนล่ะนะเดี๋ยวเค้าฆ่าทิ้งทั้งคู่เลย~
เวร! ทีซัลมันด่าไม่งอน ทีผมพูดนิดเดียวมันจะฆ่าผมเลย –o-!
~พวกนายเป็นผู้โชคดีน้าๆ ที่เค้าเลือกมาเล่นเกมนี้ คิกๆ อย่าทำหน้าโง่กันอย่างงั้นสิ แอ๊บฉลาดๆหน่อยไม่เคยดูหนังผรั่งกันหรือไง ไม่คุ้นๆกับเหตุการณ์บ้างเลยหรา~”
“กูดูแต่การ์ตูน-_-!” ซัลตอบ
~แหม~ งั้นเค้าบอกให้ก็ได้ เกมที่ว่านี่ก็คือ!!~
“-_-//-_-” (ผมกับซัล)
~ทำหน้าตื่นกลัวกันหน่อยสิ~
กึก
เจ้าตัวเล็กมันถอยกรูดไปหลบหลังผม มือน้อยๆที่จับชายเสื้อของผมสั่นเทาพร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้างขึ้นอย่างคนหวาดกลัว สายตามันจ้องมองไปยังภาพฉายบนผนัง มันกำลังกลัวอะไรบางอย่าง หรือมันรู้แล้วว่าเป็นเกมอะไร
“เอ้าตื่นกลัวแล้วรีบๆร่ายมาได้ละ-_-”
มันกลับโหมดปกติแล้วก็กลับมานั่งข้างๆผมเหมือนเดิม เอ่อ.... ทำไปเพื่อ? ประชดไอ้หมีมันใช่มั้ย –o-
“เล่นละครเก่งจริงน่ะ...โอ้ย!”
ความรู้สึกเหมือนมีอะไรวิ่งผ่านทะลุเข้าไปในหัว มันเป็นเสียงสะท้อนในหัวชั่ววูบแล้วก็หายไป ผมกุมหัวตัวเองถูกบีบอัดด้วยคีมอันยักษ์ ปวดหัวเว้ยยย!!
“พี่เซลๆ พี่เป็นอะไร”
มือเล็กเขย่าเรียกชื่อผม ใบหน้าสวยตื่นตะหนกปนะตกใจ ขอบตากลมโตของมันมีน้ำเอ่อตื้นอยู่ สรุปใครเป็นคนปวดหัวเจียนตายกันแน่วะเนี่ย แล้วนี่เป็นการแสดงของมันหรือป่าว
“ไม่เป็นไรแล้ว แค่เหมือน...เดจาวูน่ะ”
มันคลายยิ้มสดใส เมื่อกี้ยังจะร้องไห้อยู่เลย เปลี่ยนอารมณ์เร็วดีเนอะ สงสัยวันนี้เป็นวันมามากสินะ-o-
“พี่พอจำได้แล้วใช่มั้ย”
“เอ่อ อาจจะแต่ไม่ทั้งหมดหรอกนะ”
~อย่าทำเหมือนเค้าเป็นส่วนเกินสิ มาๆเค้าจะบอกแล้วสนใจหน่อยจิ! เกมที่ว่าก็คือ! คือ! ทำยังไงก็ได้ให้ออกไปจากที่นี่ให้ได้~
“ไม่ต้องบอกก็จะทำอยู่แล้วละ!” ผมตอบกลับ
~ถ้าคิดว่าง่ายขนาดนั้นก็ไปเลยสิ ประตูอยู่โน่นก้าวออกไปเลย เคลียร์ให้จบภายใน 2 ชั่วโมงแล้วพวกตัวจะเป็นอิสระ แต่ถ้าไม่........~
“.....................”
~..พวกตัวก็ต้องอยู่กับเค้าที่นี่ตลอดไป..~
บานประตูถูกเปิดออกไปยังห้องสีขาวสะอาด ห้องโล่งกว้างมีประตูอยู่อีกด้านตรงข้ามและประตูกระจกอีกประตูที่ข้างกำแพง กลิ่นน้ำยาเหมือนในโรงพยาบาลลอยออกมาจากช่องแอร์ มันทำให้ผมรู้สึกเอียนจนอยากจะอ้วกมากๆ
~ฮ้า~ กลิ่นหอมสดชื่นดีเนอะ รีบๆเดินไปเอาคีย์การ์ดที่หน้าประตูกระจกซิจะได้รีบๆกลับบ้านไง~
ผมเดินไปอย่างว่าง่ายรีบๆเคลียร์ให้เสร็จๆซะ ผมเดินมาหาประตูกระจกที่อยู่ตรงผนังกลางห้อง หน้าประตูมีแท่นเสียบการ์ดอยู่ แต่มันมีการ์ดเสียบอยู่สองใบอ่ะ ใบไหนละ
~เฮ้! อย่าเพิ่งหยิบสิ ฟังเค้าก่อน~
ไอ้ตัวเล็กมันชะงักมือตัวเองไว้ก่อนจะพ่นลมหายใจดังๆออกทางปาก
~เห็นใช่มั้ยว่ามันมีอยู่สองอัน~
“รีบๆบอกดิ๊!!” ซัลบอก
~ใจร้อนจัง พวกตัวก็แค่เลือกหยิบการ์ดมาหนึ่งอัน อันนึงจะสามารถเปิดประตูอีกบานทางโน่นนนได้ ส่วนอีกอัน…….ถ้าดึงออกมาแล้วจะปลดล็อกประตูของเลทเธอร์เฟซ(Leatherface)~
เลทเธอร์เฟซ!! คุ้นๆหว่ะเหมือนเคยได้ยินชื่อนี้ที่ไหนเลย
“มันคือใคร-o-”
“จำไม่ได้ ว่าแต่เอาอันไหนดี”
ผมจิ้มใบซ้ายใบขวา เอาใบขวาดีกว่าดูท่าทางว่ามันจะใช่ล่ะนะ
ฟรึ่บ!
กริ๊ก!
อะไรดังกริ๊ก?
ผมกับซัลมองหน้ากันไปมา แล้วสายตาผมก็เลื่อนไปที่มือมัน ในมือผมก็มีการ์ดหนึ่งใบ ในมือมันก็มีการ์ดหนึ่งใบ แล้ว......
~ว้าววว ดีใจด้วยนะได้การ์ดไปเปิดประตูแถมยังได้วิ่งเล่นกับเลทเธอร์
เฟซจอมสับอีก คิกๆ~
แว๊งงงงงงง~
เสียงเครื่องยนต์หรืออะไรสักอย่างดังลอดออกมาจากประตู ก่อนที่คนตัวสูงใหญ่ยักษ์จะเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าประตู ใบหน้าของมันมีสะเก็ดแผ่นเนื้อที่แทบจะลอกออกมาได้ทั้งหน้าและรอยเย็บเป็นทางยาวแลดูขลังๆ เสื้อเอี๊ยมยีนส์แลดูสกปรกโสกโครกจากรอยเลือดที่แห้งจนซึมเข้าไปในเนื้อผ้า มันยกเลื่อยไฟฟ้าขึ้นพร้อมชี้มาทางพวกผม ใบหน้าสยดสยองยิ้มแสยะเล็กน้อยแล้วมันจะยกเท้าถีบประตูออกมา
“วิ่ง!!!!”
ผมตะโกนแล้วลากข้อมือซัลมันให้รีบวิ่งตาม ผมเหลือบไปมองข้างหลังไอ้ตัวใหญ่นั่นมันกำลังถือเลื่อยวิ่งไล่ผมอยู่ แล้วอีกไม่กี่ก้าวก็จะถึงตัวพวกผมแล้วด้วย
ถ้าไม่ติดว่ามีไอ้เตี้ยนี่อยู่ผมอาจจะไปถึงประตูแล้วก็ได้นะ
ตุ๊บ!
ร่างเล็กล้มลงไปกับพื้นผมเลยถูกฉุดลงไปที่พื้นด้วย เวรแล้วไง ทำไมมาสะดุดอากาศเอาตอนนี้
“สะดุดอ่ะ ผูกเชือกรองเท้าก่อนนะ”
มันพูด มือสั่นเทาเร่งรีบยัดเชือกรองเท้าเข้าไปในรองเท้า แต่กลายเป็นว่ามันไม่ได้เข้าไปเลยซักนิดผมว่ามันหลุดออกมาเยอะกว่าเดิมซะอีก จะนั่งรอให้แม่ งมาฟันหัวหรือไงวะ!!
วืด~
“พี่เซล!”
ผมโยนตัวมันพาดบ่าแล้วรีบวิ่งหลบเลื่อยที่เฉียวแผ่นหลังผมไปหน่อยนึง เกมเชี่ยไรเนี่ย เล่นกันถึงตายเลยหรอวะ!!
วืด~
แกร๊ง!
ผมก้มตัวหลบแล้วถอยมายืนข้างไอ้ยักษ์นั่นก่อนจะฟาดเท้าลงไปที่ข้อมือมัน ทำให้เลื่อยหลุดออกจากมือมันแล้วล่วงลงไปอยู่ที่พื้น มันมองผมตาขวางแล้วรีบเก็บเรื่อยที่ดับสนิทขึ้นมา จังหวะนั้นผมก็เลยรีบวิ่งไปที่ประตูเลย
“เสียบการ์ดๆๆ”
ผมวางซัลลง แล้วยื่นการ์ดให้อีกใบ ผมหันไปมองข้างหลังไอ้ยักษ์นั่นกำลังสตาร์ทเลื่อยไฟฟ้าของมันอยู่และดูเหมือนมันจะเปิดติดแล้วด้วย
“เปิดได้ยังๆๆ” ผมถามรัว
“เปิดไม่ได้อะTOT”
“ก็ใส่ผิดด้านมันจะแสกนยังไงวะ!!”
โอ้ย!! กูละกลุ้ม วิ่งกลับไปให้มันเฉาะหัวผมให้ตายๆไปเลยดีกว่า พอประตูเปิดออกผมก็รีบดึงการ์ดออกแล้วข้ามไปอีกฝากประตู
ปึง!
ผมปิดประตูแล้วยืนพิงกำแพง มันเป็นประตูเหล็กครับ กว่ามันจะเจาะทะลุเข้ามาได้ผมคงมีเวลาหายใจซักเฮือกสองเฮือกแหละ ไอ้ตัวเล็กก็ยกเท้าขึ้นมาผูกเชือกดูลำบากดีแหะ
“เหนื่อยมั้ย” ผมถาม
“ดูจากหน้าแล้วไม่น่าถามนะ-o-”
“เออ ไม่น่าถามเลยเปลืองน้ำลาย”
แน่ะ! ทำหน้างอนอีก ก็อยากตอบกวนตีนเองอ่ะ ห้องนี้เป็นห้องสตูดิโอ ประมาณนั้นละมั้งครับ น่าจะจัดเป็นฉากหมู่บ้านดูจากสภาพแวดล้อม มองไปทางไหนก็มีแต่บ้าน ต้นไม้แล้วก็มีรถจอดระเกะระกะอยู่บนถนน
หมับ!
เด็กผู้หญิงคนนึงซึ่งโผล่มาจากรูไหนก็ไม่รู้จับแขนซัลแล้วก็เขย่าๆ ในนี้นอกจากพวกผมแล้วยังมีคนอื่นอีกซินะ
“หนูถูกจับตัวมาหรอ!” ซัลถาม
“ระ...รีบหนี”
เด็กน้อยมองซ้ายมองขวาอย่างหวาดระแวง ซัลย่อตัวลงแล้วลูบมือเด็กเบาๆ น้ำตาเม็ดเล็กๆหยดลงมาจากข้างแก้มชมพูใสของเด็กผู้หญิง
“แต่แม่หนู....แม่หนูติดอยู่ในนั้น..”
เธอชี้ไปที่บ้านหลังสีเขียวที่อยู่ไม่ไกล ผมมองขึ้นไปยังโคมไฟที่ห้อยลงมาจากเพดานโดมแสงมันค่อยๆหรี่ จนบรรยากาศรอบข้างดูเหมือนเวลากลางคืน
“พี่เซลเราไป....”
“จะไปช่วยเขาตัวเองยังเอาไม่รอดเลย ไอ้บ้านั่นจะโผล่มาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ด้วย”
ผมพูดแทรกมัน มือผมยังถูกล็อกอยู่กับมันอยู่เลยนะแค่นี้ก็เดินลำบากแล้วจะมีปัญญาไปช่วยใครได้ละ เด็กนั่นร้องไห้โฮหนักเขาไปอีก ซัลมันก็เลยกอดไว้กับอก มันมองหน้าผมด้วยสายตาตัดพ้อที่ผมไม่คิดจะช่วยแม่ของเด็ก
“ไปก็ไป แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นอย่ามานั่งเสียใจละ”
ผมบอก ผมก็อยากจะช่วยให้รอดออกมาทุกคนอยู่หรอกแต่ผมเป็นห่วงซัลมัน เดี๋ยวมันจะไปปล่อยตัวอะไรออกมาวิ่งไล่ฆ่าผมอีก-o-!!
“พาไปเร็ว”
ผมบอกอีก เด็กนั่นก็รีบวิ่งจูงมือซัลเข้าไปในบ้าน กลิ่นคาวตะหลบอบอวลไปทั่วบ้านยิ่งกว่าข้างนอกเสียอีก รอยเลือดสดใหม่กระจายอยู่เต็มพื้น
ผมนั่งลงวัดลมหายใจของคนที่นอนนิ่งอยู่บนพื้นแล้วส่ายหน้าเบาๆ แบบนี้มันไม่เข้าท่าแล้วมั้ง
“ทางนี้ๆ”
เด็กนั่นกวักมือเรียกแล้วหายเข้าไปในห้อง พวกผมก็รีบวิ่งตามเข้าไปในห้อง
“เฮือก!”
ซัลสูดหายใจเฮือกใหญ่ไม่ต่างจากผม ร่างของผู้หญิงคนนึงนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นโดยมีมีดเสียบอยู่กลางหลัง เป็นภาพที่น่ากลัวอยู่ไม่น้อยผมจับหัวซัลซบไหล่ไว้มันจะได้ไม่ต้องมองภาพน่ากลัวนั่น เด็กน้อยนั่งลงข้างๆร่างผู้หญิงคนนั้นแล้วพรึมพรำอะไรบางอย่างซึ่งผมได้ยินไม่ชัดนัก
“ผู้ใหญ่ชอบโกหก..... ไหนบอกว่ารักไง บอกว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดไป
แล้วทำไม.......แค่เล่นด้วยนิดเดียวก็ตายแล้วละ!!!”
ซวบ!
มีดสีเงินถูกดึงขึ้นมาจากร่างไร้วิญญาณ เด็กน้อยค่อยๆหันหน้ามา ดวงตากลมใสจ้องเขม็งมาทางผม
“มาเล่นกันหนูนะ^^”
หน้ามันยิ้มแต่ตามันไม่ได้ยิ้มครับ(เปลี่ยนศัพท์ที่ใช้เรียกทันที!) มันชี้มีดมาทางผมเอาแล้วไง คิดไรไม่ออกก็วิ่งสิครับ
“ซัลวิ่ง!!”
ผมดันซัลให้ออกไปก่อนแล้วตัวผมค่อยออกตามมาแล้วก็ปิดประตูลงขังได้เด็กนั่นไว้ข้างใน ผมกวาดต้อนตู้ โต๊ะ ทุกอย่างที่อยู่แถวนั้นมากองกั้นหน้าห้อง
“เปิดประตูนะ!!!”
ไอ้ข้างในตะโกนครับ ผมหันมาหาซัล มันยืนตัวแข็งทื่อพลางจ้องมองอะไรบางอย่างอยู่ ผมมองลอดหน้าต่างชั้นสองลงไปก็เจอไอ้สับหมู!! มันมองเข้ามาทางหน้าต่างเหมือนรู้ว่าผมอยู่ทางนี้ มันยกเลื่อยขึ้นมาแล้ว......แม่ งก็วิ่งมา!!
“ลงไปล็อกประตูก่อนมั้ยพี่!!”
“มันมีเลื่อยมันก็เลื่อยประตูได้จะลงไปปิดทำไม”
“อย่างน้อยมันก็ถ่วงเวลาได้น่า!!”
“จะลงไปตายหรือไง!!”
“พี่กลัวตายหรอ!!”
ซัลตะโกนใส่หน้าผม ดวงตาสวยส่งสายตาต่อว่าผม มันคงหมดความศรัทธาในตัวผมแล้วละ คงคิดว่าผมขี้ขลาดมากซินะ ผมอยากทิ้งไอ้เด็กบ้าดื้อนี่ไว้จริงๆเลย แต่ผมทำไม่ได้ ถึงผมจะลืมเรื่องราวระหว่างผมกับมันไปแต่ความรู้สึกของผมก็ยังอยู่ ..........ทำไมมันไม่เข้าใจความคิดผมบ้างนะ ผมน่ะ!!
“ชั้นลงไปตายคนเดียวได้แต่ลากนายไปตายด้วยไม่ได้เข้าใจมั้ย!!!”
มันมองหน้าผมอย่าตะลึง เอ่อขอโทษที ถ้าเกิดเซลตอนม.2จะดูเถื่อนและน่ากลัวจนทำให้มันตกใจขนาดนี้
“อย่าร้องไห้”
ผมบอกมันก่อนปาดน้ำตาที่หล่นแหมะบนแก้มแดงๆของมัน มันโผกอดผมแล้วฝังใบหน้าแนบอกผม
“ขะ..ขอโทษนะ...ที่ว่าพี่ ทั้งที่พี่เป็นห่วงผม..ฮือๆ”
มันพูดเบาๆ ผมลูบเรือนผมนุ่มสลวยอย่างอ่อนโยน ปวดหัวอีกแล้วแหะ ความรู้สึกบางอย่างมันทำให้ผมอึดอัดแทบจะหายใจไม่ออก
ฮวบ!
“พี่เซล!”
ผมทิ้งตัวเกือบถึงพื้นแล้ว ถ้ามันไม่รับตัวผมไว้ เหมือนผมจะเคยทำมันร้องไห้ ร้องไห้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วย
“โอ๊ย!”
ผมจิกปลายนิ้วไว้บนหัว อยากจะทะลวงเข้าไปควักเอาสมองออกมาจริงๆ ภาพเหตุการณ์หลายชอตแล่นเข้าหัวผมอย่างต่อเนื่อง ภาพอันเลือนรางดูเบลอๆ ยิ่งผมต้องการจะเห็นมันให้ชัดเท่าไหร่หัวผมยิ่งโดนบีบรัดมากเท่านั้น
ทรมาณ...... จะบ้าตายแล้วโว้ยยยยย
แว๊งงงงงง~
“พี่เซลมันมาแล้ว!!”
แขนเล็กๆหิ้วปีกผมแล้วลากตัวผมไปตามระเบียง เสียงเลื่อยที่หมุนอย่างเร็วดังขึ้นเรื่อยๆ มันคงใกล้เข้ามาทุกทีแล้วสินะ มันพาผมเข้าไปแอบในห้องแล้วก็ล็อกประตู
“พี่เป็นไรหรือป่าว”
“ไม่แล้วละ หาทางออกกันเถอะ”
ผมหันซ้ายหันขวาสำรวจหาหน้าต่าง มันไม่ใช่หน้าต่างแบบเปิดได้ ถ้าจะออกไปทางนี้คงต้องหาอะไรเขวี้ยงให้หน้าต่างแตกอ่ะ แต่ถ้ามันเสือ ก ไม่แตกละก็ เนื้อพวกผมคงจะกลายเป็นเครื่องปรุงมาม่าแน่!!
แว๊งงงงงงงง~
เศษผงไม้กระจายออกมาจากบานประตู ชิบหายละไง-o-!! ไม่มีทางเลือกแล้ว
“ดึงตู้มากั้นประตูเร็ว!”
ผมกับซัลช่วยกันลากตู้หนังสือมากันไว้ แล้วก็ลากโซฟามากั้นไว้อีกที
ผมหยิบรูปปั้นอันใหญ่มาแล้วโยนไปที่หน้าต่าง
เพล้ง!
“รีบไปกันเถอะ”
ผมดึงซัลไปยืนที่ขอบหน้าต่างพร้อมกับผม ชั้นสอง อึก! ผมเมินหน้าหลบพื้นด้านล่าง หัวใจผมสั่นระรัวมือไม้เย็นไปหมด ออกซิเจนในร่างกายผมเริ่มหายออกไปจากตัว กูจะเป็นลม~
“อย่าบอกนะว่า....พี่กลัวความสูงน่ะ-o-!!”
เพิ่งรู้หรอ! ไม่กล้าก้าวขาลงไปอ่ะ มันรู้สึกหวิวๆถึงแม้จะไม่มีลมพัดแต่ก็เสียวได้อ่ะ!!
~จะครบ 2 ชั่วโมงแล้วนะ พวกตัวต้องรีบไปที่ฝาท่อกลางถนนแล้วละ นั่นเป็นทางไปด่านสุดท้ายไงละ เค้าใจดีบอกทางให้แล้วนะ แต่นายป๊อดนั่นจะไปถึงมั้ยน้า ฮ่าๆ~
ว่ากูหรอ ไอ้หมีสวะ!! ยอมไม่ได้แต่ก็ไม่กล้าโดดเว้ย!!
ปัง!
ตู้ถูกถีบล้มลงมา ผมมองไอ้หมูสับหน้ายับแล้วลอบกลืนน้ำลาย อยู่นี่ก็ตาย โดดลงไปก็อาจตาย ค่าเท่ากันเลยเลือกไม่ถูกเลยจะตายยังไงดีวะ
“บินละนะ!”
ฮะ ว่าไรนะ
พรืด!
ตุ้บ!
ไม่เจ็บครับ ผมลืมตาโพรงขึ้น ไม่ได้ตกลงพื้นครับแต่ตกลงบนกองขยะ
-o-! ซัลฉุดมือผมให้ลุกขึ้น มันกลายเป็นคนนำผมแล้วละ
“ฮึบ!”
มันยกฝาท่อครับ แต่ดูจะหนักมาเลยยกไม่ขึ้น ไอ้หมูสับก็กำลังจะดิ่งพสุธาลงมาหาแล้วด้วย
เคร้ง!
ผมเตะฝาท่อออก ซัลมองหน้าผมประมาณว่า ทำไมมึงไม่ทำตั้งแต่แรก
ท่อระบายมันไม่ได้กว้างเท่าไหร่ จะลงไปพร้อมกันก็คงต้องกอดกันลงไปละนะ ผมดึงคนตัวเล็กเข้ามาไว้ในอ้อมกอดแล้วกระโดดลงหลุมไปอย่างมาริโอ้ ความรู้สึกของการลงท่อมันเป็นอย่างนี้นี่เอง....-..-
“เหม็นโคตรรรรรร!!!!!”
“ว้ากกกกกก//เหวอออออ”
ตุ๊บ!
ซัลกับผมร้องเสียงหลง โหยหนุกเป็นบ้าเลย ยิ่งกว่าสวนมะขามทะเลกรุงเทพอีก เราตกลงมาบนเบาะอัดลมที่เอาไว้ซ้อมหนีไฟ้ไหม้ก็เลยไม่ได้รีบบาดเจ็บอะไร
“ซัลเป็นไรหรือป่าว”
มันยิ้มตาหยีให้ผม ยิ้มแบบนี้คงไม่เป็นไรละมั้ง ผมออกไปนอกเบาะแล้วดึงมันให้ตามมาแต่มันยืนทรงตัวไม่ดีเลยเซล้มมาทับผม
“ล้มทับกันแบบนี้บ่อยๆไม่ไหวหรอกนะ น้องชายชั้นพังกันพอดี”
ผมบ่นล้มทีไรเข่ามันเข้ามากระทุ้งน้องผมทุกทีเลย มันก้มหน้ำนึกผิดแล้วก็หันหน้าหลบแต่โชว์ใบหูกับข้างแก้มแดงก่ำให้ผมดู
“..ก็..ใช่นิ้วแทนไง-////-”
มันพรึมพร่ำงุงิอยู่คนเดียว ผมได้ยินอยู่นะว่านิ้ว แล้วเอามันเกี่ยวไรกับนิ้วอ่ะ ใครรู้ช่วยสงคำตอบมาที่ 488 6หกแล้วหกอีกด้วยนะครับ!!
“จะทับจนท้องเลยป่ะ”
ผมถามมัน มันลุกขึ้นปัดก้นแล้วก็ยืนบิดๆซ้ายทีขวาที อะไรกันเขินหรอฮ่าๆ แล้วทำไมผมต้องยิ้มแล้วก็หน้าแดงตามมันด้วยนะบ้าจริง -////-
~ด่านสุดท้ายแล้วนะ จีบกันพอหรือยังเนี่ย~
เหอะๆ มีเวลาไปจีบกันตอนไหนไม่ทราบวะ!! กูวิ่งกันอย่างเดียวเลยเนี่ย แหกต่างดูบ้างมั้ย!!
~สุดท้ายแล้วนะ ตัวคงอยากเอาโซ่ที่ล่ามแขนออกแล้วซินะ เค้าจะให้กุญแจก็ได้แต่ต้องกินน้ำไวน์ในแก้วนั่นให้หมดก่อนนะ~
บนโต๊ะกลมสีขาวประดับแจกันดอกไม้มีแก้วไวน์วางอยู่ ผมยกแก้วขึ้นมาเตรียมกระดกเข้าปาก แต่มือเล็กๆดึงแขนผมไว้ก่อน
“ถ้ามันเป็นยากพิษละ!!” ซัลบอก
“ชั้นตายนายรอด ก็คุ้มดีละมั้ง”
“อย่าทำบ้าๆนะ!!”
มันกระชากแขนผม แล้วพยายามแงะแก้วไวน์ไปซดเอง ดื้ออีกละไอ้เด็กนี่
~แหมๆ เค้าไม่ได้เลวขนาดนั้นน้า~
“โคตรเลวเลยละ!!//โคตรเลวเลยละ!!”
~ใจร้ายอีกแล้วนะ ถ้าอยากได้กุญแจก็ต้องทำตามเค้าบอกนะ เค้าให้พวกตัวกินไวน์ซะ แต่นายโย่งกินไวน์ผ่านแก้วได้แต่นายเตี้ยกินไวน์ผ่านแก้วไม่ได้ ก็! หาวิธีเองละกันนะ คิกๆ~
ทำไงละหว่า ผมกินผ่านแก้วได้มันกินผ่านไม่ได้ ผมกระดกไวใส่ไปปแล้วก็มาคิดต่อ งั้นเอาแบบนี้แล้วกัน กินแล้วคายใส่มือแล้วให้มันกินต่อ-o-! เอ่อ โหดร้ายกับมันไปมั้ย คายใส่มือแล้วให้กินต่อเนี่ย
“อมนานๆแบคทีเรียมันเยอะนะพี่-_-;”
จะอมนานไม่นานมันก็ต้องมีอยู่แล้ว แถมสกปรกนิดหน่อยด้วยแหละ คงไม่ถือสาหรอกนะ ไม่คายใส่มืองั้นก็ต้อง ..... ผมเหลือบมองริมฝีปากแดงสดที่เผยอออก มันคงรู้ว่าผมกำลังจะทำอะไร มันหลบตาผมก่อนปิดเปลือกตาลง เอาวะไหนๆก็มีแฟนเป็นผู้ชายแล้ว><
ผมแนบริมฝีปากลงไปทาบบนริมฝีปากนุ่มนิ่มแล้วปล่อยน้ำหวานปนขมเข้าไปให้มันลิ้มรส หวานจังไม่รู้ว่าไวน์หรือปากมันกันแน่ มันดูดน้ำออกไปจากปากผม ช่องปากที่เปิดเชื่อมกันอยู่ทำให้ลิ้นของผมหลุดไปแตะกับลิ้นของมัน แทนที่ผมจะละริมฝีปากออกกลับกลายเป็นว่าเอาลิ้นไปพันเล่นกับลิ้นมัน ผมกดหัวมันให้จูบกับผมได้แนบแน่นขึ้น ร้อน ร่างกายผมร้อนเหมือนถูกเปลวไฟลุกโหม ผมสอดมือเข้าไปสัมผัสผิวกายเรียบลื่นใต้เสื้อตัวบางแล้วลูบไล้สะโพกเล็กที่คุ้นมือ
~จะเอามั้ยกุญแจเนี่ย!!~
มันผละตัวออกจากผมแล้วยืนเช็ดปาก ลืมไปเลยแหะ เพลินไปหน่อยแบบว่าไวน์มันพาเมา-////-
~กุญแจก็อยู่ในแก้วไงเจ้าพวกโง่ รีบๆออกไปได้แล้ว ลงไปทางอุโมงค์นั่นแล้วจะออกไปข้างนอกได้ อ่อ กุญแจน่ะไขได้ครั้งเดียวนะ ถ้าคนนึงปลดล็อกได้แล้ว อีกคนก็จะถูกเข็มพิษในปลอกแขนทิ่มตายทันที หรือจะเลือกจบแบบ
โรมิโอกับจูเลียตดีนะ มีดอยู่ในแจกันดอกไม้น่ะ ตามสบาย~
ที่ขาแก้วไวน์ทีโลหะสีเงินสะท้อนแสงอยู่ คงเป็นกุญแจ ผมปากแก้วลงพื้นเพื่อจะเอากุญแจ ผมหยิบกุญแจดอกเล็กขึ้นมาแล้วยื่นให้ซัล
“ไขของนายซะ”
ผมบอก มันรับกุญแจไปแล้วก้มมอง รีบๆไขสิ กูเตรียมทำใจแล้วนะเนี่ย
“มาด้วยกันต้องไปด้วยกันสิ”
มันบอกแล้วก็จูงมือผมไปที่ปากอุโมงค์ มันบีบมือผมแรงๆ ผมเข้าใจแล้วถ้าออกไปแล้วค่อยไปให้ช่างตั้งโซ่ทิ้งก็ได้
~ขี้โกงนี่~
“ป่าวนี่ ก็แค่เลือกจบแบบหนังไทยที่พระเอกนางเอกต้องรอดทั้งคู่ไง”
ซัลบอก ผมยิ้มและหัวเราะเบาๆ เข้าใจตอบเนอะ หาเรื่องเถียงได้ตลอดเลย ก็นะพระเอกก็ต้องคู่กับนางเอกสิ ถ้าพระเอกตายแล้วใครจะอ่านวะ!!
ตู้ม!!
“แฮ่ก!”
ผมตะเกียดตะกายขึ้นมาเหนือผิวน้ำ พลางฉุดดึงเจ้าตัวเล็กที่กำลังจะฉุดผมให้จมขึ้นมาแล้วว่ายลากมาให้เกาะขอบสระไว้ บรรยากาศมันคุ้นๆวะ –o-! เหมือนเคยมาเลยอ่ะ
“พี่ลงไปทำไรอ่ะ เย็นแล้วเดี๋ยวเป็นหวัดนะพี่ อ้าว! ที่ซัลก็มาด้วยหรอ*o*”
ไอ้เคลเดินออกมาจากบ้านแล้วทักผม บ้าน! บ้านกูเองนี่หว่า!!!
“ทำไมเคลวินมาอยู่นี่ได้ละ” ซัลถาม
“ก็บ้านเค้าเองอ่ะ-o-” เคลตอบ
นี่มันเรื่องอะไรกัน!! วิ่งหนีไอ้หมูสับกับได้เด็กถือมีดสุดท้ายมาจบที่บ้านตัวเองซะงั้น หรือว่า!!
“เคลพ่ออยู่ไหน!”
“เห็นอยู่ห้องทำงานนะ ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักๆออกมาจากห้องทำงานด้วยแหละ-.-”
“ชัดเลย!”
“เอ๊ะ! ไรหรอ อ่าเดี๋ยวผมไปเอาผ้าขนหนูมาให้นะ แปบนึงๆ”
เคลวิ่งเข้าบ้านไป ผมขึ้นมานั่งริมสระลากไอ้ตัวเล็กขึ้นมาด้วย ไอ้พ่อบ้าหมีต้องแกล้งผมแน่ๆ ว่าแล้วเชียว แอบดูลูกวิ่งหนีหัวซุกหัวซุน ตัวเองกลับนั่งหัวเราะอยู่คนเดียว ฮึ่มมมมมมมมม-..-!! ควันออกจมูกแล้วนะเว้ย
“ทำไมมาโผล่ที่นี่ได้อ่ะ” ซัลถาม
“เหอะๆ อยากรู้มั้ยล่ะว่าไอ้หมีนั่นเป็นใคร”
“พี่รู้หรอ –o-!”
“เดี๋ยวจะพาไปกระทืบดีมั้ยละ^^”
“จัดปายยยย>O<”
“เอากุญแจมาก่อน”
“จะไขหรอ เดี๋ยวโดนยาพิษนะ”
“ไม่หรอกเชื่อดิ”
ผมแงะกุญแจออกมาจากมือมัน ก่อนจะได้ไขมันเล็กก็รั้งไว้ก่อน อะไรกลัวไขแล้วตัวเองจะตายหรอ ไม่ตายหรอก ไอ้พ่อบ้าหมีมันไม่กล้าขนาดนั้นหรอก
“ถ้าไขแล้วเราก็จะหลุดออกจากกันใช่มั้ย ถ้าแยกจากกันแล้ว......ผมก็ไม่มีโอกาสได้อยู่ใกล้ๆพี่แล้วสิ....”
มันก้มหน้าลง น้ำเสียงมันฟังแล้วสงสารเลย เสียงสั่นที่เปล่งถ้อยคำออกมามันทำให้ผมรู้สึกอยากจับผมเข้ามากอด ตั้งแต่ลืมตาตื่นที่โรงพยาบาล ผมไล่ตะเพิดมัน ให้มันไปอยู่ไกลๆจากผม นายอยากอยู่ใกล้ๆชั้นงั้นหรอ? อยากอยู่กับคนที่ทำให้นายร้องไห้เนี่ยนะ นายรักชั้นรักชั้น......มากขนาดนี้เลยหรอ
“อ่ะ! พี่เซล”
ผมดึงร่างเล็กเข้ามากอดไว้ ชั้นจะทำยังไงดี ความรู้สึกของนายทั้งหมดที่มีต่อชั้น มันทำให้ชั้นรู้สึกตื้นตันแต่ก็ทำให้ชั้นรู้สึกผิดอย่างมากกับสิ่งที่เคยทำลงไป
“อยากอยู่ใกล้ๆชั้นหรอ”
ใบหน้าหวานก้มลงแทนคำตอบ แขนเล็กโอบกอดเอวผมไว้แน่น ผมไม่ได้รังเกรียจมัน ไม่รู้สึกรังเกรียจหรือต่อต้านแล้ว ไม่ว่าจะกอดหรือจะจูบกัน ถึงสมองผมจะคิดต่อต้านแต่ร่างกายผมมันก็ไม่ทำตามหรอก ขอบคุณที่รักชั้นนะ เพื่อเป็นการตอบแทนความรักของนาย ชั้นสัญญาด้วยกายและใจว่าจะรักนายคนเดียวเท่านั้น ถึงแม้ว่าในความทรงจำของผมจะมีเรื่องราวของเนยอยู่เยอะกว่ามัน
แต่ผมจะพยายามนึกให้ได้ ความทรงจำของเราสองคน.......
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.4 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ