ยินดีที่ไม่รู้จัก

6.3

เขียนโดย zeeto

วันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2560 เวลา 19.42 น.

  8 ตอน
  0 วิจารณ์
  11.53K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2560 22.48 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

5) ลาก่อนดาวตกที่ซบไหล่

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

          “กันเอาอันนี้ไปแก้หน่อย” “ครับ” วันนี้มันวันอะไรว่ะเนี้ยทำไมงานมันถึงได้ดูวุ่นวายขนาดนี้ผมรีบรับงานจากรุ่นพี่ไปแก้ตามที่ได้รับมอบหมายก่อนจะเอาไปส่งแล้วไปทำงานอื่นๆที่มีเข้ามาอีกพอหันไปมองนาฬิกาอีกทีจะเที่ยงแล้วหรอว่ะ เอาไงดีวันนี้ตอนบ่ายต้องไปรับเขาไปท้องฟ้าจำลองแท้ๆ แต่ถ้ายุ่งแบบนี้ผมจะได้ไปไหม อีกอย่างวันนี้เป็นวันที่เขาจะกลับเชียงใหม่แล้วด้วย ทำไมในหัวตอนนี้มันถึงได้ว่างไปหมดจับจุดตัวเองไม่ได้เลยว่าอยากจะทำอะไรก่อน “ไอ้กันเที่ยงแล้วไปกินข้าวกัน” ผมหันไปมองไอ้แบงค์ที่เดินมาทัก “เป็นไรว่ะหน้าดูไม่โอเคเลยนะมึงเมาค้างเมื่อคืนหรอ” “เปล่า...” “ไม่เมาแล้วเป็นไรว่ะมีไรป่ะเนี้ย” “คือว่าฟลุคจะกลับเชียงใหม่วันนี้” “อ้าว...ไหนมึงบอบกพวกกูว่าเขามาเที่ยวอาทิตย์หนึ่งนี้แค่สี่วันเองไม่ใช่หรอว่ะ” “อือ...กูก็ไม่รู้ว่ะแต่เขาขอให้กูพาเขาไปท้องฟ้าจำลองวันนี้ก่อนกลับ” “วันนี้?...ตอนไหน” “บ่าย” “อ้าวงั้นมึงก็รีบไปดิพาเขาไปกินข้าวไปท้องฟ้าจำลอง” “แต่ว่างาน...” “มึงไม่ต้องห่วงไอ้กันเดี๋ยวกูกับไอ้แบงค์จัดการให้มึงรีบไปเลย” “เฮ้ยที่จริงไม่ต้อง...” “มึงยังคิดอะไรอีกว่ะวันนี้เขาจะกลับแล้วอีกอย่างจำที่เฮียปาล์มบอกเมื่อคืนไม่ได้หรอ ป่านนี้แล้วยังจะคิดอะไรอีกว่ะถึงมึงจะไม่อยากแต่อย่างน้อยๆก็ไปส่งเขาบอกลาเขาก็ได้ไม่ใช่หรอ” “ไปเหอะกูกับไอ้ซิงจัดการทางนี้ให้” “เออขอบใจนะ” ผมรีบหยิบกระเป๋าก่อนจะออกจากออฟฟิตไปทันที

 

          นี้ต้องกลับแล้วจริงๆซินะทริปคนเดียวของผมในเมื่อตอนมาก็ไม่ได้มีอะไรนอกจากตัวเองกับความต้องการที่จะเที่ยวมันจะแปลกอะไรถ้าตอนกลับผมจะมีแค่ความทรงจำและตัวผมคนเดียวเหมือนเดิม ทุกอย่างค่อยๆเก็บใส่กระเป๋าเดินทางพร้อมกับกล้องถ่ายรูปที่มีแค่ความทรงจำอยู่ในนั้น กอกๆ กอกๆ เสียงเคาะประตูหน้าห้องทำให้ผมหลุดจากความคิดก่อนจะเดินไปเปิดประตูก็เห็นเจ้าของห้องที่ยืนอยู่ด้านหน้า ว่าแต่เขาก็มีกุญแจแล้วทำไมต้องเคาะด้วย “มาแล้วหรอรอเดี๋ยวนะเก็บของจะเสร็จแล้ว” “อือ...” จะมามัวลีลาทำไมว่ะผมเก็บของทุกอย่างก่อนจะลุกขึ้นมองคนที่นั่งรอผมอยู่ตรงโซฟา “เสร็จแล้วไปกันเถอะ” “อ๋อ...แล้วกินไรยัง” “ยัง” “งั้นเดี๋ยวฉันพาไปกินข้าวก่อนค่อยไปท้องฟ้าจำลองกัน” “อือ...” “อยากกินที่ไหนละ” “ที่ไหนก็ได้เอาที่สะดวกเลย” เจ้าของห้องมองหน้าผมก่อนจะพยักหน้าแล้วก้มมาถือของให้ผมก่อนจะเดินนำออกจากห้องไป ทำไมมันรู้สึกแบบนี้ว่ะความเงียบตลอดทางจนถึงร้านอาหาร “จะกินไรสั่งดิเดี๋ยวฉันเลี้ยง” “ไม่เป็นไรฉันมาพักห้องนายเดี๋ยวฉันเลี้ยงนายเอง” “ไม่ต้องเมื่อวานก็จ่ายค่าชิงช้าสวรรค์ให้แล้วถือว่าเลี้ยงส่งแล้วกัน” “อือ...ก็ได้”

 

          ปกติผ้าว่าข้าวร้านนี้อร่อยมากแท้ๆแต่ทำไมรสชาดวันนี้มันดูจืดไปหมดผมกินอะไรเข้าไปแต่ละคำกับไม่รู้สึกถึงรสชาดหรือความอร่อยเลย ผมได้แต่ก้มหน้าก้มตากินก่อนที่ทุกอย่างบนโต๊ะจะหมดไป “เดี๋ยวเรารีบไปกันเถอะ” เสียงขอคนตรงหน้าพูดขึ้นผมเรียกพนักงานให้มาคิดตังก่อนจะออกจากร้านแล้วตรงไปที่ท้องฟ้าจำลองตามที่บอกเอาไว้ ปกติที่นี้คนจะมีไม่มากนักเพราะถ้าไม่ใช่ช่วงที่มีดาวหางหรือระบบสุริยะต่างๆเกิดขึ้นกับโลกก็คนก็จะไม่ค่อยมาที่นี้เท่าไรจะมีก็แค่ทัวร์ของพวกนักเรียนตามโรงเรียนต่างๆที่โรงเรียนจัดให้มา “เดี๋ยวฉันไปซื้อตั๋วแปบนะ” เสียงของคนอยากดูเดินไปซื้อตั๋วก่อนจะกลับมาหาผมที่เดินมองไปรอบๆ “ได้รอบบ่ายสอง” “อ๋อ...อีกสิบห้านาทีงั้นเดี๋ยวฉันไปห้องน้ำก่อนนะ” “อือ...” นี้มันอะไรกันหนึ่งชั่วโมงกับกรดูดาวในท้องฟ้าจำลองหรอ ไม่น่าจะเป็นผมแท้ๆปกติผมก็ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้แต่เพราะผู้ชายคนนี้เหมือนเขาทำให้ผมได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยในเวลาไม่กี่วัน ทั้งขึ้นชิงช้าสวรรค์ มาดูดาวท้องฟ้าจำลอง ตลกตัวเองจังว่ะนี้ผมเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ TRRRRRR ผมก้มมองมือถือในมือก่อนจะรับสาย “ว่าไงว่ะไอ้แบงค์” (เป็นไงบ้างมึง) “เป็นไงอะไรของมึง” (ก็ได้บอกชื่อเขายังว่ะ) “เปล่า...” (ไอ้เวรนี้ยังจะลีลาอีกแล้วนี้ทำอะไรที่ไหนแล้ว) “อยู่ท้องฟ้าจำลองกำลังรอดูดาวรอบบ่ายสอง” (อ้าวนี้จะบ่ายสองแล้วงั้นกูไม่กวนแล้ว แต่อย่าลืมนะโว้ยเรื่องแบบนี้ไม่เกิดขึ้นง่ายๆอย่าเสียดายทีหลังละ) ผมเดินออกมาจากห้องน้ำก็เห็นผู้ชายผมสั้นแบบทรงนักเรียนที่ก้มลงอ่านตามป้ายนิทรรศการกาลต่างๆจนไม่รู้ว่าเผลอยกมือถือขึ้นมากดถ่ายรูปเอาไว้เสียแล้ว

 

          เหมือนกับมีสายตาใครสักคนมองมาที่ผมจากทางใดทางหนึ่งทำให้ผมค่อยๆหันสายตากลับไปมองก็เห็นคนตรงหน้าที่เขายังไม่ยอมบอกชื่อผมจนป่านนี้ยืนมองผมอยู่ ผมค่อยๆยืนขึ้นเต็มตัวแล้วเดินเข้าไปหาเขา “เป็นไรเนี้ย” “ห่ะ? เปล่าๆ” “ไปเถอะถึงเวลาพวกเราแล้ว ผมคว้ามือเขามาจับก่อนจะเดินเข้าไปยังท้องฟ้าจำลอง ภายในห้องที่มึดและเย็นค่อยๆฉายเรื่องราวของระบบสุริยะต่างๆตั้งแต่เริ่มเหมือนกับในหนังสือเรียนผมดูอย่างตั้งใจกับเวลา1ชั่วโมงในนี้ไม่รู้ว่าถ้าได้ขึ้นไปอยู่บนดวงจันทร์เหมือนกับ ‘นีล อาร์มสตรอง’ จะเป็นยังไงบ้างความคิดในเรื่องแบบนี้ของผมยังเด็กเสมอ

 

          ผ่านไปนานพอสมควรกับการดูดาวในท้องฟ้าจำลองนี้แต่ภาพดาวที่เห็นสำหรับผมตอนนี้ไม่ได้ทำให้ผมตื่นเต้นเท่ากับมือที่จับผมไว้ตลอดตั้งแต่เข้ามาแล้วผมไม่รู้ว่าเขาลืมหรือยังไง มือของเขาจับผมไว้ตลอดเวลาจนผมเองนี้แหล่ะที่อดใจเต้นแรงไม่ได้ นี้มันอะไรกันแน่แม้ดาวที่ตกในท้องฟ้าจำลองจะสวยแค่ไหนแต่...ผมว่าดาวไม่ได้ตกไปไหนหรอกมันตกลงมาที่ไหลของผมตอนนี้ต่างหาก อะไรกันชวนผมมาดูเองแท้ๆแต่กับหลับพิงมาที่ไหลผมเสียอย่างนั้น แล้วแบบนี้ผมควรจะปลุกเขาไหม หรือว่า...ผมควรให้มันอยู่แบบนี้ต่อไปดี

 

          แสงสว่างค่อยๆเปิดขึ้นประหนึ่งเป็นเช้าวันใหม่ในเวลาหนึ่งชั่วโมงผมค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมาก่อนจะรู้ตัวว่าตัวเองหลับซบไหล่ใครบางคนไปแต่...ทำไมมือของผมไปอยู่ที่เขาละเขาจับมือของผมไว้แบบนั้นตลอดเลยหรือไง ผมค่อยๆไล่สายตามองผู้ชายหน้าเกลี้ยงเกลาผิวขาวแต่แอบมีไรหนวดบางๆ ก่อนที่อีกคนจะค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมาทำให้สายตาของผมกับเขาอยู่ในระดับเดียวกัน “จบแล้วหรอ” “อือ...” “ไปกันเถอะนายเช็คอินท์ขึ้นเครื่องกี่โมง” “ห้าโมงเย็น” “งั้นไปกันเถอะเดี๋ยวรถจะติดถ้าออกช้า” “อือ”

 

          แปลกไปจากวันแรกที่มาถึงจริงๆวันนั้นผมกับตื่นเต้นดีใจที่ได้ลงเครื่องแล้วมารอคนที่ไม่รู้จักมารับแต่มาวันนี้มันแปลกจากเดิมตรงที่คนไม่รู้จักคนเดิมมาส่ง “ขอบใจนะที่มาส่ง” “ไม่เป็นไร” “เออจริงซิ...อันนี้ตั๋วชิงช้าสวรรค์กับตั๋วท้องฟ้าจำลองของนายจะเก็บไหม” “เก็บทำไม” “ก็...ช่างเหอะงั้นฉันเก็บเองก็ได้ยังไงก็ขอบใจนะทุกๆอย่าง” “อือ...แล้วขึ้นเรื่องกี่โมง” “ก็เช็คอินท์เสร็จก็คงจะเข้าเกตเลย” “กินอะไรก่อนไหมน่าจะอีกนานเพราะนี้พึ่งสี่โมงกว่าๆเองไปกินอะไรก่อนเถอะเพื่อดีเลย์จะได้ไม่หิว” “ก็ได้...แต่ไม่ต้องเลี้ยงนะเกรงใจ” “อือ...”

 

          หลังจากพาเขาไปเดินหาของกินเสร็จผมก็เดินมาส่งที่หน้าทางเข้าเกตนี้มันวันสุดท้ายแล้วจริงๆ ผมยกกระเป๋าส่งให้เขาก่อนที่ตัวเองกำลังจะขอตัวกลับก่อน “นายเดี๋ยว” ผมหยุดก่อนจะหันไปมองเขาอีกครั้ง “มีอะไร” “ขอบใจนะ...แล้วก็ยินดีที่ไม่รู้จัก” “ห่ะ?..ยินดีที่ไม่รู้จัก?” “อือ...ก็ฉันไม่รู้จักนายไงแต่ก็ยินดีนะขอบใจสำหรับการดูแลพาเที่ยวเป็นห่วงขอบใจทั้งหมดแหล่ะ” “อือ...” ยินดีที่ไม่รู้จักงั้นหรอทำไมคำพูดนี้ผมกลับอยากให้เขารู้จักขึ้นมาล่ะ แต่ไม่หรอกเขากลับแล้วไม่มีธุระอะไรต้องเจอกันแล้วแบบนี้ก็ดีแล้วไม่ใช่หรือไง “งั้นฉันไปก่อนนะ” “เดี๋ยวฟลุค...” “ห่ะ?...” “คือ...ยินดีที่ไม่รู้จักนะ” “อือ” สิ้นสุดแล้วเมื่อเขาเดินเข้าไป หมดเสียทีช่วงเวลาที่....

 

          ลาก่อนกรุงเทพลาก่อนคนใจดีที่ไม่รู้จักกัน ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนจะหันหลังให้เขาก่อนจะเดินเข้าไปที่เกต อีกชั่วโมงกว่าๆจากนี้ผมจะกลับไปเป็นไอ้ฟลุคที่ทำงานอยู่ที่เชียงใหม่อยู่ที่บ้านเกิดเช่นเดิม มือที่ถือตั๋วเครื่องบินและ ตั๋วชิงช้าสวรรค์และท้องฟ้าจำลองของผมค่อยๆคลี่ออกดู ความทรงจำที่แสนจะพิเศษในชีวิตครั้งนี้ ผมคงไม่สามารถลืมมันได้และไม่สามารถลืมผู้ชายแปลกหน้าที่นี้ได้เช่นกัน

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านเรื่องสั้นเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา