การเดินทางของติวเหวอ(เตอร์)
เขียนโดย nuskung
วันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2562 เวลา 21.43 น.
แก้ไขเมื่อ 5 มกราคม พ.ศ. 2567 14.33 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
3) มิติใหม่แห่งการคำนวณรัศมี
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความย้อนกลับไปเมื่อปี 2554 ในช่วงนั้น ผมเปิดกวดวิชาเล็กๆเป็นของตัวเอง อยู่แถวย่านฝั่งธน เอาจริงๆมันก็เป็นกวดวิชาที่ไม่ได้จดทะเบียนอะไรหรอกนะครับ เพราะทำเพียงแค่เช่าห้องเล็กๆ แล้วเปิดสอนเด็กนักเรียนกลุ่มเล็กๆบ้าง ตัวต่อตัวบ้าง ก็ได้ลูกค้ามาจากการแนะนำปากต่อปากนี่แหละครับ ช่วงแรกๆก็ขลุกขลักหน่อยทั้งประสบปัญหาน้ำท่วมใหญ่ เรียกได้ว่าเพิ่งมาเปิดเทอมแรกก็ท่วมเลยครับ เลยต้องยกเลิกคอร์สไปก่อน เรื่องการสอนที่ผมต้องปรับตัวกับเด็กกรุงเทพ เนื่องจากผมสอนเด็กต่างจังหวัดมานาน การเรียนของเด็กทั้ง 2 ที่นี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงนะครับ ปัญหาการไม่เข้าใจกันระหว่างผมกับผู้ปกครองบางท่าน อันนี้ผมขอข้ามรายละเอียดไปนะครับ เพราะแต่ละคนเค้ามีมาตรฐานคะแนนของลูกๆไม่เหมือนกันครับ เรื่องคะแนนสอบ เรื่องบทเรียนที่แต่ละโรงเรียน เรียนไม่เหมือนกัน เรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ สารพัดปัญหาเลยครับ กว่าจะลงตัวก็หลายเทอมอยู่นะครับ
มาว่ากันด้วยประเด็นในวันนี้ดีกว่าครับ ผมได้รับการติดต่อจากผู้ปกครองท่านหนึ่ง ว่าต้องการให้ผมติวลูกสาวซึ่งเรียนอยู่ชั้น ป.6 โรงเรียนหญิงล้วนแห่งหนึ่ง ผ่านบุคคลที่สาม ผมเลยบอกว่าให้เข้ามาหาผมดีกว่าจะได้คุยกันรู้เรื่อง โดยผู้ปกครองท่านที่ติดต่อให้ ก็ได้บอกผมว่าจะไปแจ้งให้ผู้ปกครองท่านนั้นทราบในทันที เวลาผ่านไป 2-3 วัน ในขณะที่ผมกำลังนั่งเตรียมการสอนอยู่ในห้องที่ผมเช่าเอาไว้สอนหนังสืออยู่นั้น ก็มีชายวัยกลางคน ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวค่อนไปทางหม่นๆ กางเกงสแล็คสีน้ำตาลออกไปทางซีด บนศีรษะไม่มีผม ผิวขาวแน่นอนว่ามีเชื้อจีนแน่ๆ สวมแว่นตา เปิดประตูเข้ามา พร้อมกับถามผมว่า
“สวัสดีครับ ผมมาหาครูโน้สครับ” พูดจบชายคนนี้ก็เดินเข้ามาหาผมในห้อง ผมยกมือไหว้ พร้อมๆกับที่ชายผู้นั้นรับไหว้ผม
“ครับ ผมครับโน้ส” ผมบอก แล้วยืนขึ้นในท่าทางสุภาพ
“อ้อครับครู เมื่อวันก่อนแม่น้องเอมบอกครูเรื่องที่ผมจะติดต่อให้สอนเลขน้องพินแล้วใช่มั้ยครับ ที่อยู่ ป.6 เพื่อนน้องเอมน่ะครับ”
“ครับ ผมทราบแล้วครับ ไม่ทราบว่าคุณพ่อต้องการยังไงครับ” ผมถามพร้อมกับเชื้อเชิญให้คุณพ่อท่านนี้นั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆผม
“คือน้องพินอ่อนเลขมาก(คำว่ามากนี้ยานคางเชียวครับท่านผู้อ่าน) ถึงมากที่สุด ตกตลอด ตกทุกครั้งที่สอบ ผมอยากให้ครูช่วยติว เอาแค่ให้คะแนนผ่านก็พอครับ ไม่ต้องได้เกรดสี่หรอกฮะครู”
ผมพยักหน้ารับทราบ แล้วก็นัดวันเรียนกัน จนกระทั่งถึงวันที่ผมต้องพบกับน้องพิน
ในเย็นวันนั้นคุณพ่อของน้องเดินนำน้องพินเข้ามา พร้อมกับแนะนำให้ผมรู้จักลูกสาวของเค้า เด็กหญิงอายุ 11-12 ปี ผิวขาว สวมแว่นตา ถักผมเปีย 2 ข้าง เดินเข้ามาพร้อมหนังสือเรียนและกล่องดินสอ ยกมือสวัสดีผม ผมยกมือรับไหว้ตอบ พร้อมกับเดินนำน้องเข้าไปนั่งที่โต๊ะแล้วเริ่มบทเรียนในทันที ในขณะที่พ่อของน้องนั่งตรงด้านหน้าห้องเรียน พร้อมกับเปิดโน้ตบุ๊คตัวเล็กๆ
ผมแอบดูครับ ฮ่าๆๆๆ อยากรู้นี่ครับว่าจะทำอะไร ปรากฏว่าคุณพ่อเค้าเปิดกราฟหุ้นครับ โอ้ววว!แม่เจ้า คุณพ่อเก่ง
ขนาดนี้ทำไมไม่สอนลูกเองฟ้ะ นี่ผมคิดในใจนะ ไม่ได้พูดออกมาหรอกครับ ฮ่าๆๆๆ เอามาๆ เข้าเรื่องต่อ ผมกลับมาที่โต๊ะสอนหนังสือ น้องพินเอาหนังสือให้ผมดูว่าตอนนี้เรียนเรื่องวงกลมอยู่ ผมเลยไปหยิบชีทเรื่องวงกลมให้น้องพิน
“นี่ครับชีทครู เรามาเริ่มกันเลยนะ อันดับแรกต้องรู้จักส่วนประกอบของวงกลมก่อน…” ผมสอนเนื้อหาไปเรื่อยๆจนถึงส่วนที่ต้องคำนวณแล้วครับ
“น้องพินต้องจำนะ รัศมีของวงกลมยาวเป็นครึ่งหนึ่งของความยาวเส้นผ่านศูนย์กลางวงกลมนะ นั่นแสดงว่าเส้นผ่านศูนย์กลางต้องยาวเป็นสองเท่าของรัศมีนะ” ผมย้ำอีกครั้ง พร้อมทั้งชี้นิ้วไปที่โจทย์ข้อที่ 1
“ข้อแรกนะครับ ดูรูปนะ ในรูปให้เส้นผ่านศูนย์กลางมา 10 ซม. โจทย์ต้องการหารัศมี เอ้าน้อง จากสูตร ถ้าเรารู้ความยาวเส้นผ่านศูนย์กลางแล้ว รัศมีคำนวณได้เลยนะครับ น้องลองหาสิครับว่าได้กี่เซนติเมตร” พูดจบผมก็ปล่อยให้น้องเค้าคำนวณเองก่อน สิ่งที่ผมหวังจะได้เห็นคือ น้องพินต้องนำ 10 มาเขียนในกระดาษทด แล้วหารยาวหรือหารสั้น หรือเขียนในรูปของเศษส่วน แล้วเอา เลข 2 ไปตัดกับ 10 เลย ก็จะได้รัศมีอย่างง่ายดาย
แต่ในความเป็นจริงครับ สิ่งที่ผมเห็นคือ….
น้องพินหยิบไม้บรรทัด มาทาบลงบนรูปในโจทย์ข้อนี้ แล้วอ่านความยาวให้ผมฟัง
“รัศมี 2.1 ค่ะครู” พูดจบ หันมายิ้มฟันขาวให้ผม
ผมทำไงล่ะทีนี้ เงิบครับ อึ้งไปสักพัก เริ่มงงกับวิถีติวเตอร์ ว่าที่จริงแล้ว ผ้ม หรือ น๊อง ที่เข้าใจผิดกานแน่ เหอๆๆ
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ