แมวเหมียวตัวร้ายกับนายมึนงง
เขียนโดย zeeto
วันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2560 เวลา 16.42 น.
แก้ไขเมื่อ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 21.34 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
6) อ้อมกอดเพียงหนึ่งเดียว
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“กลับมาแล้วหรอ” ผมยิ้มพร้อมกับทักอีกคนที่กำลังเดินกึ่งวิ่งมาด้วยความเร่งรีบแม้จะไม่บอกแต่ผมก็พอจะรู้ว่าเขาคงรีบและเหนื่อยแค่ไหน “อือ...แล้วมายืนทำไรหน้าห้องฉันเนี้ย” “ก็เรามารอฟลุคไง” “รอ?...รอทำไม” “วันนี้ข้าวผัดกุ้งนะหิวไหม” “เออ...งั้นฉันกินตอนนี้เลยได้ไหมรู้สึกพอกินตอนเป็นแมวแล้วไม่ค่อยอิ่มยังไงไม่รู้” “ได้ดิไปเข้าห้องกัน” “เดี๋ยวๆ...ห้องฉันอยู่นี้แล้วนั้นจะไปไหน” “ก็ห้องเราไงยังไงซ่ะฟลุคก็ต้องปีนข้ามมาอยู่แล้วงั้นเข้าทางประตูไม่ง่ายกว่าหรอ” ผมยิ้มให้คนที่ทำหน้างงก่อนจะยอมเดินตามผมเข้ามาในห้องแต่โดยดี ก่อนที่ผมจะรีบจัดแจงเทข้าวใส่จานแล้วเอาให้เขากินก่อนเพราะเท่าที่ดูตอนนี้พระอาทิตย์ก็ค่อยๆลับขอบฟ้าแล้วขื่นมัวชักช้าได้กินตอนเป็นแมวแน่ๆ “เออจริงซิกันต์...ที่จริงนายไม่ต้องนอนกับฉันก็ได้นะแค่ฉันมากินข้าวกับนายก็พอแล้ว” “ไม่ดิ...ก็เราสัญญากับฟลุคแล้วว่าจะคอยดูแลช่วยเหลือฟลุคจนกว่าจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม” “แล้วถ้าเราไม่กลับมาเป็นเหมือนเดิมละ” “เราก็จะดูแลฟลุคตลอดไปเลยไง...เราสัญญา”
ตึกๆ ตึกๆ อีกแล้วทำไมใจเต้นแรงอีกแล้วพอได้ยินที่กันต์พูดทำไมผมถึงคิดถึงคำพูดก่อนหน้านี้ขึ้นมาละ เพราะคำว่าชอบวันนั้นใช่ไหมที่ทำให้ผมรู้สึกแบบนี้ไม่หรอกอย่าคิดอะไรไปไกลเลยฟลุค ชอบมีตั้งหลายความหมาย อาจจะเพราะกันต์เขาชอบแมวหรอกพอเห็นผมในสภาพที่เป็นแมวนายกันต์ก็เลยชอบ เพราะฉะนั้นหยุดฟุ้งซ่านซ่ะไม่มีอะไรเกินเลยทั้งนั้นแหล่ะ “เออจริงซิฟลุคเดี๋ยวเราไปเอาชุดมาให้เผื่อตอนเช้าเราขอกุญแจไปเปิดห้องนายหน่อยซิ” “อยู่ในกระเป๋าอ่ะหยิบเอาเลยที่มีพวงกุญแจ teddy bear อ่ะ” “อันนี้ป่ะ” “เออใช่ๆอันนั้นแหล่ะ” “โอเคงั้นเดี๋ยวมานะ” ผมพยักหน้าให้ก่อนจะก้มไปตักข้าวกินต่อ พอคิดๆแล้วอีกนานไหมที่จะต้องอยู่ในสภาพนี้อยากเป็นคนเหมือนเดิมแล้วนะ
เอาชุดไหนดีนะ ที่จริงน่าจะเอาไปหลายๆชุดเลยก็ได้นะเนี้ยเผื่อไว้เพราะยังไงฟลุคก็ยังต้องไปห้องผมประจำอยู่แล้ว งั้นขอวิสาสะขนเสื้อผ้าหลายๆชุดเลยนะ “เอ้า...ทำพวงกุญแจร่วงอีก...เอ๊ะ...พวงกัญแจอัดเสียงได้หรอ” เมื่อผมมหยิบกุญแจขึ้นมาพร้อมกับกดและพูดเล่นไปกับตุ๊กตาอัดเสียง “ฮัลโหลๆ” “ฮัลโหลๆ(เสียงตุ๊กตา)” “จริงซิ...” ไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่จะพูดไว้ในหมีตัวนี้ฟลุคจะได้ยินเมื่อไรแต่ อย่างน้อยๆผมก็อยากพูดให้เขา เผื่อวันหนึ่งเขาจะได้ยินจากหมีตัวนี้ “ฟลุค...เรา...”
หมดเวลาของผมแล้วซินะทันทีที่ผมยกจาข้าวที่กินเสร็จไปไว้ที่อ่างแต่ยังไม่ทันได้ล้างร่างกายผมก็ค่อยๆกลับมาเป็นแมวอีกครั้ง “กลับมาแล้ว..” “เหมี๊ยว...” “ฟลุค?...ไม่เป็นไรนะนายไปนอนที่เตียงเถอะเดี่ยวเราล้างให้” ผมอยากจะพูดว่าขอบใจแต่ก็ทำไม่ได้คงได้แต่มองหน้าแล้วทำตามที่กันต์บอกผมค่อยๆกระโดดไปนอนบนเตียงก่อนจะหันไปมองตามกันต์ที่เอาเสื้อผ้าของผมไปจัดใส่ตู้ ว่าแต่ทำไมมันดูเยอะแยะอะไรขนาดนั้นว่ะ นี้นายกันต์มันก่ะจะไม่ให้ผมกลับห้องตัวเองเลยหรือไง “มองแบบนั้นจะว่าฉันเอาเสื้อผ้านายมาเยอะซินะ” รู้แล้วยังจะถามนะผมได้แต่มองตามคนเดินไปมาก่อนจะไปหยุดล้างจานให้ผม “ก็ฟลุคยังไม่หายเราก็เลยคิดว่าเอามาไว้ห้องเราบางส่วนแบบนี้แหล่ะดีแล้วอย่างน้อยๆเราเชื่อนะว่าเรามีประโยชน์ช่วยฟลุคได้เยอะแน่นอน” “เหมี๊ยว” แม้ไม่อยากจะรับความจริงแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกเพราะกันต์ช่วยผมได้เยอะจริงๆ “ฟลุค...ถ้าระหว่างนี้ฟลุคมีอะไรเราขอนะขอให้ฟลุคนึกถึงเราเป็นคนแรกเลยเราดูแลฟลุคได้จริงๆ” ใช่นายดูแลฉันได้ดีมากเลยละดูแลจนบางครั้งฉันก็รู้สึกดีมากๆจน... ไม่ซิผมจะคิดแบบนี้ไม่ได้ผมต้องกลับไปเป็นคน ผมจะมารู้สึกดีที่นายกันต์คอยดูแลแบบนี้ไม่ได้ ผมเป็นคนและผมจะต้องกลับไปเป็นคนจำไว้ซิฟลุค มึงต้องจำไว้
ฟลุคแกจะมาทำแบบนั้นไม่ได้นะเมื่อไรแกจะรู้ใจตัวเองซักทีถ้าทำแบบนี้แกจะไม่สามารถกลับไปเป็นคนได้นะ ฉันไม่อยากให้แกอยู่ในสภาพนี้นะ แกต้องแสดงความรู้สึกความรักของแกออกมา แสดงออกมาซิว่ะ ผมได้แต่มองเพื่อนตัวเองที่พยายามต่อต้านความรู้สึกแบบนั้น กับอีแค่แสดงความต้องการความรู้สึกของตัวเองมันยากตรงไหนว่ะ “เพื่อนของลูกโดดเดี่ยวเกินกว่าจะเข้าใจความรู้สึกของคนอื่นได้” “พ่อ...” “ไม่ต้องกังวลหรอกปริ้นอีกไม่นานหรอกพ่อเชื่อว่าเพื่อนของลูกจะต้านทานความรู้สึกของเขาไม่ไหว” ถ้าเป็นแบบนั้นได้ก็คงจะดีเพราะผมเองก็เหลือเวลาอีกไม่นานเช่นกัน
เสียงลมหายใจสม่ำเสมอที่แสดงให้ผมรู้ว่าคนที่นอนกอดร่างแมวของผมและเจ้าแรมโบ้ในตอนนี้คงหลับสนิทแล้ว ผมค่อยๆลืมตามมองใบหน้าคนที่หลับช้าๆ ทำไมนะ? ทำไมถึงเป็นคนแปลกหน้าข้างห้องคนนี้ด้วยทั้งที่ความเป็นจริงผมควรเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนสนิทอย่างไอ้ปริ้นรับรู้แต่... ผมกับสบายใจที่เป็นผู้ชายคนนี้ อ้อมกอดนี้ และความรู้สึกแบบนี้มันคืออะไร นี้คงไม่ใช่ว่า ผมชอบกันต์งั้นหรอ เมื่อความรู้สึกที่ก่อตัวขึ้นแม้ผมจะไม่รู้ว่าเกิดจากอะไรแต่ผมค่อยๆยื่นหน้าไปใกล้ๆใบหน้าของนายกันต์ก่อนจะใช้ปากเล็กๆในร่างแมวจูบที่ปากของนายกันต์เบาๆ ถึงจะไม่รู้ว่าอีกคนจะรู้สึกยังไงแต่ผมกับรู้สึกดี มันไม่ได้รู้สึกว่าเป็นแมวที่จูบนายกันต์ แต่มันกับให้ความรู้สึกว่าผมเป็นคนจริงๆที่มอบจูบให้กับอีกคน ตอนนี้ผมสับสนมากไม่รู้ว่าควรทำเช่นไรจะอยู่ต่อในร่างแมวแบบนี้หรือ เป็นคนดีละ แล้วถ้าอยู่ในร่างแมวผมก็จะมีนายกันต์อยู่ข้างๆ แต่ถ้าผมเป็นคนแบบเดิมละผมยังจะมีกันต์อยู่ข้างๆอีกไหม ช่างเถอะแม้จะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้อย่าพึ่งไปคิดเลยแค่ตอนนี้ไม่ใช่หรอที่ผมจะเก็บความรู้สึกแบบนี้ไว้แค่นี้จริงๆ ขอโทษนะกันต์ที่ฉันรู้สึกกับนายมากกว่านี้ไม่ได้ ไม่ได้จริงๆ
“ไงว่ะกันต์พักนี้มึงกลับห้องเร็วจังเลยนะ” เสียงไอ้ซิงเดินมาทักผมที่นั่งมองอะไรไปเรื่อยเปื่อยตามทางเดินคณะในเวลาพักเที่ยงแบบนี้นอกจากเด็กในคณะแล้ว ผมก็เห็นจะมีอะไรแปลกใหม่เลย “ไงกูถามไม่ตอบว่ะ” “โทษทีว่ะก็แค่คิดไรเรื่อยเปื่อย” “แล้วตกลงมึงกลับเร็วทุกวันนี้ไปไหนว่ะ มีแฟนหรอ?” “แฟน?...ไม่มี” “ไม่มีแล้วทำไมต้องคิดนานด้วยว่ะ” “ก็กูไม่แน่ใจ” “ไม่แน่ใจ?...ทำไมว่ะ” “คือกู...รู้สึกดีกับใครคนหนึ่งว่ะแถมรู้สึก...ดีมากด้วย” “มึงชอบเขาหรอ” “ห่ะ?...บ้าเขาเป็นผู้ชายกูจะไปคิดแบบนั้นกับเขาได้ไงว่ะ” “เออเดี๋ยวนะที่พูดกับกูนี้คือผู้ชายหรอ...ไอ้กันต์มึงเป็นเกย์หรอว่ะ ตอนไหนทำไมกูไม่รู้มาก่อนว่ะ” “ไม่ใช่โว้ย...กูแค่รู้สึกแบบนั้นกับเขาคนเดียว” “แล้วได้คุยดูหรือยังละว่าเขาโอเคไหม” “นั้นดิ” ใช่ผมยังไม่เคยบอกเขาตรงๆหรอกแต่ว่าผม... “ทำหน้าแบบนี้แสดงว่ายังไม่ได้ถามเขา” “จะให้กูถามไงว่ะผู้ชายกับผู้ชายนะมึงถ้าเขาคิดตรงกันก็ดีไปแต่ถ้าไม่นี่คงมองหน้าไม่ติดเลยนะ” “เออ..เรื่องของมึงเลยงั้นกูไปก่อนนะ” “เออ...” เมื่อแยกทางกับไอ้ซิงเสร็จผมก็ตรงกลับห้องทันทีจะห้าโมงเย็นแล้วด้วยไม่รู้ป่านนี้ฟลุคกลับมาหรือยัง
“ไอ้ฟลุคเย็นนี้ยังไงก็ต้องซ้อมละครนะเว้ยมึงเป็นคนคิดละครเพลงเองเพราะฉะนั้นมึงต้องรับผิดชอบ” งานเข้าแล้วไงซ้อมละครเพลงหรอผมก้มมองนาฬิกาที่โทรศัพท์ จะห้าโมงเย็นแล้วเต็มที่ก็ไม่เกินหกโมงเย็นที่ผมจะสามารถอยู่ในร่างของคนได้แบบนี้จะทำไงดีละบอกใครก็ไม่ได้ “เร็วเลยมึงไปเอาบทมาเตรียมซ้อมได้แล้ว” “กูไม่อยู่ไม่ได้หรอว่ะไอ้ปริ้น” “ไม่ได้มึงหนีกลับก่อนมาเป็นอาทิตย์แล้ว” “แต่ว่า...” “เออไม่ต้องแต่แล้วไป” เป็นไงเป็นกันว่ะหนึ่งชั่วโมงเท่านั้นแค่หนึ่งชั่วโมงเท่านั้นผมพูดกับตัวเองก่อนจะเดินไปซ้อมละครเพลงกับเพื่อนๆ เพื่อให้มันเสร็จและจบไป นานแค่ไหนผมไม่รู้หรอกแต่ผมจะหนีไม่ได้จะให้ทำไงละ เอาว่ะเดี๋ยวคงจะ "อ่ะ...ไม่นะ...” แย่แล้วไม่นะไม่ผมจะมาให้ใครเห็นไม่ได้ เมื่อสมองมันสั่งทุกอย่างผมก็รีบวิ่งออกจากห้องซ้อมไปทันที “ฟลุค...ฟลุค ไปไหนอ่ะ”
“ไอ้ฟลุค...” ผมได้แต่มองตามหลังเพื่อนที่อยู่ๆก็วิ่งไปก่อนจะรีบหันไปแก้ตัวให้เพื่อนคนอื่นๆที่ยืนมองแบบงงๆว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนที่ผมจะรีบคว้ากระเป๋าของฟลุคและตามหลังไป ร่างกายที่เปียกฝนค่อยๆคดตัวหลบมุมของเพื่อนในตอนนี้มันทำให้ผมอยากเข้าไปหาแต่ก็ทำไม่ได้ ผมไม่อยากให้เขารู้ว่าทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะผม แต่แบบนี้ผมจะช่วยฟลุคยังไงละ จริงด้วยผู้ชายข้างห้องช่วยได้นี่ เมื่อคิดได้ดังนั้นก่อนที่ฟลุคจะหายไปไหนผมรีบหารถก่อนจะไปที่คอนโดของเพื่อนผมทันที
กอกๆ กอกๆ จะทุ่มหนึ่งแล้วใครมาว่ะหรือจะเป็นฟลุค ไม่ซิถ้าฟลุคเวลาแบบนี้น่าจะอยู่ในร่างของแมวไปแล้ว ผมเดินไปเปิดประตูห้องก่อนจะเห็นผู้ชายตัวเล็กผอมบางใส่แว่นยืนเปียกฝนอยู่ตรงหน้า “มีอะไรหรือเปล่าครับ” “นายรู้จักฟลุคห้องข้างๆนี้ไหม” “รู้...ทำไมหรอ” “พอดีฉันเอากระเป๋ามาให้มัน” “กระเป๋า?...แล้วฟลุคไปไหน” “ฉันก็ไม่รู้พอดีเมื่อเย็นเราซ้อมละครกันอยู่ดีๆซักพักฟลุคก็ทำท่าแปลกๆแล้วก็วิ่งออกมานายพอจะเห็นฟลุคไหม” “ไม่..” ฟลุคหายไปงั้นหรอห้องก็ไม่ได้กลับฝนก็ตกแบบนี้ตอนนี้จะไปหลบอยู่ที่ไหนกันแน่ “งั้นฉันฝากของให้นายเอาให้ฟลุคด้วยแล้วกันถ้าฟลุคกลับมาฉันกลับก่อนนะ” “ได้ๆ...ขอบใจมากนะ...เออว่าแต่ครั้งสุดท้ายนายอยู่กับฟลุคที่ไหน” “ที่คณะศิลปกรรมพอดีเราซ้อมละครที่นั้น” “โอเค...กลับดีๆนะ” คณะงั้นหรอผมรีบเอากระเป๋าของฟลุคไปเก็บในห้องก่อนจะคว้ากระเป๋าสตางค์และร่มออกจากห้องทันที ผมเชื่อว่าฟลุคคงหลบฝนอยู่ที่ไหนซักแห่งที่คณะแน่นอน รอฉันก่อนนะฟลุค
หนาวจะตายอยู่แล้วฝนตกอะไรนักหนาจะวิ่งออกไปทั้งสภาพแมวก็ไม่ไหว ผมได้แต่คดตัวหลบฝนอยู่ที่มุมตึกของคณะที่ตอนนี้ไฟแทบทุกดวงค่อยๆปิดลงเหลือก็เพียงแค่ไฟริมถนนหน้าคณะก็เท่านั้น น่าสมเพชเป็นบ้าทำไมฉันต้องมาอยู่ในสภาพที่แย่ที่สุดแบบนี้ จะมีใครช่วยฉันได้ไหม นายกันต์จะรู้ไหมว่าผมแย่มากแค่ไหนตอนนี้ ทำไมมันรู้สึกหมดเรี่ยวแรงแบบนี้นะทำไมผมถึงรู้สึกเหมือนจะหลับแบบนี้ “ฟลุค ฟลุค...” ผมหูฟาดไปใช่ไหมที่เหมือนจะได้ยินเสียงใครเรียกผม แย่แล้วไม่ไหวแล้วผมจะต้องมาตายในสภาพแมวแบบนี้หรอ “ฟลุค ฟลุค...” “เหมี๊ยว”
“ฟลุค ฟลุค...ฟลุคนายอย่าเป็นอะไรนะ”ผมวางร่มลงก่อนจะค่อยๆอุ้มเจ้าเหมียวสีขาวเข้ามากอดไว้ร่างกายที่เย็นไปทั่วทั้งร่างแบบนี้ ไม่นะแบบนี้ฟลุคจะแย่ได้ เมื่อเห็นว่าอาการไม่สู้ดีนักผมรีบเอาฟลุคในร่างของเจ้าเหมียวเข้ามาไว้ในตัวก่อนจะรูดซิบเสื้อวอมไว้เผื่อให้ความอบอุ่นก่อนจะหยิบร่มแล้วรีบกลับคอนโดทันที “ฟลุคอย่าเป็นอะไรนะ” ขนเปียกขนาดนี้ตากฝนนานแค่ไหนแล้วเนี้ย เมื่อมาถึงห้องผมก็รีบจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าตัวเองก่อนจะรีบคว้าเอาผ้ามาคลุมให้ฟลุคไว้ “แรมโบ้มานี้มานอนใกล้ๆฟลุคหน่อยมะ” “เหมี๊ยววว” “แกอ้วนตัวอุ่นนอนใกล้ๆแบบนี้ฟลุคจะได้สบายขึ้นไง” ถ้าผมเอาไดร์มาเป่าให้จะดีไหม ไม่ดีกว่าๆบางทีอาจจะร้อนเกินไปแล้วต้องทำไงว่ะเนี้ย “หื้อ...” ระหว่างที่ผมคิดอะไรอยู่เจ้าแรมโบ้ก็ปีนขึ้นมากัดชายเสื้อผมพร้อมกับมองไปที่ฟลุค หมายความว่าไงปกติเจ้าแรมโบ้ไม่ค่อยชอบฟลุคไม่ใช่หรอ "แรมโบ“จะบอกอะไรหรอ" “เหมี๊ยว” “จะให้กอดฟลุคหรอ” “เหมี๊ยววว...” ผมเข้าใจถูกใช่ไหม ช่างเหอะถูกไม่ถูกใช่ไม่ใช่ก็ดีกว่าปล่อยฟลุคนอนหนาวนี่เนอะ ผมค่อยๆอุ้มฟลุคเข้ามากอดก่อนจะพาไปนอนด้วยบนเตียงใต้ผ้าห่มเดียวกัน และเหมือนว่าเจ้าแรมโบ้จะบอกแบบนี้เช่นกันใช่ไหม ขอบใจมากนะแรมโบ้ “อย่าเป็นไรนะฟลุค” ริมฝีปากของผมค่อยๆก้มไปจูบที่หน้าผากของฟลุคในร่างแมวสีขาวเบาๆ “กอดไว้แบบนี้แหล่ะจะได้ไม่เป็นไรฉันจะเป็นทุกอย่างให้นายเองนะฟลุคฝันดี”
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ