[B2ST/Beast] Dream Story รักนี้ให้นาย...เจ้าชายอสูร

8.9

เขียนโดย Kreota

วันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 00.14 น.

  87 ตอน
  86 วิจารณ์
  97.50K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2557 22.21 น. โดย เจ้าของนิยายฟิคชั่น

แชร์นิยายฟิคชั่น Share Share Share

 

22) [Episode 2 :: Brighter Lover] # Chapter 10

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

Episode 2 Brighter Lover

:: Chapter 10 ::

 

                “เฮ้อ...ดูเสื้อฉันสิ เปียกหมดแล้ว”  โยซอบบ่นอุบขณะที่นั่งแท็กซี่ไปส่งฉันที่บ้าน ที่จริงฉันบอกเขาแล้วว่ากลับเองได้ แต่เขาก็ยังยืนกรานว่าจะมาส่งฉันที่บ้านให้ได้และดูเหมือนว่าจะไม่ยอมเปลี่ยนใจด้วย ฉันเลยต้องปล่อยเลยตามเลย =_=;

                “ก็ใครให้นายเอาไหล่มาให้ฉัน...ซบล่ะ -///-“  ประโยคสุดท้ายฉันรู้สึกขัดเขินแปลกๆ ที่ต้องพูดออกมา ฉันเลยต้องก้มหลบลงมามองมือตัวเอง บ้าจริง! นี่ฉันเขินหมอนี่มากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย -///-?

                “เธออยากรู้หรอ o_o?”  โยซอบหันมาถามฉันตาโต

                “อยากรู้อะไร -_-?”  ฉันอยากจะไปรู้อะไรตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะทีนี้

                “ก็เธอถามฉันว่า ใครให้ฉันเอาไหล่ให้เธอซบไง” 

                “นั่นมันไม่ใช่ประโยคคำถามย่ะ”  ฉันค้อนเขาทีหนึ่งก่อนจะมองออกไปนอกหน้าต่าง จะบ้าไปแล้วยัยเฝ้าฝัน เธอแอบยิ้มทำไมเนี่ย >///<!

                “ก็ฉันอยากบอกนี่ ^^”  อยู่ๆ โยซอบก็จับมือฉันไปกุมไว้ ก่อนจะเอามือของฉันไปวางไว้ที่อกข้างซ้ายของตัวเอง

                “นี่ไงที่สั่งให้ฉันทำ ^_^”  โยซอบส่งยิ้มอบอุ่นมาให้ฉัน จนฉันรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่เขาพยายามส่งมา

                “บ้าไปแล้วนายน่ะ! สมองต่างหากที่สั่งการให้คนเราทำอะไรต่อมิอะไร หัวใจมีหน้าที่สูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายเท่านั้นแหละย่ะ!”  ฉันดึงมือกลับก่อนจะตัดปัญหาด้วยการหันไปมองวิวนอกหน้าต่างแทน

                “ครับๆ คุณหมอ ไม่เถียงหรอก ^^”  โยซอบพูดกลั้วหัวเราะ

                ดีนะที่เราคุยกันด้วยภาษาเกาหลี ลุงคนขับแท็กซี่เลยไม่รู้ว่าเราคุยอะไรกัน ถ้าเกิดรู้เรื่องล่ะก็ไม่รู้ว่าฉันจะเอาหน้ามุดส่วนไหนของแท็กซี่ดี -///-;;

                โยซฮบชวนฉันคุยโน่นคุยนี่ตลอดทางจนกระทั่งมาถึงหน้าบ้านของฉัน...วันนี้บ้านเปิดไฟแฮะ แสดงว่าพ่อหรือไม่ก็แม่อยู่บ้าน นานๆ ครั้งจะอยู่นะเนี่ย Y.Y

                “ขอบใจนะ”  ฉันยิ้มให้โยซอบก่อนจะเปิดประตูแท็กซี่ลงไป แต่ก็ถูกโยซอบรั้งต้นแขนเอาไว้

                “หืม?”  ฉันหันไปมองโยซอบที่มองมาที่ฉันก่อนแล้ว

                “เราจะได้เจอกันอีกไหม?”  โยซอบถามฉันด้วยสีหน้าและแววตาที่ดูจริงจังแปลกๆ ฉันเลยหยุดชั่งใจครู่หนึ่งก็จะตอบกลับไป

                “ไม่รู้สิ ถ้ามีโอกาส...ก็คงได้พบกันมั้ง?”  ฉันพูด เพราะถ้าเกิดมีคอนเสิร์ตของบีสท์หรือคอนเสิร์ตของเพื่อนฉัน ฉันก็คงไปดูพวกเขาอยู่แล้ว

                “สัญญาได้ไหมว่าถ้าเธอเจอฉันเธอจะทักฉัน...เพราะถ้าฉันเจอเธอ ฉันก็จะทักเธอ”  โยซอบพูดด้วยสีหน้ากังวลใจจนฉันต้องหลุดยิ้มออกมา ฉันรู้ว่าสถานการณ์มันไม่น่ายิ้มเลยแต่ฉันก็อดยิ้มไม่ได้เพราะเขารู้สึกกังวลใจมากเกี่ยวกับการพบกันครั้งต่อไป

                “สัญญา...นายอย่าหยิ่งทำเป็นมองไม่เห็นฉันแล้วกัน”

                “สัญญาแล้วห้ามผิดสัญญานะ ^_^”  โยซอบทำปากจู๋เหมือนเด็กๆ

                “โอเค แล้วนี่...จะปล่อยได้ยัง”  ฉันมองลงไปที่มือของโยซอบที่ยังจับต้นแขนฉันอยู่

                “อ๋อ...โทษที ^///^”  โยซอบยิ้มแหยๆ แล้วปล่อยแขนฉันออกเป็นอิสระ

                “คุณลุงคะ ช่วยไปส่งเพื่อนหนูที่โรงแรม K หน่อยนะคะ”  ฉันหันไปบอกลุงคนขับแท็กซี่เป็นภาษาไทยแล้วเปิดประตูรถออกไป

                “ลาก่อนนะ...เดินทางปลอดภัย”  ฉันหันไปบอกโยซอบก่อนจะปิดประตูรถ โยซอบเปิดกระจกรถออก

                “ฉันจะไม่พูดคำว่าลาก่อน...แล้วเจอกันนะ ^^”  โยซอบเกาะขอบประตูรถโบกมือไปมาจนกระทั่งแท็กซี่ขับออกจากซอย

                แล้วเจอกัน...งั้นหรอ?

                ฉันมองตามไปแม้กระทั่งมันลับสายตาไปแล้ว แต่ฉันก็ยังคงนิ่งอยู่ที่เดิม...ต่อจากนี้ไป ชีวิตฉันก็คงกลับมาเป็นแบบเดิมๆ อีกแล้วใช่ไหม ช่วงเวลาแห่งความสุขนี่มันสั้นจริงๆ

                ฉันถอนหายใจกับตัวเองเฮือกใหญ่ก่อนจะเดินเข้าไปในบ้าน แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะเดินเข้าไปถึงตัวบ้าน มือถือฉันก็ดังถี่ๆ 2 ครั้ง บ่งบอกว่ามีข้อความเข้า ฉันหยิบมันขึ้นมาดูเพราะคิดว่าคงเป็นข้อความทวงให้ฉันเติมตังค์ค่าแพ็กเก็ตเน็ตแน่ๆ =_=

 

เธอคิดว่ามันจบแล้วหรอ?

สงครามยังไม่จบหรอกนะ!!

 

                ข้อความสั้นๆ ได้ใจความบนหน้าจอ ทำเอาฉันชะงักมือที่กำลังจะบิดลูกบิดประตูทันที...ไม่จริง!! ตัวการของเรื่องถูกจับแล้วนี่นา แล้วข้อความนี้มันอะไร...ใครกันถึงกล้าเล่นตลกขนาดนี้!!!

                ฉันรีบเลื่อนลงมาดูเบอร์ที่ส่งมาให้ก็พบว่าเป็น Private Number มันยิ่งทำให้ฉันกังวลมากขึ้น จะทำยังไงดี!! ถ้าเกิดพวกเขากลับเกาหลีไปอย่างชะล่าใจ พวกเขาต้องเป็นอันตรายแน่ๆ...ใช่แล้ว! ฉันต้องไปบอกพวกเขาก่อนจะขึ้นเครื่อง!!

                ว่าแล้วฉันก็รีบวิ่งเข้าไปในบ้าน ก็เจอแม่กำลังนั่งทำงานอยู่บนโต๊ะในห้องนั่งเล่น ฉันเลยขอยืมกุญแกรถของแม่บึ่งไปที่สนามบินอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่ฉันจะสามารถเหยียบคันเร่งได้

                ทันทีที่ฉันมาถึงสนามบิน ฉันก็เพิ่งรู้ว่ามันคงยากมากกับการที่ฉันจะเข้าถึงตัวของบีสท์ได้ เพราะที่นี่มีทั้งการ์ดและแฟนคลับเยอะมาก คนเยอะจนฉันไม่รู้ว่าฉันต้องเดินไปทางไหนดีถึงจะเข้าใกล้บีสท์ได้มากที่สุด!!

                ฉันรีบวิ่งฝ่ากลุ่มแฟนคลับกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าเข้ามาในสนามบินเพื่อหาจุดที่ใกล้ที่สุด แต่ก็ไม่มีเลย!! คนเยอะและเสียงดังเกินไป ฉันจะบอกพวกเขาได้ยังไง! ทำไมฉันถึงไม่มีเบอร์ใครสักคนในบีสท์บ้างเลยนะ! ฉันถอดหายใจให้ความโง่ของตัวเองที่ไม่ขอเบอร์ใครสักคนไว้...ใช่! พี่มะนาว อย่างน้อยต้องบอกพี่มะนาวเอาไว้

                ฉันรีบโทรหาพี่มะนาวทันทีที่คิดได้ แต่พี่มะนาวปิดเครื่อง...จริงสินะ พี่มะนาวกลับเกาหลีไฟรท์ก่อนหน้านี้แล้วนี่ตอนนี้คงจะอยู่บนเครื่อง โอ้ย!!! ฉันจะทำยังไงดี >_<!!!

                “บีสท์มาแล้ว!!!”  อยู่ๆ เสียงแฟนคลับที่อยู่ใกล้ๆ ก็พูดขึ้นพร้อมๆ กับที่เสียงกรี๊ดดังกระหึ่มไปทั่วทั้งสนามบิน ฉันรีบกวาดตามองไปรอบๆ เพื่อหาพิกัดของบีสท์...

                นั่นไง O_O!!

                ฉันรีบวิ่งเข้าไปบริเวณที่บีสท์กำลังจะเดินผ่านมา แต่ก็เร็วไม่เท่าแฟนคลับอีกหลายคนที่ไปถึงบริเวณนั้นก่อนฉันแล้ว...บ้าจริง!! นักร้องสุดที่รักของพวกเธอกำลังตกอยู่ในอันตรายนะยะ หลีกไปหน่อยเซ่!! >.<!

                “คุณครับ เข้ามาบริเวณนี้ไม่ได้นะครับ”  การ์ดคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ เดินเข้ามากันฉันออกจากบริเวณที่ฉันเดินล้ำเข้ามา

                “แต่ฉัน...”

                “ไม่มี ‘แต่’ ครับ อยู่ในความสงบด้วยนะครับ”

                “ฉันขอร้องล่ะ! ฉัน...”

                “นี่คุณ! พูดไม่รู้เรื่องหรอ หลบเข้าไปหน่อย มันล้ำออกมาเยอะแล้วนะเนี่ย”  การ์ดคนนั้นเริ่มใช้เสียงดังขึ้นนิดหน่อย

                “แต่นี่เป็นความปลอดภัยของบีสท์นะคะ ฉันมีเรื่องที่จำเป็นต้องบอกพวกเขา”  ฉันบอกเหตุผล แต่การ์ดคนนั้นก็ยังคงมองฉันเหมือนว่าฉันเป็นแฟนคลับโรคจิตที่จ้องจะเข้าไปเชยชมบีสท์ใกล้ๆ

                “ผมว่าอยู่ตรงนี้แหละครับ ตอนนี้เขาจะไม่ปลอดภัยเพราะคุณนั่นแหละ -*-”  เขาเริ่มมองฉันด้วยอารมณ์ที่บูดหน่อยๆ แล้ว ซวยล่ะตรู =_=;;

                “กรุณาให้ความร่วมมือหน่อยนะครับ”  การ์ดคนนั้นพูดเสียงอ่อนลงเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับไป แต่ก็ยังคงยืนอยู่ใกล้ๆ ฉัน เหมือนกับว่าจะคอยกันฉันแค่คนเดียวยังไงยังงั้น U.U

                เอาแล้วไงล่ะ!! ต้องหาวิธีที่บีสท์จะหันมามอง ต้องทำในสิ่งที่คนอื่นเขาไม่ทำ >.<!!

                “บีสท์!!...บีสท์!!...บีสท์!!...”

                “ซารางเฮ!!...ซารางเฮ!!...”

                ขณะที่ฉันกำลังคิดหาทางอกอยู่นั้น เสียงกรี๊ดเสียงเชียร์ของแฟนคลับก็ดังเข้ามาในการรับรู้ของฉัน...จริงสินะ ทุกคนเขาพูด เขากรี๊ดแล้วก็เชียร์ในแบบที่คล้ายๆ กัน แต่ถ้าพูดเป็นประโยคกับเขาด้วยภาษาเกาหลีล่ะ อย่างน้อยๆ ต้องสะดุดหูหน่อยล่ะน่า O_O!!!

                “โยซอบ!!!...ดูจุน!!! นายได้ยินฉันไหม!!”  ฉันตะโกนออกไปสุดเสียงด้วยภาษาเกาหลี การ์ดคนนั้นหันมามองหน้าฉันนิดหน่อย ก่อนจะหันกลับไปกวาดตามองดูแลความเรียบร้อยบริเวณอื่นๆ ต่อ

                “ฉันมีเรื่องจะบอกนาย!!! โยซอบ!!!...จุนฮยอง!!...กีกวัง!!! ใครก็ได้หันมาทีได้ไหม!!”  ฉันยืดตัวออกไปให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อให้ใครคนใดคนหนึ่งใน 6 คนนั้นหันมาสังเกตเห็นฉันบ้าง พวกเขาใกล้เข้ามาแล้ว ต้องรีบๆ >.<!!

                “โยซอบ!!!...ใครก็ได้ในหกคนนั้นได้ยินไหม หูตึงกันหรือยังไง? เสียงฉันมันไม่โดด ไม่แตกต่างจากเสียงกรี๊ดพวกนั้นเลยหรอยะ!! ได้ยินไหม!!” ฉันตะเบ็งเสียงเป็นภาษาเกาหลีรัวๆ และสุดเสียงจนแฟนคลับกลุ่มที่อยู่ใกล้ๆ กับฉันหยุดกรี๊ดแล้วหันมามองฉันเป็นตาเดียว

                “สุดยอด! ฝึกภาษาเกาหลีมาคุยกับบีสท์ด้วยหรอเนี่ย ฝึกมาซะคล่อง >.<”  ยัยคนที่ยืนอยู่ใกล้ฉันที่สุดพูดขึ้น แต่ฉันไม่สนใจ เงียบๆ กันแบบนี้ ฉันต้องรีบฉวยโอกาส ตะโกนอีกรอบ >_<!!

                “โยซอบ!!!...ไหนนายบอกว่าถ้าฉันทักจะไม่หยิ่งทำเป็นมองไม่เห็นไง!!!!!!!!!!” 

                “มากไปละๆ จะเอาตัวเองเด่นคนเดียวเลยหรือไงยะ”  หนูตุ๊ดซี่ที่ยืนอยู่ข้างหลังฉันพูดประชดประชัน ฉันเลยต้องไปหันมองสักหน่อย นินทาระยะเผาขนขนาดนี้ มันน่านัก -_+!...ตอนนี้ถึงแม้ว่าจะโดนตุ๊ดตบฉันก็ยอม T_T

                “อะไร? มองไรยะนังชะนี!!!”  ยัยตุ๊ดซี่คนเดิมมองฉันพร้อมเบ้ริมฝีปากใส่ ดูไปดูมายัยตุ๊ดนี่ก็ดูถึกอยู่นะ ถ้าเกิดฉันโดนตบคงสลบตั้งแต่ตบแรกเลยล่ะ คุ้มไหมเนี่ย T^T

                “เมื่อกี๊เธอบอกว่าไงนะ ฉันไม่ได้หยิ่งซะหน่อย...” 

                เสียงนี้มัน O_O!!

                ฉันรีบหันควับไปมองต้นเสียงอย่างมีหวัง...โยซอบจริงๆ ด้วย >O<! เขายืนอยู่ใกล้ๆ กับการ์ดคนนั้น แต่ก่อนที่แฟนคลับคนอื่นๆ จะเข้าไปใกล้เขาได้ ก็มีการ์ดอีกประมาณ 4 คนเดินเข้ามายืนกันไว้ เสียงกรี๊ดเริ่มดังมากขึ้นเมื่อคนอื่นเห็นโยซอบหยุดคุยกับฉัน ส่วนบีสท์คนอื่นๆ ถูกพาเดินเข้าไปในห้องผู้โดยสารตามปกติ

                “เริ่มจะวุ่นวายแล้ว ฉันว่านายเข้าไปก่อนดีกว่านะ”  การ์ด 1 ใน 4 คนที่เดินเข้ามาสมทบใหม่เข้าไปบอกโยซอบด้วยภาษาเกาหลี โยซอบทำท่าจะคัดค้าน การ์ดคนนั้นจึงกระซิบอะไรสักอย่าง โยซอบอมยิ้มนิดหน่อยแล้วเดินตามการ์ดที่เหลือเข้าไปในห้องผู้โดยสารทันที ส่วนฉันน่ะหรอ...โดนแฟนคลับคนอื่นๆ จิกกัดด้วยสายตาจนพลุนไปทั้งตัวแล้ว U.U;;

                “มานี่เร็ว”  การ์ดคนเดียวกับที่เข้าไปกระซิบโยซอบ เข้ามาลากฉันเดินแยกออกจากแฟนคลับคนอื่นๆ ทันทีที่โยซอบถูกพาออกไป แฟนคลับทุกคนต่างมองตามฉันมาอย่างสมน้ำหน้าที่โดนลากออกมา เธอตายจริงๆ แน่เฝ้าฝัน >_<!!!

                ฉันถูกพามาที่ห้องรับรองอะไรสักอย่างในสนามบิน รู้แค่ว่ามันหรูมากเท่านั้นเอง U_U ฉันนั่งนิ่งๆ อยู่บนโซฟาสีครีมที่เข้ากับสีของห้องโดยมีการ์ดคนที่ลากฉันมาคอยยืนคุมอยู่ไม่ห่าง...พวกเขากำลังจะฆ่าปิดปากฉันรึเปล่าเนี่ย >.<!!

                “มาส่งฉันด้วย ดีใจจัง ^O^”  โยซอบพูดทันทีที่เปิดประตูเข้ามา

                “ฉันไม่ได้มาส่งนะ ฉันจะมา!...”

                “มาบอกว่าพวกนายกำลังตกอยู่ในอันตราย...หรอ?”  เสียงทุ้มของการ์ดคนนั้นพูดแทรกก่อนที่ฉันจะพูดได้ครบประโยค ฉันเลยรีบหันควับไปมองต้นเสียงทันที ฉันรู้สึกคุ้นเสียงของการ์ดคนนี้ตั้งแต่อยู่ข้างนอกแล้วนะ -*-?

                “ซอแดอุน?”  ฉันเรียกชื่อของเขาทันทีที่เขาถอดแว่นอันแดดออก บ้าไปแล้ว! ซอแดอุนจะมาเป็นการ์ดได้ยังไง -_-?

                “นาย...”  ฉันพูดออกไปได้แค่นั้น เพราะตอนนี้ฉันสับสนจนฉันคิดคำถามไม่ออกแล้ว

                “ถ้าฉันไม่ทำแบบนี้ เธอก็คงไม่มาส่งเพื่อนฉันน่ะสิ ^^”  แดอุนพูดพร้อมกับรอยยิ้มแหยๆ สำนึกผิด

                “อะไรนะ! แสดงว่าข้อความที่ส่งมาเป็นของนายงั้นหรอ?”  ฉันขมวดคิ้วถาม แดอุนแค่พยักหน้าน้อยๆ เท่านั้น หนอยหมอนี่!!

                “แต่เธอมาแบบนี้ฉันดีใจมากเลยนะ”  โยซอบพูดขัดขณะที่ฉันกำลังตั้งท่าจะด่าแดอุน ทำเอาฉันลืมคำด่าไปเลยอ่ะ -///-

                “เฮ้ย! หวานเกินไปแล้วมั้ง”  ดงอุนพูดแซวโยซอบ จนฉันรู้สึกร้อนๆ ขึ้นมาที่หน้าบ้างแล้ว

                “ฉันเกือบจะโดนการ์ดจับโยนออกไปเพราะนายรู้ไหม!”  ฉันทำทีเป็นว่าแดอุนเพื่อนกลบเกลื่อนความเขินของตัวเอง U///U;

                “ฉันมั่นใจว่าไม่มีการ์ดคนไหนทำแน่ เพราะว่าฉันบอกไว้หมดแล้ว ว่าถ้าเธอมาโวยวายอะไรแค่ห้ามไว้พอเป็นพิธีก็พอ”

                “ถ้าเกิดไม่มีการเตรียมการไว้ เขาจับเธอโยนออกไปตั้งแต่เธอเริ่มโวยวายครั้งแรกแล้วล่ะ”  จุนฮยองพูดเสริม

                “เครื่องจะออกแล้วนะ”  คุณมินนาเดินเข้ามาบอก  “เธอใส่ชุดการ์ดทำไมน่ะซอแดอุน รีบเปลี่ยนเลยนะ -*-“

                “ครับๆ”  แดอุนยิ้มให้คุณมินนา ก่อนจะเดินตามคุณมินนาออกไป ส่วนบีสท์คนที่เหลือก็ยิ้มให้ฉันก่อนจะเดินตามออกไปบ้าง ดงอุนโบกมือไปมาอย่างสดใสก่อนจะเดินออกไปเป็นคนที่เกือบสุดท้าย

                ส่วนคนสุดท้ายคือ...โยซอบ -///-

                “จากกันจริงๆ แล้วสิ...แต่ฉันก็ยังไม่พูดคำว่า ‘ลาก่อน’ หรอกนะ เพราะฉันเชื่อ ว่าเราต้องได้พบกันอีก ^_^”  โยซอบพูดแค่นั้น ก็เดินออกไปจากห้อง ฉันมองตามร่างของเขาไปจนกระทั่งเขาเดินออกไปพ้นกรอบประตู

                “...ลาก่อน”  ฉันพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะเดินออกไปเป็นคนสุดท้ายของห้อง พวกเขากลับกันหมดแล้ว คงไม่มีประโยชน์อะไรที่ฉันยังอยู่ที่นี่

                “เฝ้าฝัน...”  เสียงของโยซอบดังมาจากทางเดินอีกด้านที่ฉันหันหลังให้ ฉันหันกลับไปมองทางต้นเสียง แต่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวอะไร ร่างของฉันก็ถูกกอดไว้แน่นด้วยอ้อมแขนของโยซอบ ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของฉันอย่างรวดเร็ว

                “ฉันดีใจมากที่เจอเธอที่นี่ และฉันจะจำเรื่องราวดีๆ เอาไว้...แล้วเจอกันใหม่นะ”  โยซอบพูดแล้วนิ่งไปสักพัก ก่อนจะค่อยๆ ผละออกแล้วหันหลังเดินไปโดยไม่หันกลับมามองฉันอีก เขาทิ้งฉันไว้กับทางเดินโล่งๆ ที่เต็มไปด้วยความงุนงงในใจ เขาทำให้หัวใจของฉันมันปั่นป่วนไปหมด...และอบอุ่นจนรู้สึกได้

                ฉันก็จะเก็บความรู้สึกดีๆ ความทรงจำดีๆ ระหว่างที่เราได้เจอกันไว้เหมือนกัน...โยซอบ

 

                “เกาหลี ฉันมาแล้ววว!!!”  กรีนทีตะโกนออกมาสุดเสียงทันทีที่ก้าวเท้าออกมาจากประตูสนามบินกรุงโซล

                ใช่แล้วค่ะ...ตอนนี้ฉันมาอยู่ที่เกาหลี ที่ซึ่งเต็มไปด้วยความฝันและความทรงจำดีๆ ของฉันรวมถึง...เพื่อนๆ ที่ฉันรัก

                “สวยออกขนาดนี้ แกยังไม่อยากมาอีก”  กรีนทีหันมาแขวะฉันนิดหน่อย เพราะก่อนหน้านี้ฉันว่าจะไม่มาแล้ว

                “หยุดยาวขนาดนี้ ฉันก็อยากพักผ่อนอยู่ที่บ้านนี่นา”  แต่จริงๆ แล้ว ฉันไม่อยากมาเจอกับบรรยากาศเก่าๆ ที่พาให้รู้สึกหวั่นไหวต่างหาก T^T

                “อ้าวเด็กๆ ขึ้นรถเร็วเข้า”  พี่เอื้องร้องเรียกให้เรารีบไปขึ้นรถที่มารับคณะทัวร์ของเราไปยังที่พัก

                ฉันมาศึกษาดูงานกับโรงพยาบาลที่ฉันฝึกปฏิบัติงานอยู่ค่ะ พอดีเป็นโรงพยาบาลเอกชนเลยพามาศึกษาดูงานไกลหน่อย ^^ ที่จริงฉันไม่ได้มาแล้ว แต่พอดีมีพี่คนหนึ่งไม่ว่างกะทันหัน ฉันเลยต้องรับหน้าที่มาแทนให้เต็มอัตรา...หวังว่าเราคงไม่ได้เจอกันนะ อดีตของฉัน U.U

                เราถูกพามาถึงโรงแรมที่พัก ซึ่งใกล้ๆ กับโรงพยาบาลที่เราจะไปศึกษาดูงาน และคงเพราะความซวยของฉันที่ตึกของ KB Entertainment กับโรงแรมที่ฉันพักดันอยู่ใกล้ๆ กัน มันห่างกันแค่มีสี่แยกใหญ่ๆ กั้นกลางเท่านั้นเอง =_=;;

                “พักโรงแรมนี้หรอคะ?”  ฉันหันไปถามพี่เอื้อง

                “ใช่จ้ะ”  คำตอบของพี่เอื้องมันยิ่งตอกย้ำความซวยของฉันเข้าไปอีก ฉันต้องทนมองตึก KB Entertainment ตั้งอาทิตย์หนึ่งเชียวหรอเนี่ย TOT;

                “น้องเฝ้าฝัน เป็นอะไรรึเปล่าหน้าซีดเชียว”  พี่ฟินถาม

                “เอ่อ...ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แค่...แพ้อากาศนิดหน่อย”  ฉันพูด จริงๆ ช่วงที่เรามากันมันไม่ใช่หน้าหนาวนะ แต่สำหรับคนไทยอย่างเราก็ยังหนาวอยู่ดี -_-;

                “งั้นรีบขนของเข้าไปพักเถอะ เดี๋ยวเย็นๆ ไกด์ทัวร์จะพาเราไปกินของอร่อยๆ”  พี่ฟินทำท่าทางตื่นเต้นกับทุกสิ่งอย่างที่เป็นเกาหลี =_=

                พอเราเข้ามาในห้องพัก ฉันก็ถูกกรีนทีบังคับให้นอนเพราะเมื่อกี๊ฉันบอกไปว่าไม่ค่อยสบาย =_= ฉันเลยจำใจต้องนอนเพื่อไม่ให้มีพิรุธ

                หลังจากนั้นเราก็มาเดินเที่ยวเกาหลียามค่ำคืนที่หนาวเหน็บ ภาพคืนวันเก่าๆ ที่ฉันเคยมาเดินเที่ยวกับเพื่อนหวนกลับมาอีกครั้ง ตอนนั้นเราแวะดูของร้านนั้นร้านนี้อย่างตื่นเต้นเพราะเป็นการมาเกาหลีครั้งแรก ทำไม?...ฉันถึงมาเดินอยู่ที่นี่ล่ะ ฉันน่าจะไปอยู่กับเพื่อนๆ มากกว่า...

                “ฝัน ระวัง!”  เสียงของกรีนทีดังเข้ามาในการรับรู้ แต่ก็ช้ากว่าแรงกระแทกที่ทำเอาฉันล้มลงไปกองอยู่กับพื้น

                “ขอโทษนะคะ!! ขอโทษจริงๆ ค่ะ!!”  ผู้หญิงเกาหลีคนนั้นรีบลุกขึ้นจากพื้นแล้วมาพยุงฉันให้ลุกขึ้น พร้อมกับพูดขอโทษฉันยกใหญ่ 

                “ไม่เป็นไรค่ะ”  ฉันตอบกลับไปด้วยภาษาเกาหลีแล้วยิ้มให้ เพื่อให้เขาสบายใจว่าฉันไม่ได้โกรธอะไร ก่อนจะก้มลงไปเก็บหนังสือช่วยเขาที่กระจายเกลื่อนอยู่บนพื้น

                “ฉันว่าแกควรขอโทษเขามากกว่านะฝัน แกเดินเหม่อจนไปชนเขาแน่ะ แต่เขากำลังก้มลงค้นของในกระเป๋าเลยไม่รู้ว่าแกเป็นคนชน”  ยัยกรีนกระซิบกับฉันขณะที่ช่วยเก็บอีกแรง

                “อ้าวหรอ?”  ฉันหน้าเหวอไปเลยกับความผิดที่ไม่น่าให้อภัย ฉันเป็นคนผิดหรอกหรอ -_-?

                ฉันส่งหนังสือคืนให้เขาพร้อมกับยิ้มแหยๆ ให้ เพราะตอนนี้ฉันทำหน้าไม่ถูกจะขอโทษเขาดีไหมนะ แต่ดูท่าทางเขารีบๆ อ้าว! เดินไปโน่นแล้ว งั้นขอโทษในใจแล้วกันนะ ^^;

                “อ้าว เก็บคืนเขาไม่หมดนะเนี่ย”  กรีนทีพูดพร้อมกับก้มลงไปเก็บเอกสารปึกเล็กๆ ขึ้นมา

                “นี่มันโน็ตเพลงนี่...เอ๋? มันใบสมัครอะไรล่ะเนี่ย O_o?”  กรีนทีพูดแล้วส่งใบสมัครอะไรสักอย่างมาให้ฉันอ่าน มันเป็น...ใบสมัครออร์ดิชั่นค่าย KB Entertainment!!

                “...ใบสมัครออร์ดิชั่นน่ะ”  ฉันบอก ฉันเคยกรอกใบสมัครนี้เมื่อนานมาแล้ว...

                “โห...แสดงว่าผู้หญิงคนเมื่อกี๊เขากำลังจะไปออร์ดิชั่นงั้นหรอ”

                “คงงั้น...” 

                โชคชะตากำลังจะบอกให้ฉันกลับไปออร์ดิชั่นอีกรึไง? ทำไมยังต้องให้ฉันมาเจอ มาข้องเกี่ยวกับอะไรแบบนี้ด้วย! ต้องการให้ฉันเป็นอะไรกันแน่!!

                “นี่!! เหม่ออีกแล้วนะ”  กรีนทีตีต้นแขนฉันแรงๆ จนฉันต้องร้องออกมา

                “โอ้ย! นี่แกตีฉันทำไมเนี่ย!!”  ฉันใช้มือลูบแขนบริเวณที่เจ็บไปมาแรงๆ ยัยนี่มือหนักเป็นบ้า แขนฉันชาหมดเลย -*-!

                “เมื่อกี๊ฉันบอกแกว่า อยากลองไปออร์ดิชั่นบ้างจัง แกไม่ได้ยินที่ฉันพูดเลยใช่ไหมเนี่ย?”

                “ห๊ะ!! แกจะบ้าหรอ!! เรามาศึกษาดูงานนะยะ จะไปออร์ดิชงออร์ดิชั่นแบบนั้นได้ไง”  ฉันตกใจกับสิ่งที่ได้ยินมากๆ ยัยกรีนทีเนี่ยนะจะไปออร์ดิชั่น

                “ขนาดพี่นิชคุณยังทำได้ ทำไมฉันจะทำไม่ได้ ฉันพอเต้นเป็นอยู่บ้าง แล้วก็เล่นเปียโนได้ระดับดีเยี่ยม คุณสมบัติน่าจะเข้าตาเขาบ้างแหละน่า”  ยัยกรีนทีมองใบสมัครอย่างแน่วแน่

                “แล้วจะไปได้ไง มีเวลาซะที่ไหน”

                “กำหนดการออร์ดิชั่นมันวันที่ 6 ตรงกับวันที่เขาปล่อยให้เราเที่ยวได้อิสระพอดี โอกาสทองมาเกยซะขนาดนี้ก็ต้องรีบคว้าเอาไว้สิ”  ยัยกรีนทีทำท่าทางมุ่งมั่นสุดๆ จนฉันเริ่มขนลุกกับการล่าฝันของยัยนี่แล้ว นึกครึ้มอะไรขึ้นมาล่ะทีนี้ =_=;

                “แล้ว...ถ้าแกผ่าน พ่อแม่แกจะว่าไงล่ะ”

                “ป๊ากับม๊าต้องเข้าใจฉันแน่ ^O^”  กรีนทียิ้มกว้างอย่างภูมิใจ...ไม่เหมือนฉันนะ พ่อกับแม่ไม่เคยให้โอกาสฉันได้เลือกเลย...   

 

 

 

*********************************

อัพเดตแล้วค่ะ

ฝากติดตามตอนต่อไปด้วยนะคะ ^O^

*********************************

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยายฟิคชั่น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.2 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายฟิคชั่นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา