THE WAY OF LOVE.หลงทางรัก
9.9
เขียนโดย OUM_PF
วันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 16.46 น.
24 ตอน
245 วิจารณ์
40.71K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2557 18.24 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น
9)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความTHE WAY OF LOVE.หลงทางรัก
ตอนที่๙
เป็นเวลาร่วมหนึ่งเดือนแล้วที่หลังจากวันนั้นธนันต์ธรญ์ไม่ได้พบภาณุอีกเลย ทั้งๆที่
เพื่อนของเขา...ปริญ แวะเวียนมาที่นี่เกือบจะทุกวัน แต่กลับไร้เงาของภาณุ
เธออยากจะถามถึงเขา แต่ก็ไม่กล้าพอ เพราะเธอไม่มีสิทธิ์แม้กระทั่งจะอยากรู้ความเป็นไปของ
ชีวิตเขา ระหว่างเธอและเขาเป็นแค่คนรู้จักกันเท่านั้น เธอนี่เริ่มจะบ้าขึ้นทุกวันที่เอาแต่คิดถึงผู้ชาย
คนนั้น ทั้งที่ความจริงแล้วเขาไม่ได้คิดถึงเธอแบบที่เธอกำลังคิดถึงเขา น่าสมเพชตัวเองชะมัด
“คุณฟางคะ”
“คะ”เธอหันไปยิ้มให้นิษฐา น้องสาวของปริญที่มักตามพี่ชายมาที่นี่ทุกครั้ง เธอเป็น
คนอัธยาศัยดี ขนาดเธอที่เพิ่งจะรู้จักกันแค่หนึ่งเดือนยังรู้สึกเหมือนกับว่าเป็นเพื่อนที่สนิทกันมา
นาน
“คือน้องทำขนมหม้อแกงเมื่อวานน่ะค่ะ แต่เนื้อมันไม่เนียนแถมขรุขระอีก”เธอว่า
พลางทำหน้ามุ่ย เธอยิ้มน้อยๆก่อนจะเอ่ย
“ถ้านั้นตามมาสิคะ เย็นนี้เราทานขนมหม้อแกงเป็นของหวานดีไหมคะ”
“ดีค่ะ น้องจะได้รู้ตัวเองว่าทำผิดสูตรตรงไหน”
ปริญมองสองร่างบอบบางของน้องสาวและธนันต์ธรญ์ที่เดินหายเข้าไปในครัว เขา
รู้สึกดีใจไม่น้อยที่นิษฐาก็ชอบในตัวของธนันต์ธรญ์ ทั้งเธอยังคอยหนุนหลังเขาอีก แม้ว่ากำลังใจจะ
ดีขนาดไหน แต่ทุกครั้งที่เขาพยายามเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของธนันต์ธรญ์มันก็เหมือนมี
กำแพงที่เธอสร้างขึ้นมาเพื่อกั้นเขาและเธอให้ออกห่างกันไป...
“คุณปริ้นซ์ มายืนทำอะไรตรงนี้คะ”เขาหันไปตามเสียงหวานของพิมประภา เธออยู่ใน
ชุดนักศึกษา ให้เดาว่าคงเพิ่งจะกลับมาจากการฝึกงาน หลังจากเธอเพิ่งเอาเฝือกใส่ขาออก
“เปล่าครับ กลับมานานแล้วหรอครับ”
“ไม่ค่ะ เพิ่งเดินเข้ามา วันนี้พี่ฟางกับคุณน้องทำเมนูอะไรกันอีกคะเนี่ย”เขายิ้ม เขา
และน้องสาวกลายเป็นแขกประจำของที่นี่ไปแล้ว ขนาดพิมประภายังเลือกที่จะถามคำถามอื่น
แทนที่จะถามว่าเขามาทำอะไรที่บ้านนี้
“ไม่รู้เหมือนกันครับ แต่ได้ยินว่าเย็นนี้มีขนมหม้อแกง”
“อ้อ ถ้านั้นพิมขอตัวก่อนนะคะ มีงานบางอย่างที่พิมไม่ค่อยจะเข้าใจ ขอไปทำความ
เข้าใจก่อน อะไรก็ไม่รู้เยอะแยะไปหมด”หญิงสาวบ่น ขณะทำหน้าเหนื่อยหน่าย เขาหัวเราะก่อนจะ
ขันอาสา
“ให้ผมช่วยสอนไหม”
“ไม่เป็นไรค่ะ เกรงใจแย่เลย”เธอยิ้มน้อยๆ
“ไม่เป็นไรครับ ผมมาฝากท้องที่นี่ทุกวันต้องตอบแทนบุญคุณเจ้าของบ้าน มาสิ
ครับ”เขาจูงข้อมือเล็กของพิมประภามานั่งที่โต๊ะม้าหินอ่อน หญิงสาวเริ่มกางแฟ้มเอกสาร ก่อนจะ
ซักไซ้ถามในสิ่งที่ไม่เข้าใจ และเขาก็เริ่มอธิบายให้เธอฟังเป็นอย่างๆไป นักเรียนที่ดีก็นั่งฟังอย่าง
ตั้งใจ และบางครั้งก็มีคำถาม...
พิมประภารู้สึกว่าหัวใจของเธอเต้นแรงราวกับจะทะลุออกมานอกอก ใบหน้าของเธอ
ร้อนฉ่า ยิ่งได้มองปริญใกล้ๆหัวใจของเธอยิ่งเต้นแรง มือของเธอเย็นเฉียบไปหมด แค่คุยกับเขาก็
เกร็งจะแย่ แต่นี้เขานั่งใกล้ขนาดนี้ แถมสอนโน่นสอนนี่ให้เธออย่างตั้งใจ มันทำให้หัวใจดวงน้อย
ของเธออบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก...
นิษฐาจัดแจงวางอาหารลงบนโต๊ะอาหารของบ้านหลังน่ารัก เธอมองอาหารฝีมือของ
ตัวเองและธนันต์ธรญ์ด้วยรอยยิ้ม ตั้งแต่เธอมาที่นี่ก็ได้อะไรกลับไปหลายอย่างทีเดียว แถมยังได้
คลายเครียดจากงาน จากคู่หมั้นหนุ่มที่ไม่ค่อยมีเวลาให้ คิดแล้วก็น่าน้อยใจเสียจริง...
แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อภัทรกรก็ลำบากเช่นกันที่ผันตัวมาเป็นไม้ค้ำยันให้จิระคุณ
บริษัทของเขาแม้จะเติบโตขึ้นกว่าเดิมมาก แต่ปัญหาก็ใหญ่มากขึ้นเช่นกัน...
“พิมกำลังให้คุณปริ้นซ์สอนงานอยู่น่ะค่ะ”เธอหันไปยิ้มให้ธนันต์ธรญ์
“รอก่อนก็ได้ค่ะ น้องก็ยังไม่ค่อยหิวเท่าไหร่”
“ค่ะ เป็นไงบ้างคะ รู้รึยังว่าตรงไหนที่ผิดพลาด”เธอยิ้มแหยๆ ก่อนจะเอ่ย
“คงใส่แป้งมากไปน่ะคะ ขอบคุณคุณฟางมากนะคะที่ช่วยสอนน้อง ขโมยวิชามาจาก
คุณฟางได้เยอะแยะเลย”
“ยินดีค่ะ อย่างนี้แฟนคุณน้องคงหลงแย่เลยใช่ไหมคะ”เธอหน้ามุ่ยลง ก่อนจะเริ่มเอ่ย
“เขาไม่สนใจจะทานหรอกค่ะรายนั้น วันๆสนใจแต่บริษัท แต่ก็อย่างว่าแหละค่ะ เขาก็
เสียสละมากที่ตัดสินใจรวมเข้ากับบริษัทในเครือจิระคุณ”
“ฟางถามได้ไหมคะ”เธอเลิกคิ้ว ก่อนจะยิ้มบางๆเมื่ออีกฝ่ายมีท่าทีเกรงใจ
“ได้สิคะ ถามได้ทั้งนั้นแหละค่ะ คุณฟางเป็นเพื่อนน้องแล้วนะคะ”
“คุณภาณุเขา...เอ่อ เขา...”เธอยิ้มเมื่อธนันต์ธรญ์มีท่าทีอึกอัก เธอจึงเป็นฝ่ายเริ่ม
เล่าปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นเสียเอง
“ตอนนี้ที่บริษัทกำลังมีปัญหาเรื่องการฉ้อฉลของใครบางคนค่ะ พี่ป๊อปเขาเลยเริ่ม
ยุทธการเชือดไก่ให้ลิงดู ตานั่นวันๆก็ไม่ทำอะไรหรอกค่ะ ทำแต่งาน อายุก็ปาเข้าไป
สามสิบสองแล้ว อีกสามวันก็สามสิบสามพอดิบพอดี แฟนก็ยังหาไม่ได้กับเขาสักคนเลยค่ะ”
“เขายังไม่มีแฟนหรอคะ”เธอถอนหายใจ เมื่อนึกๆไปแล้ว คนที่น่าเห็นใจที่สุด คือคน
ที่ทรงอำนาจที่สุด เขาต้องแบกรับปัญหาทุกอย่างไว้คนเดียว
“ค่ะ น้องจะเล่าให้ฟัง...คุณฟางเคยได้ยินเรื่องระหว่างจิระคุณกับพีรญาณ์มาบ้างไหมคะ”
“ไม่ค่ะ พอดีฟางไม่ค่อยสนใจแวดวงธุรกิจ”เธอพยักหน้า ก่อนจะเริ่มเล่าต่อ
“เรามีเรื่องขัดแย้งกันมาเป็นเวลานานแล้วล่ะค่ะ ถ้านับไม่ผิดก็คงสามชั่วอายุคน พ่อ
แม่ของน้องกับพี่ป๊อปเสียในอุบัติเหตุที่มีใครบางคนจงใจให้เกิด แต่คนที่เขาจับตัวได้ไม่ยอม
ซักทอด จึงไม่สามารถจับต้นตอที่แท้จริงเข้าคุกได้ พี่เขาต้องขึ้นเป็นประธานตั้งแต่อายุแค่ยี่สิบห้า
ตอนนั้นทุกอย่างวุ่นวายมาก น้องเองก็ยังเด็กไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรมาก แต่เราผ่านช่วงเวลานั้นมาได้
เพราะพี่ป๊อปกับพี่ปริ้นซ์ช่วยกันประคองให้มันผ่านมา...”
“คงหนักหนาสำหรับเขามากเลยนะคะ”เธอพยักหน้าเห็นด้วย
“ค่ะ นั่นทำให้ตาแก่สองคนเป็นคนที่จริงจังกับชีวิตม้ากมาก แต่พี่ป๊อปนี่น่าจะอาการ
หนักกว่าเป็นไหนๆ ถึงกับบอกว่าชาตินี้จะไม่รักใคร ฮ่าๆ”เธอหัวเราะเมื่อนึกถึงคำพูดของญาติผู้พี่
“ทำไมล่ะคะ”
“บอกตามตรงนะคะ ชีวิตของเราแขวนอยู่บนเส้นด้าย ไม่รู้เลยว่าวินาทีไหนจะถูกลูก
กระสุนคร่าเอาชีวิตไป หากต้องการที่จะอยู่อย่างสงงบสุข ก็มีเพียงทางเดียวคือต้องกำจัดพีรญาณ์
ให้ได้”
ธนันต์ธรญ์กลืนน้ำลายเหนียวๆลงคอ จริงด้วยที่เขาไม่ใช่แค่นักธุรกิจธรรมดา
นี่มันเข้าข่ายมาเฟียที่ต้องฆ่าล้างกันเพื่อแย่งชิงเอาอำนาจเลยนี่นา เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่า
ยังมีเรื่องแบบนี้อยู่จริงๆ แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เพราะเธอประสบมากับตัว
ครั้งนั้นที่ยืนคุยกับเขาไม่เท่าไหร่ ลูกกระสุนที่ไหนไม่รู้ก็มาผ่าเนื้อเข้าไปฝังในหัวไหล่ซ้ายของเขา
เธอไม่อยากจะคิดเลยว่าหากวันนั้นมือปืนไม่พลาด ลูกกระสุนนั้นอาจจะตัดผ่านขั้วหัวใจก็เป็นได้
“แต่คุณฟางอย่าคิดว่าเราจะไปฆ่าล้างโคตรใครนะคะ แค่ให้กฏหมายจัดการกับคนผิด
ก็เท่านั้น”
“อ๋อ ค่ะ เพราะอย่างนี้เขาถึงไม่มาที่นี่เลยสินะคะ”
“ไว้วันหลังน้องจะชวนพี่ป๊อปมานะคะ”
“เอ่อ...ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ คือฟาง...”
“มาแล้ว...โอ้โห วันนี้กับข้าวน่ากินสุดๆ”เสียงหวานร่าเริงของพิมประภาเอ่ยขึ้นขัดบท
สนทนาระหว่างธนันต์ธรญ์และนิษฐา ร่างสูงโปร่งเดินมานั่งบนเก้าอี้ก่อนจะเอ่ยทักทายนิษฐา
“สวัสดีค่ะคุณน้อง มาทำอาหารขุนพิมทุกวันอย่างนี้พิมก็อ้วนแย่สิคะเนี่ย”
นิษฐาหัวเราะน้อยๆ
“มาขโมยวิชาคุณฟางต่างหากค่ะ เราทานกันเลยดีไหมคะ”
“ดีมาก เพราะพี่กำลังหิวอยู่พอดี”ปริญเอ่ยเสริม ก่อนทุกคนจะเริ่มลงมือรับประทาน
อาหารกัน โต๊ะอาหารเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะพูดคุยอย่างสนุกสนานเช่นทุกวัน ปริญได้แต่หวังว่า
เขาจะสามารถพังกำแพงนี้เข้าไปอยู่ในหัวใจของธนันต์ธรญ์ได้สำเร็จ...
มาแล้ววว แฮ่ เรียนเหนื่อยจัง เมื่อไหร่จะปิดเทอมอีก 555
เราขอเม้น+โหวตเป็นกำลังใจหน่อยน้า มันเป็นอะไรเล็กๆน้อยๆที่ทำให้เราโคตรหายเหนื่อยเลย
เห็นใจเราหน่อยนะ ที่เราเอานิยายลงทุกวันเพราะว่าอยากได้เม้น อยากรู้ว่ารีดเดอร์รู้สึกยังไงกับ
นิยายเราบ้าง ไม่ใช่ว่าอ่านแล้วก็ออกไป ขอโทษนะถ้าทำให้รู้สึกว่าเราเยอะไป
ตอนที่๙
เป็นเวลาร่วมหนึ่งเดือนแล้วที่หลังจากวันนั้นธนันต์ธรญ์ไม่ได้พบภาณุอีกเลย ทั้งๆที่
เพื่อนของเขา...ปริญ แวะเวียนมาที่นี่เกือบจะทุกวัน แต่กลับไร้เงาของภาณุ
เธออยากจะถามถึงเขา แต่ก็ไม่กล้าพอ เพราะเธอไม่มีสิทธิ์แม้กระทั่งจะอยากรู้ความเป็นไปของ
ชีวิตเขา ระหว่างเธอและเขาเป็นแค่คนรู้จักกันเท่านั้น เธอนี่เริ่มจะบ้าขึ้นทุกวันที่เอาแต่คิดถึงผู้ชาย
คนนั้น ทั้งที่ความจริงแล้วเขาไม่ได้คิดถึงเธอแบบที่เธอกำลังคิดถึงเขา น่าสมเพชตัวเองชะมัด
“คุณฟางคะ”
“คะ”เธอหันไปยิ้มให้นิษฐา น้องสาวของปริญที่มักตามพี่ชายมาที่นี่ทุกครั้ง เธอเป็น
คนอัธยาศัยดี ขนาดเธอที่เพิ่งจะรู้จักกันแค่หนึ่งเดือนยังรู้สึกเหมือนกับว่าเป็นเพื่อนที่สนิทกันมา
นาน
“คือน้องทำขนมหม้อแกงเมื่อวานน่ะค่ะ แต่เนื้อมันไม่เนียนแถมขรุขระอีก”เธอว่า
พลางทำหน้ามุ่ย เธอยิ้มน้อยๆก่อนจะเอ่ย
“ถ้านั้นตามมาสิคะ เย็นนี้เราทานขนมหม้อแกงเป็นของหวานดีไหมคะ”
“ดีค่ะ น้องจะได้รู้ตัวเองว่าทำผิดสูตรตรงไหน”
ปริญมองสองร่างบอบบางของน้องสาวและธนันต์ธรญ์ที่เดินหายเข้าไปในครัว เขา
รู้สึกดีใจไม่น้อยที่นิษฐาก็ชอบในตัวของธนันต์ธรญ์ ทั้งเธอยังคอยหนุนหลังเขาอีก แม้ว่ากำลังใจจะ
ดีขนาดไหน แต่ทุกครั้งที่เขาพยายามเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของธนันต์ธรญ์มันก็เหมือนมี
กำแพงที่เธอสร้างขึ้นมาเพื่อกั้นเขาและเธอให้ออกห่างกันไป...
“คุณปริ้นซ์ มายืนทำอะไรตรงนี้คะ”เขาหันไปตามเสียงหวานของพิมประภา เธออยู่ใน
ชุดนักศึกษา ให้เดาว่าคงเพิ่งจะกลับมาจากการฝึกงาน หลังจากเธอเพิ่งเอาเฝือกใส่ขาออก
“เปล่าครับ กลับมานานแล้วหรอครับ”
“ไม่ค่ะ เพิ่งเดินเข้ามา วันนี้พี่ฟางกับคุณน้องทำเมนูอะไรกันอีกคะเนี่ย”เขายิ้ม เขา
และน้องสาวกลายเป็นแขกประจำของที่นี่ไปแล้ว ขนาดพิมประภายังเลือกที่จะถามคำถามอื่น
แทนที่จะถามว่าเขามาทำอะไรที่บ้านนี้
“ไม่รู้เหมือนกันครับ แต่ได้ยินว่าเย็นนี้มีขนมหม้อแกง”
“อ้อ ถ้านั้นพิมขอตัวก่อนนะคะ มีงานบางอย่างที่พิมไม่ค่อยจะเข้าใจ ขอไปทำความ
เข้าใจก่อน อะไรก็ไม่รู้เยอะแยะไปหมด”หญิงสาวบ่น ขณะทำหน้าเหนื่อยหน่าย เขาหัวเราะก่อนจะ
ขันอาสา
“ให้ผมช่วยสอนไหม”
“ไม่เป็นไรค่ะ เกรงใจแย่เลย”เธอยิ้มน้อยๆ
“ไม่เป็นไรครับ ผมมาฝากท้องที่นี่ทุกวันต้องตอบแทนบุญคุณเจ้าของบ้าน มาสิ
ครับ”เขาจูงข้อมือเล็กของพิมประภามานั่งที่โต๊ะม้าหินอ่อน หญิงสาวเริ่มกางแฟ้มเอกสาร ก่อนจะ
ซักไซ้ถามในสิ่งที่ไม่เข้าใจ และเขาก็เริ่มอธิบายให้เธอฟังเป็นอย่างๆไป นักเรียนที่ดีก็นั่งฟังอย่าง
ตั้งใจ และบางครั้งก็มีคำถาม...
พิมประภารู้สึกว่าหัวใจของเธอเต้นแรงราวกับจะทะลุออกมานอกอก ใบหน้าของเธอ
ร้อนฉ่า ยิ่งได้มองปริญใกล้ๆหัวใจของเธอยิ่งเต้นแรง มือของเธอเย็นเฉียบไปหมด แค่คุยกับเขาก็
เกร็งจะแย่ แต่นี้เขานั่งใกล้ขนาดนี้ แถมสอนโน่นสอนนี่ให้เธออย่างตั้งใจ มันทำให้หัวใจดวงน้อย
ของเธออบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก...
นิษฐาจัดแจงวางอาหารลงบนโต๊ะอาหารของบ้านหลังน่ารัก เธอมองอาหารฝีมือของ
ตัวเองและธนันต์ธรญ์ด้วยรอยยิ้ม ตั้งแต่เธอมาที่นี่ก็ได้อะไรกลับไปหลายอย่างทีเดียว แถมยังได้
คลายเครียดจากงาน จากคู่หมั้นหนุ่มที่ไม่ค่อยมีเวลาให้ คิดแล้วก็น่าน้อยใจเสียจริง...
แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อภัทรกรก็ลำบากเช่นกันที่ผันตัวมาเป็นไม้ค้ำยันให้จิระคุณ
บริษัทของเขาแม้จะเติบโตขึ้นกว่าเดิมมาก แต่ปัญหาก็ใหญ่มากขึ้นเช่นกัน...
“พิมกำลังให้คุณปริ้นซ์สอนงานอยู่น่ะค่ะ”เธอหันไปยิ้มให้ธนันต์ธรญ์
“รอก่อนก็ได้ค่ะ น้องก็ยังไม่ค่อยหิวเท่าไหร่”
“ค่ะ เป็นไงบ้างคะ รู้รึยังว่าตรงไหนที่ผิดพลาด”เธอยิ้มแหยๆ ก่อนจะเอ่ย
“คงใส่แป้งมากไปน่ะคะ ขอบคุณคุณฟางมากนะคะที่ช่วยสอนน้อง ขโมยวิชามาจาก
คุณฟางได้เยอะแยะเลย”
“ยินดีค่ะ อย่างนี้แฟนคุณน้องคงหลงแย่เลยใช่ไหมคะ”เธอหน้ามุ่ยลง ก่อนจะเริ่มเอ่ย
“เขาไม่สนใจจะทานหรอกค่ะรายนั้น วันๆสนใจแต่บริษัท แต่ก็อย่างว่าแหละค่ะ เขาก็
เสียสละมากที่ตัดสินใจรวมเข้ากับบริษัทในเครือจิระคุณ”
“ฟางถามได้ไหมคะ”เธอเลิกคิ้ว ก่อนจะยิ้มบางๆเมื่ออีกฝ่ายมีท่าทีเกรงใจ
“ได้สิคะ ถามได้ทั้งนั้นแหละค่ะ คุณฟางเป็นเพื่อนน้องแล้วนะคะ”
“คุณภาณุเขา...เอ่อ เขา...”เธอยิ้มเมื่อธนันต์ธรญ์มีท่าทีอึกอัก เธอจึงเป็นฝ่ายเริ่ม
เล่าปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นเสียเอง
“ตอนนี้ที่บริษัทกำลังมีปัญหาเรื่องการฉ้อฉลของใครบางคนค่ะ พี่ป๊อปเขาเลยเริ่ม
ยุทธการเชือดไก่ให้ลิงดู ตานั่นวันๆก็ไม่ทำอะไรหรอกค่ะ ทำแต่งาน อายุก็ปาเข้าไป
สามสิบสองแล้ว อีกสามวันก็สามสิบสามพอดิบพอดี แฟนก็ยังหาไม่ได้กับเขาสักคนเลยค่ะ”
“เขายังไม่มีแฟนหรอคะ”เธอถอนหายใจ เมื่อนึกๆไปแล้ว คนที่น่าเห็นใจที่สุด คือคน
ที่ทรงอำนาจที่สุด เขาต้องแบกรับปัญหาทุกอย่างไว้คนเดียว
“ค่ะ น้องจะเล่าให้ฟัง...คุณฟางเคยได้ยินเรื่องระหว่างจิระคุณกับพีรญาณ์มาบ้างไหมคะ”
“ไม่ค่ะ พอดีฟางไม่ค่อยสนใจแวดวงธุรกิจ”เธอพยักหน้า ก่อนจะเริ่มเล่าต่อ
“เรามีเรื่องขัดแย้งกันมาเป็นเวลานานแล้วล่ะค่ะ ถ้านับไม่ผิดก็คงสามชั่วอายุคน พ่อ
แม่ของน้องกับพี่ป๊อปเสียในอุบัติเหตุที่มีใครบางคนจงใจให้เกิด แต่คนที่เขาจับตัวได้ไม่ยอม
ซักทอด จึงไม่สามารถจับต้นตอที่แท้จริงเข้าคุกได้ พี่เขาต้องขึ้นเป็นประธานตั้งแต่อายุแค่ยี่สิบห้า
ตอนนั้นทุกอย่างวุ่นวายมาก น้องเองก็ยังเด็กไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรมาก แต่เราผ่านช่วงเวลานั้นมาได้
เพราะพี่ป๊อปกับพี่ปริ้นซ์ช่วยกันประคองให้มันผ่านมา...”
“คงหนักหนาสำหรับเขามากเลยนะคะ”เธอพยักหน้าเห็นด้วย
“ค่ะ นั่นทำให้ตาแก่สองคนเป็นคนที่จริงจังกับชีวิตม้ากมาก แต่พี่ป๊อปนี่น่าจะอาการ
หนักกว่าเป็นไหนๆ ถึงกับบอกว่าชาตินี้จะไม่รักใคร ฮ่าๆ”เธอหัวเราะเมื่อนึกถึงคำพูดของญาติผู้พี่
“ทำไมล่ะคะ”
“บอกตามตรงนะคะ ชีวิตของเราแขวนอยู่บนเส้นด้าย ไม่รู้เลยว่าวินาทีไหนจะถูกลูก
กระสุนคร่าเอาชีวิตไป หากต้องการที่จะอยู่อย่างสงงบสุข ก็มีเพียงทางเดียวคือต้องกำจัดพีรญาณ์
ให้ได้”
ธนันต์ธรญ์กลืนน้ำลายเหนียวๆลงคอ จริงด้วยที่เขาไม่ใช่แค่นักธุรกิจธรรมดา
นี่มันเข้าข่ายมาเฟียที่ต้องฆ่าล้างกันเพื่อแย่งชิงเอาอำนาจเลยนี่นา เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่า
ยังมีเรื่องแบบนี้อยู่จริงๆ แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เพราะเธอประสบมากับตัว
ครั้งนั้นที่ยืนคุยกับเขาไม่เท่าไหร่ ลูกกระสุนที่ไหนไม่รู้ก็มาผ่าเนื้อเข้าไปฝังในหัวไหล่ซ้ายของเขา
เธอไม่อยากจะคิดเลยว่าหากวันนั้นมือปืนไม่พลาด ลูกกระสุนนั้นอาจจะตัดผ่านขั้วหัวใจก็เป็นได้
“แต่คุณฟางอย่าคิดว่าเราจะไปฆ่าล้างโคตรใครนะคะ แค่ให้กฏหมายจัดการกับคนผิด
ก็เท่านั้น”
“อ๋อ ค่ะ เพราะอย่างนี้เขาถึงไม่มาที่นี่เลยสินะคะ”
“ไว้วันหลังน้องจะชวนพี่ป๊อปมานะคะ”
“เอ่อ...ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ คือฟาง...”
“มาแล้ว...โอ้โห วันนี้กับข้าวน่ากินสุดๆ”เสียงหวานร่าเริงของพิมประภาเอ่ยขึ้นขัดบท
สนทนาระหว่างธนันต์ธรญ์และนิษฐา ร่างสูงโปร่งเดินมานั่งบนเก้าอี้ก่อนจะเอ่ยทักทายนิษฐา
“สวัสดีค่ะคุณน้อง มาทำอาหารขุนพิมทุกวันอย่างนี้พิมก็อ้วนแย่สิคะเนี่ย”
นิษฐาหัวเราะน้อยๆ
“มาขโมยวิชาคุณฟางต่างหากค่ะ เราทานกันเลยดีไหมคะ”
“ดีมาก เพราะพี่กำลังหิวอยู่พอดี”ปริญเอ่ยเสริม ก่อนทุกคนจะเริ่มลงมือรับประทาน
อาหารกัน โต๊ะอาหารเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะพูดคุยอย่างสนุกสนานเช่นทุกวัน ปริญได้แต่หวังว่า
เขาจะสามารถพังกำแพงนี้เข้าไปอยู่ในหัวใจของธนันต์ธรญ์ได้สำเร็จ...
มาแล้ววว แฮ่ เรียนเหนื่อยจัง เมื่อไหร่จะปิดเทอมอีก 555
เราขอเม้น+โหวตเป็นกำลังใจหน่อยน้า มันเป็นอะไรเล็กๆน้อยๆที่ทำให้เราโคตรหายเหนื่อยเลย
เห็นใจเราหน่อยนะ ที่เราเอานิยายลงทุกวันเพราะว่าอยากได้เม้น อยากรู้ว่ารีดเดอร์รู้สึกยังไงกับ
นิยายเราบ้าง ไม่ใช่ว่าอ่านแล้วก็ออกไป ขอโทษนะถ้าทำให้รู้สึกว่าเราเยอะไป
คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ