เด็กชายกับปู่โสม(เฝ้าทรัพย์)
8.7
เขียนโดย นิกซ์
วันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2560 เวลา 21.42 น.
10 ตอน
9 วิจารณ์
14.96K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 31 มกราคม พ.ศ. 2561 14.13 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
5) ตอนที่ 4 คำชวนของสีดำ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความสวัสดีครับ ผมวาโย ตอนที่แล้ว จบตรงที่ผมย้ายไปเรียน ม.ปลายที่กรุงเทพใช่มั้ยครับ? ถูกต้องแล้ว ผมย้ายมาเรียนที่กรุงเทพ ผมก็เริ่มสนใจการออกแบบ และ คอมพิวเตอร์ ผมชอบที่จะเล่นคอมฯทั้งการออกแบบ รูป เล่นโปรแกรมนู่นนี่นั่น มันสนุกดี และผมยังไม่ลืมวิชาอาคมและศาสตร์การต่อสู้หรอกนะ เพราะผมจะหมั่นฝึกตลอด ถ้าว่าง ใครๆอาจจะคิดว่าผมทำหลายอย่างจะมีเวลาเหรอ ผมมีอยู่แล้ว ผมแต่สร้างวินัยกับตัวเอง แบ่งเวลาอย่างชัดเจนนะครับ ผมแยกมาอยู่หอพักแทนที่จะมาอยู่กับแม่ เพราะหนึ่งเลย ผมอยากอยู่กับสัตว์เลี้ยง สอง แม่ไม่อยากให้ผมอึดอัดเวลาที่แม่อยู่กับ สามีใหม่ เค้าก็เป็นคนดี พอสมควร พวกเค้ามีลูกสาวด้วยกันแล้วนะครับ อายุห่างกับผมสามปี ก็ติดผมอยู่ เธอชื่อ น้ำ ชื่อจริงวารีรินทร์ และผมเองก็มีน้องสาวอีกคน ติดผมอีกเหมือนกัน ชื่อ โยธกา หรือ กาน อายุเท่ากับน้ำเลย เธอเป็นลูกของพ่อและเมียใหม่ ของเค้า ผมไม่น้อยใจอะไรนะ เพราะถือว่าพวกเค้ามีสิทธิ์เลือกทางเดินของชีวิตตัวเอง
สำหรับผม ถือว่าสบายๆไม่เหงานะ เพราะมีกรุ๊งกริ๊งและทองดำ มีคนโทรศัพท์มาคุยด้วยอีก ไหนจะน้องสาวทั้งสอง อย่างน้ำและกาน ที่โทรมาแทบทุกครั้งที่มีโอกาส ไหนจะ มะลิ ที่โทรมาหา และผมเองก็โทรไปหาเองมะลิบ้าง พ่อที่โทรมาหา ถามถึงความเป็นอยู่และคอยส่งเงินให้ผมใช้แถมจ่ายค่าเทอมผมให้อีกแต่ท่านไม่ต้องลำบามาก เพราะผมสอบชิงทุนได้ ที่ผมไม่เลือกไปอยู่กับพ่อ เพราะผมจะแวะไปเยี่ยมปู่ ที่อยู่อยุธยาลำบาก เชียงใหม่มันไกล อยู่กับแม่ดีกว่า ไม่ค่อยมายุ่งกับผมนัก แต่ก็โทรหาผมบ้าง ยุคนี้ดีจัง…โทรศัพท์ช่วยได้เยอะเลย
วันนี้ เป็นวันหยุด ผมเลยพาสัตว์เลี้ยงแสนรักมาตรวจสุขภาพ ที่โรงพยาบาลสัตว์ ที่อยู่ไม่ไกลจากหอพัก
“สุขภาพของน้องทองดำและน้องกรุ๊งกริ๊ง แข็งแรงดีนะครับ หมอขอแนะนำว่า พาน้องกรุ๊งกริ๊งออกกำลังกายบ้างนะครับ น้องเค้าเริ่มอ้วนแล้ว”
“ขอบคุณครับหมอ”
หลังจากที่ตรวจสุขภาพเสร็จ ทั้งสามก็พากันกลับห้องพัก
“เธอชื่อวาโย ศิริกุลใช่มั้ย”
“ครับ?”
คนที่ทักผม สวมชุดเสื้อยืดโปโลสีขาว กางเกงเดฟสีดำ รองเท้าผ้าใบดูสบายๆ หน้าตาคมคาย ท่าทางขี้เล่นและเป็นมิตร อายุน่าจะมากกว่าผมสองปี
เจ้าทองดำส่งเสียงขู่ เช่นเดียวกับกรุ๊งกริ๊ง ส่งเสียงฝ่อๆ จนผมต้องดุ”อย่าลูก ขอโทษนะครับ พวกเค้าไม่ค่อยชอบคนแปลกหน้า”
คนตรงหน้าหัวเราะเบาๆ อย่างไม่ถือสา “ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจว่าเค้ารักเจ้าของ”
“อ่าครับ คุณมีธุระอะไร ทำไมรู้จักชื่อผมได้ล่ะครับ”
“มากับผม เรามีเรื่องจะต้องคุยกัน ให้สัตว์เลี้ยงของคุณมาด้วยก็ได้”
ผมรู้สึกแปลก เมื่อเค้าพูดจบ ยอมตามไปที่รถเต่าสีครีมของชายคนนั้นแต่โดยดี รถได้แล่นไปเรื่อยๆ
“จะพาผมไปไหน”แย่จริง ผมโดนคาถา นะจังงัง เข้าให้แล้ว ร่างกายขยับไม่ได้เลย ผมรีบว่าคาถาแก้ ก่อนจะคนที่ขับรถ“เป็นหมอผีเหรอ?”
“หึๆเก่งจังเลย รู้ใช่มั้ยว่าใช้คาถานะจังงัง แต่คงไม่รู้ว่าชั้นใช้คาถาวาจาสาลิกา ด้วย”
“วาจาสาลิกา?”
“มันคือคาถาเสกใส่ลิป ชั้นทาลิปปาล์มเสกไว้ นั่นจะทำให้คนชั้น สั่งใคร ก็จะทำตาม ใช้ได้เกือบทุกคนเลย แต่ข้อเสียคือใช้ไม่ได้นาน”
“จะพาผมไปไหน”
“ใจเย็นไอ้น้อง เผอิญว่าเบื้องบนเค้าอยากจะคุยกับเธอ ถ้าเธอมาทำงานกับเรา ชั้นจะสอนให้”
“ผมไม่ต้องการ ผมไม่เข้าร่วมกับใครทั้งนั้น! จอดรถเดี๋ยวนี้ ไม่งั้น”
“เฮ้ยๆ ใจเย็น ไม่ได้เอาไปฆ่า แค่เบื้องบนอยากคุยด้วย”
“ใจเย็นๆน่าหนุ่มน้อย”เสียงหวานดังข้างหู
วาโยหันไปก็พบหญิงสาวหน้าตาสะสวย ผมดำยาว ในชุดไทยสีเขียวสดนั่งข้างๆ“นางตานี”
ทองดำเห่าลั่น กรุ๊งกริ๊งขู่ฝ่อๆ
ชายหนุ่มคนขับรถยิ้ม”จำปา อย่าไปหยอกเค้าซี่ ชั้นรำคาญหมา ไอ้น้องอย่าตกใจ นั่นจำปา คู่หูของชั้น ส่วนชั้นชื่อ พายุ เรียกพี่พายุก็แล้วกัน ไอ้น้อง แกช่วยบอกให้หมาน้องหยุดเห่าด้วย หนวกหูว่ะ”
“หยุดทองดำ กรุ๊งกริ๊ง”
สองดำยอมหยุดแต่โดยดี เจ้าแมวดำรีบกระโดดขึ้นไหล่ของนายทันที
“พี่พายุ พี่จะพาผมไปไหน”
“ไปสำนักงานใหญ่ แกอย่าเพิ่งปฏิเสธเลย ชั้นเองก็เสียดายความสามารถของแกนะนั่งเฉยๆ”
ผมยอมนั่งรถไปเงียบๆ โดยมีนางตานี ชื่อจำปา ตามคุมโดยการนั่งข้างๆอีก
“ถึงแล้ว”
ที่ๆพี่พายุพาผมมา เป็นตึก บริษัท Hell City ก็เป็นบริษัท ธรรมดาๆนี่นา “ตามมา”
ผมจำต้องเดินตามพี่พายุ พี่จำปาไป ผมเห็น ชายหญิงคู่หนึ่ง อายุน่าจะประมาณยี่สิบกว่า จ้องมองผมอย่างสนใจ และที่ผมเห็นบางสิ่งที่อยู่ข้างหลัง น่าจะเป็นกุมารทอง วิญญาณเด็กหัวจุก สวมโจงกระเบน แต่ใส่เสื้อยืดแบบเด็กสมัยใหม่ กำลังลอยตัวมองผม และผมเห็น วิญญาณผู้หญิงหน้าตาเฉี่ยวหุ่นเซ็กซี่คนหนึ่งในชุดรัดกุมสีดำ มองผมอีก ผมแปลกมากเหรอ?
ผู้ชายคนนั้นตรงมาหา”พายุ เด็กนี่น่ะเหรอ ที่เบื้องบนต้องการตัว”
“ใช่ครับ พี่วิชิต คนนี้แหละ”
คนชื่อวิชิตมองมองอย่างพินิจ “หน้าอย่างนี้น่ะเหรอ? เด็กเรียนชัดๆ”
ผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนเงียบก็พูดขึ้น”นายนี่จริงๆเลย เห็นใครใส่แว่น ก็ว่าเป็นเด็กเรียนไปหมด”
“เงียบน่าบัว ก็ไอ้เด็กนี่ หน้ามันเด็กเรียนชัดๆ แบบนี้จะไหวเหรอ”
พายุเห็นว่าสองหนุ่มสาวจะเริ่มทะเลาะกันจึงรีบห้าม”พอเถอะครับพี่ๆ ตอนนี้ผมต้องพาน้องไปหาเบื้องบนนะครับ”
“ชั้นข้องใจ”คนชื่อวิชิต มองผมแล้วเริ่มบ่นพึมพำ ท่าจะไม่ดีแล้ว
พี่บัวร้องห้าม“หยุดนะชิต!!”
“ระวังไอ้น้อง!”
อาถรรพ์ที่กำลังจะเล่นงานผมถอยห่าง
“คาถาคุ้มกันรึ?”
“ครับ นั่นคือคาถาที่ผมเรียนมา คาถา เกาะพุทธคุณ เมื่อกี้คือคาถา?”
คนถูกถามยิ้ม“คาถาอาถรรพ์กัดกิน”
พายุส่ายหน้า”นี่ ถ้าพี่ชิตเล่นแรงแบบนี้ แล้วไอ้นี่มันป้องกันตัวไม่ทัน มันไม่แย่รึ”
“คาถานี่ มันร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอครับ”
หญิงสาวหนึ่งเดียวพยักหน้าก่อนจะอธิบาย”คาถานี้ เป็นศาสตร์ประเภทเดียวกับ ไสยดำ หากไม่ได้คาถาประเภท พุทธคุณ เข้าแก้ ก็ไม่รอด”
ผมแอบโล่งอกนะรู้สึกโชคดีที่ได้เรียน คาถาอาคมด้านพุทธคุณ มาด้วยนะ ไม่งั้นแย่
“แค่โชคดีก็เท่านั้น”
พี่มีอะไรกับผมมากมั้ย ถามผมสักคำมั้ย ว่าผมอยากมาที่นี่รึเปล่า?
พี่บัวหันมามองผม”นี่ ถ้ายังไม่รู้เรื่อง ก็อย่าเพิ่งปฏิเสธ นะ”
“อ่านใจผมได้เหรอ”
“ความสามารถพิเศษน่ะ พายุ พาเด็กคนนี้ไปได้แล้ว เดี๋ยวเบื้องบนจะตำหนิเอา”
ผมจำต้องเดินตาม “เข้าไปเลย ไอ้น้อง อ๊ะๆ เด็กๆเข้าไม่ได้”พายุห้ามสองสัตว์เลี้ยง ที่ตั้งท่าจะตามเข้าไป
“ทำไมครับ”
“เถอะน่า นายเข้าไปคนเดียวเถอะ”
ผมหันไปบอกสองดำที่ตั้งท่าจะตามผมไป “ทองดำ กรุ๊งกริ๊ง รออยู่ตรงนี้ก่อน”
สองดำส่งเสียงหงิงๆเหมียวๆ
ผมลองเปิดประตูเข้าไป ภายในห้องนั้นมืดมาก ผมมองไม่เห็นใครเลย”อะไรกันเนี่ย…”
“ยินดีต้อนรับ วาโย ศิริกุล”
เสียงที่ทักออกมา มันทรงอำนาจดีนะ แต่ผมไม่เห็นตัวเลยไม่ทราบว่าใครพูดครับ
“อย่ากลัวไป เรารับรู้ความสามารถของเธอมานานแล้ว”
“ความสามารถของผมเหรอ?”
“ใช่ วิชาอาคมของเธอ และสามารถในการมองเห็น การสื่อสารกับวิญญาณและอมนุษย์ของเธอ มันน่าสนใจ จริงๆ เธออยากจะนำมันมาใช้รึเปล่า?”
“ผมจะเอาความสามารถแบบนี้ไปใช้อะไรครับ อย่างมากก็แค่ป้องกันตัว ก็เท่านั้น”
“แบบนั้น…ถ้าใช้เพื่อคนอื่น เพื่อช่วยเหลือคนอื่น เธออยากจะลองทำดูมั้ย ค่าเสียเวลา ไม่ต้องห่วง สมกับความสามารถของเธอแน่”
“งานที่คุณจะเสนอให้ผม คืองานอะไรรึครับ”
“คล้ายๆยมทูตในคราบมนุษย์ ทำหน้าที่นำวิญญาณที่ไม่สามารถมาพิพากษาได้ มาสู่ปรภพ สถานที่รอพิพากษา เป็นมือปราบวิญญาณ…”
“พูดเป็นเล่น พูดอย่างกับว่า พวกคุณทำงานให้กับท่าน…”ยังไม่ทันที่จะพูดอะไร ปากผมก็ชา พูดไม่ได้
“ใช่ อย่างที่เจ้ากำลังจะพูด อยากจะลองทำดูก่อนไหมล่ะ หากไม่ชอบ ก็ปฏิเสธไป ตกลงไหม?”
ในวินาทีนั้น ผมจำใจต้องพยักหน้า…เอาวะ ลองสักตั้ง…”ก็ได้ครับ”
หลังจากที่ผมออกจากห้อง ก็เจอพี่พายุ ที่ยืนรอพร้อมนางตานี
“ตามมา ไอ้น้อง ก่อนอื่น เราต้องฝึกพื้นฐานกันก่อน”
ผมทำได้แต่เงียบและเดินตาม ก็พบว่า ที่นี่มีห้อง สำหรับฝึกคาถาพร้อม มียันต์ผ้าแดง สายสินจ์ มีดหมอหลายเล่ม ดาบ หอก แถมยังมีอาวุธปืนและกระสุนอีก
“ก่อนอื่น ขอวัดพื้นฐานหน่อยนะ วาโย”
“ครับ อยากจะให้ทำอะไรครับ”
“เสกอาวุธอะไรก็ก็ได้ เลือกเอาเลย ให้อาวุธที่เธอเสก สามารถทำลายหิน ลงอาคมนี่ให้ได้ แค่นี้แหละ”
ผมเลือกปืนลูกโม่พร้อมกระสุนมา แล้วจัดการบรรจุจนเต็ม “ไหนหินอาคมที่ว่าครับ”
“เลือกปืนเลยเหรอ”
“ทำไมรึครับ?มันแปลกรึ”
“ส่วนใหญ่ เค้าจะเลือกพวกมีดหมอ ไม่ก็หอกน่ะนะ”
“ผมอยากลองยิงปืนดูน่ะครับ”
“ตามมาสิ”
ผมตามพี่พายุไปอีกห้องหนึ่ง มีก้อนหินขนาดใหญ่ ที่มีรอยมือขีดข่วน ปักเอาไว้หลายรอยเลย ในห้องนั้นมี ชายวัยกลางคน สวมชุดขาว เอ่ยทัก”พายุ นี่น่ะรึ เด็กที่ว่า”
“ครับ พี่อัฐ”
“เลือกปืน มั่นใจซะเหลือเกินนะ ไอ้หนู”
“…”
ผม รวบรวมสมาธิแล้วคาถาเสกอาวุธที่ได้ร่ำเรียน
“ปัง!”
พายุอุทานลั่น“ทะลุหิน”
“เป็นไปไม่ได้ สถิติของมือปราบที่ผ่านมา ไม่น่าจะทำได้ขนาดนี้นะ”อัฐเข้าไปดูหินอาคมที่มีรูโบว๋ เพราะกระสุนที่เด็กใหม่ยิงไป ”งั้น ลองเสกมีดเล่มนี้ให้ลอยไปปัก หินนี่สิ”
เสกให้ลอยไปปักหิน? บอกตรงๆผมไม่เคยทำนะ ถึงจะเคยเรียนก็เถอะ
ในหัวของวาโยกำลังนึกถึงคาถา ก่อนจะถอดแว่นกรอบดำที่สวมอยู่ ใส่กระเป๋ากางเกง สองมือพนมแล้วตั้งสมาธิว่าคาถา
มีดที่วางไว้กับพื้น เริ่มขยับก่อนจะพุ่งไปที่ก้อนหิน แล้วไปปักกับ…กำแพงห้อง
“เล็งผิดนะ”อัฐส่ายหน้า
“ไม่น่านะครับ ดูนี่”พายุชี้ไปที่ ช่องที่มีดหมอเพิ่งพุ่งทะลุไป
“เหลือเชื่อ สถิติของเจ้าชิต ที่ว่าแน่ ไอ้นี่ทลายหมดเลยวุ้ย ต่อไปธาตุศาสตร์”
จากนั้น วาโย ศิริกุล ก็โดนทดสอบวิชาอาคม หลายรูปแบบและสอนคาถาอาคมที่เป็ฯพื้นฐานของมือปราบให้ ซึ่งสร้างความแปลกใจแก่ทุกคนที่ทำการทดสอบ เพราะเด็กหนุ่มคนนี้สามารถใช้คาถาได้ ดี จนเข้าขั้นอัจฉริยะ
และมันทำให้ หมดวันกันไปเลยทีเดียว
เด็กหนุ่มวัยสิบห้าทรุดตัวพิงกำแพงที่โรงอาหารของบริษัท อย่างอ่อนล้าโดยที่มีเจ้าทองดำและกรุ๊งกริ๊งที่ดูเหมือนจะรู้ว่า เจ้านายเหนื่อย เลยไม่ขึ้นบนบ่าที่ประจำของมัน กลับมานั่งตัก แทน
“เอ้า นายคงจะเหนื่อย”
กาแฟกระป๋องจากพายุถูกยื่นมา “วางใจได้ ไม่ได้วางยาไว้”
วาโยรับกาแฟมาเปิด แล้วกระดกไปเสียอึกใหญ่ “เฮ้อ ทดสอบเยอะมากเลยนะครับ”
“แรกๆชั้นเองก็เหมือนกัน ตอนทำงาน เหนื่อยยิ่งกว่านี้นะ แต่ ค่าจ้างคุ้มเหนื่อยเลย”
“พี่พายุ มาเป็นมือปราบทำไม…”
สีหน้าของพายุสลดลงเล็กน้อย“เรื่องนั้นเพราะ…ตาของพี่” ใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม”พี่ยอมทำอย่างเพื่อให้ ตาของพี่สุขสบายที่สุด”
วาโยพยักหน้า งานนี้มันเปลื้องพลังไปเยอะมากจริงๆ
‘จ๊อกๆ’
“หิวล่ะสิ”
“โฮ่ง”
“เมี๊ยว…”
วาโยเอามือกุมท้องอย่างเขินๆ “ไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้าน่ะครับ”
“หว่า ชั้นผิดล่ะสิ เอางี้ เดี๋ยวจะเลี้ยง กับข้าว ป้าสาย อร่อยนะ ลุกๆ เดี๋ยวสั่งข้าวให้ ส่วนสองตัวนี่ กิน กับข้าวเหลือๆได้มั้ย”
“ได้ครับ กรุ๊งกริ๊งกับทองดำไม่เรื่องมากอะไร”
พายุได้ไปสั่งอาหารตามสั่ง มให้พร้อมเอากับข้าวเหลือให้สองดำ ที่หิวโซ
“ได้ยินว่า ทำลายสถิติของพวกรุ่นพี่ได้ เก่งดีนี่”
“เอ่อ พี่ชื่อ..”
“พี่ชื่อ อุบลรันต์ ศรไกร เรียกว่า พี่บัว ก็ได้ ตอนนี้พี่กำลังเรียน มหาลัย คณะโบราณคดี ปีสอง ส่วนนี่ ชื่อ จุก คู่หู่พี่”
“หวัดดีครับ”
“หวัดดี”วาโยทักทายพี่บัวและกุมารทอง ชื่อจุก “เรียกผมว่า วาโย หรือ โย ก็ได้ครับ”
“ไอ้น้องเจ๋ง นักเหรอ?”จู่ๆก็มีคน มาเท้าหัวผมเฉยเลย
“ผมไม่ได้เก่งอะไรหรอกครับ”เด็กหนุ่มรีบปัดคนที่เท้าหัวออก
“ถล่มตัวเอง ชั้นชื่อ วิชิต ชนารัตน์ เรียกว่า พี่ชิต ก็แล้วกัน เป็นนักศึกษาคณะเดียวกับ ยัยบัว ส่วนนี่ นับดาว คู่หูชั้น เธอเป็นโหงพราย”
“หวัดดีครับ”
พี่บัวเข้ามาใกล้”ดูเหนื่อยๆชอบกลนะ กินข้าวรึยัง?”
คนถูกถามส่ายหน้า
“เดี๋ยวนะ แบบนี้ กินข้าวเสร็จ เดี๋ยวพาไปที่หน่วยแพทย์กัน”
“เฮ้ย บัวไอ้นี่ แค่หมดแรงนะ ไม่ต้องถึงหน่วยแพทย์ก็ได้นิ”
“ชั้นดูอาการแล้ว พลังวิญญาณของเค้าดูอ่อนลงมาก ทดสอบเยอะเกินไปจริงๆนะ เบื้องบนเนี่ย จะใจร้ายไม่ยอมให้หน่วยแพทย์รักษาให้เค้าเลยเหรอ”
“ทำไงได้ เค้าไม่เหมือนเรานี่ ไอ้เด็กนี่ ยังไม่ได้เป็นมือปราบนะ หน่วยแพทย์คงไม่ยอมแน่”
“ก็จริง”
“ข้าวมาแล้ว”พายุที่ถือข้าวกระเพราะไข่ดาวร้อนมเสิร์ฟ ข้างหลังมีจำปา ที่ในมือถือชามสังกะสี ใส่ข้าวคลุกแกงกะทิ มาสองชาม
เมื่ออาหารมาเสิรฟ์ วาโยและสองดำ กินอย่างหิวโหย ทำเอา คนสามคนและ สามผี ตะลึง
พายุพูดเสียงอ่อย “สงสัย จะพูดจริงแฮะ”
“ห๋า?”ชิต หันมาทางพายุ
“ก็ เจ้านี่ มันบอกผมว่า มันยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้า จนมาที่นี่แหละครับพี่ชิต”
“เชื่อเลย เอาแรงมาจากไหน ไม่ได้ล่ะ ถ้าไม่พาไปหน่วยแพทย์ ชั้นจะรักษาเอง”
“ผมไม่ได้เป็นอะไรนะครับ พี่”
ชิตแบะปาก “ไอ้น้อง พวกพี่หวังดี เอ็งใช้พลังวิญญาณไปเยอะ แบบนี้ ถ้าตอนหลับ โดนผีขโมยร่างแน่ วิญญาณบางประเภทที่ยังไม่ถึงฆาต แต่ร่างสลายไปแล้ว อาจจะหาร่างที่มีวิญญาณอ่อนแอ แล้วชิงร่างมา ตอนนั้นล่ะเอ็งเอ๋ย แย่แน่”
พี่บัวบ่น”กินให้เสร็จเถอะ เดี๋ยวพี่จะรักษาให้”
“ขอบคุณครับ”
หลังจากกินอิ่ม บัวก็ให้วาโยนั่งหันหลังให้ เธอว่าคาถาประหลาด แต่สำหรับวาโย นั้นสามารถเดาได้ว่า นี่น่าจะเป็นคาถา ฟื้นกำลัง ขณะที่สองมือบางมาแตะแผ่นหลัง วาโยรู้สึกสดชื่นขึ้นมาก รู้สึกสบายจนบอกไม่ถูก
“เสร็จแล้ว”
“ขอบคุณครับ”
ชิตเข้ามาประคอง”ไปพี่เถอะบัว พายุ พาไอ้เด็กนี่ไปส่งที ไอ้น้อง ห้ามให้ใครรู้เรื่องนี้เด็ดขาดนะ”
“ครับ ผมรู้แล้ว ถ้าผมจะปฏิเสธ ทางนี้ก็จะล้างความจำของผมสินะครับ”
“เข้าใจก็ดีแล้ว กลับหอก่อนล่ะ”
ระหว่างที่พี่พายุพาผมกลับ “พี่ครับ พี่บัวกับพี่ชิต เค้าเป็นแฟนกันเหรอ?”
“พี่ก็ว่างั้น แต่อย่าไปแซวให้ทั้งคู่ได้ยินเชียว เดี๋ยวจะโดนเสกหนังควายเข้าท้องเอา”
“ครับๆ แล้วที่ว่า พี่สองคนนั้นไม่เหมือนกัน หมายความว่ายังไงครับ”
“ก็คืองี้ พี่ชิตและพี่บัวน่ะ เค้าเป็นมือปราบที่มาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าอิ่มบุญ ที่สอบผ่านมาเป็นมือปราบได้ ทั้งคู่ถือว่า เก่งสุดๆ”
“แล้วพี่ล่ะครับ”
“พี่ก็มาจากครอบครัวคนธรรมดา อย่างนายนั่นแหละ”
“พี่อายุ เท่าไหร่รึครับ?”
“สิบเจ็ดจะสิบแปดแล้ว เนี่ยกำลังจะเตรียมสอบเข้ามหาลัยอยู่”
“ของผม อีกห้าเดือนก็จะสอบแล้วล่ะครับ”
“เฮ้ย!? เท่าที่ชั้นรู้มา นายอายุแค่สิบห้านะ ข้ามชั้นเร็วไปมั้ง”
“ไม่รู้สิครับ ผมอยากจะเรียนจบไวๆหางานทำ เก็บเงินไปเที่ยวรอบโลก หรือไม่ก็แต่งงานกับผู้หญิงดีๆสักคน ก็ดีนะครับ”
“พรุ่งนี้ เลิกเรียน ชั้นจะมารับนะ เบื้องบนเค้าจะให้นายลองทำงานดู แต่นายยังไม่มีคู่หูเลย จะไหวรึเปล่าวะเนี่ย?”
“คู่หู?”
“จะเป็นกุมารทอง รัก-ยม วิญญาณโหงพราย นางไม้ หรือ สัตว์อาคม ก็ได้ อย่างหมาดำแมวดำของเราก็เหมาะเลย”
“ผมจะต้องฆ่ามันเหรอ”
สองดำเริ่มขู่
“ใจเย็น ไม่ต้องหรอก จะว่าไงล่ะ มันก็เหมือนกับ…การทำให้อยูยงคงกระพันน่ะ คล้ายๆกับหุ่นพยนต์ แค่เสกให้ไอ้สองตัวนี้สามารถพูดภาษามนุษย์ได้ ว่องไวมากขึ้น อย่างหมาก็จะทำให้มันดมกลิ่นได้ดียิ่งขึ้น พวกมันจะช่วยสนับสนุนได้ และเมื่อนายวางมือจากงาน สัตว์อาคมก็จะกลับคืนเป็นสัตว์ธรรมดา “
“มีเกษียณด้วยเหรอครับ”
“มี อายุยี่สิบห้า ก็วางมือได้ แต่ถ้าอยากทำต่อก็ทำได้นะ ไม่ว่า”
วาโยนิ่งเงียบ เค้ากับพายุไม่โต้ตอบอะไร พอมาถึงหอพัก พายุได้พูดทิ้งท้าย
“ลองคิดดูดีๆนะ อย่าให้ความสามารถของนาย สูญเปล่าล่ะ”
วาโยกลับมาที่ห้อง แล้วล้มตัวนอน อย่างอ่อนล้า ในหัวคิดแต่เรื่องขอเสนอ ที่ทางองค์กรมือปราบวิญญาณเสนอ
เจ้าแมวดำเจ้ามาคลอเคลีย ส่วนเจ้าหมาดำก็เข้ามานอนข้างๆ
“พวกแกอยากจะพูดกับชั้นไหม”
“เมี๊ยว/โฮ่ง”
“พูดแบบนี้ แปลว่าอยากนะ เอางี้ ถ้าแกฟังชั้นรู้เรื่อง ให้ร้อง 1 ที”
“เมี๊ยว/โฮ่ง”
“อ่า ชั้นจะลองเป็นมือปราบดูดีมั้ยนะ”
“มิอาว/หงิงๆ”
“เอาน่า ไม่ได้เสียหาย ถ้าไม่หนุกก็เลิก อาบน้ำนอนดีกว่า พรุ่งนี้มีเรียนแต่เช้า”
ถึงจะหลับอย่างเป็นสุขแต่ในใจกลับกังวลไม่เลิกเลยนี่สิ แย่จัง…
อยากรู้ว่าตอนต่อไปจะเป็นยังไง โปรดติดตามนะครับ…
สวัสดีค่ะ ตอนนี้นิกซ์ อาจจะอัพนิยาย ฟิค เรื่องสั้นช้าไปนิด แต่จะหาเวลาอัพแน่ สัญญาค่ะ ขอฝากเรื่องสั้นเรื่องนี้ไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ คนอ่านทุกคน
สำหรับผม ถือว่าสบายๆไม่เหงานะ เพราะมีกรุ๊งกริ๊งและทองดำ มีคนโทรศัพท์มาคุยด้วยอีก ไหนจะน้องสาวทั้งสอง อย่างน้ำและกาน ที่โทรมาแทบทุกครั้งที่มีโอกาส ไหนจะ มะลิ ที่โทรมาหา และผมเองก็โทรไปหาเองมะลิบ้าง พ่อที่โทรมาหา ถามถึงความเป็นอยู่และคอยส่งเงินให้ผมใช้แถมจ่ายค่าเทอมผมให้อีกแต่ท่านไม่ต้องลำบามาก เพราะผมสอบชิงทุนได้ ที่ผมไม่เลือกไปอยู่กับพ่อ เพราะผมจะแวะไปเยี่ยมปู่ ที่อยู่อยุธยาลำบาก เชียงใหม่มันไกล อยู่กับแม่ดีกว่า ไม่ค่อยมายุ่งกับผมนัก แต่ก็โทรหาผมบ้าง ยุคนี้ดีจัง…โทรศัพท์ช่วยได้เยอะเลย
วันนี้ เป็นวันหยุด ผมเลยพาสัตว์เลี้ยงแสนรักมาตรวจสุขภาพ ที่โรงพยาบาลสัตว์ ที่อยู่ไม่ไกลจากหอพัก
“สุขภาพของน้องทองดำและน้องกรุ๊งกริ๊ง แข็งแรงดีนะครับ หมอขอแนะนำว่า พาน้องกรุ๊งกริ๊งออกกำลังกายบ้างนะครับ น้องเค้าเริ่มอ้วนแล้ว”
“ขอบคุณครับหมอ”
หลังจากที่ตรวจสุขภาพเสร็จ ทั้งสามก็พากันกลับห้องพัก
“เธอชื่อวาโย ศิริกุลใช่มั้ย”
“ครับ?”
คนที่ทักผม สวมชุดเสื้อยืดโปโลสีขาว กางเกงเดฟสีดำ รองเท้าผ้าใบดูสบายๆ หน้าตาคมคาย ท่าทางขี้เล่นและเป็นมิตร อายุน่าจะมากกว่าผมสองปี
เจ้าทองดำส่งเสียงขู่ เช่นเดียวกับกรุ๊งกริ๊ง ส่งเสียงฝ่อๆ จนผมต้องดุ”อย่าลูก ขอโทษนะครับ พวกเค้าไม่ค่อยชอบคนแปลกหน้า”
คนตรงหน้าหัวเราะเบาๆ อย่างไม่ถือสา “ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจว่าเค้ารักเจ้าของ”
“อ่าครับ คุณมีธุระอะไร ทำไมรู้จักชื่อผมได้ล่ะครับ”
“มากับผม เรามีเรื่องจะต้องคุยกัน ให้สัตว์เลี้ยงของคุณมาด้วยก็ได้”
ผมรู้สึกแปลก เมื่อเค้าพูดจบ ยอมตามไปที่รถเต่าสีครีมของชายคนนั้นแต่โดยดี รถได้แล่นไปเรื่อยๆ
“จะพาผมไปไหน”แย่จริง ผมโดนคาถา นะจังงัง เข้าให้แล้ว ร่างกายขยับไม่ได้เลย ผมรีบว่าคาถาแก้ ก่อนจะคนที่ขับรถ“เป็นหมอผีเหรอ?”
“หึๆเก่งจังเลย รู้ใช่มั้ยว่าใช้คาถานะจังงัง แต่คงไม่รู้ว่าชั้นใช้คาถาวาจาสาลิกา ด้วย”
“วาจาสาลิกา?”
“มันคือคาถาเสกใส่ลิป ชั้นทาลิปปาล์มเสกไว้ นั่นจะทำให้คนชั้น สั่งใคร ก็จะทำตาม ใช้ได้เกือบทุกคนเลย แต่ข้อเสียคือใช้ไม่ได้นาน”
“จะพาผมไปไหน”
“ใจเย็นไอ้น้อง เผอิญว่าเบื้องบนเค้าอยากจะคุยกับเธอ ถ้าเธอมาทำงานกับเรา ชั้นจะสอนให้”
“ผมไม่ต้องการ ผมไม่เข้าร่วมกับใครทั้งนั้น! จอดรถเดี๋ยวนี้ ไม่งั้น”
“เฮ้ยๆ ใจเย็น ไม่ได้เอาไปฆ่า แค่เบื้องบนอยากคุยด้วย”
“ใจเย็นๆน่าหนุ่มน้อย”เสียงหวานดังข้างหู
วาโยหันไปก็พบหญิงสาวหน้าตาสะสวย ผมดำยาว ในชุดไทยสีเขียวสดนั่งข้างๆ“นางตานี”
ทองดำเห่าลั่น กรุ๊งกริ๊งขู่ฝ่อๆ
ชายหนุ่มคนขับรถยิ้ม”จำปา อย่าไปหยอกเค้าซี่ ชั้นรำคาญหมา ไอ้น้องอย่าตกใจ นั่นจำปา คู่หูของชั้น ส่วนชั้นชื่อ พายุ เรียกพี่พายุก็แล้วกัน ไอ้น้อง แกช่วยบอกให้หมาน้องหยุดเห่าด้วย หนวกหูว่ะ”
“หยุดทองดำ กรุ๊งกริ๊ง”
สองดำยอมหยุดแต่โดยดี เจ้าแมวดำรีบกระโดดขึ้นไหล่ของนายทันที
“พี่พายุ พี่จะพาผมไปไหน”
“ไปสำนักงานใหญ่ แกอย่าเพิ่งปฏิเสธเลย ชั้นเองก็เสียดายความสามารถของแกนะนั่งเฉยๆ”
ผมยอมนั่งรถไปเงียบๆ โดยมีนางตานี ชื่อจำปา ตามคุมโดยการนั่งข้างๆอีก
“ถึงแล้ว”
ที่ๆพี่พายุพาผมมา เป็นตึก บริษัท Hell City ก็เป็นบริษัท ธรรมดาๆนี่นา “ตามมา”
ผมจำต้องเดินตามพี่พายุ พี่จำปาไป ผมเห็น ชายหญิงคู่หนึ่ง อายุน่าจะประมาณยี่สิบกว่า จ้องมองผมอย่างสนใจ และที่ผมเห็นบางสิ่งที่อยู่ข้างหลัง น่าจะเป็นกุมารทอง วิญญาณเด็กหัวจุก สวมโจงกระเบน แต่ใส่เสื้อยืดแบบเด็กสมัยใหม่ กำลังลอยตัวมองผม และผมเห็น วิญญาณผู้หญิงหน้าตาเฉี่ยวหุ่นเซ็กซี่คนหนึ่งในชุดรัดกุมสีดำ มองผมอีก ผมแปลกมากเหรอ?
ผู้ชายคนนั้นตรงมาหา”พายุ เด็กนี่น่ะเหรอ ที่เบื้องบนต้องการตัว”
“ใช่ครับ พี่วิชิต คนนี้แหละ”
คนชื่อวิชิตมองมองอย่างพินิจ “หน้าอย่างนี้น่ะเหรอ? เด็กเรียนชัดๆ”
ผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนเงียบก็พูดขึ้น”นายนี่จริงๆเลย เห็นใครใส่แว่น ก็ว่าเป็นเด็กเรียนไปหมด”
“เงียบน่าบัว ก็ไอ้เด็กนี่ หน้ามันเด็กเรียนชัดๆ แบบนี้จะไหวเหรอ”
พายุเห็นว่าสองหนุ่มสาวจะเริ่มทะเลาะกันจึงรีบห้าม”พอเถอะครับพี่ๆ ตอนนี้ผมต้องพาน้องไปหาเบื้องบนนะครับ”
“ชั้นข้องใจ”คนชื่อวิชิต มองผมแล้วเริ่มบ่นพึมพำ ท่าจะไม่ดีแล้ว
พี่บัวร้องห้าม“หยุดนะชิต!!”
“ระวังไอ้น้อง!”
อาถรรพ์ที่กำลังจะเล่นงานผมถอยห่าง
“คาถาคุ้มกันรึ?”
“ครับ นั่นคือคาถาที่ผมเรียนมา คาถา เกาะพุทธคุณ เมื่อกี้คือคาถา?”
คนถูกถามยิ้ม“คาถาอาถรรพ์กัดกิน”
พายุส่ายหน้า”นี่ ถ้าพี่ชิตเล่นแรงแบบนี้ แล้วไอ้นี่มันป้องกันตัวไม่ทัน มันไม่แย่รึ”
“คาถานี่ มันร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอครับ”
หญิงสาวหนึ่งเดียวพยักหน้าก่อนจะอธิบาย”คาถานี้ เป็นศาสตร์ประเภทเดียวกับ ไสยดำ หากไม่ได้คาถาประเภท พุทธคุณ เข้าแก้ ก็ไม่รอด”
ผมแอบโล่งอกนะรู้สึกโชคดีที่ได้เรียน คาถาอาคมด้านพุทธคุณ มาด้วยนะ ไม่งั้นแย่
“แค่โชคดีก็เท่านั้น”
พี่มีอะไรกับผมมากมั้ย ถามผมสักคำมั้ย ว่าผมอยากมาที่นี่รึเปล่า?
พี่บัวหันมามองผม”นี่ ถ้ายังไม่รู้เรื่อง ก็อย่าเพิ่งปฏิเสธ นะ”
“อ่านใจผมได้เหรอ”
“ความสามารถพิเศษน่ะ พายุ พาเด็กคนนี้ไปได้แล้ว เดี๋ยวเบื้องบนจะตำหนิเอา”
ผมจำต้องเดินตาม “เข้าไปเลย ไอ้น้อง อ๊ะๆ เด็กๆเข้าไม่ได้”พายุห้ามสองสัตว์เลี้ยง ที่ตั้งท่าจะตามเข้าไป
“ทำไมครับ”
“เถอะน่า นายเข้าไปคนเดียวเถอะ”
ผมหันไปบอกสองดำที่ตั้งท่าจะตามผมไป “ทองดำ กรุ๊งกริ๊ง รออยู่ตรงนี้ก่อน”
สองดำส่งเสียงหงิงๆเหมียวๆ
ผมลองเปิดประตูเข้าไป ภายในห้องนั้นมืดมาก ผมมองไม่เห็นใครเลย”อะไรกันเนี่ย…”
“ยินดีต้อนรับ วาโย ศิริกุล”
เสียงที่ทักออกมา มันทรงอำนาจดีนะ แต่ผมไม่เห็นตัวเลยไม่ทราบว่าใครพูดครับ
“อย่ากลัวไป เรารับรู้ความสามารถของเธอมานานแล้ว”
“ความสามารถของผมเหรอ?”
“ใช่ วิชาอาคมของเธอ และสามารถในการมองเห็น การสื่อสารกับวิญญาณและอมนุษย์ของเธอ มันน่าสนใจ จริงๆ เธออยากจะนำมันมาใช้รึเปล่า?”
“ผมจะเอาความสามารถแบบนี้ไปใช้อะไรครับ อย่างมากก็แค่ป้องกันตัว ก็เท่านั้น”
“แบบนั้น…ถ้าใช้เพื่อคนอื่น เพื่อช่วยเหลือคนอื่น เธออยากจะลองทำดูมั้ย ค่าเสียเวลา ไม่ต้องห่วง สมกับความสามารถของเธอแน่”
“งานที่คุณจะเสนอให้ผม คืองานอะไรรึครับ”
“คล้ายๆยมทูตในคราบมนุษย์ ทำหน้าที่นำวิญญาณที่ไม่สามารถมาพิพากษาได้ มาสู่ปรภพ สถานที่รอพิพากษา เป็นมือปราบวิญญาณ…”
“พูดเป็นเล่น พูดอย่างกับว่า พวกคุณทำงานให้กับท่าน…”ยังไม่ทันที่จะพูดอะไร ปากผมก็ชา พูดไม่ได้
“ใช่ อย่างที่เจ้ากำลังจะพูด อยากจะลองทำดูก่อนไหมล่ะ หากไม่ชอบ ก็ปฏิเสธไป ตกลงไหม?”
ในวินาทีนั้น ผมจำใจต้องพยักหน้า…เอาวะ ลองสักตั้ง…”ก็ได้ครับ”
หลังจากที่ผมออกจากห้อง ก็เจอพี่พายุ ที่ยืนรอพร้อมนางตานี
“ตามมา ไอ้น้อง ก่อนอื่น เราต้องฝึกพื้นฐานกันก่อน”
ผมทำได้แต่เงียบและเดินตาม ก็พบว่า ที่นี่มีห้อง สำหรับฝึกคาถาพร้อม มียันต์ผ้าแดง สายสินจ์ มีดหมอหลายเล่ม ดาบ หอก แถมยังมีอาวุธปืนและกระสุนอีก
“ก่อนอื่น ขอวัดพื้นฐานหน่อยนะ วาโย”
“ครับ อยากจะให้ทำอะไรครับ”
“เสกอาวุธอะไรก็ก็ได้ เลือกเอาเลย ให้อาวุธที่เธอเสก สามารถทำลายหิน ลงอาคมนี่ให้ได้ แค่นี้แหละ”
ผมเลือกปืนลูกโม่พร้อมกระสุนมา แล้วจัดการบรรจุจนเต็ม “ไหนหินอาคมที่ว่าครับ”
“เลือกปืนเลยเหรอ”
“ทำไมรึครับ?มันแปลกรึ”
“ส่วนใหญ่ เค้าจะเลือกพวกมีดหมอ ไม่ก็หอกน่ะนะ”
“ผมอยากลองยิงปืนดูน่ะครับ”
“ตามมาสิ”
ผมตามพี่พายุไปอีกห้องหนึ่ง มีก้อนหินขนาดใหญ่ ที่มีรอยมือขีดข่วน ปักเอาไว้หลายรอยเลย ในห้องนั้นมี ชายวัยกลางคน สวมชุดขาว เอ่ยทัก”พายุ นี่น่ะรึ เด็กที่ว่า”
“ครับ พี่อัฐ”
“เลือกปืน มั่นใจซะเหลือเกินนะ ไอ้หนู”
“…”
ผม รวบรวมสมาธิแล้วคาถาเสกอาวุธที่ได้ร่ำเรียน
“ปัง!”
พายุอุทานลั่น“ทะลุหิน”
“เป็นไปไม่ได้ สถิติของมือปราบที่ผ่านมา ไม่น่าจะทำได้ขนาดนี้นะ”อัฐเข้าไปดูหินอาคมที่มีรูโบว๋ เพราะกระสุนที่เด็กใหม่ยิงไป ”งั้น ลองเสกมีดเล่มนี้ให้ลอยไปปัก หินนี่สิ”
เสกให้ลอยไปปักหิน? บอกตรงๆผมไม่เคยทำนะ ถึงจะเคยเรียนก็เถอะ
ในหัวของวาโยกำลังนึกถึงคาถา ก่อนจะถอดแว่นกรอบดำที่สวมอยู่ ใส่กระเป๋ากางเกง สองมือพนมแล้วตั้งสมาธิว่าคาถา
มีดที่วางไว้กับพื้น เริ่มขยับก่อนจะพุ่งไปที่ก้อนหิน แล้วไปปักกับ…กำแพงห้อง
“เล็งผิดนะ”อัฐส่ายหน้า
“ไม่น่านะครับ ดูนี่”พายุชี้ไปที่ ช่องที่มีดหมอเพิ่งพุ่งทะลุไป
“เหลือเชื่อ สถิติของเจ้าชิต ที่ว่าแน่ ไอ้นี่ทลายหมดเลยวุ้ย ต่อไปธาตุศาสตร์”
จากนั้น วาโย ศิริกุล ก็โดนทดสอบวิชาอาคม หลายรูปแบบและสอนคาถาอาคมที่เป็ฯพื้นฐานของมือปราบให้ ซึ่งสร้างความแปลกใจแก่ทุกคนที่ทำการทดสอบ เพราะเด็กหนุ่มคนนี้สามารถใช้คาถาได้ ดี จนเข้าขั้นอัจฉริยะ
และมันทำให้ หมดวันกันไปเลยทีเดียว
เด็กหนุ่มวัยสิบห้าทรุดตัวพิงกำแพงที่โรงอาหารของบริษัท อย่างอ่อนล้าโดยที่มีเจ้าทองดำและกรุ๊งกริ๊งที่ดูเหมือนจะรู้ว่า เจ้านายเหนื่อย เลยไม่ขึ้นบนบ่าที่ประจำของมัน กลับมานั่งตัก แทน
“เอ้า นายคงจะเหนื่อย”
กาแฟกระป๋องจากพายุถูกยื่นมา “วางใจได้ ไม่ได้วางยาไว้”
วาโยรับกาแฟมาเปิด แล้วกระดกไปเสียอึกใหญ่ “เฮ้อ ทดสอบเยอะมากเลยนะครับ”
“แรกๆชั้นเองก็เหมือนกัน ตอนทำงาน เหนื่อยยิ่งกว่านี้นะ แต่ ค่าจ้างคุ้มเหนื่อยเลย”
“พี่พายุ มาเป็นมือปราบทำไม…”
สีหน้าของพายุสลดลงเล็กน้อย“เรื่องนั้นเพราะ…ตาของพี่” ใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม”พี่ยอมทำอย่างเพื่อให้ ตาของพี่สุขสบายที่สุด”
วาโยพยักหน้า งานนี้มันเปลื้องพลังไปเยอะมากจริงๆ
‘จ๊อกๆ’
“หิวล่ะสิ”
“โฮ่ง”
“เมี๊ยว…”
วาโยเอามือกุมท้องอย่างเขินๆ “ไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้าน่ะครับ”
“หว่า ชั้นผิดล่ะสิ เอางี้ เดี๋ยวจะเลี้ยง กับข้าว ป้าสาย อร่อยนะ ลุกๆ เดี๋ยวสั่งข้าวให้ ส่วนสองตัวนี่ กิน กับข้าวเหลือๆได้มั้ย”
“ได้ครับ กรุ๊งกริ๊งกับทองดำไม่เรื่องมากอะไร”
พายุได้ไปสั่งอาหารตามสั่ง มให้พร้อมเอากับข้าวเหลือให้สองดำ ที่หิวโซ
“ได้ยินว่า ทำลายสถิติของพวกรุ่นพี่ได้ เก่งดีนี่”
“เอ่อ พี่ชื่อ..”
“พี่ชื่อ อุบลรันต์ ศรไกร เรียกว่า พี่บัว ก็ได้ ตอนนี้พี่กำลังเรียน มหาลัย คณะโบราณคดี ปีสอง ส่วนนี่ ชื่อ จุก คู่หู่พี่”
“หวัดดีครับ”
“หวัดดี”วาโยทักทายพี่บัวและกุมารทอง ชื่อจุก “เรียกผมว่า วาโย หรือ โย ก็ได้ครับ”
“ไอ้น้องเจ๋ง นักเหรอ?”จู่ๆก็มีคน มาเท้าหัวผมเฉยเลย
“ผมไม่ได้เก่งอะไรหรอกครับ”เด็กหนุ่มรีบปัดคนที่เท้าหัวออก
“ถล่มตัวเอง ชั้นชื่อ วิชิต ชนารัตน์ เรียกว่า พี่ชิต ก็แล้วกัน เป็นนักศึกษาคณะเดียวกับ ยัยบัว ส่วนนี่ นับดาว คู่หูชั้น เธอเป็นโหงพราย”
“หวัดดีครับ”
พี่บัวเข้ามาใกล้”ดูเหนื่อยๆชอบกลนะ กินข้าวรึยัง?”
คนถูกถามส่ายหน้า
“เดี๋ยวนะ แบบนี้ กินข้าวเสร็จ เดี๋ยวพาไปที่หน่วยแพทย์กัน”
“เฮ้ย บัวไอ้นี่ แค่หมดแรงนะ ไม่ต้องถึงหน่วยแพทย์ก็ได้นิ”
“ชั้นดูอาการแล้ว พลังวิญญาณของเค้าดูอ่อนลงมาก ทดสอบเยอะเกินไปจริงๆนะ เบื้องบนเนี่ย จะใจร้ายไม่ยอมให้หน่วยแพทย์รักษาให้เค้าเลยเหรอ”
“ทำไงได้ เค้าไม่เหมือนเรานี่ ไอ้เด็กนี่ ยังไม่ได้เป็นมือปราบนะ หน่วยแพทย์คงไม่ยอมแน่”
“ก็จริง”
“ข้าวมาแล้ว”พายุที่ถือข้าวกระเพราะไข่ดาวร้อนมเสิร์ฟ ข้างหลังมีจำปา ที่ในมือถือชามสังกะสี ใส่ข้าวคลุกแกงกะทิ มาสองชาม
เมื่ออาหารมาเสิรฟ์ วาโยและสองดำ กินอย่างหิวโหย ทำเอา คนสามคนและ สามผี ตะลึง
พายุพูดเสียงอ่อย “สงสัย จะพูดจริงแฮะ”
“ห๋า?”ชิต หันมาทางพายุ
“ก็ เจ้านี่ มันบอกผมว่า มันยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้า จนมาที่นี่แหละครับพี่ชิต”
“เชื่อเลย เอาแรงมาจากไหน ไม่ได้ล่ะ ถ้าไม่พาไปหน่วยแพทย์ ชั้นจะรักษาเอง”
“ผมไม่ได้เป็นอะไรนะครับ พี่”
ชิตแบะปาก “ไอ้น้อง พวกพี่หวังดี เอ็งใช้พลังวิญญาณไปเยอะ แบบนี้ ถ้าตอนหลับ โดนผีขโมยร่างแน่ วิญญาณบางประเภทที่ยังไม่ถึงฆาต แต่ร่างสลายไปแล้ว อาจจะหาร่างที่มีวิญญาณอ่อนแอ แล้วชิงร่างมา ตอนนั้นล่ะเอ็งเอ๋ย แย่แน่”
พี่บัวบ่น”กินให้เสร็จเถอะ เดี๋ยวพี่จะรักษาให้”
“ขอบคุณครับ”
หลังจากกินอิ่ม บัวก็ให้วาโยนั่งหันหลังให้ เธอว่าคาถาประหลาด แต่สำหรับวาโย นั้นสามารถเดาได้ว่า นี่น่าจะเป็นคาถา ฟื้นกำลัง ขณะที่สองมือบางมาแตะแผ่นหลัง วาโยรู้สึกสดชื่นขึ้นมาก รู้สึกสบายจนบอกไม่ถูก
“เสร็จแล้ว”
“ขอบคุณครับ”
ชิตเข้ามาประคอง”ไปพี่เถอะบัว พายุ พาไอ้เด็กนี่ไปส่งที ไอ้น้อง ห้ามให้ใครรู้เรื่องนี้เด็ดขาดนะ”
“ครับ ผมรู้แล้ว ถ้าผมจะปฏิเสธ ทางนี้ก็จะล้างความจำของผมสินะครับ”
“เข้าใจก็ดีแล้ว กลับหอก่อนล่ะ”
ระหว่างที่พี่พายุพาผมกลับ “พี่ครับ พี่บัวกับพี่ชิต เค้าเป็นแฟนกันเหรอ?”
“พี่ก็ว่างั้น แต่อย่าไปแซวให้ทั้งคู่ได้ยินเชียว เดี๋ยวจะโดนเสกหนังควายเข้าท้องเอา”
“ครับๆ แล้วที่ว่า พี่สองคนนั้นไม่เหมือนกัน หมายความว่ายังไงครับ”
“ก็คืองี้ พี่ชิตและพี่บัวน่ะ เค้าเป็นมือปราบที่มาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าอิ่มบุญ ที่สอบผ่านมาเป็นมือปราบได้ ทั้งคู่ถือว่า เก่งสุดๆ”
“แล้วพี่ล่ะครับ”
“พี่ก็มาจากครอบครัวคนธรรมดา อย่างนายนั่นแหละ”
“พี่อายุ เท่าไหร่รึครับ?”
“สิบเจ็ดจะสิบแปดแล้ว เนี่ยกำลังจะเตรียมสอบเข้ามหาลัยอยู่”
“ของผม อีกห้าเดือนก็จะสอบแล้วล่ะครับ”
“เฮ้ย!? เท่าที่ชั้นรู้มา นายอายุแค่สิบห้านะ ข้ามชั้นเร็วไปมั้ง”
“ไม่รู้สิครับ ผมอยากจะเรียนจบไวๆหางานทำ เก็บเงินไปเที่ยวรอบโลก หรือไม่ก็แต่งงานกับผู้หญิงดีๆสักคน ก็ดีนะครับ”
“พรุ่งนี้ เลิกเรียน ชั้นจะมารับนะ เบื้องบนเค้าจะให้นายลองทำงานดู แต่นายยังไม่มีคู่หูเลย จะไหวรึเปล่าวะเนี่ย?”
“คู่หู?”
“จะเป็นกุมารทอง รัก-ยม วิญญาณโหงพราย นางไม้ หรือ สัตว์อาคม ก็ได้ อย่างหมาดำแมวดำของเราก็เหมาะเลย”
“ผมจะต้องฆ่ามันเหรอ”
สองดำเริ่มขู่
“ใจเย็น ไม่ต้องหรอก จะว่าไงล่ะ มันก็เหมือนกับ…การทำให้อยูยงคงกระพันน่ะ คล้ายๆกับหุ่นพยนต์ แค่เสกให้ไอ้สองตัวนี้สามารถพูดภาษามนุษย์ได้ ว่องไวมากขึ้น อย่างหมาก็จะทำให้มันดมกลิ่นได้ดียิ่งขึ้น พวกมันจะช่วยสนับสนุนได้ และเมื่อนายวางมือจากงาน สัตว์อาคมก็จะกลับคืนเป็นสัตว์ธรรมดา “
“มีเกษียณด้วยเหรอครับ”
“มี อายุยี่สิบห้า ก็วางมือได้ แต่ถ้าอยากทำต่อก็ทำได้นะ ไม่ว่า”
วาโยนิ่งเงียบ เค้ากับพายุไม่โต้ตอบอะไร พอมาถึงหอพัก พายุได้พูดทิ้งท้าย
“ลองคิดดูดีๆนะ อย่าให้ความสามารถของนาย สูญเปล่าล่ะ”
วาโยกลับมาที่ห้อง แล้วล้มตัวนอน อย่างอ่อนล้า ในหัวคิดแต่เรื่องขอเสนอ ที่ทางองค์กรมือปราบวิญญาณเสนอ
เจ้าแมวดำเจ้ามาคลอเคลีย ส่วนเจ้าหมาดำก็เข้ามานอนข้างๆ
“พวกแกอยากจะพูดกับชั้นไหม”
“เมี๊ยว/โฮ่ง”
“พูดแบบนี้ แปลว่าอยากนะ เอางี้ ถ้าแกฟังชั้นรู้เรื่อง ให้ร้อง 1 ที”
“เมี๊ยว/โฮ่ง”
“อ่า ชั้นจะลองเป็นมือปราบดูดีมั้ยนะ”
“มิอาว/หงิงๆ”
“เอาน่า ไม่ได้เสียหาย ถ้าไม่หนุกก็เลิก อาบน้ำนอนดีกว่า พรุ่งนี้มีเรียนแต่เช้า”
ถึงจะหลับอย่างเป็นสุขแต่ในใจกลับกังวลไม่เลิกเลยนี่สิ แย่จัง…
อยากรู้ว่าตอนต่อไปจะเป็นยังไง โปรดติดตามนะครับ…
สวัสดีค่ะ ตอนนี้นิกซ์ อาจจะอัพนิยาย ฟิค เรื่องสั้นช้าไปนิด แต่จะหาเวลาอัพแน่ สัญญาค่ะ ขอฝากเรื่องสั้นเรื่องนี้ไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ คนอ่านทุกคน
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ