นินไหน ไม่เห็นเคยได้ยิน
-
2) ความรักของนิน ตอน หนุ่มจากยิม
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ นินเป็นคน ๆ หนึ่งที่หน้าตาธรรมดาทั่วไป แต่เธอมั่นใจแน่ว่าเธอไม่ใช่พิมพ์นิยม เธอไม่เคยมีประสบการณ์ที่ว่าใครเห็นเธอเป็นครั้งแรกแล้วจะหยอด
เธอซึ่ง ๆ หน้า มาขอเบอร์โทรหรือแสดงออกต่อเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันว่าชอบพอเธอ แต่เธอก็มั่นใจมากว่าความสัมพันธ์ของเธอนั้นจะเริ่มมาจาก
ความเป็นเพื่อน หรือความใกล้ชิดสนิทสนมมาก่อน เมื่อคนคนนั้นได้รู้จักตัวตนของเธอมากพอจนมองเห็นคุณค่าในตัวเธอและมั่นใจที่จะเริ่มความ
สัมพันธ์กับเธอ นั่นคือสิ่งที่เธอคิดไว้ แต่จนแล้วจนรอด จนถึงป่านนี้ก็ยังไม่เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นเสียที ทั้งชีวิตของนิน เธอน่าจะตกหลุมรัก ถูกใจ
ปลื้ม ประทับใจหรือแอบชอบใครมานักต่อนัก นินมีแฟนมาแล้วหนึ่งคนถ้วน ส่วนอีกคนนั้น ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดี คนคุย มากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟน
เอาไว้จะอธิบายทีหลัง แต่ก็นั่นแหละ เอาเป็นว่าสองครั้ง กับความสัมพันธ์โรแมนติก จากการแอบชอบนับครั้งไม่ถ้วน แต่คนสองคนที่เธอเคยมีความ
สัมพันธ์โรแมนติกด้วยนั้น ไม่ใช่คนที่เธอแอบชอบเลยสักคน สรุปได้ว่า ไม่ใช่คนที่เล็งไว้ คนที่ส่วนตัวตัวแล้วเธออยากจะสมหวังด้วยสักครั้ง แต่นั่นก็ไม่
ได้หมายความว่าเธอไม่ได้รักพวกเขานะ ไม่รู้จะเรียกว่ารักได้เต็มปากหรือไม่ แต่นินก็มั่นใจพอว่าเธอมีความรู้สึกดีให้พวกเขาและชอบพวกเขามากพอที่
จะอยู่ในความสัมพันธ์นั้นโดยไม่รู้สึกผิด เธออาจจะชอบพวกเขา เพราะพวกเขาชอบเธอก่อน ใคร ๆ ก็ชอบที่มีคนมาชอบ นินคิดอย่างนั้น แต่ก็ไม่ใช่ทุก
คนที่ต้องชอบตอบ ส่วนนินชอบตอบกลับไปสองครั้ง ปฏิเสธไปหนึ่งครั้ง มีอยู่ครั้งหนึ่ง นินไปออกกำลังกายที่ยิมของหอพักในมหาวิทยาลัย เธอได้รู้จัก
กับผู้ชายคนหนึ่ง เขาเข้ามาทักเธอก่อน บอกว่าเห็นเธอออกกำลังกายอยู่คนเดียว อยากรู้จักเธอ จึงขอเบอร์โทรศัพท์ของเธอไว้ นินก็ให้เบอร์ติดต่อ
ของเธอไป คงต้องขอแก้ต่างใหม่ว่านินเองก็เคยมีคนเข้ามาขอเบอร์โต้ง ๆ เหมือนกัน แต่เพราะเขาไม่ใช่สเปกของเธอ นินรู้ได้ทันทีตั้งแต่ครั้งแรกที่
เห็นเขาว่าเธอให้เขาเป็นได้แค่เพื่อน หรือว่านี่ก็คือสิ่งที่คนที่เธอแอบชอบทำกับเธอเหมือนกันนะ นินเพิ่งเอะใจได้ในวินาทีนั้นเช่นกัน กลับเข้าเรื่องเขา
คนนี้ก่อน หลังจากที่นินให้เบอร์โทรเขาไป เขาก็โทรมาหาเธอวันละหลายรอบ โทรจนกว่าเธอจะรับสายทั้งที่เพิ่งจะรู้จักเมื่อวันก่อน นินไม่เคยรับสาย
เขา แต่เธอก็ส่งข้อความกลับไปตามมารยาท เขาชวนเธอไปกินมื้อเย็นด้วยกันในร้านละแวกมหาวิทยาลัย ตอนนั้นนินก็คิดว่าแค่ไปกินมื้อเย็นปกติ แต่
พอเธอโตขึ้นจึงได้รู้ว่า นั่นเขาเรียกว่าไปเดต ระหว่างที่กำลังกินมื้อเย็นทั้งสองก็คุยกันเรื่องทั่วไป แต่จู่ ๆ เขาก็พูดขึ้นมาว่า
“เรามาเล่นเกมกันเถอะ” เขาพูดขึ้น
“เกมอะไรหรือ” นินถามกลับ
“ผมจะให้คุณถามคำถามผมสามข้อเกี่ยวกับการที่เราออกมาทานมื้อเย็นกันวันนี้ แล้วผมจะตอบคำถามคุณ”
นี่เป็นเกมที่นินไม่เคยพบไม่เคยเล่นมาก่อนในชีวิต เป็นเกมที่เอาแต่ใจสุด ๆ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็เล่นไปกับเขาด้วย ด้วยความอึดอัดใจ
“ฉันไม่รู้จะถามอะไรดี มาทานมื้อเย็นต้องมีคำถามด้วยหรือ”
“ผมรู้ว่าคุณต้องสงสัยบ้างล่ะ ถามผมสิ เดี๋ยวผมจะตอบ”
นินพูดซ้ำอีกรอบว่าเธอไม่รู้จะถามอะไร ตอนแรกเธอไม่ค่อยได้เอะใจอะไรมากนัก เขาเซ้าซี้จะเล่นเกมนี้ให้ได้เขาจึงสลับบทบาทกับเธอ
“งั้นผมจะถามคุณเอง ส่วนคุณตอบคำถามผม” เขาเสนอทางออก
“ได้ ฉันว่าฉันตั้งคำถามไม่เก่งเท่าไหร่” นินว่า
“คำถามแรก ทำไมผมถึงชวนคุณมาทานมื้อเย็นวันนี้” เขาถามเนิบ ๆ
“เอ่อ เพราะว่า เพราะ ฉันจะรู้ดีกว่าคุณได้ยังไงล่ะ เฉลยมาเลยไม่ดีกว่าหรือ” นินเริ่มรู้สึกแปลก ๆ ถามคำถามที่ตัวเองก็รู้คำตอบอยู่แล้วแบบนี้ คนตอบอย่างเธอ ตอบยังไงให้ดูดี ไม่เข้าข้างตัวเองเกินไป จะตอบยังไงล่ะ นินใช้เวลาคิดหนักระหว่างนั้นเขาจึงขอเปลี่ยนกติกา
“เอาอย่างนี้ ผมจะถามคำถามเดิม สามครั้ง แต่คำตอบของคุณต้องห้ามซ้ำกับครั้งก่อนนะ” เขาว่า นินคิดหนักกว่าเดิม นี่มันเกมบ้าอะไร
“ทีนี้ตอบครั้งแรกมาก่อน”
“เอ่อ เพราะ คุณ อยากเป็นเพื่อน กับฉัน” นินตอบแบบไม่แน่ใจนัก แต่เธอก็เริ่มจะพอเดาได้ลาง ๆ ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร
“ข้อที่สองล่ะ” เขารีบต่อ
“เอ่อ เพราะคุณ อยาก จะ รู้จักฉัน มากขึ้น” เขายิ้มขำ ๆ นินเริ่มแน่ใจว่าเธอรู้ว่าเขาคิดอะไร และเธอก็ไม่อยากตอบเอาเสียเลยกับคำถามครั้งที่สาม
“ผมจะบอกไว้ก่อนว่าที่คุณตอบมาน่ะมันก็ใช่ แต่ก็ไม่ทั้งหมด” เขาว่าเปิดทางสว่างให้เธอสุด ๆ นินรู้คำตอบแล้วแต่กระดากปากเกินที่จะตอบไปแต่
สุดท้ายเธอก็ตอบออกไปจนได้
“เพราะคุณชอบฉัน” นินพูดออกไปในที่สุด เป็นการตอบคำถามที่เหมือนกับว่าเธอกำลังสารภาพรักเขา แต่จริง ๆ แล้วเป็นเขาต่างหากที่กำลังบอกชอบ
เธอ เอาจริง ๆ นินคิดว่ามุกนี้ก็ไม่เลว แต่กับคนที่ไม่ค่อยออกตัวแรงอย่างเธอ มันหนักใจหนักปาก หนักไปเสียทุกอย่าง ถ้าเขาไปเล่นเกมนี้กับสาวมั่น
คงไม่เสียเวลาขนาดนี้ เผลอ ๆ ไม่ต้องตอบถึงสามครั้ง แต่เพราะเธอคือนิน ไม่ใช่สาวมั่นที่ไหน เธอยังรู้สึกว่าเธอยังเด็กเกินไปที่จะถูกจีบโดยวิธีนี้ อาจ
จะฟังไร้เหตุผล ซึ่งก็ไร้เหตุผลจริง ๆ นั่นแหละ แต่เธอก็คิดอย่างนั้นจริง ๆ นี่
“ใช่ แต่คุณไม่ต้องกังวลหรอกนะ คุณค่อย ๆ คิด ผมรู้ว่านี่มันกะทันหันมาก” เขาบอก ไม่รู้ว่าเธอแสดงสีหน้าหรือท่าทางอะไรออกไป แต่เขาบอกเธอ
ด้วยท่าทางว่า ใจเย็น ๆ อย่าแตกตื่น
หลังจากนั้นนินก็พยายามบอกกับเขาว่า เป็นเพื่อนกันน่าจะดีกว่า เราเพิ่งรู้จักกัน ฉันไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านั้นเลย แต่เขาก็ยืนกรานว่าจะให้เวลาเธอ
คิดก่อน ไม่อยากเร่งรัดหรือทำให้เธอไม่สบายใจ แต่สองสามวันหลังจากนั้น เขาก็รัวโทรหาเธอไม่หยุด นินไม่ได้รับสายเช่นเดิม แต่ก็ตอบกลับทาง
ข้อความเช่นเดิม เขาขอนัดเจอเธออีกครั้ง นินตั้งใจว่าครั้งนี้จะไปคุยกันให้รู้เรื่องจึงตอบตกลง
“เราเจอกันในยิม คุณน่าจะรู้ว่าผมชอบออกกำลังกาย” นี่คือประโยคแรกที่เขาบอกนินหลังจากทักทายถามไถ่ตามมารยาท
“ก็คงใช่”
“ผมออกกำลังกายทุกวัน ผมรู้ตัวดีว่าผมเป็นคนแข็งแรง คุณเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ แต่ทำไมคุณถึงทำให้ผู้ชายแข็งแรงอย่างผมกลายเป็นคนอ่อนแอไปได้”
“หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาที่คุณไม่ยอมรับสายผม ผมจะบ้าตาย ผมไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน คุณเป็นแรกที่ทำให้ผมอาการหนักขนาดนี้ มันแย่มาก ผมไม่
อยากเป็นแบบนี้ต่อไปเลย” เขาพูดต่อรัว ๆ ส่วนนินที่ตอนแรกว่าจะพูดกันให้รู้เรื่องกลับพูดไม่ออก ไม่รู้ว่าจะสรรหาคำไหนมาพูดเพื่อที่จะถนอมน้ำใจ
แต่ก็ปฏิเสธไปพร้อม ๆ กัน สิ่งที่เขาบอกเธอ ทำเอาเธอหนักใจมาก ๆ สำหรับเขา นินมั่นใจอย่างมากว่าเธอให้เขาเป็นได้แค่เพื่อนเท่านั้น เธอชอบที่มี
คนมาชอบเธอ แต่การที่เขาแสดงออกขนาดนี้เธอก็คิดว่ามันเกินกว่าที่เธอจะรับไหว เขาไม่ใช่สเปคของเลยจริง ๆ
วันนั้นเธอจำไม่ได้แล้วว่าเธอออกจากสถานการณ์นั้นมาได้อย่างไร จำได้ลาง ๆ ว่า เธอบอกลาเขาอย่างปกติ ปิดท้ายว่า คุณยังเป็นเพื่อนของฉันนะ ถึง
ฉันจะไม่ได้ชอบคุณเหมือนที่คุณชอบฉันแต่ฉันก็ไม่ได้ไม่ชอบคุณแบบเพื่อนนะ หลังจากนั้นเขาก็เลิกโทรหาเธอ เวลาเจอกันในมหาวิทยาลัยนินก็
ทักทายเขาปกติ เขาก็เช่นกัน จนสุดท้ายนินคิดว่าเขาคงโอเคแล้ว เธอไม่ได้สนใจเขาอีกต่อไป และไม่ได้เจอเขาอีกในมหาวิทยาลัย แต่ในเย็นวันหนึ่ง
เพื่อนสนิทของนินที่รู้จักกับเขาได้บอกกับนินว่าเขาเรียนจบแล้ว และกลับประเทศตัวเองไปแล้ว นินไม่ได้พูดอะไร เธอไม่มีความคิดเห็นอะไรเกี่ยวกับ
เรื่องของเขามากนัก
“รู้ไหมว่าเขายังชอบเธออยู่” เบธพูดขึ้น ซาราได้ยินเรื่องรัก ๆ ก็หูผึ่งขึ้นมาทันที เริ่มเซ้าซี้ให้เบธเล่าต่อ
“บ้าน่า ฉันว่าไม่นะ ไม่ได้คุยกันตั้งหลายเดือนแล้ว” นินแย้ง เพราะมันเป็นอย่าง ๆ นั้นจริง ๆ
“แต่ครั้งสุดท้ายที่ฉันเจอเขาที่ครัวรู้ไหมเขาบอกกับฉันว่าอะไร เขาบอกว่าเขาชอบเธอมาก ๆ อยากจะแต่งงานกับเธอเลยทีเดียว” เบธเล่า นินทำ
หน้าตาไม่ถูกส่วนซาราหัวเราะชอบใจใหญ่ เอาจริง ๆ นินไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับเขามากนัก เธอรู้แค่ว่าเขาเรียนปริญญาเอกสาขาฟิสิกส์ ทำอาหารได้และ
ชอบออกกำลังกาย แต่เบธบอกว่าเขาคนนี้มีข่าวลือที่ไม่ดี ซึ่งก็คือเขาแต่งงานแล้วที่ประเทศของตัวเอง มีภรรยาแล้วสามคน ที่เขาชอบนินเป็นเรื่องจริง
และจริงยิ่งกว่าคือที่บอกกับเบธว่าอยากจะแต่งงานกับนิน นั่นก็หมายความว่าอยากให้นินเป็นภรรยาคนที่สี่ของเขานั่นเอง นินฟังแล้วก็ทั้ขำทั้งเหวอ ดี
ว่าเธอไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาอยู่แล้ว
นั่นแหละเรื่องราวครั้งหนึ่งที่มีคนมาชอบเธอแบบโต้ง ๆ และสุดโต่งสุด ๆ ในความคิดของนิน ที่เคยเกิดขึ้นในชีวิตคนธรรมดาอย่างเธอล่ะนะ
เธอซึ่ง ๆ หน้า มาขอเบอร์โทรหรือแสดงออกต่อเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันว่าชอบพอเธอ แต่เธอก็มั่นใจมากว่าความสัมพันธ์ของเธอนั้นจะเริ่มมาจาก
ความเป็นเพื่อน หรือความใกล้ชิดสนิทสนมมาก่อน เมื่อคนคนนั้นได้รู้จักตัวตนของเธอมากพอจนมองเห็นคุณค่าในตัวเธอและมั่นใจที่จะเริ่มความ
สัมพันธ์กับเธอ นั่นคือสิ่งที่เธอคิดไว้ แต่จนแล้วจนรอด จนถึงป่านนี้ก็ยังไม่เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นเสียที ทั้งชีวิตของนิน เธอน่าจะตกหลุมรัก ถูกใจ
ปลื้ม ประทับใจหรือแอบชอบใครมานักต่อนัก นินมีแฟนมาแล้วหนึ่งคนถ้วน ส่วนอีกคนนั้น ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดี คนคุย มากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟน
เอาไว้จะอธิบายทีหลัง แต่ก็นั่นแหละ เอาเป็นว่าสองครั้ง กับความสัมพันธ์โรแมนติก จากการแอบชอบนับครั้งไม่ถ้วน แต่คนสองคนที่เธอเคยมีความ
สัมพันธ์โรแมนติกด้วยนั้น ไม่ใช่คนที่เธอแอบชอบเลยสักคน สรุปได้ว่า ไม่ใช่คนที่เล็งไว้ คนที่ส่วนตัวตัวแล้วเธออยากจะสมหวังด้วยสักครั้ง แต่นั่นก็ไม่
ได้หมายความว่าเธอไม่ได้รักพวกเขานะ ไม่รู้จะเรียกว่ารักได้เต็มปากหรือไม่ แต่นินก็มั่นใจพอว่าเธอมีความรู้สึกดีให้พวกเขาและชอบพวกเขามากพอที่
จะอยู่ในความสัมพันธ์นั้นโดยไม่รู้สึกผิด เธออาจจะชอบพวกเขา เพราะพวกเขาชอบเธอก่อน ใคร ๆ ก็ชอบที่มีคนมาชอบ นินคิดอย่างนั้น แต่ก็ไม่ใช่ทุก
คนที่ต้องชอบตอบ ส่วนนินชอบตอบกลับไปสองครั้ง ปฏิเสธไปหนึ่งครั้ง มีอยู่ครั้งหนึ่ง นินไปออกกำลังกายที่ยิมของหอพักในมหาวิทยาลัย เธอได้รู้จัก
กับผู้ชายคนหนึ่ง เขาเข้ามาทักเธอก่อน บอกว่าเห็นเธอออกกำลังกายอยู่คนเดียว อยากรู้จักเธอ จึงขอเบอร์โทรศัพท์ของเธอไว้ นินก็ให้เบอร์ติดต่อ
ของเธอไป คงต้องขอแก้ต่างใหม่ว่านินเองก็เคยมีคนเข้ามาขอเบอร์โต้ง ๆ เหมือนกัน แต่เพราะเขาไม่ใช่สเปกของเธอ นินรู้ได้ทันทีตั้งแต่ครั้งแรกที่
เห็นเขาว่าเธอให้เขาเป็นได้แค่เพื่อน หรือว่านี่ก็คือสิ่งที่คนที่เธอแอบชอบทำกับเธอเหมือนกันนะ นินเพิ่งเอะใจได้ในวินาทีนั้นเช่นกัน กลับเข้าเรื่องเขา
คนนี้ก่อน หลังจากที่นินให้เบอร์โทรเขาไป เขาก็โทรมาหาเธอวันละหลายรอบ โทรจนกว่าเธอจะรับสายทั้งที่เพิ่งจะรู้จักเมื่อวันก่อน นินไม่เคยรับสาย
เขา แต่เธอก็ส่งข้อความกลับไปตามมารยาท เขาชวนเธอไปกินมื้อเย็นด้วยกันในร้านละแวกมหาวิทยาลัย ตอนนั้นนินก็คิดว่าแค่ไปกินมื้อเย็นปกติ แต่
พอเธอโตขึ้นจึงได้รู้ว่า นั่นเขาเรียกว่าไปเดต ระหว่างที่กำลังกินมื้อเย็นทั้งสองก็คุยกันเรื่องทั่วไป แต่จู่ ๆ เขาก็พูดขึ้นมาว่า
“เรามาเล่นเกมกันเถอะ” เขาพูดขึ้น
“เกมอะไรหรือ” นินถามกลับ
“ผมจะให้คุณถามคำถามผมสามข้อเกี่ยวกับการที่เราออกมาทานมื้อเย็นกันวันนี้ แล้วผมจะตอบคำถามคุณ”
นี่เป็นเกมที่นินไม่เคยพบไม่เคยเล่นมาก่อนในชีวิต เป็นเกมที่เอาแต่ใจสุด ๆ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็เล่นไปกับเขาด้วย ด้วยความอึดอัดใจ
“ฉันไม่รู้จะถามอะไรดี มาทานมื้อเย็นต้องมีคำถามด้วยหรือ”
“ผมรู้ว่าคุณต้องสงสัยบ้างล่ะ ถามผมสิ เดี๋ยวผมจะตอบ”
นินพูดซ้ำอีกรอบว่าเธอไม่รู้จะถามอะไร ตอนแรกเธอไม่ค่อยได้เอะใจอะไรมากนัก เขาเซ้าซี้จะเล่นเกมนี้ให้ได้เขาจึงสลับบทบาทกับเธอ
“งั้นผมจะถามคุณเอง ส่วนคุณตอบคำถามผม” เขาเสนอทางออก
“ได้ ฉันว่าฉันตั้งคำถามไม่เก่งเท่าไหร่” นินว่า
“คำถามแรก ทำไมผมถึงชวนคุณมาทานมื้อเย็นวันนี้” เขาถามเนิบ ๆ
“เอ่อ เพราะว่า เพราะ ฉันจะรู้ดีกว่าคุณได้ยังไงล่ะ เฉลยมาเลยไม่ดีกว่าหรือ” นินเริ่มรู้สึกแปลก ๆ ถามคำถามที่ตัวเองก็รู้คำตอบอยู่แล้วแบบนี้ คนตอบอย่างเธอ ตอบยังไงให้ดูดี ไม่เข้าข้างตัวเองเกินไป จะตอบยังไงล่ะ นินใช้เวลาคิดหนักระหว่างนั้นเขาจึงขอเปลี่ยนกติกา
“เอาอย่างนี้ ผมจะถามคำถามเดิม สามครั้ง แต่คำตอบของคุณต้องห้ามซ้ำกับครั้งก่อนนะ” เขาว่า นินคิดหนักกว่าเดิม นี่มันเกมบ้าอะไร
“ทีนี้ตอบครั้งแรกมาก่อน”
“เอ่อ เพราะ คุณ อยากเป็นเพื่อน กับฉัน” นินตอบแบบไม่แน่ใจนัก แต่เธอก็เริ่มจะพอเดาได้ลาง ๆ ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร
“ข้อที่สองล่ะ” เขารีบต่อ
“เอ่อ เพราะคุณ อยาก จะ รู้จักฉัน มากขึ้น” เขายิ้มขำ ๆ นินเริ่มแน่ใจว่าเธอรู้ว่าเขาคิดอะไร และเธอก็ไม่อยากตอบเอาเสียเลยกับคำถามครั้งที่สาม
“ผมจะบอกไว้ก่อนว่าที่คุณตอบมาน่ะมันก็ใช่ แต่ก็ไม่ทั้งหมด” เขาว่าเปิดทางสว่างให้เธอสุด ๆ นินรู้คำตอบแล้วแต่กระดากปากเกินที่จะตอบไปแต่
สุดท้ายเธอก็ตอบออกไปจนได้
“เพราะคุณชอบฉัน” นินพูดออกไปในที่สุด เป็นการตอบคำถามที่เหมือนกับว่าเธอกำลังสารภาพรักเขา แต่จริง ๆ แล้วเป็นเขาต่างหากที่กำลังบอกชอบ
เธอ เอาจริง ๆ นินคิดว่ามุกนี้ก็ไม่เลว แต่กับคนที่ไม่ค่อยออกตัวแรงอย่างเธอ มันหนักใจหนักปาก หนักไปเสียทุกอย่าง ถ้าเขาไปเล่นเกมนี้กับสาวมั่น
คงไม่เสียเวลาขนาดนี้ เผลอ ๆ ไม่ต้องตอบถึงสามครั้ง แต่เพราะเธอคือนิน ไม่ใช่สาวมั่นที่ไหน เธอยังรู้สึกว่าเธอยังเด็กเกินไปที่จะถูกจีบโดยวิธีนี้ อาจ
จะฟังไร้เหตุผล ซึ่งก็ไร้เหตุผลจริง ๆ นั่นแหละ แต่เธอก็คิดอย่างนั้นจริง ๆ นี่
“ใช่ แต่คุณไม่ต้องกังวลหรอกนะ คุณค่อย ๆ คิด ผมรู้ว่านี่มันกะทันหันมาก” เขาบอก ไม่รู้ว่าเธอแสดงสีหน้าหรือท่าทางอะไรออกไป แต่เขาบอกเธอ
ด้วยท่าทางว่า ใจเย็น ๆ อย่าแตกตื่น
หลังจากนั้นนินก็พยายามบอกกับเขาว่า เป็นเพื่อนกันน่าจะดีกว่า เราเพิ่งรู้จักกัน ฉันไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านั้นเลย แต่เขาก็ยืนกรานว่าจะให้เวลาเธอ
คิดก่อน ไม่อยากเร่งรัดหรือทำให้เธอไม่สบายใจ แต่สองสามวันหลังจากนั้น เขาก็รัวโทรหาเธอไม่หยุด นินไม่ได้รับสายเช่นเดิม แต่ก็ตอบกลับทาง
ข้อความเช่นเดิม เขาขอนัดเจอเธออีกครั้ง นินตั้งใจว่าครั้งนี้จะไปคุยกันให้รู้เรื่องจึงตอบตกลง
“เราเจอกันในยิม คุณน่าจะรู้ว่าผมชอบออกกำลังกาย” นี่คือประโยคแรกที่เขาบอกนินหลังจากทักทายถามไถ่ตามมารยาท
“ก็คงใช่”
“ผมออกกำลังกายทุกวัน ผมรู้ตัวดีว่าผมเป็นคนแข็งแรง คุณเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ แต่ทำไมคุณถึงทำให้ผู้ชายแข็งแรงอย่างผมกลายเป็นคนอ่อนแอไปได้”
“หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาที่คุณไม่ยอมรับสายผม ผมจะบ้าตาย ผมไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน คุณเป็นแรกที่ทำให้ผมอาการหนักขนาดนี้ มันแย่มาก ผมไม่
อยากเป็นแบบนี้ต่อไปเลย” เขาพูดต่อรัว ๆ ส่วนนินที่ตอนแรกว่าจะพูดกันให้รู้เรื่องกลับพูดไม่ออก ไม่รู้ว่าจะสรรหาคำไหนมาพูดเพื่อที่จะถนอมน้ำใจ
แต่ก็ปฏิเสธไปพร้อม ๆ กัน สิ่งที่เขาบอกเธอ ทำเอาเธอหนักใจมาก ๆ สำหรับเขา นินมั่นใจอย่างมากว่าเธอให้เขาเป็นได้แค่เพื่อนเท่านั้น เธอชอบที่มี
คนมาชอบเธอ แต่การที่เขาแสดงออกขนาดนี้เธอก็คิดว่ามันเกินกว่าที่เธอจะรับไหว เขาไม่ใช่สเปคของเลยจริง ๆ
วันนั้นเธอจำไม่ได้แล้วว่าเธอออกจากสถานการณ์นั้นมาได้อย่างไร จำได้ลาง ๆ ว่า เธอบอกลาเขาอย่างปกติ ปิดท้ายว่า คุณยังเป็นเพื่อนของฉันนะ ถึง
ฉันจะไม่ได้ชอบคุณเหมือนที่คุณชอบฉันแต่ฉันก็ไม่ได้ไม่ชอบคุณแบบเพื่อนนะ หลังจากนั้นเขาก็เลิกโทรหาเธอ เวลาเจอกันในมหาวิทยาลัยนินก็
ทักทายเขาปกติ เขาก็เช่นกัน จนสุดท้ายนินคิดว่าเขาคงโอเคแล้ว เธอไม่ได้สนใจเขาอีกต่อไป และไม่ได้เจอเขาอีกในมหาวิทยาลัย แต่ในเย็นวันหนึ่ง
เพื่อนสนิทของนินที่รู้จักกับเขาได้บอกกับนินว่าเขาเรียนจบแล้ว และกลับประเทศตัวเองไปแล้ว นินไม่ได้พูดอะไร เธอไม่มีความคิดเห็นอะไรเกี่ยวกับ
เรื่องของเขามากนัก
“รู้ไหมว่าเขายังชอบเธออยู่” เบธพูดขึ้น ซาราได้ยินเรื่องรัก ๆ ก็หูผึ่งขึ้นมาทันที เริ่มเซ้าซี้ให้เบธเล่าต่อ
“บ้าน่า ฉันว่าไม่นะ ไม่ได้คุยกันตั้งหลายเดือนแล้ว” นินแย้ง เพราะมันเป็นอย่าง ๆ นั้นจริง ๆ
“แต่ครั้งสุดท้ายที่ฉันเจอเขาที่ครัวรู้ไหมเขาบอกกับฉันว่าอะไร เขาบอกว่าเขาชอบเธอมาก ๆ อยากจะแต่งงานกับเธอเลยทีเดียว” เบธเล่า นินทำ
หน้าตาไม่ถูกส่วนซาราหัวเราะชอบใจใหญ่ เอาจริง ๆ นินไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับเขามากนัก เธอรู้แค่ว่าเขาเรียนปริญญาเอกสาขาฟิสิกส์ ทำอาหารได้และ
ชอบออกกำลังกาย แต่เบธบอกว่าเขาคนนี้มีข่าวลือที่ไม่ดี ซึ่งก็คือเขาแต่งงานแล้วที่ประเทศของตัวเอง มีภรรยาแล้วสามคน ที่เขาชอบนินเป็นเรื่องจริง
และจริงยิ่งกว่าคือที่บอกกับเบธว่าอยากจะแต่งงานกับนิน นั่นก็หมายความว่าอยากให้นินเป็นภรรยาคนที่สี่ของเขานั่นเอง นินฟังแล้วก็ทั้ขำทั้งเหวอ ดี
ว่าเธอไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาอยู่แล้ว
นั่นแหละเรื่องราวครั้งหนึ่งที่มีคนมาชอบเธอแบบโต้ง ๆ และสุดโต่งสุด ๆ ในความคิดของนิน ที่เคยเกิดขึ้นในชีวิตคนธรรมดาอย่างเธอล่ะนะ
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ