ยินดีที่ไม่รู้จัก
6.3
เขียนโดย zeeto
วันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2560 เวลา 19.42 น.
8 ตอน
0 วิจารณ์
11.39K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2560 22.48 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
4) ความรู้สึกเหมือนกันแค่กั้นไว้
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ เสียงสนทนาในที่ทำงานเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆเมื่อถึงเวลาเลิกงานผมเองก็เช่นกันที่รีบเก็บของก่อนที่จะเตรียมกลับคอนโดเพื่อไปรับใครบางคนไปเอเชียทีคตามที่สัญญาเอาไว้ ไม่รู้ว่าวันนี้ทั้งวันเขาจะทำอะไรบ้างออกไปไหนหรือเปล่าหรือว่าหลงหรือเปล่าแม้จะอยากรู้มากเท่าไรแต่จะให้โทรไปหาบ่อยๆมันก็ดูแปลกเกินไป เพราะผมกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกันอีกไม่กี่วันเขาก็กลับแล้ว “ไอ้กัน...” “อะไรว่ะแบงค์” “คือวันนี้พวกกูจะไปดริ้งหน่อยไปกับพวกกูป่ะ” “เออคือ...” “อะไรๆไอ้กันกูกับไอ้ซิงชวนปฏิเสธหรอว่ะ” “คือกู...” “ทำไมจะรีบกลับไปหาคนแปลกหน้าที่ห้องหรอว่ะ” เสียงไอ้ซิงเดินถือกระเป๋ามาสมทบก่อนจะมองหน้าผมที่พูดไม่ออกเพราะมันก็เป็นอย่างที่ไอ้ซิงพูด “อะไรของพวกมึงว่ะคนแปลกหน้าไร” “เดี๋ยวกูค่อยเล่าให้ฟังนะไอ้แบงค์ว่าแต่สรุปมึงจะไปกับพวกกูไหม” “พี่ปาล์มกลับมาจากญี่ปุ่นทั้งทีนะเว้ยไอ้กัน” “ห่ะ?...พี่ปาล์มมาหรอ” “เออดิ...เอาไงจะไปไหม” “แต่กูสัญญากับเขาแล้วว่าจะพาไปเอเชียทีค” “เอเชียทีค?...เอางี้งั้นเดี๋ยวเราไปเจอกันที่เอเชียทีคพวกกูสองคนจะกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเดี๋ยวนัดพี่ปาล์มที่ร้านเดิมในเอเชียทีคก็ได้” “จะดีหรอ” “ดีดิว่ะ...อย่างน้อยๆกูกับไอ้แบงค์แล้วก็พี่ปาล์มจะจไจด้ช่วยดูให้ด้วยว่าคนแปลกหน้าของมึงเนี้ยไว้ใจได้ไหม งั้นเอาตามนี้นะถ้าพวกกูถึงแล้วเดี๋ยวโทรหามึงก็พาเขาเดินเล่นสวีทรอไปก่อนเลย” “สวีทอะไรละ...” ผมหันหลังมองตามไอ้แบงค์และไอ้ซิงที่เดินออกไปไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าไอ้สองคนนี้รวมทั้งพี่ปาล์มเจอกับเขาจะทำยังไง
“นายๆ...ไปถ่ายรูปตรงนั้นกัน” ผมวิ่งจากทางนี้ไปอีกทางและอีกทางเพื่อถ่ายรูปบรรยากาศรอบๆเอเชียทีค แม้มันจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวก็ว่าได้มั่งที่เกิดจากการสร้างขึ้นมาแต่ก็เป็นที่นิยมมากเหมือนกันไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวไทยหรือต่างชาติต่างพากันมาเดินมากมาย และวันนี้ก็ผมและเจ้าของห้องเช่นกันที่เป็นหนึ่งในนั้น “นายขึ้นกันป่ะ” ผมชี้นิ้วไปที่ชิงช้าสวรรค์ที่เป็นเหมือนจุดเด่นของที่นี้ก่อนที่อีกคนจะทำหน้าตาไม่สนใจ “ขึ้นกันนะ...” “ไม่เอา...จะขึ้นทำไม” “ก็ไม่เคยขึ้นปกติเห็นแต่ตามงานวัดมันไม่สูงแบบนี้” “ไม่ต้องหรอกค่าขึ้นแพง” “ฉันจ่ายเอง...นะขึ้นกัน” “แต่...” “นะ” คนถูกตื้อพยักหน้าก่อนที่ผมจะยิ้มแล้วลากเขาตามไปที่จุดขายตั๋ว “สองที่ครับ” ในที่สุดก็จะได้ขึ้นไปแล้วปกติจากคอนโดของผู้ชายตรงหน้าที่มันก็สามารถเห็นวิวกรุงเทพในยามราตรีก็ตามแต่ตรงนี้ผมว่าหน้าจะมีอะไรหน้าสนใจไม่น้อยเพราะติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่สำคัญมันก็เป็นครั้งแรกที่ผมได้ขึ้นมาบนที่แบบนี้ “ยิ้มหน่อยดิเดี๋ยวฉันถ่ายรูปให้” “ไม่..นายถ่ายไปเถอะอยากดูวิวก็ดูไป” “ทำไม...นายไม่ชอบหรอ” “เปล่า” ไม่ทันที่จะพูดอะไรต่อจังหวะที่ชิงช้าเริ่มโค้งสูงขึ้นเรื่อยๆ ผมเห็นท่าทางคนตรงหน้าแปลกไป อย่าบอกนะว่าเขากลัวความสูง มิหน้าละพอขึ้นมาเอาแต่ก้มหน้าก้มตาไม่มองไปข้างนอกเลย เมื่อเห็นอย่างนั้นผมค่อยๆลุกไปนั่งข้างๆเขาทำให้อีกคนตกใจจนหันหน้ามาใกล้ผมจนแทบจะปลายจมูกชนกัน “นายทำอะไรของนาย” “ถ่ายรูปคู่กัน” “ไม่เอา...” “นะ...จะได้เก็บความทรงจำไงว่าเนี้ยเราขึ้นมาบนนี้ครั้งแรกด้วยกัน” “นายถ่ายวิวนายไยปเถอะ” “ถ้านายเอาแต่กังวลแบบนั้นมันไม่ทำให้หายกลัวความสูงหรอกนะนี้ไงนายมองฉันนะไม่เป็นอะไรหรอก” ผมยิ้มให้กับผู้ชายที่นั่งข้างๆก่อนที่ใบหน้าของเขาจะดคลายกังวลบ้างไม่ยักกะรู้ว่าผู้ชายคนน้มีมุมแบบนี้เหมือนกัน
ตื้อดึ่ง!! (ถึงแล้วนะอยู่ร้านxxx โกงดัง6) “โอเค...เออพวกมึงอย่าเรียกชื่อกูนะ” (ทำไมว่ะ) “กูไม่อยากให้เขารู้จักชื่อกู” (เออไม่ถามก็ได้...แล้วมึงอยู่ไหน) “กำลังจะลงจากชิงช้าสวรรค์” (เชี้ย....กลัวความสูงไม่ใช่หรอว่ะ) “เออแค่นี้นะเดี๋ยวเจอกัน” ผมเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าก่อนจะค่อยๆลุกเดินลงจากชิงช้าสวรรค์ตามหลังคนที่มาด้วย “นายเราจะไปไหนกันต่ออ่ะ” “คือฉันนัดเพื่อนๆไว้ที่นี้แหล่ะเดี๋ยวไปกินข้าวด้วยกัน” “จะดีหรอ...” “เออเพื่อนฉันเขาก็อยากเจอนาย” “ก็ได้...นำไปเลย” แม้ในใจจะไม่อยากให้เจอกับผู้ชายแปลกหน้าคนนี้เท่าไรแต่ผมก็ปฏิเสธเพื่อนไม่ได้เอาว่ะคงไม่เป็นไรหรอก ผมพาผู้ชายแปลกหน้าที่ตอนนี้ผมเองเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเขาแปลกหน้าอยู่ไหมไปยังร้านที่นัดพวกไอ้แบงค์ไอ้ซิงและพี่ปาล์มเอาไว้ “เฮ้ยไอ้...โอ้ย!!...มึงตบหัวกูทำไมไอ้แบงค์” “ไอ้กันไม่ให้เรียกชื่อมันจำไม่ได้หรอ” “เออ...โทษที...เพื่อนรักทางนี้โว้ย” ผมลอบถอนหายใจก่อนจะเดินไปที่โต๊ะแล้วหันไปมองคนที่ยืนข้างๆ “เออฟลุค นี้ไอ้แบงค์ ไอ้ซิง แล้วก็พี่ปาล์ม” “ยินดีที่ได้รู้จักนะ” “พวกมึงนี้ฟลุค” “เออๆไม่ต้องพิธีรีตองนั่งเลยครับอยากกินไรสั่งเลยวันนี้เฮียปาล์มเลี้ยง” “เวรแล้วไง...กูกลับมาทั้งทีนึกว่าพวกมึงจะเลี้ยง” “แหม๋เฮียก็ผมแกลบนี้ครับ...ว่าแต่ชื่อฟลุคหรอ” “อือ...” เพื่อนๆของผมต่างหันมามองหน้าผมที่ไม่ได้พูดอะไร และแน่นอนผมรู้ว่าทุกคนคิดอะไรอยู่แน่ๆ “น่ารักเนอะ...ตัวบางๆหน้าหวานผมสั้นแบบนี้มัน...” “อะไรไอ้ซิงตัวมันหนานักนี้...กินนี้เข้าไปป่ะ” ผมตัดสินใจเสียบกุ้งทอดยัดเข้าปากไอ้ซิงไปก่อนผมรู้ว่ามันจะพูดว่าอะไร
แม้ทุกคนจะดูสนุกสนานเป็นกันเองมากก็ตามแต่สิ่งหนึ่งที่ผมยังรู้สึกแปลกๆคือทุกคนในกลุ่มผมรู้จักชื่อหมดแล้วเหลือก็แต่คนที่ผมอยากรู้จักนี่แหล่ะ ที่ผมยังไม่รู้จักชื่อเขาซักที “เออเดี๋ยวขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะเดี๋ยวมา” ผมหันไปบอกทุกคนก่อนจะค่อยๆลุกขึ้น “ให้ไปเป็นเพื่อนป่ะ” “เฮ้ยไม่ต้องเราไปคนเดียวได้..” “เออมึงนี้ก็แปลกเขาไปคนเดียวได้ครับเพื่อน” เสียงของแบงค์พูดดักทางคนที่ถามผมเอาไว้ก่อนผมจะหันไปยิ้มแล้วเดินออกมา ทำไมเขาถึงปิดบังชื่อกับผมขนาดนี้กับชื่อเขายังไม่อยากให้ผมรู้จักเลยหรอว่ะ สงสัยจะดื่มเยอะแล้วละผมเดินไปทำธุระก่อนจะมาล่างมือที่อ่างล้างมือ
“อะไรของมึงไอ้กันทำไมไม่ให้พวกกูเรียกชื่อว่ะ” “เออนั้นดิ...เล่ามาเลยทำไม” “คืองี้เฮีย...เดี๋ยวเขาก็กลับแล้วไม่ต้องรู้จักกันหรอก” “ทำไมว่ะ...ไหนๆก็อยู่ด้วยทั้งอาทิตย์รู้จักกันไว้ก็ไม่เสียหายนี้หว่า” “แต่ว่า...” “กลัวใจตัวเองอ่ะดิ...กูรู้นะแบบนั้นอ่ะสเปกเลยใช่ป่ะละตัวเล็กน่ารักผมสั้น” “ไอ้ซิง...” “ใช่อย่างที่ไอ้ซิงพูดถูกไหมมึงไม่งั้นมึงไม่ยอมให้คนไม่รู้จักเข้าไปอยู่ด้วยหรอก” “ช่างมันเถอะเฮีย...ยังไงเขาก็เป็นผู้ชาย” “ผู้ชายแล้วไงว่ะ” “ก็มันไม่ได้ไงเฮีย...” “ไม่ได้เชี้ยไรว่ะ...มึงฟังเฮียนะ ความรักมันก็คือความรักถ้ามาจำกัดว่าต้องแบบนั้นแบบนี้คงไม่ใช่ความรักแต่มันแค่สิ่งที่ต้องการ” “โห่...กลับจากญี่ปุ่นรอบนี้ดูเฮียคมคายขึ้นนะเนี้ย” “ไอ้แบงค์มึงก็แซวเฮีย...แต่มันก็จริงอย่างเฮียบอกกูว่ามึงกับเขาโคตรจะพรหมลิขิตเลยเบอร์โทรเป็นล้านแต่ดันสุ่มมาเจอมึง แบบนี้มันไม่ใช่บังเอิญแล้ว” “เฮ้ยๆ...ฟลุคมาแล้ว” ผมหันไปมองคนที่เดินกลับเข้ามานั่งก่อนจะหันไปมองเพื่อนๆร่วมโต๊ะ “ฟลุคเมายัง” ไอ้แบงค์ถามคนที่พึ่งกลับมา “ยัง...” “เห็นเพื่อนเราล่าให้ฟังว่าสุ่มเบอร์มาหรอโชคดีนะเนี้ยเจอมัน” “ใช่เราโชคดีอ่ะ...ไม่งั้นคงได้หลงในกรุงเทพไปไหนไม่ถูกแล้ว” “หรอๆ...แล้วมันพาไปไหนมาบ้างป่ะ มาเที่ยวทั้งทีเนอะ” “พาไปเยอะเลยวันแรกไปหลงที่เยาวราชเขาก็ออกไปตามหาเราจนดึกเลย เมื่อวานก็พาไปเดินแถวเสาชิงช้าแล้วก็ขับรถเที่ยวถ่ายรูปหลายที่เลย” “อ๋อ...พาเที่ยวหลายที่ด้วย” เสียงไอ้ซิงกับไอ้แบงค์ทำหน้าทำตาแบบมีเลสนัยให้ผมก่อนจะหันไปมองคนข้างๆผมอีกที
หลังจากดื่มกันพอประมาณจนร้านจะปิดแล้วผมและพวกเพื่อนๆของเจ้าของห้องก็แยกย้ายกันกลับผมเดินไปส่งพี่ปาล์มช่วยเพื่อนๆของเขาเพราะดูท่าทางจะเมาที่สุดก่อนจะหันมามองคนข้างๆ “กลับยัง...อยากไปไหนต่อป่ะ” “ไม่อ่ะ...นายทำงานทั้งวันแล้วกลับดีกว่า” “อือ...” ระหว่างทางที่กลับผมไม่รู้จะพูดอะไรแม้ว่าทุกอย่างในหัวมันเต็มไปหมดอยากจะพูดแต่ก็ไม่กล้า “เออนาย...” “หื้อ..” “ทำไมเพื่อนๆนายไม่เรียกชื่อนายซักคน” “ฉันบอกไม่ให้เรียกต่อหน้านายเองทำไมหรอ” “นี้ไม่อยากรู้จักฉันขนาดนี้เลยหรอ” “อือ...ก็เดี๋ยวนายกลับเชียงใหม่แล้วมันก็ไม่มีธุระต้องรู้จักกันไม่ใช่หรอ” “เป็นเพื่อนกันก็ไม่ได้หรอ” “ไม่...แบบนี้ดีแล้วไม่ต้องรู้จักกันหรอก” “อือ..ขอโทษแล้วกันที่มาสร้างความรบกวน” “ไม่เป็นไร...” “ฉันว่าพรุ่งนี้ฉันจะกลับแล้วละแต่ก่อนกลับขออะไรอย่างได้ไหม” “อะไร...” “พรุ่งนี้บ่ายๆนายพาฉันไปดูดาวที่ท้องฟ้าจำลองหน่อยได้ไหม” “อือ” พอเถอะบางทีการเลือกกลับเชียงใหม่หน้าจะดีที่สุดก่อนที่ตัวผมเองนี่แหล่ะจะ ถลำลึกไปมากกว่านี้ อย่าทำให้เขาเดือดร้อนเลยเพราะคนที่เจ็บอาจไม่ใช่เขาแต่เป็นผมเองที่ตอนนี้มีมีความรู้สึกดีๆไปแล้ว
พรุ่งนี้เขาจะกลับแล้วหรอ? แทนที่จะรู้สึกโล่งใจสบายใจทำไมมันหน่วงจนไม่รู้จะพูดอะไรเลยว่ะนี้ผมรู้สึกมากไปแล้วอย่างที่พี่ปาล์มบอกอย่างนั้นหรอแล้วแบบนี้ผมควรทำไงดี แต่มันก็ถูกแล้วไม่ใช่หรอที่ทุกอย่างจะกลับไปเป็นแบบนั้น เพราะเขาก็คงไม่ได้ชอบกรุงเทพอย่างที่คิดแค่อยากมีประสบการณ์ท่องเที่ยวก็แค่นั้นเอง จะคิดอะไรมากว่ะไอ้กัน
“นายๆ...ไปถ่ายรูปตรงนั้นกัน” ผมวิ่งจากทางนี้ไปอีกทางและอีกทางเพื่อถ่ายรูปบรรยากาศรอบๆเอเชียทีค แม้มันจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวก็ว่าได้มั่งที่เกิดจากการสร้างขึ้นมาแต่ก็เป็นที่นิยมมากเหมือนกันไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวไทยหรือต่างชาติต่างพากันมาเดินมากมาย และวันนี้ก็ผมและเจ้าของห้องเช่นกันที่เป็นหนึ่งในนั้น “นายขึ้นกันป่ะ” ผมชี้นิ้วไปที่ชิงช้าสวรรค์ที่เป็นเหมือนจุดเด่นของที่นี้ก่อนที่อีกคนจะทำหน้าตาไม่สนใจ “ขึ้นกันนะ...” “ไม่เอา...จะขึ้นทำไม” “ก็ไม่เคยขึ้นปกติเห็นแต่ตามงานวัดมันไม่สูงแบบนี้” “ไม่ต้องหรอกค่าขึ้นแพง” “ฉันจ่ายเอง...นะขึ้นกัน” “แต่...” “นะ” คนถูกตื้อพยักหน้าก่อนที่ผมจะยิ้มแล้วลากเขาตามไปที่จุดขายตั๋ว “สองที่ครับ” ในที่สุดก็จะได้ขึ้นไปแล้วปกติจากคอนโดของผู้ชายตรงหน้าที่มันก็สามารถเห็นวิวกรุงเทพในยามราตรีก็ตามแต่ตรงนี้ผมว่าหน้าจะมีอะไรหน้าสนใจไม่น้อยเพราะติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่สำคัญมันก็เป็นครั้งแรกที่ผมได้ขึ้นมาบนที่แบบนี้ “ยิ้มหน่อยดิเดี๋ยวฉันถ่ายรูปให้” “ไม่..นายถ่ายไปเถอะอยากดูวิวก็ดูไป” “ทำไม...นายไม่ชอบหรอ” “เปล่า” ไม่ทันที่จะพูดอะไรต่อจังหวะที่ชิงช้าเริ่มโค้งสูงขึ้นเรื่อยๆ ผมเห็นท่าทางคนตรงหน้าแปลกไป อย่าบอกนะว่าเขากลัวความสูง มิหน้าละพอขึ้นมาเอาแต่ก้มหน้าก้มตาไม่มองไปข้างนอกเลย เมื่อเห็นอย่างนั้นผมค่อยๆลุกไปนั่งข้างๆเขาทำให้อีกคนตกใจจนหันหน้ามาใกล้ผมจนแทบจะปลายจมูกชนกัน “นายทำอะไรของนาย” “ถ่ายรูปคู่กัน” “ไม่เอา...” “นะ...จะได้เก็บความทรงจำไงว่าเนี้ยเราขึ้นมาบนนี้ครั้งแรกด้วยกัน” “นายถ่ายวิวนายไยปเถอะ” “ถ้านายเอาแต่กังวลแบบนั้นมันไม่ทำให้หายกลัวความสูงหรอกนะนี้ไงนายมองฉันนะไม่เป็นอะไรหรอก” ผมยิ้มให้กับผู้ชายที่นั่งข้างๆก่อนที่ใบหน้าของเขาจะดคลายกังวลบ้างไม่ยักกะรู้ว่าผู้ชายคนน้มีมุมแบบนี้เหมือนกัน
ตื้อดึ่ง!! (ถึงแล้วนะอยู่ร้านxxx โกงดัง6) “โอเค...เออพวกมึงอย่าเรียกชื่อกูนะ” (ทำไมว่ะ) “กูไม่อยากให้เขารู้จักชื่อกู” (เออไม่ถามก็ได้...แล้วมึงอยู่ไหน) “กำลังจะลงจากชิงช้าสวรรค์” (เชี้ย....กลัวความสูงไม่ใช่หรอว่ะ) “เออแค่นี้นะเดี๋ยวเจอกัน” ผมเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าก่อนจะค่อยๆลุกเดินลงจากชิงช้าสวรรค์ตามหลังคนที่มาด้วย “นายเราจะไปไหนกันต่ออ่ะ” “คือฉันนัดเพื่อนๆไว้ที่นี้แหล่ะเดี๋ยวไปกินข้าวด้วยกัน” “จะดีหรอ...” “เออเพื่อนฉันเขาก็อยากเจอนาย” “ก็ได้...นำไปเลย” แม้ในใจจะไม่อยากให้เจอกับผู้ชายแปลกหน้าคนนี้เท่าไรแต่ผมก็ปฏิเสธเพื่อนไม่ได้เอาว่ะคงไม่เป็นไรหรอก ผมพาผู้ชายแปลกหน้าที่ตอนนี้ผมเองเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเขาแปลกหน้าอยู่ไหมไปยังร้านที่นัดพวกไอ้แบงค์ไอ้ซิงและพี่ปาล์มเอาไว้ “เฮ้ยไอ้...โอ้ย!!...มึงตบหัวกูทำไมไอ้แบงค์” “ไอ้กันไม่ให้เรียกชื่อมันจำไม่ได้หรอ” “เออ...โทษที...เพื่อนรักทางนี้โว้ย” ผมลอบถอนหายใจก่อนจะเดินไปที่โต๊ะแล้วหันไปมองคนที่ยืนข้างๆ “เออฟลุค นี้ไอ้แบงค์ ไอ้ซิง แล้วก็พี่ปาล์ม” “ยินดีที่ได้รู้จักนะ” “พวกมึงนี้ฟลุค” “เออๆไม่ต้องพิธีรีตองนั่งเลยครับอยากกินไรสั่งเลยวันนี้เฮียปาล์มเลี้ยง” “เวรแล้วไง...กูกลับมาทั้งทีนึกว่าพวกมึงจะเลี้ยง” “แหม๋เฮียก็ผมแกลบนี้ครับ...ว่าแต่ชื่อฟลุคหรอ” “อือ...” เพื่อนๆของผมต่างหันมามองหน้าผมที่ไม่ได้พูดอะไร และแน่นอนผมรู้ว่าทุกคนคิดอะไรอยู่แน่ๆ “น่ารักเนอะ...ตัวบางๆหน้าหวานผมสั้นแบบนี้มัน...” “อะไรไอ้ซิงตัวมันหนานักนี้...กินนี้เข้าไปป่ะ” ผมตัดสินใจเสียบกุ้งทอดยัดเข้าปากไอ้ซิงไปก่อนผมรู้ว่ามันจะพูดว่าอะไร
แม้ทุกคนจะดูสนุกสนานเป็นกันเองมากก็ตามแต่สิ่งหนึ่งที่ผมยังรู้สึกแปลกๆคือทุกคนในกลุ่มผมรู้จักชื่อหมดแล้วเหลือก็แต่คนที่ผมอยากรู้จักนี่แหล่ะ ที่ผมยังไม่รู้จักชื่อเขาซักที “เออเดี๋ยวขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะเดี๋ยวมา” ผมหันไปบอกทุกคนก่อนจะค่อยๆลุกขึ้น “ให้ไปเป็นเพื่อนป่ะ” “เฮ้ยไม่ต้องเราไปคนเดียวได้..” “เออมึงนี้ก็แปลกเขาไปคนเดียวได้ครับเพื่อน” เสียงของแบงค์พูดดักทางคนที่ถามผมเอาไว้ก่อนผมจะหันไปยิ้มแล้วเดินออกมา ทำไมเขาถึงปิดบังชื่อกับผมขนาดนี้กับชื่อเขายังไม่อยากให้ผมรู้จักเลยหรอว่ะ สงสัยจะดื่มเยอะแล้วละผมเดินไปทำธุระก่อนจะมาล่างมือที่อ่างล้างมือ
“อะไรของมึงไอ้กันทำไมไม่ให้พวกกูเรียกชื่อว่ะ” “เออนั้นดิ...เล่ามาเลยทำไม” “คืองี้เฮีย...เดี๋ยวเขาก็กลับแล้วไม่ต้องรู้จักกันหรอก” “ทำไมว่ะ...ไหนๆก็อยู่ด้วยทั้งอาทิตย์รู้จักกันไว้ก็ไม่เสียหายนี้หว่า” “แต่ว่า...” “กลัวใจตัวเองอ่ะดิ...กูรู้นะแบบนั้นอ่ะสเปกเลยใช่ป่ะละตัวเล็กน่ารักผมสั้น” “ไอ้ซิง...” “ใช่อย่างที่ไอ้ซิงพูดถูกไหมมึงไม่งั้นมึงไม่ยอมให้คนไม่รู้จักเข้าไปอยู่ด้วยหรอก” “ช่างมันเถอะเฮีย...ยังไงเขาก็เป็นผู้ชาย” “ผู้ชายแล้วไงว่ะ” “ก็มันไม่ได้ไงเฮีย...” “ไม่ได้เชี้ยไรว่ะ...มึงฟังเฮียนะ ความรักมันก็คือความรักถ้ามาจำกัดว่าต้องแบบนั้นแบบนี้คงไม่ใช่ความรักแต่มันแค่สิ่งที่ต้องการ” “โห่...กลับจากญี่ปุ่นรอบนี้ดูเฮียคมคายขึ้นนะเนี้ย” “ไอ้แบงค์มึงก็แซวเฮีย...แต่มันก็จริงอย่างเฮียบอกกูว่ามึงกับเขาโคตรจะพรหมลิขิตเลยเบอร์โทรเป็นล้านแต่ดันสุ่มมาเจอมึง แบบนี้มันไม่ใช่บังเอิญแล้ว” “เฮ้ยๆ...ฟลุคมาแล้ว” ผมหันไปมองคนที่เดินกลับเข้ามานั่งก่อนจะหันไปมองเพื่อนๆร่วมโต๊ะ “ฟลุคเมายัง” ไอ้แบงค์ถามคนที่พึ่งกลับมา “ยัง...” “เห็นเพื่อนเราล่าให้ฟังว่าสุ่มเบอร์มาหรอโชคดีนะเนี้ยเจอมัน” “ใช่เราโชคดีอ่ะ...ไม่งั้นคงได้หลงในกรุงเทพไปไหนไม่ถูกแล้ว” “หรอๆ...แล้วมันพาไปไหนมาบ้างป่ะ มาเที่ยวทั้งทีเนอะ” “พาไปเยอะเลยวันแรกไปหลงที่เยาวราชเขาก็ออกไปตามหาเราจนดึกเลย เมื่อวานก็พาไปเดินแถวเสาชิงช้าแล้วก็ขับรถเที่ยวถ่ายรูปหลายที่เลย” “อ๋อ...พาเที่ยวหลายที่ด้วย” เสียงไอ้ซิงกับไอ้แบงค์ทำหน้าทำตาแบบมีเลสนัยให้ผมก่อนจะหันไปมองคนข้างๆผมอีกที
หลังจากดื่มกันพอประมาณจนร้านจะปิดแล้วผมและพวกเพื่อนๆของเจ้าของห้องก็แยกย้ายกันกลับผมเดินไปส่งพี่ปาล์มช่วยเพื่อนๆของเขาเพราะดูท่าทางจะเมาที่สุดก่อนจะหันมามองคนข้างๆ “กลับยัง...อยากไปไหนต่อป่ะ” “ไม่อ่ะ...นายทำงานทั้งวันแล้วกลับดีกว่า” “อือ...” ระหว่างทางที่กลับผมไม่รู้จะพูดอะไรแม้ว่าทุกอย่างในหัวมันเต็มไปหมดอยากจะพูดแต่ก็ไม่กล้า “เออนาย...” “หื้อ..” “ทำไมเพื่อนๆนายไม่เรียกชื่อนายซักคน” “ฉันบอกไม่ให้เรียกต่อหน้านายเองทำไมหรอ” “นี้ไม่อยากรู้จักฉันขนาดนี้เลยหรอ” “อือ...ก็เดี๋ยวนายกลับเชียงใหม่แล้วมันก็ไม่มีธุระต้องรู้จักกันไม่ใช่หรอ” “เป็นเพื่อนกันก็ไม่ได้หรอ” “ไม่...แบบนี้ดีแล้วไม่ต้องรู้จักกันหรอก” “อือ..ขอโทษแล้วกันที่มาสร้างความรบกวน” “ไม่เป็นไร...” “ฉันว่าพรุ่งนี้ฉันจะกลับแล้วละแต่ก่อนกลับขออะไรอย่างได้ไหม” “อะไร...” “พรุ่งนี้บ่ายๆนายพาฉันไปดูดาวที่ท้องฟ้าจำลองหน่อยได้ไหม” “อือ” พอเถอะบางทีการเลือกกลับเชียงใหม่หน้าจะดีที่สุดก่อนที่ตัวผมเองนี่แหล่ะจะ ถลำลึกไปมากกว่านี้ อย่าทำให้เขาเดือดร้อนเลยเพราะคนที่เจ็บอาจไม่ใช่เขาแต่เป็นผมเองที่ตอนนี้มีมีความรู้สึกดีๆไปแล้ว
พรุ่งนี้เขาจะกลับแล้วหรอ? แทนที่จะรู้สึกโล่งใจสบายใจทำไมมันหน่วงจนไม่รู้จะพูดอะไรเลยว่ะนี้ผมรู้สึกมากไปแล้วอย่างที่พี่ปาล์มบอกอย่างนั้นหรอแล้วแบบนี้ผมควรทำไงดี แต่มันก็ถูกแล้วไม่ใช่หรอที่ทุกอย่างจะกลับไปเป็นแบบนั้น เพราะเขาก็คงไม่ได้ชอบกรุงเทพอย่างที่คิดแค่อยากมีประสบการณ์ท่องเที่ยวก็แค่นั้นเอง จะคิดอะไรมากว่ะไอ้กัน
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6.5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ