ซอมบี้ วันที่ 1

-

เขียนโดย Domewriter

วันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2565 เวลา 01.21 น.

  10 บทที่
  2 วิจารณ์
  6,252 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 30 เมษายน พ.ศ. 2566 15.15 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

2) ซอมบี้ วันที่ 1 ตอนที่ 2

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 
          เสียงปืนที่ดังขึ้น เงียบหายไป  เหลือแต่เสียงไซเรนจากสี่แยกอนุเสาวรีย์ดังแว่ว ผมนึกในใจ มันเกิดเหตุการณ์วิกฤตซอมบี้ขึ้นจริงหรือเนี๊ยะ  เมื่อโทรศัพท์ และ internet ใช้ไม่ได้แล้ว ผมเอามือถือใส่ในกระเป้าหลังกางเกงยีนส์ออกจากห้องลงไปชั้นล่าง เพื่อเปิดโทรทัศน์ดูข่าว ผมเอาขนมปังกับเครื่องดื่มที่มีในตู้เย็น มานั่งกินแก้หิวที่โซฟา พร้อมดูโทรทัศน์ไปด้วย                               ภาพเหตุการณ์ฝูงคนคลั่งทำร้ายคนและกินคนที่มีสาเหตุเกิดจากขีปนาวุธชีวภาพตัวใหม่ของผู้ก่อการร้ายในประเทศข้างเคียงยิงขีปนาวุธชีวภาพพลาดล้ำเข้ามาในประเทศ ทำให้เชื้อชีวภาพตัวใหม่ระบาดทำให้คนคลั่งทำร้ายคนและกินคน ไม่ต่างจากซอมบี้ในเกมหรือในหนังละคร ผู้คนถูกซอมบี้รุมทึ้งกินทั้งเป็น เหมือนว่าพวกมันหิวโหยอดอยาก และคนที่ถูกกัดติดเชื้อจะกลายเป็นคนคลุ่มคลั้งทำร้ายคนและกินเนื้อมนุษย์ด้วยกัน             ผมกลืนขนมปังแซนวิสใส้หมูหยองในปากลงคออย่างลำบาก จากภาพที่ผมเห็นใน TV ดูเหมือนว่าความหิวของผมจะไม่ได้เศษเสี้ยวหนึ่งของซอมบี้พวกนั้น             ผมดื่มน้ำในขวดน้ำแล้วกดรีโมทดูโทรทัศน์ทุกช่อง มีภาพเหตุการณ์ซอมบี้ในแต่ละสถานที่ต่างๆ ไม่ต่างจากในหนังซอมบี้ที่เคยดู แต่ภาพจากทุกช่องที่มีก็จะเห็นได้ว่าเป็นภาพเดียวกันเป็นส่วนใหญ่ พิธีกรข่าวบอกว่าถ้ามีภาพใหม่และข้อมูลใหม่จะรีบนำมาเสนอ และตามด้วยข่าวเฉพาะกิจแห่งประเทศ ประกาสเตือนภัยฉุกเฉินจากผู้นำรัฐบาล ให้อยู่แต่ในบ้านพักอาศัยจนกว่าเหตุการณ์จะกลับมาปกติ             ผมใส่หูฟังเล่นเกมคอมพิวเตอร์อยู่ในห้องนอน ทำให้ไม่รู้ว่ามีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไร พอมาดูโทรทัศน์ถึงได้รู้ว่าเหตุการณ์เริ่มตั้งแต่เมื่อวานและไม่สามารถควบคุมได้ในช่วงค่ำ มันลุกลามอย่างรวดเร็วจนควบคุมไม่ได้ในเวลาเช้าตรู่ของวันนี้ ซึ่งผมตื่นนอนก็ตอนสายๆ แล้วไม่ได้เอ๊ะใจอะไร ยังเล่นเกมคอมพิวเตอร์ต่อจนถึงเวลาบ่ายวันนี้            เสียงไซเรนที่ดังจากสี่แยกอนุเสาวรีย์มาถึงหมู่บ้านที่ยังดังไปทั่วไม่หยุดให้ผมได้ยินจนถึงตอนนี้เป็นเสียงสัญญาณเตือนภัยที่เกิดจากเหตุการณ์ร้ายที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อซอมบี้เกิดขึ้น  พ่อแม่ผมเจอกับเหตุการณ์ซอมบี้ทำร้ายคน ไม่ได้กลับมาบ้านตั้งแต่เมื่อคืน ผมรู้สึกเป็นห่วงพ่อกับแม่ผมเหลือเกิน เพื่อนๆ ของผมทุกคน ไม่รู้ว่าตอนนี้พวกเขาเหล่านั้นกำลังทำอะไรอยู่ ทุกคนที่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกันกับผม ตอนนี้คงหลบอยู่แต่ในบ้านตามที่หน่วยความั่นคงของรัฐบาลประกาสแจ้งเตือนภัยฉุกเฉิน                          จากภาพข่าวที่เห็นในโทรทัศน์และสภาพแวดล้อมที่เกิดขึ้นตอนนี้ แม้ว่าผมไม่ยากเชื่อ แต่ก็ต้องเชื่อว่าตอนนี้เกิดโรคระบาดที่เรียกว่าเชื้อซอมบี้ ทำให้คนเป็นซอมบี้จริงๆ เหมือนในหนังซอมบี้ในละครหรือเกมซอมบี้ที่ผมเล่นเป็นประจำ             ผมพยายามตั้งสติกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและกำลังนึกว่าจะทำอะไรต่อไปดี  ผมก็ได้ยินเสียงคนตะโกน             " อาหารที่สั่งมาแล้วครับ  มีใครอยู่บ้านไหมครับ ๆ " เสียงตะโกนเรียกของพนักงานบริการส่งอาหาร             ผมเปิดประตูเลื่อน ออกไปที่หน้าบ้านหันมองหาพนักงานบริการส่งอาหาร ถัดจากบ้านผมไปสามหลังมีชายร่างสูงท้วมผิวดำ สวมหมวกกันน็อคแบบปิดหน้าใส่เสื้อแจ็คเก็ตและกางเกงยีนส์  รถมอเตอร์ไซค์ไม่ได้ปิดเครื่องสีดำแดงที่มีลังใส่อาหารสีเขียวจอดอยู่ข้างหลังพนักงานที่กำลังตะโกนเรียกเจ้าของบ้าน                      ผมรู้สึก งง เมื่อเห็นพนักงานส่งอาหารมาส่งอาหารตามสั่งที่หน้าบ้าน เหมือนไม่ได้มีเหตุการณ์ร้ายใดๆ เกิดขึ้น             " อาหารที่สั่งมาส่งแล้วครับ มีใครอยู่บ้านไม่ครับ ๆ " พนักงานส่งอาหารตะโกนเรียกอีกสองสามครั้งก็เลิกตะโกนเรียก
             ผมเลื่อนประตูรั้วเหล็กหน้าบ้าน ออกไปหาพนักงานส่งอาหาร ผมถามเขาว่า "มีเหตุการณ์ซอมบี้ทำร้ายคนทั่วประเทศ แล้วมาส่งอาหารแบบนี้ไม่เป็นอะไรเหรอ?"             " ซอมบี้ " พนักงานส่งอาหารคนนั้นทวนคำและหยุดคิดนิดนึง 
             "อ๋อ เชื้อชีวภาพ คนคลั่งทำร้ายคนและกินคน มันเกิดขึ้นในบ้างพื้นที่เท่านั้นละครับ ไม่ทุกพื้นที่ ยังส่งอาหารถึงบ้านได้"               ผมสงสัยในใจ ศูนย์บริการมือถือ และ internet  ของผมมันแจ้งปิดบริการ เนื่องจากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินวิกฤตซอมบี้ แต่บ้านอื่นกลับใช้มือถือสั่งอาหารได้
             ผมบอกว่า "มือถือ กับ internet ที่บ้านผมใช้ไม่ได้ บ้านหลังอื่นๆ ในหมู่บ้านก็น่าใช้ไม่ได้ "             พนักงานส่งอาหารคนนั้นถามว่า "ที่บ้านมีโทรศัพท์บ้านใช้ไหม?"              ผมบอกว่า ที่บ้านผมไม่ใช้โทรศัพท์บ้าน ใช้มือถือกันหมด             เขาบอกว่า "เมื่อวานตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ผู้ก่อการร้ายในประเทศใกล้เคียงใช้อาวุธชีวภาพแบบใหม่พลาดล้ำเข้ามาในเขตประเทศไทยจนมีการแพร่ระบาดเชื้อคนคลั่งกินคน แต่เหตุการณ์มันเกิดแค่ในบางจังหวัด ไม่ได้เกิดเหตุการณ์ขึ้นทุกที่ แต่หน่วยรักษาความมั่นคงก็กลัวจนประกาสภาวะฉุกเฉินทั่วประเทศ พอเช้าวันนี้ ศูนย์บริการมือถือและ internet ก็ปิดบริการหมด แต่โทรศัพท์ของ กทท. (การโทรศัพท์ท้องถิ่น) ในท้องถิ่นที่เป็นโทรศัพท์บ้านยังใช้ได้อยู่ แต่พอคนหันมาใช้กันมาก สายมันล่ม บางบ้านโทรไม่ติดใช้ไม่ได้ก็มีเหมือนกัน"              ผมฟังแล้วก็หายสงสัย แต่ก็ยังสงสัยเรื่องเหตุการณ์ซอมบี้เกิดขึ้น บอกว่า " โทรทัศน์ออกข่าวเหตุการณ์เชื้อซอมบี้แพร่กระจาย เกิดเหตุการณ์โกราหลวุ่นวายไปทั่วทั้งประเทศ เสียงไซเรนเตือนในจังหวัดก็ดังไปทั่วเตือนสภาวะฉุกเฉินยังไม่สิ้นสุด หน่วยความมั่นคงของชาติออกประกาสสั่งคนทั้งประเทศห้ามออกจากบ้านพักอาศัย ให้อยู่แต่ในบ้านจนกว่าเหตุการณ์จะกลับมาปกติ ไม่ใช่หรือครับ ข่าวในโทรทัศน์ที่ออก มันก็วุ่นวายมากทั้งประเทศไปจนถึงประเทศข้างเคียงด้วย"              พนักงานคนนั้นบอกว่า "มันเกิดเหตุการณ์ผู้ติดเชื้อชีวภาพในบ้างจังหวัดเท่านั้นละ แต่หน่วยความมั่นคงของชาติ เขาถือว่ากั้นไว้ดีกว่าแก้ เลยประกาสสั่งห้ามคนออกจากบ้านทั่วประเทศ ทำเอาคนวุ่นวายไปทั่วทั้งประเทศ จังหวัดเราก็ต้องทำตามคำสั่งหน่วยความมั่นคงของชาติไปด้วย ส่วนพวกสื่อโทรทัศน์ก็ต้องเผยแพร่คำสั่งของหน่วยความมั่นคงของชาติ และเสนอข่าวให้เกินๆ ให้คนมาดูช่องของตัวเองมากๆ ไว้ก่อน "              ผมคิดในใจ ที่แท้เหตุการณ์ผู้ก่อการร้ายในประเทศข้างเคียงใช้ยิงขีปนาวุธอาวุธชีวภาพพลาดล้ำเข้ามาในประเทศไทยเพียงในบางพื้นที่ในจังหวัดเขตชายแดนเท่านั้น ไม่ได้เกิดขึ้นทั้งประเทศ แต่เชื้อชีวภาพมีอันตรายและแพร่เร็วมาก รัฐบาลเลยประกาศภาวะฉุกเฉินทั่วทั้งประเทศ เพื่อความปลอดภัยเอาไว้ก่อน              ผมบอกว่า "ขี่มอเตอร์ไซค์มาส่งอาหารถึงบ้าน ผ่านสี่แยกถนนอนุเสาวรีย์ กับตามที่อื่นๆ ในจังหวัด ตอนนี้เหตุการณ์เป็นไงบ้างครับ "            พนักงานส่งอาหารบอกว่า "เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารตั้งด่านตรวจทั่วจังหวัดไล่คนกลับเข้าบ้าน เจ้าหน้าที่สาธารณะสุขก็มาตั้งแค้มป์ตรวจป้องกันและตรวจหาเชื้อโรค รถที่กำลังเดินทางบนถนนติดแบบมโหฬารเลย คนต้องนอนในรถไม่ก็ทิ้งรถไว้มานั่งนอนข้างๆ ถนน แต่มอเตอร์ไซค์ยังพอเคลื่อนที่ไปได้บ้าง ผมเป็นคนส่งอาหารตามบ้าน พอผ่านด่านตรวจเชื้อได้ ผมก็ขี่มอเตอร์ไซค์ส่งอาหารเลยซิกแซ็กไปได้ทุกที่  "              ผมบอกว่า "ผมได้ยินเสียงปืนทางโน้นด้วย " ผมหันไปทางทิศตะวันออกทางที่ได้ยินเสียงปินดัง             พนักงานส่งอาหารหันหน้าไปมองดูตาม เขาชำเลืองตามองผ่านกระบังหมวกกันน๊อกที่ปิดหน้าดูเด็กหนุ่มวัยรุ่นที่ท่าทางเหมือนไม่รู้เรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเท่าไรนัก บอกว่า "สงสัยพบพวกติดเชื้อนะ ในจังหวัดก็มีพวกติดเชื้อ แต่ไม่ต้องกังวล เมื่อคืนวุ่นวายกว่านี้เยอะ ตำรวจ ทหาร ทั้งใช้ปืนและใช้ระเบิดตจัดการกับพวกผู้ติดเชื้อที่คลุ้มคลั่งจนเอาไม่อยู่ เฮลิคอปเตอร์ เครื่องบิน บินกันอลหม่านไปหมด แต่พอเช้าเหตุการณ์ก็ดีขึ้น แล้วเรื่องปากท้องก็เป็นเรื่องสำคัญเสียด้วย เจ้าหน้าที่เลยต้องอนุญาตให้สามารถส่งอาหารตามสั่งได้ แต่ก็เฉพาะให้คนส่งอาหารตามบ้านได้ ผมถึงขี่มอเตอร์ไซค์มาส่งมาอาหารตามสั่งที่บ้านได้"              โอย เมื่อคืนผมใส่หูฟังเล่นเกมคอมพิวเตอร์จนไม่รู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้นกับชาวบ้านเลย ผมนึกคิดในใจ พ่อแม่ผมคงติดอยู่ในรถบนถนนตั้งแต่เมื่อคืน ตอนนี้ไม่รู้ว่าท่านทั้งสองคนอยู่บนรถหรือลงจากรถมานั่งอยู่ข้างถนนหรือที่ไหน โทรติดต่อก็ไม่ได้ แต่ผมก็เบาใจลง เพราะพนักงานส่งอาหารยังสามารถขี่มอเตอร์ไซค์มาส่งอาหารตามสั่งถึงบ้านได้              พนักงานส่งอาหารบอกว่า "เจ้าของบ้านนี้สั่งอาหาร แต่เหมือนไม่มีใครอยู่บ้าน"             ผมชำเลืองมองดูในบ้านที่ประตูและหน้าต่างปิดม่านสนิท แต่มีรองเท้าหลายคู่วางอยู่ที่หน้าบ้าน ผมบอกว่า "น่าจะมีคนอยู่บ้าน"            พนักงานส่งอาหารหยิบกระดาษรายการสั่งอาหารในกระเป้ากางเกงขึ้นมาดูที่อยู่ บอกว่า "นี่ซอย 7 ใช่ไหม?"             ผมบอกว่า "ใช่ ซอย 7 "            "ผมมาส่งผิดบ้าน ตัวเลขบนกระดาษไม่ชัด เลขซอย 1 มองเป็นเลข 7  เลขที่บ้านก็ไม่ค่อยชัดเหมือนกัน ผมไปก่อนละ ต้องรีบส่งอาหารก่อน"              เขาเก็บกระดาษใส่กระเป้าแล้วขึ้นนั่งบนมอเตอร์ไซค์ที่ติดเครื่องอยู่ ผมรีบบอกเขาว่า "เดี๋ยวครับ ๆ  ผมขอสั่งอาหารก่อน"
              ผมสั่งอาหารกับพนักงานส่งอาหารจำนวนมากทีเดียว เขาบอกว่า "อาหารอาจได้ไม่ครบตามที่สั่ง และต้องรอนานหน่อย เย็นๆ หัวค่ำโน้นละ เพราะมีคนสั่งอาหารทีละมากๆ เพื่อกักตุ้นไว้กินเหมือนผม บางคนสั่งล่วงหน้าเป็นสัปดาห์หรือเดือนๆ เลย แบบผูกปิ่นโตส่งอาหารประจำ ซึ่งทางร้านมีลูกค้าเยอะ ทั้งเกิดวิกฤตซอมบี้แบบนี้ เลยไม่สามารถทำให้ได้"
             ผมบอกว่า "พี่มาส่งอาหารให้ผม ผมค่อยสั่งอาหารกับพี่เพิ่ม แต่ผมขอสั่งอาหารไว้เยอะๆ ก่อนละกัน ได้กี่อย่างผมก็เอาเท่านั้น"             พนักงานส่งอาหารรับออร์เดอร์อาหารจากผมเรียบร้อยแล้วก็ขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปจากซอย 
            ผมนึกถึงคนอื่นๆ ที่อยู่ในหมู่บ้านนี้ ประกาสสถานการณ์ฉุกเฉินเชื้อชีวภาพซอมบี้แบบนี้  ทุกคนคงอยู่แต่ในบ้าน ไม่ต่างจากเหตุการณ์วิกฤตเชื้อโกวิค  ผมหันมองดูบ้านของเพื่อนบ้านที่ครอบครัวผมรู้จักอยู่บ้านติดกันๆ ในหมู่บ้านนี้ 
            บ้านแฝดสองชั้นที่พนักงานมาส่งอาหารผิดบ้านเป็นบ้านของครอบครัวคุณอาคม ประกอบด้วย คุณอาคม ภรรยา ลูกชาย และลูกสาว             ผมตะโกนเรียกคุณอาคม แต่ไม่มีคนตอบรับ ผมสังเกตมองดูที่หน้าบ้าน รถของคุณอาคมไม่จอดอยู่ในบ้าน แต่มีรองเท้าของผู้หญิงและเด็ก แต่คนๆ หนึ่งคนมีรองเท้าหลายคู่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก โดยเฉพาะผู้หญิงมักจะมีรองเท้าเยอะเป็นพิเศษ นอกนั้นก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ประตูรั้วเหล็กหน้าบ้านใส่กุญแจ ผมสรุปว่าไม่มีคนอยู่บ้าน             ผมเดินไปหาเพื่อนบ้านที่อยู่ติดกับบ้านผม บ้านครอบครัวคุณพิชัยอยู่ติดกับบ้านผมทางขวามือ  คุณพิชัยกับภรรยาวัย 50 กว่าปี อยู่กันแค่สองคน ลูกชายลูกสาวแต่งงานแยกออกไปซื้อบ้านอยู่ที่อำเภอกะทู้               ผมสำรวจดูที่หน้าบ้านไม่มีรถจอดอยู่ แสดงว่าไม่อยู่บ้านเช่นกัน ผมเดินไปหาเพื่อนบ้านที่ติดกับบ้านผมทางซ้ายมือ ครอบคุณธานินทร์กับภรรยาชื่อยุวดี  มีลูกสาวคนเดียวชื่อ อ้อม อายุ  5 ขวบ พึ่งเข้าเรียนชั้นอนุบาล มีรถจอดอยู่หน้าบ้าน บ้านคุณธานินทร์มีปุ่มออดเรียกที่กำแพงข้างรั้วประตูหน้าบ้าน              ผมกดปุ่มออดเรียกแล้วยืนรออยู่หน้าบ้านไม่ใครออกมาพบ ผมลองกดออดเรียกอีกหลายครั้งก็ไม่มีใครออกมาหรือส่งเสียงตอบ              ผมเดินไปหาเพื่อนบ้านคนอื่นๆ ที่อยู่บ้านใกล้ๆ กัน เพื่อนบ้านฝั่งตรงข้ามกับบ้านผมในซอยเดียวกัน บ้านไหนมีปุ่มออดเรียกที่หน้าบ้าน บ้านไหนไม่ทำปุ่มออดเรียก ผมก็ยืนตะโกนเรียกที่หน้าบ้าน ปรากฏว่าทุกๆ บ้านเหมือนไม่มีคนอยู่ในบ้าน ทั้งที่บางบ้านผมก็เห็นว่ามันน่าจะมีคนอยู่ในบ้าน บางบ้านหน้าบ้านก็ไม่ได้ล็อคกุญแจรั้วเหล็กหน้าบ้าน แต่ผมก็ไม่กล้าละเมิดเข้าไปในบ้านคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต             ผมนึกในใจ ประกาสจากหน่วยความมั่นคงของชาติเรื่องเหตุการณ์เชื้อซอมบี้แพร่กระจายเลย คงทำให้คนกลัวติดเชื้อชีวภาพซอมบี้ ตอนนี้ก็เลยไม่ใครไว้ใจใครเอาแต่เก็บตัวอยู่ในบ้าน และไม่ยอมออกจากบ้านพบกับคนอื่น จนกว่าเหตุการณ์จะกลับมาปกติ ซึ่งถ้าเราติดเชื้อชีวภาพก็จะถูกกักตัวไม่ต่างจาครั้งที่เกิดวิกฤตโรคโกวิคระบาด เชื้อชีวภาพชนิดนี้มันแพร่ระบาดทางอากาสเหมือนเชื้อโกวิคเสียด้วยสิ              แต่ผมก็ยังเดินสำรวจไปมองดูตามบ้านอื่นๆ ที่อยู่ในซอยเดียวกันอีกหลายหลัง  เสียงไซเรนจากถนนอนุเสาวร์ยังดังแว่วไปทั่วให้ได้ยิน             ผมเดินไปจนสุดซอยถึงทางถนนแยกตัดไปซอยอื่น บรรยากาสมันวังเวงเหมือนเป็นหมู่บ้านร้าง แม้แต่สุนัขและแมวในหมู่บ้านก็ไม่เห็นสักตัว ตามปกติหมู่บ้านที่ผมอาศัยนี้ ผมเดินไปได้ทุกซอยเพื่อออกไปที่ถนนใหญ่ แต่พอผมนึกถึงข่าวเหตุการณ์ซอมบี้ใน TV และประกาศของหน่วยความมั่นคงแห่งชาติ ผมก็ตัดสินใจรีบเดินกลับเข้าบ้านของตัวเองก่อน To be continue ซอมบี้ วันที่ 1 ตอน 3               

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับเรื่องสั้นเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา