C H A N G E .

8.2

เขียนโดย Omoji

วันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 19.13 น.

  25 ตอน
  138 วิจารณ์
  36.41K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 25 กันยายน พ.ศ. 2558 21.31 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

3) เช้งค์สาม

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
CHANGE

 
“โอ๊ยย!!!!” 
 
สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อป๊อปปี้ปัดมือของตัวเองออกจากการเกาะกุมของฟางและนั่นมันก็ทำให้แรงเหวี่ยง เหวี่ยงฟางล้มลงและหัวกระทบลงกับขอบเตียงจนได้..
 
“ฟาง..O_O!!”
 
ป๊อปปี้ไม่รอช้าอีกต่อไป ขายาวก้าวกระฉับกระเฉงนั่งคุกเข่าลงแล้วช้อนร่างของคนเจ็บที่หัวแตกเลือดซึบในขณะนี้ในท่าเจ้าสาว
 
“ป…ป๊อปปี้” ร่างในอ้อมแขนได้แต่มองคนอุ้มอย่างอึ้งๆ ดวงตากลมมองหน้าชายหนุ่มด้วยความแปลกใจ ถ้าเทอมองไม่ผิดล่ะก็..ดวงตาคมนั่นกำลังเป็นห่วงเทออยู่บ้าง
 
            เมื่อสองขายาวเร่งฝีเท้าลงมาชั้นล่าง โดยที่ยังคงอุ้มร่างเล็กอยู่อย่างเดิม ป๊อปปี้วางฟางลงบนโซฟาอย่างช้าๆก่อนจะรีบวิ่งไปในครัว แล้วหยิบกล่องปฐมพยาบาลออกมาจากตู้ ก่อนที่ป๊อปปี้จะวิ่งไปที่โซฟาดังเดิม
 
“ป๊อป..เดี๋ยวฉันทำเอง..” ฟางคว้าแขนอีกคนแล้วพูดน้อยๆมืออีกข้างที่จับแผลมีเลือดไหลลงมาไม่หยุด เมื่อเห็นป๊อปปี้เตรียมท่าจะทำแผลให้
 
 
“ไม่ต้อง! เทออยู่เฉยๆเถอะน่า”  ปากก็พูดไปทำเอาคนที่รั้งจำต้องปล่อยแขนออกในที่สุด ป๊อปปี้มองดูกล่องยา ที่มียาอะไรอีกมากมาย เอาความจริงเขาก็ทำแผลไม่เป็นหรอก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันต้องเริ่มยังไงก่อน
 
“นี่นาย..เป็นห่วงฉันหรอ” คำพูดของฟาง ทำให้ป๊อปปี้หยุดชะงักแล้วเงยหน้าขึ้นสบตาเข้ากับแววตาคู่นั้น รอยยิ้มที่แต้มอยูบนใบหน้าหวานมันทำให้คนมองจำต้องเบี่ยงสายตาไปทางอื่น
 
“ฉันไม่ได้..”
 
กริ๊งงงง
 
            ป๊อปปี้ชะงักคำพูดเมื่อมีเสียงออดหน้าบ้านดังขึ้น เขาหันไปมองยังประตูหน้าบ้านแล้วลุกขึ้นเดินออกไปว่าใครมา แต่เมื่อเห็นคนที่อยู่หน้าประตูก็เหมือนจะนึกอะขึ้นได้ ร่างสูงก้าวขายาวๆแล้วเดินไปหยุดอยู่ที่ประตูรั้ว
 
“ป๊อปปี้! นี่นายยอมลงมา..เห้ยๆ” พูดไม่ทันจบเจ้าของบ้านก็เปิดประตูแล้วดึงแขนอีกคนเข้าบ้าน โดยที่ไม่พูดอะไรออกมา
 
“พี่ฟาง!! เป็นอะไรไปอ่ะ!!”
 
“แก้ว”
 
            แก้ววิ่งกรูเข้าไปหาฟางด้วยความเร็วแล้วมองดูแผลที่ยังคงมีเลือดไหลมาไม่หยุด ฟางส่ายหน้าเบาๆเชิงไม่เป็นไร แต่แก้วไม่เชื่อหรอก..หญิงสาวหันกลับไปมองป๊อปปี้ที่มองด้วยสายตานิ่งก่อนที่ร่างสูงจะเดินขึ้นไปชั้นบน
 
“หมอนั่นทำอะไรพี่ฮะ! บอกแก้วมานะพี่ฟาง” แก้วเปิดขวดยาล้างแผลแล้วถามคนตรงหน้า
 
“เปล่า..”
 
“เห่อะ! แก้วไม่เชื่อหรอก นี่ถ้าแก้วไม่ลืมของไว้นะป่านนี้หมอนั่นคงลากพี่ปาดคอหมกส้วมแหง่ๆ หึ! เพราะป๊อปปี้ใช่มั้ยฮะ” แก้วว่าพลางทำแผลพลาง ดีหน่อยที่แม่ของแก้วเป็นพยาบาล ลูกสาวเลยได้แม่มาเยอะ
 
“ป๊อปปี้ไม่ผิดสักหน่อย..พี่ไม่ระวังเองน่ะ” ฟางพูดไป
 
“แล้วที่ไม่ระวังนั่นคืออะไรคะ..พี่อย่ามาโกหกแก้วหน่อยเลย” เหมือนพูดอะไรไปแก้วก็คงไม่เชื่อ
 
ป๊อปปี้เลยต้องยอมพูดความจริงให้แก้วฟัง แน่นอนว่าคนตัวเล็กโกรธมากและเอาแต่ด่าทอป๊อปปี้ไม่ขาด ฟางเลยได้แต่ปรามแล้วคอยบอกว่ามันเป็นอุบัติเหตุไม่มีใครผิดทั้งนั้น เมื่อฟางเอาแต่บอกแบบนั้น แก้วเลยตัดสินใจเดินขึ้นไปชั้นบนทันทีที่คนหน้าหวานเข้าห้องน้ำ แค่อยากเจอนายตัวแสบนั่นสักหน่อย
 
ก๊อกๆๆ
 
“เปิดประตูให้ฉันหน่อยป๊อปปี้!” แก้วตะโกนเสียงดังจนคนในห้องที่กำลังหลับตาลงนอนจำต้องลืมตาขึ้นด้วยความที่นึกรำคาญ
 
แอ๊ดดด
 
ประตูถูกเปิดออกพร้อมกับแก้วที่ยืนเท้าสะเอวอยู่หน้าห้อง ร่างสูงถอนหายใจเฮือกใหญ่ครู่หนึ่งแล้วมองลูกพี่ลูกน้องของตัวเองที่เป็นคู่กัดกันตั้งแต่ไหนแต่ไรด้วยความรำคาญ
 
“ทำอะไรพี่ฟางอย่านึกว่าฉันไม่รู้นะป๊อป” แก้วกอดอกมองป๊อปปี้ที่มีอายุอ่อนกว่าเขาอยู่หลายปี
 
“ฉันทำอะไร”
 
“พี่ฟางต้องมาดูแลนาย แต่ดูนายทำดิวะ พี่ฟางต้องบาดเจ็บก็เพราะนายทั้งนั้นนะป๊อป! ไม่สำนึกบ้างรึไง” แก้วที่มีศักดิ์เป็นพี่เลยถือโอกาสพูดต่อว่า
 
“แล้วยังไง ฉันไม่ได้ต้องการให้ยัยนั่นมาดูแล..”
 
“เดี๋ยวนะ! นายเรียกพี่ฟางว่ายัยนั่นหรอ! อะไรของนายฮะบ้าไปแล้วรึไง!” แก้วกระทืบเท้าด้วยความหงุดหงิด ไอ้ลูกพี่ลูกน้องเขาเนี่ยชักจะบ้าไปแล้วจริงๆ เมื่อก่อนล่ะเรียกฟางครับอย่างนู้นอ้อนอย่างนี้
 
            แต่พอมาตอนนี้ต่างกันลี้ลับ จากหลังมือเป็นฝ่าเท้าเลยว่ะ…
 
 
“เฮ้ย!!” แก้วง้างประตูไว้เมื่อป๊อปปี้เตรียมท่าจะปิดมัน
 
 
“เป็นบ้าอะไรวะ! ออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้!” ป๊อปปี้ตะคอกใส่ลูกพี่ลูกน้องตัวเองเมื่อร่างเล็กถือวิสาสะเข้ามาในห้องเขาโดยไม่ได้รับอนุญาต
 
“นายทำให้พี่ฟางลำบากมากแค่ไหนรู้บ้างรึเปล่า! นายรู้มั้ยว่าหลังจากที่ฉันรู้ว่าพี่ฟางต้องมาดูแลนายเนี่ยฉันตกใจมากแค่ไหน!”
 
“…”
 
“เมื่อก่อนนายกับพี่ฟางรักกันมากจนฉันอิจฉา แต่ตอนนี้นายเปลี่ยนไปเยอะมากจริงๆป๊อป..พี่เขาต้องมาเจ็บตัวเพราะนาย! พี่ฟางเธอเป็นคนดีนายควรจะตอบแทนเธอ!” แก้วเผชิญหน้ากับป๊อปปี้ที่ยังคงมีหน้านิ่ง หากแต่คงไม่มีใครรู้ว่าลึกๆแล้วป๊อปปี้รู้สึกยังไง
 
“ออกไปซะ”
 
“และสิ่งเดียวที่นายจะตอบแทนพี่เขาได้คือ!..เห้ย!!เดี๋ยวๆ” เมื่อคำพูดสุดท้ายจะเอ่ยออกมาแก้วก็ถูกเซฮุนลากออกมาจนอยู่หน้าห้อง
 
“ไปซะ..” พูดจบป๊อปปี้ก็ปิดประตูลงแล้วล็อกกลอนไว้ ถึงอย่างนั้นเสียงเล็กที่ดังเล็ดลอดเขามาก็ยังไม่ขาดแล้วเขาก็จำมันขึ้นใจ
 
“นายต้องไปเรียนนะป๊อป!พี่ฟางต้องการแค่นี่จริงๆ!นายได้ยินมั้ย!!”
           
            ก็ไม่รู้ว่าทำไมป๊อปปี้ถึงได้ยืนนิ่งอยู่กับที่เมื่อได้ยินประโยคนั้นของแก้ว สิ่งเดียวที่เขาจะตอบแทนฟางได้ก็คือ..ต้องไปเรียน เพียงแค่นั้นมันก็แค่เรื่องเล็กน้อย แต่ทำไมเขาต้องใส่ใจกับคำพูดของยัยนั่นด้วย
 
            ป๊อปปี้เอนตัวลงนอนบนเตียงอีกครั้ง ภาพฟางที่ล้มลงไปกับพื้นพร้อมเลือดที่ไหลออกมาไม่ขาด นึกถึงตอนที่เขาตัดสินใจอุ้มฟางลงไปทำแผล ป๊อปปี้ไม่ปฎิเสธว่ากำลังเป็นห่วงฟาง แต่ใจนึงมันก็บอกว่าไม่ควรทำอย่างนั้น…
 
“เมื่อก่อนนายกับพี่ฟางรักกันมากจนฉันอิจฉา แต่ตอนนี้นายเปลี่ยนไปเยอะมากจริงๆ   ป๊อปปี้..พี่ฟางต้องมาเจ็บตัวเพราะนายอ่ะ! พี่ฟางเธอเป็นคนดีนายควรจะตอบแทนเธอ!”
 
“นายต้องไปเรียนนะป๊อป!พี่ฟางต้องการแค่นี่จริงๆ!นายได้ยินมั้ย!!”
 
            คำพูดยังคงติดอยู่ในโสตประสาทไม่หาย ป๊อปปี้กำลังสับสน เขากำลังสับสนกับคำถามต่างๆนาๆว่าเขาควรจะตอบแทนฟางหรือจะไม่สนคำพูดของใครแล้วเก็บตัวไว้อย่างเดิม…
 
            ป๊อปปี้แค่ยังไม่รู้ว่าเขาควรทำยังไง…กับความรู้สึกนี้
 
 
 
            แสงแดดลอดผ่านผ้าม่านบาง ส่งผลให้ร่างบางที่ยังคงหลับใหลอยู่บนเตียงต้องปลือตาขึ้นมาอย่างยากลำบาก เพียงแค่จะยันตัวเองขึ้นนั่งก็กระทบต่อแผลบนหน้าผากตั้งแต่เมื่อคืนที่เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย หลังจากที่เธอได้ยินเสียงแก้วเธอก็เริ่มอยู่ไม่สุข เมื่อรู้ว่าแก้วไปบอกให้ป๊อปปี้ตอบแทนพระคุณเธอ ซึ่งความจริงแล้วฟางไม่ได้ต่างการแบบนั้น
 
            ถึงจะไม่รู้ว่าป๊อปปี้จะทำตามที่แก้วบอกหรือไม่ แต่ฟางก็พอจะเดาได้ว่าป๊อปปี้คงไม่ยอมเชื่อฟังคำพูดใครอีกต่อไปแล้ว เ
 
 
ปัง!
 
            หากแต่เสียงปิดประตูของห้องข้างๆทำให้ฟางตกใจไม่น้อย ความหวังลึกๆว่าป๊อปปี้อาจจะไปโรงเรียน ฟางยันตัวเองขึ้นจากเตียงมืออีกข้างยังคงแตะแผลบนหน้าผากตัวเองเบาๆ เพื่อคลายความเจ็บจี๊ดอยู่
 
 
แอ๊ดดดดด
 
            เมื่อฟางเปิดประตูออกมาสิ่งที่เธอเห็นมันทำให้หัวใจพองโตอย่างเหลือเชื่อ…
 
“ป๊อปปี้…”
 
            ร่างสูงในคราบของชุดนักเรียนเผยขึ้น…
 
“….”
 
“นี่นาย…”  ฟางอ้าปากหว๋อ เมื่อเห็นร่างสูงในชุดเครื่องแบบ เมื่อป๊อปปี้หยุดเดินแล้วหันมามองคนตัวเล็ก แล้วเอ่ยประโยคหนึ่งขึ้น
 
“ที่ฉันทำไปฉันไม่ได้อยาก…”
 
ผรึบ!
 
“O_O”
 
"ป๊อปฉันไม่ได้ฝันไปใช่มั๊ย! นายกำลังจะไปโรงเรียนจริงใช่มั๊ย! ขอบคุณนะป๊อป ขอบคุณจริงๆ! ฉันภูมิใจในตัวนายนะป๊อปปี้!” 
 
  ฟางไม่ปฏิเสธหรอกว่าตอนนี้กำลังดีใจมากที่สุดในโลกกกก แต่สิ่งที่เธอไม่คาดคิดไม่ได้พลาดพลั้งตัวเอง ถือวิสาสะกอดป๊อปปี้นี่สิ….
 
“ย่าห์!” แรงพิฆาตจากคนถูกกอดก็ผลักร่างฟางให้ออกห่างอย่างรวดเร็ว
 
“ฮ่าฮ่า โทษทีฉันดีใจมากเกินไปหน่อย”
 
“ฉันไม่ขำ และไม่มีเวลามายิ้มร่าแบบเธอหรอกนะฟาง" ป๊อปปี้เอ่ยเสียงแข็ง ทำเอาคนตรงหน้าได้แต่เงียบกริบ
 
“…..”
 
“ที่ฉันไปโรงเรียนก็เพราะแม่…ไม่ใช่เธอ”
  
            แม้ความจริงแล้วมันจะไม่ใช่แบบนนั้นทั้งหมดแต่ป๊อปปี้ก็ไม่อากพูดมันเท่าไหร่
 
            เมื่อคืนป๊อปปี้นอนไม่หลับ เพราะเขาก็ไม่อยากให้ใครต้องมาเจ็บตัวเพราะเขา..ไหนจะคำพูดของลูกพี่ลูกน้องตนอย่างแก้วแล้ว ก็ยิ่งนอนไม่หลับเข้าไปใหญ่ ป๊อปปี้ได้แต่คิดทบทวนไปมาเขาไม่เป็นแบบนี้มานานแค่ไหน แต่หลังจากที่เห็นสายตาคู่นั้นเขาปฏิเสธไม่ได้ว่าเขารู้สึกพ่ายแพ้ไปโดยดี
 
“ไม่เป็นไรหรอก…โอ๊ะ!นายรอตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวฉันมา” ฟางว่าจบก็วิ่งกลับเข้าไปในห้อง ปล่อยให้ร่างสูงยืนนิ่ง 
 
            ไม่นานนักร่างเล็กก็วิ่งออกมาจากในห้องตัวเอง ในมือถือกล่องพลาสติกที่มีคุกกี้อยู่อย่างเดิมฟางหยุดยืนตรงหน้าป๊อปปี้แล้วยื่นคุกกี้ให้
 
“นี่คุกกี้ ของชอบนายนี่ฉันจำได้” เธอว่า
 
“ไม่ต้อง” ป๊อปปี้ปัดมือฟางให้ออกห่าง สองแขนกระชับกระเป๋าเป้ก่อนจะเดินลงบันไดไปชั้นล่าง  ฟางนที่ตามมาติดๆก็ดึงกระเป๋าเป้อีกคนไว้
 
“เอาไปเถอะน่า! เมื่อวานแก้วอุตส่าห์มาช่วยทำให้อ่ะ นะๆป๊อป” ฟางเขย่ากระเป๋าป๊อปปี้จนเจ้าของกระเป๋าหันหลังกลับมาเผชิญหน้ากับคนตัวเล็ก แล้วสบตาเข้ากับดวงตาคู่นั้นอีกครั้งที่มันยังตามหลอกหลอนเขาอยู่เมื่อคืน
 
ผลึ่บ!
 
            ป๊อปปี้หยิบกล่องคุกกี้มาจากมือร่างเล็ก เรียกรอยยิ้มของฟางให้เผยกว้างขึ้น ก่อนที่เขาจะเดินออกจากบ้านไปตามด้วยฟางที่เดินมาส่งถึงหน้าประตูรั้ว
 
“ป๊อปตั้งใจเรียนนะ!!!” เสียงเล็กที่ตามหลังป๊อปปี้หลังจากที่ร่างสูงเดินออกไปไกลแล้ว
 
 
“ป๊อปปี้มาเรียนด้วยล่ะแกรรร”
“จริงหรอ พี่น่ะหรอ แปลกจังเลยอ่ะ”
“ทำไมหล่อขึ้นเป็นกองเลยล่ะ กรี้ดดด”
 
            สองขายาวเดินมาเรื่อยจนมาถึงหน้าโรงเรียนเสียงกรี้ดกร้าดของหญิงสาวที่ดังมาตลอดทาง แน่นอนว่ามันเป็นที่น่าแปลกใจอยู่แล้วเมื่อป๊อปปี้ไม่ได้มาเรียนหลายปีมาทีก็ตอนสอบ เห็นมาเรียนแบบนี้ก็ยิ่งเป็นที่น่าสนใจเข้าไปใหญ่
 
            หากแต่ฝีเท้าจำต้องชะงักอยู่กับที่เมื่อได้ยินเสียงแหลมดังขึ้นด้านหลัง…
 
“ป๊อปมาเรียนแล้วหรอ คิดถึงจะแย่!!!” หญิงสาวเจ้าของเสียงแหลมนั่นดังขึ้นแล้วเข้ามาควงแขนร่างสูงอย่างถือวิสาสะ
 
ผลึ่บ!
 
            หญิงสาวหุบยิ้มพลันเมื่อป๊อปปี้เป็นฝ่ายปัดแขนเธอออกอย่างไม่ใยดี ก่อนที่จะนำมือสอดในกระเป๋ากางเกง แล้วเดินออกไปทิ้งไว้ให้เธอยืนหน้าหงอยเพียงลำพัง
 
            ป๊อปปี้เดินเข้ามาในห้อง ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่เขาเป็นหนึ่งเดียว…หากแต่ร่างสูงกลับไม่ได้สนใจ เขาเดินตรงไปยังที่นั่งของตัวเองที่ยังคงว่างอยู่
 
 “ไอป๊อปนี่มึงตายแล้วฟื้นรึไงวะ”  เสียงเพื่อนโคตรสนิทอย่างเขื่อนดังขึ้นพร้อมกับร่างของผู้ชายตัวสูงเสียงเข้มอีกคน
 
นามว่าโทโมะ…
 
“กูก็นึกว่ามึงถูกหามเข้าเมนเผาไปแล้วซะอีก”
 
“…กูสบายดี” ป๊อปปี้ตอบแต่ยังคงทำหน้านิ่งอยู่อย่างเดิม
 
“แล้วนึกยังไงถึงมาเรียนได้ล่ะวะ”  คำถามนี้เล่นเอาคนฟังถึงกับหยุดชะงึก..ป๊อปปี้เงียบไปสักพักก่อนจะหยิบหูฟังขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วเสียบกับโทรศัพท์อย่างเช่นเคย ปล่อยให้เขื่อนและโทโมะมองหน้ากันแล้วเกาหัวแก้เครียด
           
“มันเรื่องของกู” ป๊อปปี้ตอบโดยไม่ยอมสบตากับใครอย่างเคย
 
“เออๆก็ได้ แต่มึงรู้…” โทโมะว่า แต่ก็ต้องหยุดกลางคัน เมื่อหันไปดูเพื่อนสนิทที่หลับตาฟังเพลงอย่างเคลิบเคลิ้ม
 
“ไอสัส!มึงช่วยฟังกูพูดหน่อยดิวะ!” โทโมะตัดสินใจดึงหูฟังของป๊อปปี้ออกในที่สุด เจ้าของหูฟังหันหน้าแล้วเลิกคิ้วด้วยความสงสัย
 
“อะไรของมึง”
 
“มึงหายหัวไปนานคงไม่รู้หรอกใช่มั้ยวะว่าวงดนตรีตอนนี้เป็นยังไงแล้ว! มึงช่วยฟังกูด้วยครับเพื่อนรัก” โทโมะเอ่ยด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว ก่อนจะยกมือขึ้นเกาหัวตัวเองเมื่อพูดถึงวงดนตรีที่ทำร่วมกันสี่คน
 
“…”
 
“วงดนตรีของเรามันแย่ลงตั้งแต่มึงหายหัวไป ค่าใช้จ่ายต่างๆนาๆก็เยอะเป็นกองมรดก อีกอย่างพี่กวินก็จะไม่ช่วยเป็นสปอนเซอร์ให้แล้วนะเว้ย!” เพียงเท่านั้นป๊อปปี้ก็คิ้วชนกันเป็นปม
 
            วงดนตรี ‘TWO MOON’ ของเขาคงจะแย่หากไม่มีสปอนเซอร์ยักษ์อย่างกวิน อย่างที่บอกว่ากวินเป็นสปอนเซอร์ให้คือการสนับสนุนและช่วยเกื้อกูลวงดนตรีทูมูนให้ได้โด่งดังมากขนาดนี้ ไม่มีกวินป่านนี้วงดนตรีเล็กๆคงไม่ดังมากขนาดนี้..
 
            ที่บอกว่าดังมากคือดังมากที่สุดในโรงเรียนของกรุงเทพฯอ่ะนะ..
 
“มึงต้องไปคุยกับพี่เขานะเว้ยไอป๊อ..อ้ะ..อ้าว ไอป๊อป!ไอป๊อป!” เพื่อนสนิทพูดไม่ทันจบประโยคป๊อปปี้ก็ดันลุกจากที่นั่งแล้วเดินตรงดิ่งออกไปหน้าห้องอย่างรวดเร็ว
 
“ไอเขื่อน!มึงจะให้ไอเชี่ยป๊อปไปคุยกับพี่กวินเนี่ยนะ!ไอสัส!มึงใช้อะไรคิดวะ!” โทโมะตบกะบาลเพื่อนรักด้วยความโกรธ เขื่อนครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก็ต้องสบถออกมา
 
 
“ชิบหาย!เวรแล้วไงมึง!!”
 

 
เกิดอะไรขึ้น!!! โปรดติดตามตอนต่อไปด้วย
ขอเม้นนนนน โหวตตตตต กดไลค์และติดตามได้ครัช
 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.2 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา