การเดินทางของติวเหวอ(เตอร์)
เขียนโดย nuskung
วันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2562 เวลา 21.43 น.
แก้ไขเมื่อ 5 มกราคม พ.ศ. 2567 14.33 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
2) วันอาทิตย์ในร้านกาแฟ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความช่วงสายของวันอาทิตย์ ผมไลน์บอกนักเรียนของผมว่าวันนี้เรียนที่ร้านกาแฟสตาร์บั๊กนะ แล้วผมก็นั่งรอสักพัก สาวน้อยในชุดกางเกงยีนส์ขายาว ใส่เสื้อยืดสีขาว รองเท้าผ้าใบสีขาว สวมแว่นตาเดินขึ้นบันไดหน้าห้าง เดินมาทางร้านที่ผมนั่งอยู่ เธอเปิดประตูเข้ามาแล้วมองหาใครบางคน พร้อมกับเดินวนไปทางซ้ายมือของร้าน พร้อมกับสอดส่ายสายตามองหาใครอยู่เช่นเดิม เธอเดินวนมาจนถึงเคาเตอร์แคชเชียร์ผมจึงโบกมือเรียกเธอ เธอยกมือสวัสดีผม ผมยกมือรับไหว้
“นั่งก่อน กินน้ำอะไรดีใบบัว” ผมถามเธอ
“ไม่เอาดีกว่าค่ะครู หนูเจ็บคอ” เธอบอกผม
“เอาเถอะ ชาเขียวร้อนมั้ย ครูเลี้ยงเอง” ผมบอกโดยไม่รอคำตอบ ผมเดินไปต่อคิวเพื่อสั่งเครื่องดื่ม 2 แก้ว แล้วกลับมานั่งที่โต๊ะ ผมวางเครื่องดื่มแล้วสอบถามถึงบทเรียน
“วันนี้อยากให้ติวเรื่องไหนก่อน” ผมถามพร้อมกับยกน้ำขึ้นดูด
“เอาเรื่อง volumn ก่อนก็ได้ค่ะ หนูว่ามันยาก” เธอบอก ผมจึงหยิบชีทออกมาแล้วส่งเรื่องที่เธอต้องการให้ ผมนั่งสอนเธอไปสักพัก ก่อนที่เธอจะชวนผมคุยเรื่องเพื่อน
“ครูรู้มั้ยว่าแนนกับเนตรเค้ามีปัญหากันเรื่องใหญ่มากเลยนะครู” เธอวางปากกาแล้วสบตาผม
ผมหยุดชะงักไปนิดหนึ่ง ก่อนที่จะเข้าใจกระจ่างถึงท่าทางที่แปลกไปของนักเรียนทั้งสอง ย้อนกลับไปเมื่อ 1 เดือนก่อนหน้านี้ ผมสังเกตเห็นแนนกับเนตร ซึ่งเป็นนักเรียนในกลุ่ม ม.3 ของผม ในกลุ่มนี้จะมีทั้งหมด 4 คน คือแนน เนตร ใบบัว และ แพท ปกติแล้วสาวๆทั้ง 4 นี้จะคุยเก่งและค่อนข้างอารมณ์ดี แต่ในวันหนึ่ง ผมเห็นว่าเนตรนั้นเงียบลงไปและไม่ค่อยจะพูดคุยกับเพื่อนๆเท่าไร ผมก็คิดไปเองว่าคงเป็นเพราะอยากจะตั้งใจเรียน จนกระทั้งเรื่องมากระจ่างเอาวันนี้
“ครูก็ว่าทำไมเนตรถึงดูเงียบๆไป ไหนมีอะไรเล่ามาซิ” ผมบอกใบบัวพร้อมกับเอามือกอดอกเตรียมตั้งใจฟัง
“คืออย่างงี้ค่ะครู แนนเค้าอวดเรื่องได้เป็นตัวแทนถือป้ายกีฬาสีในเฟสบุ๊คค่ะ ทั้งๆที่ทางโรงเรียนยังไม่มีการคัดตัวเลยค่ะ เนตรก็เข้าไปเม้นท์ว่า มั่นใจมากเลยนะ แค่นั้นแหละครู เช้ามาไปโรงเรียนก็มีเพื่อนจับกลุ่มคุยกันเรื่องแนนหลายกลุ่มไปหมด แล้วเพื่อนก็แบนแนนเยอะมาก รวมถึงเพื่อนสนิทของแนนด้วย แนนเค้าก็เครียดค่ะ เรื่องนี้ก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ถึงครูประจำชั้น มีการเรียกกลุ่มที่แบนแนนมาทัณฑ์บน กลายเป็นว่าแนนกับเนตรก็ผิดใจกันเอง หนูก็ไม่รู้จะทำยังไงเพราะหนูก็เป็นเพื่อนกับทั้งคู่ แต่หนูก็บอกกับแนนตรงๆให้ปรับตัวนิดหนึ่ง”
ฟังถึงตรงนี้ ผมก็รู้สึกสงสารแนนขึ้นมา ผมเองก็พอจะเข้าใจว่าเป็นเรื่องของเด็กวัยรุ่นในโรงเรียนหญิงล้วน ย่อมมีเรื่องราวแนวๆนี้อยู่แล้ว ผมจึงได้แต่บอกให้ใจเย็นๆ ให้คำปรึกษาเพื่อนไปก่อน เมื่อเราคุยเรื่องนี้กันจบ เราก็ติวหนังสือกันต่อจนเลยเที่ยงวันมาแล้ว จนใกล้จะหมดเวลา น้องใบบัวถามผมว่า
“หนูจะทำยังไงดีอ่ะครู คะแนนสอบไม่ค่อยดีเลย วิชาวิทย์ ขนาดหนูเรียนพิเศษกับครูในโรงเรียนนะ คะแนนยังน้อยเลย ครูรู้มั้ย หนูเรียนกับครูเค้า 2 ชั่วโมง ครูเค้าคิด 600 เรียนกัน 3 คนนะครู ครูคิดดูสิ 2 ชั่วโมง ครูเค้าได้เงิน 1,800 แล้วนะ แล้วอาทิตย์หนึ่งเค้าสอนกี่คนล่ะครู หนูก็ว่าทำไมครูเค้าใช้ของแบรนด์เนมเกือบทุกอย่างเลย หนูคิดว่าบ้านครูเค้ารวย มาตอนนี้หนูเข้าใจแล้ว ว่าอาชีพนี้เงินมันดีนี่เอง”
ผมนั่งฟังเค้าเงียบๆ ไม่ได้โต้ตอบอะไร เพราะกำลังอึ้งอยู่ที่ได้ยินคำพูดของคนอื่นเรื่องรายได้ของอาชีพติวเตอร์ในแนวทางเหมือนว่า เป็นติวเตอร์ต้องรวย ผมเพียงแต่ทิ้งท้ายไว้ว่า
“ใบบัวก็เรียนอะไรสักอย่างให้เก่งๆ แล้วจบมาสอนพิเศษก็ได้นะ”
ในหนทางของการเป็นติวเตอร์ คุณไม่รู้หรอกนะครับว่า ผมต้องทุ่มเทมากแค่ไหน มันไม่ใช่แค่กางหนังสือแล้วมาสอนนะครับ มันต้องใช้ความอดทน
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ