คิดถึง...
9.2
เขียนโดย TTkeanniyayf
วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 20.48 น.
9 session
24 วิจารณ์
15.93K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 4 เมษายน พ.ศ. 2556 20.04 น. โดย เจ้าของนิยาย
7) พบกันอีกครั้ง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ~โครม~ ในขณะที่รถของปีเตอร์จอดติดไฟแดงอยู่นั้น รถคันหนึ่งจากทางด้านหลังพุ่งเข้าชนท้ายรถของเขาเต็มๆ แรงกระแทกเสียงดังไปทั่วท้องถนน เขาหัวเสียไม่น้อยที่โดนชนท้ายรถในเวลานี้ เพราะปกติตอนนี้เขาควรจะไปถึงมหาวิทยาลัยเรียบร้อยแล้ว แต่กลับต้องมายืนรอเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ฝ่ายประกันและไหนจะยังต้องมีปากเสียงกับคู่กรณีอีก
“ว่าไงคุณ คราวนี้คุณผิดเต็มๆ นะครับจะรับผิดชอบยังไงไม่ทราบ” ปีเตอร์ถามหญิงสาวคู่กรณีคนเดิมกับเมื่อวันก่อนนี้
“เอ๊ะนี่นายอย่ามาโทษฉันนะ นายนั่นแหละผิดมาจอดรถขวางทางเลี้ยวทำไม ซ้ายผ่านตลอดน่ะเห็นป้ายไหมหา!!” มีนาขึ้นเสียงใส่ปีเตอร์ มือเล็กสองข้างเท้าเอวไว้อย่างเอาเรื่อง ในเมื่อเธอไม่ผิดทำไมเล่าจะต้องพูดดีๆ ด้วย
“ขอโทษนะครับคุณ รบกวนคุณช่วยกรุณาดูป้ายอีกสักรอบนะครับว่าป้ายบอกว่าอย่างไร” ปีเตอร์ชี้นิ้วไปที่ป้ายบอกทาง ซึ่งป้ายที่หญิงสาวกล่าวอ้างนั้นเป็นป้ายห้ามเลี้ยวซ้าย แล้วเขาใช้เส้นทางนี้เป็นประจำทำไมจึงจะไม่ทราบกันเล่ากับเรื่องเล็กน้อยแค่นี้
“นายนั่นแหละที่ต้องดู” มีนาเถียงกลับทั้งที่ตนเองผิด แต่ไม่คิดจะยอมรับเหมือนเช่นเคย
“อย่างนั้นคงต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยดูแล้วล่ะครับ สวัสดีครับคุณตำรวจ” ปีเตอร์ยกมือไหว้ผู้มาใหม่อย่างนอบน้อม
“สวัสดีครับ รบกวนท่านเจ้าของรถคันนี้ช่วยเปิดไฟให้รถคันด้านหลังออกเลนขวาทีนะครับ” เจ้าหน้าที่ตำรวจขอความร่วมมือจากเจ้าของรถคันที่อยู่ขวามือของเขา ซึ่งก็คือรถของมีนานั่นเอง
มีนาจัดการตามคำที่เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกเสร็จเรียบร้อย ไม่กี่นาทีต่อมาประกันทางฝ่ายปีเตอร์มาถึงที่เกิดเหตุ ตามมาด้วยประกันทางฝ่ายมีนา ประกันทั้งสองรวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจจตามคำที่คู่กรณีทั้งสองบอกโดยละเอียด แล้วร่วมกันวิเคราะห์ว่าฝ่ายใดผิด
ผลสรุปคือมีนาเจ้าของรถสีขาวคันงามนี้เป็นฝ่ายผิดเพราะเธอเป็นฝ่ายชนรถของปีเตอร์ที่จอดติดไฟแดงอยู่เอง เธอจึงโดนข้อหาขับรถโดยประมาท แม้เธอจะอ้างว่าป้ายบอกทางนั้นบอกให้เธอเลี้ยวก็ตาม แต่เธอไม่ได้มองป้ายบอกทางให้ดีเสียก่อนว่าป้ายนั้นหมายความว่าห้ามเลี้ยวซ้ายไม่ใช่ให้เลี้ยวซ้ายอย่างที่เธอเข้าใจ
“คุณมีนาครับรบกวนเซ็นตรงนี้ด้วยครับ” เจ้าหน้าที่ประกันทางฝั่งของเธอเองยื่นเอกสารให้เธอเซ็นรับทราบ เพื่อจะนำรถของคู่กรณีเข้าอู่
“เดี๋ยวสิคุณ” ปีเตอร์ร้องเรียกตามหลังหญิงสาว เมื่อเธอเสร็จจากเอกสารเกี่ยวกับประกันแล้ว มีนาขับรถหนีเขาไปเสียดื้อๆ
“จิ๊” ปีเตอร์จิ๊ปากไม่พอใจมีนานักที่เธอทำตัวไร้ความรับผิดชอบเช่นนี้ แต่เขาไม่เสียเวลายืนโมโหอยู่นานให้เสียเวลา รีบเร่งเครื่องมาให้ถึงมหาวิทยาลัยโดยเร็วที่สุด
วันนี้นักศึกษาสาขาการประชาสัมพันธ์มีการสอบวัดความรู้ที่ได้เรียนไปในอีกยี่สิบนาทีข้างหน้า กลุ่มเพื่อนนักศึกษาหลายกลุ่มนั่งรวมกันเป็นวงข่วยกันติวอีกครั้งก่อนจะเข้าห้องสอบ โดยให้นับดาวเป็นคนติวให้ แต่กลุ่มคนประมาณสี่ห้าคนไม่เข้าร่วม เพราะพวกเธอไม่ถูกกับนับดาวออกจะเกลียดเธอเสียด้วยซ้ำไป
“ชิ น่าหมันไส้” หญิงสาวคนหนึ่งในกลุ่มห้าคนที่แยกตัวออกไปนั้นส่งเสียงจิกกัดมาให้นับดาว
“ทำเป็นเก่ง ชิ” หญิงสาวอีกคนหนึ่งส่งเสียงตามมาติดๆ
“พวกเธอคงคิดว่าทำข้อสอบได้แน่แล้วสินะถึงได้มีเวลาว่างมานั่งจิกกัดชาวบ้านเค้าแทนที่จะเอาเวลาไปอ่านหนังสือน่ะ” พราวหนึ่งในกลุ่มเพื่อนของปีเตอร์ออกตัวแทนนับดาว
“พราวอย่าสนใจเลยอ่านหนังสือต่อดีกว่า” นับดาวไม่อยากให้เพื่อนๆ ต้องทะเลาะกันเพราะตนเอง
“นี่ยัยนับดาว ทำไมชอบทำตัวเด่นนักฮะ ขาดความอบอุ่นหรอยะ” เกรซหัวหน้ากลุ่มหัวโจกของห้าสาวนั้นจีบปากจีบคอพูดว่านับดาว
“ที่พูดมาเนี้ยว่าตัวเองหรอยะ” พราวต่อปากต่อคำแทนเพื่อนสาว เธอล่ะเกลียดนักพวกชอบคิดว่าตัวเองดีเลิศประเสริฐศรีกว่าคนอื่น ทั้งที่จริงแล้วด้อยค่าไร้ความหมายกว่าเสียด้วยซ้ำไป
“ยัยพราว” เกรซลุกขึ้นจากโต๊ะนั่งของกลุ่มตนเดินเข้าหากลุ่มของนับดาว
“ทำไม” พราวลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับเกรซ เธอรอวันนี้มานานแล้ว วันที่จะได้ฝากรอยนิ้วของตนไว้บนแก้มหนาๆ ของเกรซ
“พราวอย่ามีเรื่องกันเลยนะเดี๋ยวเราจะเข้าห้องสอบกันแล้ว” นับดาวห้ามเพื่อนสาวพร้อมเตือนสติก่อนที่เพื่อนทั้งสองจะลงไม้ลงมือกันจนโดนไล่ออก
พราวคิดทบทวนดูเธอควรเชื่อคำของนับดาวจึงนั่งลงตามเดิม แต่ไม่วายโดนดูถูกเสียนี่ว่าเป็นคนขี้ขลาด ถ้านับดาวไม่ดึงห้ามไว้ล่ะก็ป่านนี้เธอคงได้ตบแก้มของเกรซสักฉาดสองฉาดไปแล้ว
~ออดดด~ เสียงสัญญาณดังบอกเวลาเก้านาฬิกาเป็นการเริ่มต้นการสอบวัดความรู้ของนักศึกษาสาขาการประชาสัมพันธ์ ทุกคนเข้าห้องนั่งประจำที่พร้อมสอบ
รถเก๋งสี่ประตูคันงามแต่ด้านท้ายรถทำให้ราคาตกไปเป็นกอง ปีเตอร์จอดรถดับเครื่องสนิทเรียบร้อยจากนั้นรีบเร่งฝีเท้าขึ้นมายังห้องสอบเฉียดฉิวเกือบไม่ได้เข้าห้องสอบไปเพียงไม่กี่วินาที เขาสบตากับนับดาวแวบหนึ่งก่อนจะยิ้มให้กำลังใจเพื่อนสาวแล้วตั้งหน้าตั้งตาทำข้อสอบตรงหน้า
ก่อนหน้านี้นับดาวเป็นกังวลอยู่เหมือนกันว่า ปีเตอร์นั้นจะมาทันเข้าห้องสอบหรือไม่ แต่ความรู้สึกนั้นหายไปทันทีที่เห็นเพื่อนหนุ่มมา เธอยิ้มตอบปีเตอร์แบบเคยเป็นการให้กำลังใจแล้วหันกลับมาทำข้อสอบของตน
ระยะเวลาในการทำข้อสอบครั้งนี้เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่ง เป็นข้อสอบแบบอัตนัยซึ่งทุกคนจะต้องเขียนอธิบายให้คำตอบตรงกับคำถามในกระดาษข้อสอบนี้ เป็นเรื่องสบายมากของนับดาวเพราะเธอชอบเขียนชอบอธิบายอยู่แล้ว แต่สำหรับเพื่อนๆ อาจจะติดขัดเสียหน่อย เนื่องจากทุกคนจะชอบข้อสอบแบบปรนัยมากกว่า
เวลาผ่านไปเพียงแค่สี่สิบห้านาทีนับดาวสามารถทำข้อสอบเสร็จเป็นคนแรก แต่เธอใช้เวลาที่เหลืออ่านทบทวนสิ่งที่เธอเขียนตอบอาจารย์ไปมากกว่าจะลุกออกจากห้องเหมือนเพื่อนคนก่อนหน้านี้ ลายมืออ่านง่ายดูแล้วสบายตาของนับดาวทำให้อาจารย์ที่ยืนอยู่ด้านหลังเธอเอ่ยชมออกมาอย่างลืมตัว สร้างความหมันไส้ให้กับคนที่เกลียดเธอได้ไม่น้อย
“แหวะ” เกรซเบะปากใส่นับดาวหลังจากอาจารย์เดินไปด้านหน้าห้องแล้ว
“นับดาว” พราวเรียกเพื่อนสาวเสียงเบาที่สุดเพื่อไม่ให้อาจารย์ได้ยิน
“ส่งข้อสอบได้แล้ว” พราวบอกเชิงเอ่ยไล่ ไม่อยากให้เธออยู่ฟังคำและท่าทางของพวกขี้อิจฉานี้ นับดาวพยักหน้ารับรู้ที่พราวบอก เธออ่านทบทวนอีกรอบหนึ่งเพื่อความแน่ใจจึงลุกไปส่งขั้อสอบแล้วรอเพื่อนๆ อยู่หน้าห้อง
“โอ๊ย” เสียงร้องหลงของหญิงสาวร่างอรชรในชุดกระโปรงยาวทรงสุ่ม ก้นงอนๆ ของเธอลงไปจ้ำเบ้าอยู่ที่พื้นทางเดิน
“เป็นอะไรไหมค่ะคุณ” เสียงหวานของนับดาวเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง มือเล็กสองข้างช่วยพยุงหญิงสาวลุกขึ้นมายืนทรงตัว
“มองไม่เห็นคนหรือไงหาดูสิเนี่ยข้าวของฉันเสียหายหมด” ปากเล็กต่อว่านับดาวโดยที่ตนกำลังก้มเก็บของอยู่
“ขอโทษค่ะ” นับดาวเอ่ยคำออกมาทั้งที่เธอไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าหญิงสาวผู้นั้นลงไปอยู่ที่พื้นได้อย่างไร แต่เธอยังคงมีน้ำใจให้เพื่อนมนุษย์ด้วยกันอยู่เสมอ สองมือช่วยหญิงสาวเก็บข้าวของที่กระจัดกระจายตามพื้นนั้นส่งคืนให้เจ้าของ
“ทีหลังเดินหันมองตาม้าตาเรือบ้างนะเดี๋ยวไปชนใครเค้าอีก แล้วนี่เธอ..” ปากเล็กจะต่อว่านับดาวอีกแต่พอได้สบตามองหน้ากันคำพูดนั้นกลืนหายไปทันที
“สวัสดีค่ะคุณมีน” นับดาวยกมือไหว้มีนาตามมารยาท
“ดี” มีนาตอบรับสั้นๆ แล้วเชิดหน้าใส่นับดาว เธอหน้าเสียเล็กน้อยที่แสดงกิริยาหรือธาตุแท้ให้นับดาวเห็น กลัวว่านับดาวนั้นจะเอาเรื่องไปฟ้องมาวิน
“คุณมีนากำลังจะไปไหนค่ะ” นับดาวแปลกใจและนึกสงสัยที่เห็นมีนาที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้
“ฉันเป็นครูที่นี่ หลีกทางหน่อยสิฉันสายมากแล้ว” มีนาตอบตามจริงและเดินเลี่ยงไปอีกทางโดยเร็ว
“ครู?” นับดาวทวนคำว่าเธอได้ยินไม่ผิดแน่หรือ มีนานี่นะจะมาสอนหนังสือได้ เธอไม่ได้ดูถูกเพียงแต่ว่าบุคลิกของมีนาไม่ให้เธอจึงไม่คิดอยากเชื่อ
“ดาว เธอรู้จักป้าคนนั้นด้วยหรอ” ปีเตอร์มาทันเห็นมีนาเดินผ่านหน้าเพื่อนสาวไปพอดี เขาจำได้แม่นยำว่าคนที่คุยกับเพื่อนสาวเมื่อครู่เป็นคนเดียวกับคนที่ขับรถชนท้ายรถเขาเมื่อเช้านี้
“ก็ไม่เชิงหรอกจ้ะ ทำไมหรอ” นับดางเลิกคิ้วให้ปีเตอร์
“เปล่าหรอก เราไปหาอะไรทานกันไหม เมื่อเช้านี้มาสายหิวมากเลย” ปีเตอร์ชวนน้ำเสียงติดอ้อนเล็กน้อย
“อื้มไปสิ” นับดาวตอบรับคำชวนเพื่อนหนุ่มเพราะเธอเองก็อยากหาอะไรอร่อยอร่อยทานอยู่เหมือนกัน แต่ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะย้ายตนออกจากทางเดินจุดนี้ เสียงเรียกเขาจากโทรศัพท์ของนับดาวดังขึ้นเสียก่อน
“ค่ะพี่วิน” นับดาวกดรับโทรศัพท์แล้วตอบรับคำคนในสายไป ทำเอาปีเตอร์ที่ยืนรอหน้าเศร้าลงไปทันที
“เอ่อ../มีธุระหรอ ที่ไหนล่ะเดี๋ยวเราไปส่งไหม” นับดาวจะบอกคำกับปีเตอร์แต่เขาพูดแทรกขึ้นมาก่อน
“ขอโทษนะปีเตอร์ พอดีพี่วินจะมารับน่ะ เอาไว้วันหลังเราเลี้ยงข้าวเธอนะ” นับดาวพูดน้ำเสียงเศร้าเล็กน้อย รู้สึกผิดต่อเพื่อนหนุ่มเสียจริง ที่ทำให้ปีเตอร์เก้อทุกครั้งไป เธอคิดไม่ออกแล้วจริงๆ ว่าจะทำการใดได้ดีไปกว่าการเลี้ยงไถ่โทษ
“ไม่เป็นไรหรอกเรื่องแค่นี้เอง พี่วินของเธอจะมารับหรือว่าจะให้เราไปส่งดีล่ะ” ปีเตอร์ถามติดประชดไปนิด เพียงแต่น้ำเสียงเรียบปกติทำให้คนฟังไม่รู้สึกระคายในคำพูดของเขา
“พี่วินมารับน่ะ” นับดาวยิ้มแห้งให้ปีเตอร์แล้วหลบสายตาเพื่อนหนุ่มเสมองไปทางอื่น
ทั้งสองเคลื่อนย้ายตนเองมานั่งที่โต๊ะหินอ่อนหน้าตึกคณะ ปีเตอร์อาสานั่งรอพี่ชายคนสนิทเป็นเพื่อน นับดาว เขาไม่อยากปล่อยให้เธออยู่คนเดียวเลยจริงๆ มันไม่ปลอดภัยสำหรับเธอนักกับสถานที่แห่งนี้ ถึงแม้ในใจจะเจ็บแปลบแปลกๆ ที่ต้องมานั่งรอเห็นหน้าศัตรูทางใจ แต่แค่นี้เขารับได้เพราะอะไรที่เธอทำแล้วมีความสุขเขาจะมีความสุขไปด้วย
“สวัสดีครับน้องนับดาว” เวลาผ่านไปประมาณเกือบยี่สิบนาทีรถสี่ประตูคันหรูมาจอดอยู่ด้านหน้าเขาทั้งสอง เจ้าของรถลงจากรถแล้วก้าวเดินตรงมาทางทั้งคู่ทันที
“สวัสดีครับคุณมาวิน” ปีเตอร์ยกมือไหว้ตามมารยาทไม่ได้คิดเคาระนับถือแต่อย่างใด เพราะชายคนนี้ทำให้หัวใจของเขาเจ็บแปลบๆ
“ดีครับ ไปกันเลยไหมครับ” มาวินรับไหว้แล้วตอบสั้นๆ ไม่เต็มเสียงนัก แล้วหันกลับมาสนใจน้องสาวคนสนิทต่อ
“ค่ะ” นับดาวตอบรับสั้นๆ แล้วเดินไปทางรถของมาวิน เธอกำลังจะก้าวขึ้นรถแต่เสียงหนึ่งดังเข้ามาในโสตประสาทเรียกความสนใจจากเธอไปเสียก่อน
“วินค่ะ” เสียงแหลมดังมาแต่ไกลก่อนที่เจ้าของเสียงจะมาถึงเจ้าของชื่อเสียอีก
“ว่าไงคุณ คราวนี้คุณผิดเต็มๆ นะครับจะรับผิดชอบยังไงไม่ทราบ” ปีเตอร์ถามหญิงสาวคู่กรณีคนเดิมกับเมื่อวันก่อนนี้
“เอ๊ะนี่นายอย่ามาโทษฉันนะ นายนั่นแหละผิดมาจอดรถขวางทางเลี้ยวทำไม ซ้ายผ่านตลอดน่ะเห็นป้ายไหมหา!!” มีนาขึ้นเสียงใส่ปีเตอร์ มือเล็กสองข้างเท้าเอวไว้อย่างเอาเรื่อง ในเมื่อเธอไม่ผิดทำไมเล่าจะต้องพูดดีๆ ด้วย
“ขอโทษนะครับคุณ รบกวนคุณช่วยกรุณาดูป้ายอีกสักรอบนะครับว่าป้ายบอกว่าอย่างไร” ปีเตอร์ชี้นิ้วไปที่ป้ายบอกทาง ซึ่งป้ายที่หญิงสาวกล่าวอ้างนั้นเป็นป้ายห้ามเลี้ยวซ้าย แล้วเขาใช้เส้นทางนี้เป็นประจำทำไมจึงจะไม่ทราบกันเล่ากับเรื่องเล็กน้อยแค่นี้
“นายนั่นแหละที่ต้องดู” มีนาเถียงกลับทั้งที่ตนเองผิด แต่ไม่คิดจะยอมรับเหมือนเช่นเคย
“อย่างนั้นคงต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยดูแล้วล่ะครับ สวัสดีครับคุณตำรวจ” ปีเตอร์ยกมือไหว้ผู้มาใหม่อย่างนอบน้อม
“สวัสดีครับ รบกวนท่านเจ้าของรถคันนี้ช่วยเปิดไฟให้รถคันด้านหลังออกเลนขวาทีนะครับ” เจ้าหน้าที่ตำรวจขอความร่วมมือจากเจ้าของรถคันที่อยู่ขวามือของเขา ซึ่งก็คือรถของมีนานั่นเอง
มีนาจัดการตามคำที่เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกเสร็จเรียบร้อย ไม่กี่นาทีต่อมาประกันทางฝ่ายปีเตอร์มาถึงที่เกิดเหตุ ตามมาด้วยประกันทางฝ่ายมีนา ประกันทั้งสองรวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจจตามคำที่คู่กรณีทั้งสองบอกโดยละเอียด แล้วร่วมกันวิเคราะห์ว่าฝ่ายใดผิด
ผลสรุปคือมีนาเจ้าของรถสีขาวคันงามนี้เป็นฝ่ายผิดเพราะเธอเป็นฝ่ายชนรถของปีเตอร์ที่จอดติดไฟแดงอยู่เอง เธอจึงโดนข้อหาขับรถโดยประมาท แม้เธอจะอ้างว่าป้ายบอกทางนั้นบอกให้เธอเลี้ยวก็ตาม แต่เธอไม่ได้มองป้ายบอกทางให้ดีเสียก่อนว่าป้ายนั้นหมายความว่าห้ามเลี้ยวซ้ายไม่ใช่ให้เลี้ยวซ้ายอย่างที่เธอเข้าใจ
“คุณมีนาครับรบกวนเซ็นตรงนี้ด้วยครับ” เจ้าหน้าที่ประกันทางฝั่งของเธอเองยื่นเอกสารให้เธอเซ็นรับทราบ เพื่อจะนำรถของคู่กรณีเข้าอู่
“เดี๋ยวสิคุณ” ปีเตอร์ร้องเรียกตามหลังหญิงสาว เมื่อเธอเสร็จจากเอกสารเกี่ยวกับประกันแล้ว มีนาขับรถหนีเขาไปเสียดื้อๆ
“จิ๊” ปีเตอร์จิ๊ปากไม่พอใจมีนานักที่เธอทำตัวไร้ความรับผิดชอบเช่นนี้ แต่เขาไม่เสียเวลายืนโมโหอยู่นานให้เสียเวลา รีบเร่งเครื่องมาให้ถึงมหาวิทยาลัยโดยเร็วที่สุด
วันนี้นักศึกษาสาขาการประชาสัมพันธ์มีการสอบวัดความรู้ที่ได้เรียนไปในอีกยี่สิบนาทีข้างหน้า กลุ่มเพื่อนนักศึกษาหลายกลุ่มนั่งรวมกันเป็นวงข่วยกันติวอีกครั้งก่อนจะเข้าห้องสอบ โดยให้นับดาวเป็นคนติวให้ แต่กลุ่มคนประมาณสี่ห้าคนไม่เข้าร่วม เพราะพวกเธอไม่ถูกกับนับดาวออกจะเกลียดเธอเสียด้วยซ้ำไป
“ชิ น่าหมันไส้” หญิงสาวคนหนึ่งในกลุ่มห้าคนที่แยกตัวออกไปนั้นส่งเสียงจิกกัดมาให้นับดาว
“ทำเป็นเก่ง ชิ” หญิงสาวอีกคนหนึ่งส่งเสียงตามมาติดๆ
“พวกเธอคงคิดว่าทำข้อสอบได้แน่แล้วสินะถึงได้มีเวลาว่างมานั่งจิกกัดชาวบ้านเค้าแทนที่จะเอาเวลาไปอ่านหนังสือน่ะ” พราวหนึ่งในกลุ่มเพื่อนของปีเตอร์ออกตัวแทนนับดาว
“พราวอย่าสนใจเลยอ่านหนังสือต่อดีกว่า” นับดาวไม่อยากให้เพื่อนๆ ต้องทะเลาะกันเพราะตนเอง
“นี่ยัยนับดาว ทำไมชอบทำตัวเด่นนักฮะ ขาดความอบอุ่นหรอยะ” เกรซหัวหน้ากลุ่มหัวโจกของห้าสาวนั้นจีบปากจีบคอพูดว่านับดาว
“ที่พูดมาเนี้ยว่าตัวเองหรอยะ” พราวต่อปากต่อคำแทนเพื่อนสาว เธอล่ะเกลียดนักพวกชอบคิดว่าตัวเองดีเลิศประเสริฐศรีกว่าคนอื่น ทั้งที่จริงแล้วด้อยค่าไร้ความหมายกว่าเสียด้วยซ้ำไป
“ยัยพราว” เกรซลุกขึ้นจากโต๊ะนั่งของกลุ่มตนเดินเข้าหากลุ่มของนับดาว
“ทำไม” พราวลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับเกรซ เธอรอวันนี้มานานแล้ว วันที่จะได้ฝากรอยนิ้วของตนไว้บนแก้มหนาๆ ของเกรซ
“พราวอย่ามีเรื่องกันเลยนะเดี๋ยวเราจะเข้าห้องสอบกันแล้ว” นับดาวห้ามเพื่อนสาวพร้อมเตือนสติก่อนที่เพื่อนทั้งสองจะลงไม้ลงมือกันจนโดนไล่ออก
พราวคิดทบทวนดูเธอควรเชื่อคำของนับดาวจึงนั่งลงตามเดิม แต่ไม่วายโดนดูถูกเสียนี่ว่าเป็นคนขี้ขลาด ถ้านับดาวไม่ดึงห้ามไว้ล่ะก็ป่านนี้เธอคงได้ตบแก้มของเกรซสักฉาดสองฉาดไปแล้ว
~ออดดด~ เสียงสัญญาณดังบอกเวลาเก้านาฬิกาเป็นการเริ่มต้นการสอบวัดความรู้ของนักศึกษาสาขาการประชาสัมพันธ์ ทุกคนเข้าห้องนั่งประจำที่พร้อมสอบ
รถเก๋งสี่ประตูคันงามแต่ด้านท้ายรถทำให้ราคาตกไปเป็นกอง ปีเตอร์จอดรถดับเครื่องสนิทเรียบร้อยจากนั้นรีบเร่งฝีเท้าขึ้นมายังห้องสอบเฉียดฉิวเกือบไม่ได้เข้าห้องสอบไปเพียงไม่กี่วินาที เขาสบตากับนับดาวแวบหนึ่งก่อนจะยิ้มให้กำลังใจเพื่อนสาวแล้วตั้งหน้าตั้งตาทำข้อสอบตรงหน้า
ก่อนหน้านี้นับดาวเป็นกังวลอยู่เหมือนกันว่า ปีเตอร์นั้นจะมาทันเข้าห้องสอบหรือไม่ แต่ความรู้สึกนั้นหายไปทันทีที่เห็นเพื่อนหนุ่มมา เธอยิ้มตอบปีเตอร์แบบเคยเป็นการให้กำลังใจแล้วหันกลับมาทำข้อสอบของตน
ระยะเวลาในการทำข้อสอบครั้งนี้เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่ง เป็นข้อสอบแบบอัตนัยซึ่งทุกคนจะต้องเขียนอธิบายให้คำตอบตรงกับคำถามในกระดาษข้อสอบนี้ เป็นเรื่องสบายมากของนับดาวเพราะเธอชอบเขียนชอบอธิบายอยู่แล้ว แต่สำหรับเพื่อนๆ อาจจะติดขัดเสียหน่อย เนื่องจากทุกคนจะชอบข้อสอบแบบปรนัยมากกว่า
เวลาผ่านไปเพียงแค่สี่สิบห้านาทีนับดาวสามารถทำข้อสอบเสร็จเป็นคนแรก แต่เธอใช้เวลาที่เหลืออ่านทบทวนสิ่งที่เธอเขียนตอบอาจารย์ไปมากกว่าจะลุกออกจากห้องเหมือนเพื่อนคนก่อนหน้านี้ ลายมืออ่านง่ายดูแล้วสบายตาของนับดาวทำให้อาจารย์ที่ยืนอยู่ด้านหลังเธอเอ่ยชมออกมาอย่างลืมตัว สร้างความหมันไส้ให้กับคนที่เกลียดเธอได้ไม่น้อย
“แหวะ” เกรซเบะปากใส่นับดาวหลังจากอาจารย์เดินไปด้านหน้าห้องแล้ว
“นับดาว” พราวเรียกเพื่อนสาวเสียงเบาที่สุดเพื่อไม่ให้อาจารย์ได้ยิน
“ส่งข้อสอบได้แล้ว” พราวบอกเชิงเอ่ยไล่ ไม่อยากให้เธออยู่ฟังคำและท่าทางของพวกขี้อิจฉานี้ นับดาวพยักหน้ารับรู้ที่พราวบอก เธออ่านทบทวนอีกรอบหนึ่งเพื่อความแน่ใจจึงลุกไปส่งขั้อสอบแล้วรอเพื่อนๆ อยู่หน้าห้อง
“โอ๊ย” เสียงร้องหลงของหญิงสาวร่างอรชรในชุดกระโปรงยาวทรงสุ่ม ก้นงอนๆ ของเธอลงไปจ้ำเบ้าอยู่ที่พื้นทางเดิน
“เป็นอะไรไหมค่ะคุณ” เสียงหวานของนับดาวเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง มือเล็กสองข้างช่วยพยุงหญิงสาวลุกขึ้นมายืนทรงตัว
“มองไม่เห็นคนหรือไงหาดูสิเนี่ยข้าวของฉันเสียหายหมด” ปากเล็กต่อว่านับดาวโดยที่ตนกำลังก้มเก็บของอยู่
“ขอโทษค่ะ” นับดาวเอ่ยคำออกมาทั้งที่เธอไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าหญิงสาวผู้นั้นลงไปอยู่ที่พื้นได้อย่างไร แต่เธอยังคงมีน้ำใจให้เพื่อนมนุษย์ด้วยกันอยู่เสมอ สองมือช่วยหญิงสาวเก็บข้าวของที่กระจัดกระจายตามพื้นนั้นส่งคืนให้เจ้าของ
“ทีหลังเดินหันมองตาม้าตาเรือบ้างนะเดี๋ยวไปชนใครเค้าอีก แล้วนี่เธอ..” ปากเล็กจะต่อว่านับดาวอีกแต่พอได้สบตามองหน้ากันคำพูดนั้นกลืนหายไปทันที
“สวัสดีค่ะคุณมีน” นับดาวยกมือไหว้มีนาตามมารยาท
“ดี” มีนาตอบรับสั้นๆ แล้วเชิดหน้าใส่นับดาว เธอหน้าเสียเล็กน้อยที่แสดงกิริยาหรือธาตุแท้ให้นับดาวเห็น กลัวว่านับดาวนั้นจะเอาเรื่องไปฟ้องมาวิน
“คุณมีนากำลังจะไปไหนค่ะ” นับดาวแปลกใจและนึกสงสัยที่เห็นมีนาที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้
“ฉันเป็นครูที่นี่ หลีกทางหน่อยสิฉันสายมากแล้ว” มีนาตอบตามจริงและเดินเลี่ยงไปอีกทางโดยเร็ว
“ครู?” นับดาวทวนคำว่าเธอได้ยินไม่ผิดแน่หรือ มีนานี่นะจะมาสอนหนังสือได้ เธอไม่ได้ดูถูกเพียงแต่ว่าบุคลิกของมีนาไม่ให้เธอจึงไม่คิดอยากเชื่อ
“ดาว เธอรู้จักป้าคนนั้นด้วยหรอ” ปีเตอร์มาทันเห็นมีนาเดินผ่านหน้าเพื่อนสาวไปพอดี เขาจำได้แม่นยำว่าคนที่คุยกับเพื่อนสาวเมื่อครู่เป็นคนเดียวกับคนที่ขับรถชนท้ายรถเขาเมื่อเช้านี้
“ก็ไม่เชิงหรอกจ้ะ ทำไมหรอ” นับดางเลิกคิ้วให้ปีเตอร์
“เปล่าหรอก เราไปหาอะไรทานกันไหม เมื่อเช้านี้มาสายหิวมากเลย” ปีเตอร์ชวนน้ำเสียงติดอ้อนเล็กน้อย
“อื้มไปสิ” นับดาวตอบรับคำชวนเพื่อนหนุ่มเพราะเธอเองก็อยากหาอะไรอร่อยอร่อยทานอยู่เหมือนกัน แต่ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะย้ายตนออกจากทางเดินจุดนี้ เสียงเรียกเขาจากโทรศัพท์ของนับดาวดังขึ้นเสียก่อน
“ค่ะพี่วิน” นับดาวกดรับโทรศัพท์แล้วตอบรับคำคนในสายไป ทำเอาปีเตอร์ที่ยืนรอหน้าเศร้าลงไปทันที
“เอ่อ../มีธุระหรอ ที่ไหนล่ะเดี๋ยวเราไปส่งไหม” นับดาวจะบอกคำกับปีเตอร์แต่เขาพูดแทรกขึ้นมาก่อน
“ขอโทษนะปีเตอร์ พอดีพี่วินจะมารับน่ะ เอาไว้วันหลังเราเลี้ยงข้าวเธอนะ” นับดาวพูดน้ำเสียงเศร้าเล็กน้อย รู้สึกผิดต่อเพื่อนหนุ่มเสียจริง ที่ทำให้ปีเตอร์เก้อทุกครั้งไป เธอคิดไม่ออกแล้วจริงๆ ว่าจะทำการใดได้ดีไปกว่าการเลี้ยงไถ่โทษ
“ไม่เป็นไรหรอกเรื่องแค่นี้เอง พี่วินของเธอจะมารับหรือว่าจะให้เราไปส่งดีล่ะ” ปีเตอร์ถามติดประชดไปนิด เพียงแต่น้ำเสียงเรียบปกติทำให้คนฟังไม่รู้สึกระคายในคำพูดของเขา
“พี่วินมารับน่ะ” นับดาวยิ้มแห้งให้ปีเตอร์แล้วหลบสายตาเพื่อนหนุ่มเสมองไปทางอื่น
ทั้งสองเคลื่อนย้ายตนเองมานั่งที่โต๊ะหินอ่อนหน้าตึกคณะ ปีเตอร์อาสานั่งรอพี่ชายคนสนิทเป็นเพื่อน นับดาว เขาไม่อยากปล่อยให้เธออยู่คนเดียวเลยจริงๆ มันไม่ปลอดภัยสำหรับเธอนักกับสถานที่แห่งนี้ ถึงแม้ในใจจะเจ็บแปลบแปลกๆ ที่ต้องมานั่งรอเห็นหน้าศัตรูทางใจ แต่แค่นี้เขารับได้เพราะอะไรที่เธอทำแล้วมีความสุขเขาจะมีความสุขไปด้วย
“สวัสดีครับน้องนับดาว” เวลาผ่านไปประมาณเกือบยี่สิบนาทีรถสี่ประตูคันหรูมาจอดอยู่ด้านหน้าเขาทั้งสอง เจ้าของรถลงจากรถแล้วก้าวเดินตรงมาทางทั้งคู่ทันที
“สวัสดีครับคุณมาวิน” ปีเตอร์ยกมือไหว้ตามมารยาทไม่ได้คิดเคาระนับถือแต่อย่างใด เพราะชายคนนี้ทำให้หัวใจของเขาเจ็บแปลบๆ
“ดีครับ ไปกันเลยไหมครับ” มาวินรับไหว้แล้วตอบสั้นๆ ไม่เต็มเสียงนัก แล้วหันกลับมาสนใจน้องสาวคนสนิทต่อ
“ค่ะ” นับดาวตอบรับสั้นๆ แล้วเดินไปทางรถของมาวิน เธอกำลังจะก้าวขึ้นรถแต่เสียงหนึ่งดังเข้ามาในโสตประสาทเรียกความสนใจจากเธอไปเสียก่อน
“วินค่ะ” เสียงแหลมดังมาแต่ไกลก่อนที่เจ้าของเสียงจะมาถึงเจ้าของชื่อเสียอีก
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ