เด็กชายกับปู่โสม(เฝ้าทรัพย์)
เขียนโดย นิกซ์
วันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2560 เวลา 21.42 น.
แก้ไขเมื่อ 31 มกราคม พ.ศ. 2561 14.13 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
6) ตอนที่ 5 งานแรกที่ไม่เต็มใจ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความวันต่อมา วาโย เดินทางไปเรียนด้วยใจอันเหม่อลอย…อ่า…ที่เราจะต้องทำงานจริงๆสินะ เอาเถอะ…ไม่ชอบไม่หนุก ก็เลิก เค้าไม่ยุ่งกับเราอยู่แล้ว…
“โย..”
“หือ นิ้ง มีอะไรเหรอ”
เด็กหนุ่มเอ่ยถามสาวห้าว เพื่อนในแก๊งค์
“ก็เราเรียกแกตั้งนานแล้วนะ ไปกินข้าวกัน ไอ้โจ้ มันหิวข้าวแล้ว”
“โทดที ไปกินข้าวกัน”
โจ้ถามเพื่อน”ไอ้โย เป็น’ไรไปวะ วันนี้ดูเหม่อชอบกล”
เมฆเข้ามากอดคอวาโย”หรือว่า…แกกำลังปิ๊งสาวกันวะเพื่อน”
“ไม่ใช่หรอก แค่มีเรื่องให้คิดนิดหน่อย”
“จริงอ่ะ ไอ้เพื่อนคนนี้ มีสาวสวยในดวงใจแล้วรึไง”
นิ้งจึงลากคอเมฆที่ตั้งท่าจะรัดคอวาโย ให้ออกมา “อย่าให้ ยัยแยมได้รู้เชียว คงได้ตามไปตบผู้หญิงคนนั้นแน่”
วาโย ถอนใจอย่างรำคาญ แยมเป็นรุ่นน้อง ม.3 ที่ขึ้นชื่อว่า ตบเก่ง ที่สุดในโรงเรียน เธอเป็นลูกสาวของ ส.ส.ท้องถิ่น ทำให้ไม่มีใครอยากจะเอาเรื่อง เธอแสดงออกอย่างชัดเจนว่าชอบเค้า นิสัยน่ะรึ? ไม่น่ารักเอาเสียเลย หาเรื่อง ไถ่ตังค์ เพื่อนนักเรียนไปทั่ว แต่เธอก็ป๊อบในหมู่ผู้ชายไม่น้อยเลยทีเดียว สิ่งเดียวที่เค้าชอบ ก็คงจะเป็น…ความสวยเฉี่ยว ทรวดทรงที่มีมากเกินตัว ที่ทำให้เด็กสาววัยเดียวกันอิจฉา หน้ารูปไข่สวย ที่เข้ากับผมสั้นซอย ผิวสีน้ำผึ้งที่เนียนสวย และเธอมักจะไล่ตบนักเรียนหญิงทุกคน ที่มาสารภาพรักกับเค้า “ จะตามไปตบเหรอ อยู่ตั้งอยุธยา อุ้บ”
เด็กหนุ่มรีบเอามือปิดปาก เมื่อเผลอพูดความลับออกไปส่วนหนึ่งแล้ว
“น่ารักเปล่าวะ” โจ้เอ่ยถามอย่างสนใจ
นิ้ง “นั่นดิ”
“ขอดูหน่อยดิ ไอ้โย แกคงไม่ใจร้าย ไม่บอกเพื่อนหรอกนะ”
วาโยทำหน้าเหม็นเบื่อกึ่งรำคาญเต็มทน ก่อนจะนำโทรศัพท์ออกมาเปิดรูปของมะลิ ให้เพื่อนๆดู
โจ้“น่ารักว่ะ”
นิ้ง“ชอบแบบนี้เหรอ ดูเป็นแม่บ้านแม่เรือนดีนะ”
เมฆ“ขาว สวย ใส ชื่ออะไรน่ะ”
“ชื่อ มะลิ เพื่อนสมัยเด็ก”
โจ้“สวย ใส สมชื่อดีจัง”
รูปที่วาโยนำให้เพื่อนๆทั้งสามดูนั้น คือรูปของมะลิที่เค้าแอบถ่ายเอาไว้ เธออยู่ในชุดกระโปรงยาวคลุมเข่า สีขาวแขนตุ๊กตาน่ารัก เธอกำลังยืน ท่ามกลางดอกไม้ ใบหน้ายิ้มอย่างมีความสุข มะลิ ถือว่าแตกต่างจากแยมโดยเชิง มะลิเป็นผู้หญิงที่มีบุคลิกเรียบร้อยน่ารัก ทรวดทรงรึ ก็ไม่น้อยหน้าใคร เอวบาง ร่างเล็ก แต่อกเป็นอก เอวเป็นเอว ที่สำคัญนอกเหนือจากรูปลักษณ์แล้ว ก็คือ จิตใจที่ดีงาม บริสุทธิ์ เหมือนดอกมะลิ ของเธอ เธอเป็นผู้หญิงที่ยอมรับในตัวเค้า และยังคอยเคียงข้างเค้าแบบนี้ ชาตินี้คงหาผู้หญิงดีๆแบบนี้ไม่ได้อีกแล้วแหละ
หลังจากที่ซื้อข้าวมานั่งกินกับเพื่อน…
“พี่โย ขอนั่งกินข้าวด้วยคนนะคะ”แยม สาวน้อยมัธยมต้น เอ่ยเสียงหวานพร้อมส่งยิ้มให้
โยไม่รู้จะปฏิเสธยังไงดี เค้าหันไปมองเพื่อน ซึ่งเพื่อนทุกคนก็ส่งสายตาประมาณว่า ‘ตามใจ’
“ได้ครับ”
“ขอบคุณค่า”
งานนี้ทำเอาวาโย กระเดือกข้าวแทบไม่ลง เพราะแยมเข้ามาจิ๊จ๊ะ กับเค้าตลอด
“พี่โย กินนี่มั้ยคะ อร๊อยอร่อยนะ”
“ไม่เป็นไร ขอบคุณ”
เพื่อนๆในแก๊งค์เริ่มสลายโต๋ ทิ้งให้วาโยอยู่คนเดียว
เมื่อกินข้าวเสร็จ เด็กหนุ่มรีบวางช้อนส้อม “ขอตัว”เค้ารีบถือจานข้าวไปเก็บทันทีโดยไม่สนใจเด็กสาว
แยมหน้าหงิกลง ทันที
วาโยรีบตรงดิ่งไปที่ด่านฟ้า ที่ประจำที่เค้าและเพื่อนๆชอบไปนอนเล่นอ่านหนังสือ การ์ตูน ตามประสา
โจ้ที่อ่านการ์ตูน“เฮ้ย ไอ้โย มึงรำคาญน้องแยมมากเหรอวะ ตอนกินข้าว ดูมึงทำหน้ายังกะปวดอึ”
“เออ จะปฏิเสธก็หาว่าใจดำ ให้ทำไงดีล่ะ”
เมฆที่นอนอยู่เสนอ”มึงก็พาแฟนมาเที่ยวกรุงเทพฯดิ พอน้องแยมเห็น ก็เลิกชอบไปเองแหละ”
นิ้งละจากการการ์ตูน”กูไม่เห็นด้วยว่ะ น้องแยมร้ายแค่ไหน พวกมึงก็น่าจะรู้นะ ไม่เลิกหรอก”
วาโยนอนหลับประหนึ่งว่าไม่ต้องการสนทนากับใคร เพื่อนๆอีกสามคนก็เข้าใจ จึงไม่สนทนาต่อ…
หลังเลิกเรียน
วาโย เดินออกมาทางประตูหลัง ก็พบพายุที่ขับรถเต่า คันเดิม มารอ
“รู้ได้ไงว่าผม…”
“ขึ้นมาก่อนเถอะ”
วาโยถอนใจอย่างไม่มีทางเลือก จำต้องยอมขึ้นรถแต่โดยดี
“รอบนี้ว่าง่ายดีนะ ไม่ต้องใช้คาถาวาจาสาลิกาเลย”
เด็กหนุ่มเอนหลังอย่างอ่อนล้า“ภารกิจของผม ผมต้องทำอะไรครับ”
“ไปที่ชายแดนจังหวัดสระแก้ว ตรงป่าพญาเผือก ปราบผีป่าที่นั่น…ทางองค์กรจะให้งบ สำหรับงานนี้ ไปเบิกที่ธนาคารเลย”พายุส่งเช็คเงินสดให้
วาโยพบว่ามันเป็นเช็คเงินสด ที่มีมูลค่ามหาศาล
“เงินนี่…”
“สำหรับเดินทาง ที่พัก และค่าซื้ออาวุธ อาวุธน่ะ นายจะซื้อของทางองค์กรก็ได้ บางอย่างราคาสูงมาก เลือกให้ดี”
“แบบนี้ เงินก็เข้าองค์กรสิครับ”
“เงินไม่ได้เข้าองค์กร แต่เข้ากระเป๋าของผู้ที่สร้างอาวุธ ต่างหาก คนที่สร้างอาวุธออกมากขายคือ อดีตมือปราบรุ่นพี่หรือพวกมือปราบบางคนที่มีความสามารถในการสร้างอาวุธอาคม การใช้คาถาอาคมสร้างหรือปลุกเสกน่ะมันเปลื้องพลังมาก เพราะอย่างนั้นค่าใช้จ่ายเลยสูง แต่บอกไว้ก่อน อาวุธบางอย่างเค้าสงวนเอาไว้ให้มือปราบระดับสูงใช้ เพราะต้องให้คนมีทักษะมากเท่านั้นถึงจะใช้ได้ แกน่าจะลองสร้างอาวุธดูนะ”
“ผมขอถามหน่อยครับ”
“อะไรเหรอ”
“ครั้งแรกที่พี่ทำงาน พี่ทำคนเดียวใช่ไหม?”
“ใช่ ตอนนั้น พี่ยังไม่ได้เจอกับจำปา ตอนแรกพี่จะจับคู่กับโหงพราย แต่มาเจอกับจำปาซะก่อน อ่า…คงต้องพูดเรื่องคู่หูให้นายฟัง ธรรมดาคู่หูของมือปราบจะมีจุดแข็งและจุดอ่อน ที่ต่างกัน เริ่มจาก กุมารทองและรัก-ยม จะสามารถเข้าไปในเขตพุทธาวาสหรือวัดได้ ข้อเสียคือจะไม่สามารถเข้าเคหะสถาน หรือที่อยู่ของคนธรรมดา ไม่ได้ ถ้าหากจะเข้าไป ก็ต้องทำการขออนุญาตเจ้าที่ เสียก่อน ซึ่งยุ่งยากพอควร ผิดกับพวกนางไม้ จะสามารถเข้าไปในเคหะสถาน หรือที่อยู่ของคนธรรมดาได้โดยไม่ต้องขอนุญาติเจ้าที่ แต่ข้อเสียคือ จะไม่สามารถใช้พลังได้อย่างเต็มที่ในเขตพุทธาวาส สำหรับพวกโหงพราย สามารถเข้าไปได้ทุกที่ ยิ่งป่าช้า พลังยิ่งกล้าแข็ง แต่ข้อเสียคือ โหงพรายจะมีพลังแต่ช่วงกลางคืนเท่านั้น ยามกลางวัน จะไม่สามารถทำอะไรได้มากเท่าที่ควร หากภารกิจต้องทำในช่วงกลางวัน มือปราบที่มีคู่หูเป็นโหงพรายจะลำบากหน่อย สำหรับสัตว์อาคม มีข้อดีคือสามารถไปได้ทุกที่ ช่วยสนับสนุนได้ทุกงาน แต่ข้อเสียคือ ถ้าเข้าไปในเขตฝังอาถรรพ์ ก็จะกลายเป็นสัตว์ธรรมดา การทำภารกิจเค้าจะไม่ค่อยดูความเหมาะสมของคู่หูแต่ จะดูที่ความสามารถของเรา ที่เป็นมือปราบ อย่าเครียดเลยน่า…”
พายุได้พาเด็กหนุ่มมาที่หอพักก่อนตามคำขอ
…
“เด็กๆอยู่กันดีๆนะ”วาโยเอ่ยกับสัตว์เลี้ยง
สองดำร้องหงิงๆเข้ามาอ้อน
เด็กหนุ่มสะพายกระเป๋าเดินไว้ ตัวเค้าก็เป็นคนง่ายๆเตรียมเสื้อผ้าไม่กี่ชุด พร้อมกับอาวุธมีดสั้น และมีดหมอที่เค้าได้ปลุกเสกเอง โชคดีที่เค้าเคยซื้อ ที่ให้อาหารหมาแมวอัตโนมัดเอาไว้ ทำให้สามารถให้น้ำและอาหารสัตว์เลี้ยงได้ เพราะบางทีเค้ามักจะไปที่อยุธยา โดยไม่เอาสองดำไปด้วย เค้าไม่อยากกวนใคร จึงต้องซื้อเครื่องให้น้ำและอาหารอัตโนมัดมา
“สองสามวันก็กลับแล้ว ไว้เจอกันนะ”
วาโยสะพายคู่ใจลงมาจากห้อง พลางภาวนาถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และปู่โสมที่เป็นอาจารย์ เพื่อขอให้คุ้มครองตน
พายุได้พาวาโยไปเบิกเงินจากเช็คที่ธนาคาร จากนั้นก็พาวาโยไปดูอาวุธที่ตึกแห่งหนึ่ง
พอเปิดประตูเข้าไปในห้องที่เตรียมไว้ วาโยกลับรู้สึกแปลกๆ รู้สึกว่าตัวเค้าเบาสบายมากมากจนน่าแปลกใจ
“รู้สึกตัวแล้วเหรอ”
“นี่มันอะไรกัน”วาโยพบว่าร่างของเค้าโปร่งแสง กลายเป็นวิญญาณ
พายุยิ้มเย็น ไม่สะทกสะท้านอะไร“ที่นี่คือ โลกวิญญาณ สถานที่พักของดวงวิญญาณก่อนถูกนำไปพิพากษาและสถานรอไปเกิด ที่นี่มือปราบที่ได้ล่วงลับหรือสายแพทย์ก็จะพักอยู่ที่นี่น่ะ มาสิ จะพาไปที่ร้านอาวุธ มีไม่กี่เจ้าหรอก”
โลกวิญญาณ สำหรับวาโย ดูราวกับเมืองเล็กๆเมืองหนึ่งเลยก็ว่าได้ มีผู้คนอาศัยมากมาย พายุได้เล่าว่า พวกที่อยู่ที่นี่คือพวกที่อาศัยในปรภพ แต่โลกวิญญาณจะแบ่งออกเป็น 4 โซน คือ 1สถานพักฟื้น หรือหน่วยแพทย์ และยังเป็นที่อยู่อาศัยของมือปราบเมื่อสิ้นชีพอีก สำหรับมือปราบยามสิ้นชีพไม่ว่าจะในหน้าที่หรือหมดอายุขัยก็จะสามารถมาอยู่ที่นี่ทำหน้าที่เป็นยมทูตต่อได้ถ้าอยากทำ โซน 2 คือที่อยู่อาศัยของชาวปรภพ โซนแรกกับโซน2จะอยู่ด้วยกัน โซน 3 คือ ที่กักวิญญาณบาปที่รอการพิพากษาโทษ โซนนี้จะอยู่ติดกับนรก และสุดท้ายโซนที่ 4 ที่อยู่ของวิญญาณที่ตายโหง วิญญาณที่ยังไม่ถึงฆาต ที่มือปราบจะพามาเพื่อรอพิพากษา
พายุพาวาโยมาที่ร้านๆหนึ่ง ที่ดูเรียบง่าย
“อ้าว พายุ พาใครมาน่ะ”ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งดูแล้วอายุยี่สิบกว่า ร้องทัก
“พาเด็กมาดูอาวุธน่ะครับ”
“เหรอ งั้นต้องวัดพลังก่อนนะว่าแต่เอ็งชื่ออะไรไอ้น้อง”
พายุนิ่งเงียบ วาโยจำต้องยอมพูด”วาโย …วาโย ศิริกุล”
“วาโย…แปลว่า สายลม เหมาะกับเธอดีนะ”เจ้าของร้านมองตาวาโยอยู่ครู่ก็อมยิ้ม “ชีวิตของเธอโดยเฉพาะความรักดูเหมือนจะวุ่นวายแต่ไม่วุ่นวายแฮะ ทั้งเค้าและเธอ เห็นมั่นคงดีนะ ชีวิตวัยเด็กอาจจะไม่ดีแต่ นับจากนี้จะดีกว่าเดิมแน่ ชีวิตเธอจะเป็นยังไง ก็ขึ้นอยู่กับตัวเธอแล้ว”
วาโยเลิกคิ้ว ฉงนกับคำพูดของอีกฝ่าย พายุยิ้มจึงทำหน้าที่เฉลย“หึๆ อย่าแปลกใจไป น้อยคนนะที่พี่วุธ มีวิชาการทำนาย เค้าแค่จะทำนายให้น่ะ ขนาดชั้น ต้องรอมาทำงานเป็นมือปราบเต็มตัวก่อนนะ ดีจัง”
วาโยทำหน้านิ่ง ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธอะไร “ขอบคุณครับ”
วุธส่งท่อนไม้ท่อนหนึ่งมาให้ “ถือไว้”
วาโยรับท่อนไม้ ท่อนนั้นมา ปรากฏว่า มันเปล่งแสงเจิดจ้า เป็นแสงสีเทา ที่เปล่งประกาย ราวกับมุก
พายุมองไปที่ท่อนไม้อย่างไม่แปลกใจ ทำเพียงแต่พยักหน้ารับรู้ “แปลกนะครับพี่ ไอ้เด็กนี่มีพลังสายไหนเหรอ”
วุธมองไปที่ท่อนไม้ พลางยิ้มละไม”ได้ทั้งไสยดำและไสยขาว พลังวิญญาณมาก “
พายุเอียงคอถาม”แปลกเหรอครับ”
“นิดหน่อย เพราะอายุแต่สิบสี่สิบห้า มีพลังวิญญาณที่บริสุทธ์ มากขนาดนี้มันก็เหนือความคาดหมายไปหน่อยนะ มิน่า เบื้องบนถึงต้องการตัว”
วุธเดินกลับเข้าไปในตัวร้านอยู่ครู่ ก็ออกมาพร้อมกับการ์ดเป็นปึก “แบบนี้ถึงจะเหมาะกับเธอ เลือกเอาเลย ใบละ สองพันห้า”
“วิธีใช้ล่ะครับ”
“ท่องเบาๆว่า นะโม พุทธายะ “สิ้นคำ อาวุธดาบคู่ก็ปรากฏใส่มือของวุธ “ลองดูเลย”
วาโย เลือกการ์ดปืนลูกโม่ มาหนึ่งใบ แล้วว่าคาถาในใจ …นะโม พุทธายะ…
ปืนลูกโม่ที่หนักพอดูก็ปรากฏในมือของเค้า“เหลือเชื่อ”
“เก็บอาวุธไว้ในการ์ดจะสะดวกกว่านะ เอ้า เลือกเลย อาวุธพวกนี้ปลุกเสกแล้ว การว่าคาถาในการออกเสียงจะได้ผลเต็มๆต่างจากการว่าคาถาในใจ ที่จะใช้ได้แค่สามในสี่ก็เท่านั้นนะ จำไว้ด้วย”
“ขอบคุณครับ”
วาโยจัดการเลือกอาวุธปืนไปหลายกระบอก พร้อมกระสุน เชือกอาคม อาวุธได้จัดการให้ถุงหนังสำหรับนำวิญญาณมนุษย์มาพิพากษา พร้อมแนะนำวิธีใช้
วุธ หรือ คฑาวุธนึกชอบใจลักษณะของวาโย จึงได้มอบไอเท็มระดับสูงให้
“โอ่งหลบภัย?”
“การ์ดโอ่งหลบภัย เป็นไอเท็มที่เอาไว้หลบภัยสมชื่อนั่นแหละ และยังมีคุณสมบัติขังวิญญาณให้ติดอยู่ในโอ่งด้วย แต่ต้องใช้คู่กับการ์ดฝากักวิญญาณ เอ้าคู่มือถ้าไม่เข้าใจ”
“ขอบคุณครับ”
“ภารกิจแรก อย่าประมาทล่ะ”
“ครับ ผมจะทำให้ดีที่สุด”
“โชคดี”
หลังจากซื้อขายและจ่ายเงินแล้วนั้น พายุพาเด็กหนุ่มรุ่นน้องกลับไปที่ร่างของตน
“วาโย จะให้ไปส่งที่หมายไหม”
“ก็ดีครับ”
“ได้แค่ส่งนะ เพราะมีงานอื่นด้วย แป๊บเดียวถึง”
“คาถาย่นเวลาเหรอครับ”
“ใช่ นายรู้จักเหรอ”
“เคยใช้บ้างน่ะครับ แต่ไปไม่ไกลนัก”
“รถคนนี้น่ะ ได้รับการปลุกเสกให้ไปได้เร็วขึ้นด้วยนะ”
ระหว่างทาง
สองหนุ่มไม่พูดจาอะไร เรียกง่ายๆวาโยเอาแต่หลับตลอดทาง
พายุชักกังวลว่า วาโยจะยอมเป็นมือปราบไหม แต่จากที่คฑาวุธ มือปราบรุ่นพี่เคยบอกเด็หนุ่มที่ชื่อ วาโย จะเป็นมือปราบแน่นอน และคฑาวุธยังได้คำยืนยันจาก รองหัวหน้าหน่วยอินทร์เทพรักษา ว่า วาโย จะกลายเป็นมือปราบที่เก่งที่สุด พายุเองก็ไม่เคยเจอรองหัวหน้าหน่วยอินทร์เทพรักษา สักครั้ง ธรรมดาหน่วยอินทร์เทพรักษา คือหน่วยแพทย์ของมือปราบ เป็นหนุ่มสาวที่อายุ 18 – 25 ที่มีวิชาด้านไสยฯขาว และมีพลังเยียวยา หน่วยนี้มีหน้าที่รักษามือปราบที่บาดเจ็บ แก้โดนของ แก้โดนแช่ง และพลังวิญญาณที่เหลือน้อย โดยหน่วยนี้จะไม่เหมือนมือปราบวิญญาณ ตรงที่ จะไม่ต้องลงพื้นที่ปฏิบัติงาน ยกเว้นบางกรณีที่หนักหนา อันตรายมาก คนจากหน่วยอินทร์เทพรักษาจะลงพื้นที่ปฏิบัติงานร่วมกับมือปราบวิญญาณ เงินค่าตอบแทนถือว่า ได้เป็นเดือน ซึ่งสูง เท่าที่รู้มา รองหัวหน้าหน่วยอินทร์เทพรักษา ก็อายุเท่า วาโย แต่มีความสามารถในการทำนาย ที่แม่นราวกับตาเห็น และยังให้คำแนะนำที่ดี แต่จะไม่ค่อยมีใครได้เจอตัว จะมีแต่คำทำนายที่เป็นสัญญาณเตือนภัยมือปราบแต่ล่ะคน ที่ส่งผ่านเพื่อนร่วมงานที่สนิทกันเท่านั้น และเท่าที่รู้ก็แม่นตามคำบอกซะด้วย
…จะจริงเหรอ สงสัย…เพราะดูยังไงๆก็ไม่เต็มใจ ไม่เต็มใจจริงๆ ไม่รู้ว่าภารกิจแรกจะรอดไหม
ถ้าอยากรู้ก็ติดตามตอนต่อไปนะคะ ยังไม่ลืมนะ เม้นด้วยนะ ขอบคุณค่า
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ