ยินดีที่ไม่รู้จัก

6.3

เขียนโดย zeeto

วันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2560 เวลา 19.42 น.

  8 ตอน
  0 วิจารณ์
  11.53K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2560 22.48 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

3) ทริปวันที่สองกับมือคู่หนึ่ง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

          มองที่ยืนแต่งตัวหน้ากระจกหันไปมองผู้อาศัยร่วมห้องที่นั่งอ่านหนังสืออะไรซักอย่างท่าทางตั้งอกตั้งใจ ผู้ชายคนนี้นี่มันเป็นคนยังไงแน่มาอยู่กับคนแปลกหน้าไม่ได้รู้สึกกังวลหรือกลัวเลยหรือไง ว่าแต่วันนี้เขาไม่ออกไปเที่ยวที่ไหนหรือไงอย่าบอกนะว่ามาแค่จะเที่ยวเยาวราชกับจัตุจักร ให้ตายเถอะโรบิ้นมันต้องมีทริปที่สร้างสรรค์กว่านั้นไหมถ้าจะมาแค่จัตุจักรกับเยาวราชผมว่าที่เชียงใหม่มันหน้าจะมีที่เที่ยวคล้ายๆกันบ้างแหล่ะ หรือว่าอยากมาแค่ขึ้นรถไฟฟ้าหรอ... “แต่งตัวซะหล่อจะไปไหนหรอ” ผมหันไปมองคนที่ถามผมขึ้น “ถามฉันหรอ” “อือ...นายจะไปไหน” “ออกไปหาไรกิน..ถามทำไม” “ไปด้วยดิ...หิวแล้วอ่ะแต่ไม่รู้จะไปที่ไหน” “แล้วไม่ไปเองอ่ะ” “ก็...” “กลัวหลง?” “ใช่...นะๆขอไปด้วยนะ” “เออ...เดี๋ยวพาไปหาอะไรกินแถวเสาชิงช้าแล้วกันจะได้เดินเที่ยวด้วยชิวๆโอเคไหม” “โอเค”

               

          เย้...ในที่สุดเขาก็ยอมพาผมเที่ยวแล้วเสาชิงช้าหรอได้ยินมานานแล้วว่าแถวนั้นเป็นถนนเก่าของกินเยอะแน่เลยที่แน่ๆในรูปผมเคยเห็นน่าไปถ่ายรูปที่สุดแล้ว... “มัวยิ้มอะไรแต่งตัวดิ” “ได้ๆ...ขอบใจนะ” อยากจะเรียกชื่อขอบใจแต่ก็ไม่รู้ว่าชื่ออะไรอีกแต่วันนี้ผมโคตรดีใจเลยนี้ผมกำลังจะได้เที่ยวแบบมีเพื่อนใหม่แล้วใช่ไหม ว่าแล้วการมาของผมครั้งนี้ต้องดีซิ ได้ที่พักฟรีเจ้าของห้องใจดี แถมตอนนี้เขายอมพาผมเที่ยวอีก  ผมมองคนขับรถที่พาผมลัดเลาะมาตามเส้นทางที่แปลกตาก่อนจะเห็นด้านหน้าที่เด่นชัดบ่งบอกถึงสถานที่ที่ผมจะมาว่าตอนนี้ผมได้อยู่ตรงนี้แล้ว “นั้นเสาชิงช้าใช่ไหม” “อือ...เดี๋ยวค่อยมาถ่ายรูปไปหาของกินก่อน” “ฉันชอบมากเลยอ่ะตึกยังทรงเก่าๆอยู่ก็มี” “ก็แถวนี้มันก็เหมือนเมืองเก่าที่กรุงเทพเขายังคงอนุรักษ์วิถีแบบดั่งเดิมอยู่บ้าง อาหารแถวนี้ก็จะเป็นแบบสมัยก่อน อย่างร้านที่ฉันจะพานายไปกินก็ก๋วยจั๊บอร่อยมาก” “แค่ได้ยินก็น่ากินแล้วอ่ะ” “อีกอย่างถ้านายชอบถ่ายรูปก็เริ่มจากตรงนี้แหล่ะในเขตใกล้ๆมันก็พอมีที่ให้นายถ่ายรูปอีกเยอะ” “โชคดีจังที่เจอนาย” “แต่ฉันโชคร้ายที่เจอนาย” “พูดจาโหดร้ายอีกแล้ว....” “พูดมาก...ไปลงรถได้แล้วร้านอยู่ตรงนั้น” คนอะไรปาก้สยแต่ใจดีมองๆไปก็...บ้าดิไอ้ฟลุคนั้นผู้ชายแค่เขาใจดีด้วยหน่อยจะมาเคลิ้มอะไรกับเขาเนี้ย ไปกินก๋วยจั๊บดีกว่าอาจจะเพราะหิวสายตาเลยเพี้ยนๆ

               

          “อ่ะนี้เต้าหู้...” ผมคีบเต้าหูทอดที่ใส่อยู่ในชามก๋วยจั๊บยื่นให้อีกคนที่ก้มหน้าก้มตาตักเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อยเหมือนกับเคยได้กินมา “นายให้ฉันหรอ” “เออ...เอาไปดิเต้าหู้ที่นี้ของเด็ดเลยนะ เร็วเอาไป” “ขอบใจนะ...” บ้าหรือไงแทนที่จะเอาช้อนมารับอยู่ๆกับอ้าปากงับเต้าหู้ที่ผมคีบส่งให้ซ่ะงั้นไม่รู้สึกแปลกเลยหรือไงนี้มันเหมือนผมป้อนเขาอยู่เลยนะ ผู้ชายคนนี้มันจริงๆเลย "อร่“ยอ่ะ...ฉันกินอีกชามได้ไหมอ่ะ” “ใจเย็นๆนะแถวนี้ไม่ได้มีแค่ก๋วยจั๊บเดี๋ยวฉันพานายเดินกินหลายๆร้านเลยเพราะฉะนั้นเผื่อพุงไว้ด้วย ตัวเล็กๆบางๆกินจุเหมือนกันนะเนี้ย” “แหะๆ ก็มันอร่อย...ว่าแต่นายจะพาฉันเดินชิมจริงนะ” “เออ...ก็ไหนๆออกมาแล้วคิดซ่ะว่ามาเที่ยวแล้วกัน” “ใจดีจัง...ขอบใจนะ” เฮ้อ...สุดท้ายก็แพ้อีกแล้วซินะไอ้กันผมได้แต่ส่ายหน้าตัวเองไปมาเบาๆ ก็ผมเจอเขาแค่สามวันแต่กลายเป็นว่าผมยอมเขาตั้งแต่นาทีแรกที่เจอกันที่สนามบิน ซึ่งความเป็นจริงมันไม่ใช่ผมเลยปกติผมต้องปฏิเสธไม่ก็เลี่ยงแต่พอคิดถึงหน้าเวลาผู้ชายคนนี้ทำหน้าเศร้าเหงาซึม ตั้งแต่ที่ผมทิ้งเขาไว้ที่ป้ายรถเมย์ ที่ซุ้มประตูเยาวราช สายตาที่มองมาแบบนั้นมันอดเป็นห่วงไม่ได้จริงๆ แม้เขาจะเป็นผู้ชายก็ตามเถอะ ไอ้กันเอ้ย...

               

          ฮาๆๆๆๆ.... นี้มันเหมาะแก่การถ่ายภาพเก็บไว้จริงๆผมวิ่งไล่นกพิราบที่บริเวณหน้าเสาชิงช้าก่อนจะหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายภาพเก็บไว้ ท้องฟ้าสวยเหมาะแก่การถ่ายรูปจริงๆแม้อากาศจะร้อนมากแต่มันก็คุ้มที่ได้มาเดินเที่ยวไปกินไปได้ถ่ายรูปแบบนี้ซิที่เขาเรียกว่าเที่ยวจริงๆ ไม่เหมือนเมื่อวานไปเดินจัตุจักรกับเยาวราชซึ่งไปแบบไม่รู้อะไรเลย “นายๆมาดูรูปนี้ดิสวยมากเลย” ผมวิ่งเปิดรูปไปหาคนที่เดินกดมือที่หันมามองผม “สวยป่ะรูปนี้” “อือ...” “เสาชิงช้านี้เขาต้องมีทำพิธีโล้เหมือนพวกอาข่าด้วยไหม” “ห่ะ?...” “ก็แบบมีทำพิธีไง” “อ๋อ...ก็มีนะเขาทำช่วงเดือนยี่หรือไงนี้แหล่ะฉันไม่ค่อยแน่ใจ” “อ๋อ...เออแล้วนายจะพาฉันไปไหนต่ออ่ะ” “นายอยากไปไหนอ่ะ” “ไม่รู้นายพาไปไหนฉันก็ไปหมดแหล่ะ” “ใจง่ายว่ะฉันหลอกไปฆ่านายจะทำไง” “ก็ร้องขอชีวิตนายไงแบบนี้...อย่าทำอะไรผมเลยนะครับนะๆๆๆๆ” “พอๆ...งั้นเดี๋ยวขับรถวนๆแถวนี้แล้วกันถ้าอยากถ่ายรูปตรงไหนบอกนะจะจอดให้” “ขอบคุณคร๊าบบบบบ”

 

          ผมมองคนที่ขับรถพาผมชมรอบๆพร้อมกับบอกสถานที่ต่างๆว่าคืออะไรซึ่งบางที่ผมก็พอรู้จักมาบ้างส่วนบางที่ก็พึ่งเห็นนี่แหล่ะ ใบหน้าที่อธิบายที่ต่างๆพร้อมกับยิ้มไปด้วยแบบนี้มันทำให้ผมอดยิ้มไปด้วยไม่ได้บางที่เขาก็จอดรถให้ผมลงไปถ่ายรูปส่วนตัวเองก็เดินตามเหมือนกับ... เฮ้อ... “นายๆ...” ผมเรียกคนที่ยืนนิ่งๆให้หันมาก่อนจะกดชัตเตอร์ถ่ายรูปเขาเอาไว้แทน “ทำไร...” “ถ่ายรูปนายไง” “ถ่ายทำไมถ่ายรูปของนายไปดิมาถ่ายฉันทำไม” “ก็เก็บความประทับใจไง” “ประทับใจอะไรว่ะ” “ก็คนใจดีไง...ทริปแรกของฉันกับคนใจดี” “เฮ้อ...ไปเหอะเย็นแล้ว” “ไปไหนอ่ะ” “กลับไง...หรือนายจะไปไหนต่อ” “หิวอ่ะ...ไปหาของกินกันเถอะ” “อือเดี๋ยวไปกินแถวคอนโดก็ได้ไปเหอะ” “อือ...” ระหว่างทางที่รถกำลังขับข้ามสะพานผมหันไปเห็นที่ที่หนึ่งสวยเหมือนกันแหะ แสงไฟใกล้กับริมแม่น้ำมีชิงช้าสวรรค์ด้วย “อันนั้นเรียกว่าเอเชียทีค” “มันคืออะไรหรอ” “ก็ที่เที่ยวของกรุงเทพนี้แหล่ะแต่เขาจะเปิดตอนห้าโมงเย็นถึงประมาณสี่ห้าทุ่มน่าจะใช่นะ” “แล้วมันมีอะไรที่นั้น” “ก็แหล่งช๊อป มีร้านอาหารนั่งชิวๆแล้วที่เด่นๆก็ชิงช้าสวรรค์” “น่าสนใจเนอะ...” “อยากไปหรอ...ไว้พรุ่งนี้เย็นๆฉันเสร็จธุระจะพามาแล้วกัน” “พรุ่งนี้นายทำงานหรอ” “เออ...ต้องเข้าบริษัท...ถ้าพรุ่งนี้นายจะจเที่ยวแนะนำว่าอยู่ที่ห้างใกล้ๆคอนโดแทนแล้วกันจะได้ไม่หลงมีของกินเดินกินดูหนังไปก่อนเข้าใจไหม” “อือ...”

 

          หลังจากพาไปเที่ยวไปกินข้าวเสร็จจนถึงตอนนี้ผมก็พาคนอาศัยกลับมาถึงคอนโดเป็นที่เรียบร้อยก่อนที่ผมจะเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาเปลี่ยนเสื้อผ้าออกเพื่อจะอาบน้ำผมก็หันไปมองคนที่พอมาถึงก็วางของทุกอย่างเรียบร้อยก็หยิบหนังสือที่เขาวางไว้บนโต๊ะก่อนจะออกจากห้องไปเมื่อเช้าขึ้นมาอ่านเหมือนเดิม ผู้ชายคนนี้แปลกจริงๆตกลงเป็นคนยังไงกันแน่ “ฉันอาบน้ำก่อนนะทีวีเปิดดูได้” “ไม่ละเดี๋ยวฉันอ่านหนังสือ” “หนังสืออะไรเห็นอ่านตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว” “นี่ไงสี่แผ่นดิน” “โห่...เอออ่านไปเหอะ” ยุคไหนแล้วว่ะเนี้ยอายุก็ไม่ได้แก่ขนาดนั้นแต่อ่านหนังสือเป็นคนแก่ไปได้ สี่แผ่นดินเนี้ยนะแม้จะรู้ว่าเป็นหนังสือที่เขาเอาไปทำละครหลายครั้งแต่ผมไม่คิดว่าจะมีคนอ่านอยู่อีก พอเถอะเหนื่อยจะตายแล้วเดี๋ยวอาบน้ำเสร็จต้องปั่นผ้าบ้างแล้วละเดี๋ยวจะไม่มีเสื้อผ้าใส่ สายน้ำเย็นๆที่ไหลจากฟักบัวกระทบลงตั้งแต่หัวจรดเท้าช่วยให้ผมผ่อนคลายความเหนื่อยล้าลงได้บ้าง จริงๆมันก็ไม่ได้เหนื่อยอะไรมากมายหรอกกับการไปเที่ยวแต่มันเหนื่อยเพราะรถติดและอากาศที่ร้อนก็แค่นั้นเอง เมื่ออาบน้ำเสร็จผมก็แต่งตัวก่อนจะเดินไปหยิบตะกร้าผ้าที่ใส่แล้วเดินออกไปที่ระเบียงที่ตั้งเครื่องซักผ้าเอาไว้ แต่พอหันไปเห็นคนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ จริงซิหมอนี่มันมีเสื้อผ้ามากี่ชุดแล้วเขาได้ซักผ้าบ้างไหม “นาย...ฉันจะซักผ้านายจะซักด้วยไหม” “ห่ะ?...นายว่าไงนะ” “ฉันบอกว่าฉันจะซักผ้านายจะซักด้วยไหมถ้าซักก็เอามาจะได้ปั่นพร้อมกัน” “อ๋อ...ขอบใจนะ”

 

          ผมรีบเดินไปหยิบเสื้อผ้าที่ใส่แล้วมาให้เจ้าของห้องที่ยืนรออยู่หน้าเครื่องซักผ้าก่อนที่เขาจะรับไปลงเครื่องปั่นพร้อมกัน นี่ผมรบกวนเขามากไปไหมครั้งแรกเลยนะที่มีคนอื่นซักผ้าให้ผมแบบนี้ “มองอะไรไม่ไปอาบน้ำหรือไง” “ห่ะ...อือไปแหล่ะขอบใจนะ” “จะครบร้อยแล้วมั่งคำว่าขอบใจเนี้ย” “ก็อยากขอบใจจริงๆฉันรบกวนนายเยอะเลย” “ช่างเหอะไปอาบน้ำไปถ้าไม่มีชุดใส่นอนก็หยิบในตู้แล้วกัน” ผมพยักหน้าให้เจ้าของห้องก่อนจะเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเข้าห้องน้ำไป ว่าแต่ผมมารบกวนเขาแบบนี้จะทำให้เขาไม่ได้ไปหาเพื่อนหาแฟนบางหรือไง ตั้งแต่อยู่ด้วยมาสามวันผมเห็นแต่เขาก้มเล่นแต่มือถือหรือเขาจะคุยกับแฟน แบบนี้ก็แย่นะซิเหมือนมาเป็นมารความสุขยังไงไม่รู้ แต่อีกสามวันผมก็จะกลับแล้วไว้เดี๋ยวหาของตอบแทนก็ได้

 

          TRRRRRRR “ว่าไงไอ้ซิง” ผมรับสายไอ้เพื่อนตัวดีที่โทรเข้ามา (เปล่ากูแค่เป็นห่วง) “ห่วงอะไรว่ะ” (ก็ห่วงมึงจะโดนคนแปลกหน้าฆ่าตายแล้วไง) “ตลกละ...กูยังอยู่ดีโว้ย” (แล้วนี่มึงไล่มันออกจากห้องไปยังว่ะ) “ยัง...เขาก็อยู่นี่แหล่ะทำไม” (มึงนี้ไม่ได้รู้จักอันตรายเลยนะ เอาคนแปลกหน้ามาอยู่ด้วยเนี้ย) “ไม่เป็นไรหรอกเขาก็ไม่ได้น่ากลัว...ว่าแต่โทรหากูแค่จะถามเรื่องนี้หรือไง” (เออ...ถ้าไงมีอะไรก็โทรมาแล้วกัน) “เออ...แค่นี้นะ” แกรกๆ เสียงประตูห้องน้ำเปิดออกมาพร้อมกับภาพที่ผมเห็นแบบเดิมอีกครั้งผู้ชายร่างบางผมเปียกหยดน้ำที่เกาะตามผิวกายเดินพันผ้าเช็ดตัวออกมาก่อนจะหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาใส่แล้วเดินไปตากผ้าเช็ดตัวก่อนจะมานั่งที่โซฟาเหมือนเดิม “มีอะไรหรือเปล่าเห็นมองฉันนานแล้ว” “เปล่า...แล้วทำไมไม่เช็ดผมให้แห้งดีๆเดี่ยวก็เป็นหวัดหรอก” “ขี้เกียจ...เออถ้าปั่นผ้าเสร็จบอกนะเดี๋ยวฉันตากเอง” “ไม่เป็นไร..นายไปเช็ดผมเถอะ” “ไม่อ่ะเดี๋ยวก็แห้ง” “เป็นเด็กหรือไง...เอ้านี้ผ้าเช็ดผมซ่ะ” ผมโยนผ้าเช็ดตัวผืนเล็กให้ก่อนที่คนนั่งอยู่โซฟาจะรับไปคลุมหัวไว้เฉยๆ แล้วแทนที่เขาจะเช็ดผมให้แห้งแล้วดูทำเข้า ผมเดินไปเช็ดหัวคนที่นั่งอ่านหนังสือเบาๆจนผมเริ่มมาดผมก็ลุกเดินเอาผ้าไปตากแล้วไปเดินไปหยิบเอาผ้าที่ปั่นเสร็จขึ้นมาตาก

 

          “เฮ้ยเดี๋ยวฉันตากเอง...” “ไปอ่านหนังสือนายเถอะ” “ไม่เอาเดี๋ยวฉันตากเอง” “นายนี่มัน...” ตึกๆ ตึกๆ มือที่จับมือของผมไว้ตอนนี้มันคืออะไรแล้วผมใจเต้นแรงอีกแล้วนะเมื่อกี้ตอนที่เขาเดินมาเช็ดผมให้ก็ทีแล้ว ผมค่อยๆกลืนน้ำลายลงคอก่อนจะค่อยๆดึงมือของตัวเองกลับ "ไปอ่านหนังสือของนายไปเดี๋ยวฉันตากเอง” “แต่ว่า...” “เออ...ไปเหอะแค่นี้ฉันตากเองได้” “อือ...ขอบใจนะ” ผมเดินหันหลังเข้าห้องก่อนจะกลับมานั่งอ่านหนังสือเช่นเดิมแม้จะเปิดหน้าหนังสือไปเรื่อยๆแต่ในหัวกลับไม่มีอะไรเข้ามาเลย ใจก็ยังเต้นแปลกๆแบบนี้หมายความว่าไงว่ะฟลุค ไม่มั่ง...ไม่ใช่หรอกแค่เหนื่อยเฉยๆ แต่ทำไมผมถึงได้รู้สึกชอบมือของผู้ชายคนนี้จัง

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา