BTS
6.7
เขียนโดย zeeto
วันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 เวลา 13.32 น.
6 ตอน
3 วิจารณ์
12.11K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 23 มีนาคม พ.ศ. 2560 02.44 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
5) สานีต่อไป รู้ใจซึ่งกันและกัน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ เรื่องราวต่างๆสำหรับผมก็ผ่านมาได้พอสมควร ความรู้สึกที่เริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆที่มีต่อใครอีกคนแม้จะไม่ได้แสดงออกมาเป็นคำพูดแต่ท่าทางการกระทำต่างๆที่ฟลุ๊คเขาแสดงต่อผมนั้นมันคือ... เฮ้อผมก็ไม่อยากจะคิดอะไรไปไกลคนเดียวและตอนนี้ก็จะปิดเทอมแล้วบางทีสัปดาห์นี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้เจอกันก็ได้ ผมไม่แน่ใจว่าควรจะพูดกับเขาตรงๆไหมแล้วถ้าผมพูดออกไปละจะเกิดอะไรขึ้นถ้าทุกอย่างที่ผ่านมาเป็นเพียงความรู้สึกคิดไปเอง “ไอ้กันต์มึงเก็บของเสร็จยังว่ะ” “เสร็จแล้วๆ...เออพี่อ๊อฟใจหายเหมือนกันเนอะแปบๆเราก็ทำงานเสร็จแล้ว” “ก็ดีแล้วไม่ใช่หรอว่ะ” “มั่งพี่แค่อยู่ๆผมรู้สึกเหงาๆแค่นั้นเอง” “เอออย่ามาดราม่าว่ะ...กูอุตส่าไม่คิดไรแล้วแท้ๆ” “ห่ะ...” “ไม่มีไรๆเก็บของเถอะเดี๋ยวเราก็ต้องย้ายกับเข้าบริษัทเหมือนเดิมละ” “ครับ”
อย่าว่าแต่มึงเลยไอ้กันต์กูก็ใจหายไม่ต่างหรอก ถึงแม้ตั้งแต่ที่ทำงานมาวันๆจะเอาแต่ทะเลาะกับไอ้เตี้ยนั้นก็ตาม แต่พอคิดถึงวันที่ต้องกลับไปขับรถมาทำงานคนเดียว ไม่มีคนมาก่อกวนให้อารมณ์เสียแล้วมันก็รู้สึกเหงาเช่นกัน ตอนแรกๆก็รู้สึกหงุดหงิดรำคาญแต่พอทำงานด้วยกันผมก็เห็นข้อบกพร่องต่างๆของตัวเองโดยมีไอ้เตี้ยนี่แหล่ะที่คอยช่วยเหลือและทำให้ผมทำงานพลาดน้อยลง ไหนจะความวุ่นวายที่คอยมาก่อกวนจนบางทีผมเองที่แอบเผลอไปสนใจมันโดยไม่รู้ตัว “เป็นไรของกูว่ะเนี้ย” “เก็บของเสร็จยังคุณ” “ห่ะ?...” “มาผมช่วยจะได้เสร็จไวๆ” “ทำไมอยากให้เสร็จไวๆจะได้ไล่ผมไปๆซักทีซินะ” แล้วผมไปพูดจาประชดมันทำไมว่ะ “เป็นเด็กหรือไงคุณทำงานเสร็จก็ดีแล้วไม่ใช่หรอจะได้ไม่ต้องมานั่งฟังผมบ่นทุกวันไง” “ก็เพราะใครกันละมาบ่นๆจนผมเริ่มติดเป็นชีวิตประจำวันไปแล้วเนี้ย” “คุณว่าอะไรนะคุณจุมพล” “เปล่าไม่มีอะไร” “พูดอะไรไม่รู้เรื่อง” “เดี๋ยวผมเก็บของเองคุณไปทำงานคุณเถอะเสร็จแล้วผมก็จะกลับเลยขอบใจนะที่คอยช่วยเหลือ” “อะไรกันนี้จนจะกลับออกไปยังไม่อยากเห็นหน้าผมขนาดนั้น อย่าบอกนะว่าโกรธเรื่องที่ผมแกล้งบอกนักศึกษาว่าคุณเป็นแฟนผม” “คุณนี่มัน...ไปทำงานของคุณเลยไปผมไม่อยากทะเลาะกับคุณ” “ไปก็ได้คนตั้งใจมาหาแท้ๆไหนๆจะไม่ได้เจอกันแล้วอยากจะพูดด้วยดีๆไล่แบบนี้ผมคงไม่มีหวังจริงๆซินะ งั้นโชคดีนะครับพี่อ๊อฟ” พี่อ๊อฟ?...เมื่อกี้ผมหูฟาดไปหรือว่าไอ้เตี้ยนั้นเรียกผมว่าพี่อ๊อฟงั้นหรอ แล้วไอ้ท่าทางแบบนั้น โถ่เว้ย
วันนี้ผมรู้ว่ากันต์จะมาเก็บของและกลับบริษัทเป็นวันสุดท้ายแล้วแต่ผมพยายามเดินหาเขาทั่วทั้งคณะก็ยังไม่เจอ โทรไปก็ไม่รับเขาไปไหนของเขานะ เขาจะไปแบบนี้จริงๆหรอเขาจะไปทั้งๆที่ตอนนี้ผมรู้สึก... ไปไหนของเขานะห้องสมุดก็ไม่อยู่คณะก็ไม่อยู่หรือว่าจะกลับไปแล้ว นั้นอาจารย์อรรถพันธ์นี่ ทันที่ที่ผมเห็นอาจารย์อรรถพันธ์เดินมาจากห้องพักอาจารย์ผมก็รีบเดินเข้าไปหาทันที “อาจารย์ครับ” “อ้าวธีรภัทรมีอะไรหรือเปล่า” “เออคือ...อาจารย์เห็นอาจารย์ชนกันต์ไหมครับ” “ชนกันต์หรอหน้าจะไปสถานีรถไฟฟ้าแล้วนะ” “ห่ะ?” “คุณมีอะไรหรือเปล่า” “เปล่าครับๆงั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” ไปสถานีรถไฟฟ้าแล้วงั้นหรอจะตามทันไหมว่ะฟลุ๊คฟ้าฝนก็ทำท่าจะตกขึ้นมาซ่ะอย่างนั้น รีบไปดีกว่า ผมวิ่งตามอีกคนไปที่สถานีรถไฟฟ้าทันทีไม่รู้ว่าตอนนี้เขาจะขึ้นรถไปแล้วหรือยัง รอก่อนนะกันต์ เสียงหายใจหอบถี่กับเม็ดเหงื่อที่เต็มใบหน้าผมรีบแตะบัตรก่อนจะเข้าไปที่สถานีรถไฟฟ้าและช้าไปแค่นิดเดียวเมื่อรถไฟฟ้าปิดประตูลงพร้อมกับใบหน้าของคนที่ผมตามมาไปก่อนเสียแล้ว นี้ผมต้องรอรถไฟอีกขบวนใช่ไหม ทำไมมันถึงรู้สึกช้าขนาดนี้นะทั้งๆที่ปกติมันก็เป็นแบบนี้ทุกๆวันแท้ๆขอให้ได้เจอกันก่อนเถอะนะอะไรก็ได้รั้งเขาไว้รอผมก่อนที
หลังจากเอาของไปเก็บที่บริษัทเรียบร้อยผมก็เดินมาที่สถานีรถไฟฟ้าเพื่อจะกลับบ้านแต่เหมือนกับสายตาจะเหลือบไปเห็นร่างบางเล็กๆที่คุ้นตา แต่แปลกที่ทำไมไอ้อาจารย์เตี้ยนั้นถึงมายืนรอรถไฟฟ้าได้ละปกติก็เห็นขับรถกลับบ้านแท้ๆ “อาจารย์อรรถพันธ์” “คุณ?” “ทำไมวันนี้คุณมาขึ้นรถไฟฟ้าละ” “พอดีรถผมเสียนะเลยต้องมาขึ้นรถไฟฟ้า” “อ๋อ...คนแน่นเนอะวันนี้” “ครับ” เมื่อรถไฟฟ้าจอดเทียบประตูเปิดออกคนต่างพากันแย้งขึ้นลงบางทีผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องแย้งกันวุ่นวายขนาดนั้นแต่ก็อย่างว่าใครๆก็อยากที่จะได้ที่นั่งกันทั้งนั้นแล้วดูคนที่ยืนข้างๆผมซิท่าทางเหมือนคนไม่เคยขึ้นรถไฟฟ้าแบบนี้บวกกับรูปร่างเล็กเหมือนเด็กโดนคนชนกระเด็นแน่ ผมจึงค่อยๆเอื้อมมือไปจับที่ข้อมือของเขาก่อนจะเดินนำเข้าไปยืนตรงมุมประตูอีกด้านแทนเพื่อกันไม่ให้คนเบียดเขาได้ “คุณจะมาเกรงใจใครเวลาขึ้นลงไม่ได้หรอกนะคนอื่นๆเขาก็แย้งกันแบบนี้” “ขอบคุณครับ” เมื่อรถไฟฟ้าออกตัวไปตามสถานีต่างๆก็เหมือนเคยคนขึ้นลงก็เบียดเข้ามาเรื่อยๆยิ่งสถานีหน้าไม่ต้องพูดถึงเลยเป็นสถานีที่เปลี่ยนสายได้คนจะโถมเข้ามาจนไม่มีอากาศหายใจแน่ๆ ผมก้มมองคนที่อยู่ตรงหน้าที่ยืนนิ้วหน้าเอนไปมาตามจังหวะการเลี้ยวของรถไฟ “คุณไหวไหมเนี้ย” ผมก้มไปถามคนที่ยืนหันหลังอยู่ตรงหน้าผม “ครับ” “ถ้าไม่ไหวก็หันมานี้เกาะผมไว้แล้วกันจะได้ไม่ล้มเวลารถไฟเลี้ยว” “แต่ว่า...” “เอาน่า...” ผมไม่พูดเปล่าก่อนจะดึงอีกคนเข้ามาโอบเอวเอาไว้ในแนบเข้ามาใกล้ๆตัว แม้เสียงคนที่พุคุยกันจะดังแค่ไหนแต่...เสียงที่ผมได้ยินและสัมผัสได้ตอนนี้คือเสียงหัวใจของคนตรงหน้านี้ใช่ไหม
อุตส่ารีบมาแท้ๆสุดท้ายก็มาติดฝนแบบนี้ร่มก็ไม่มี ฝนตกแบบนี้ผมจะกลับบ้านยังไงละถ้าเพียงแค่ลงเม็ดเล็กๆน้อยๆผมคงไม่ต้องกังวลมากแต่วันนี้หอบงานกลับมาทำด้วยนี่ซิ ระหว่างที่ผมกำลังคิดหาวิธีที่จะกลับบ้านอย่างไรไม่ให้เปียกก็มีใครบางคนเดินเข้ามายืนข้างๆพร้อมกับร่มที่กางให้ "ฟลุ๊ค?..." "เดี๋ยวผมไปส่งนะ" เมื่อผมมองคนที่ยืนยิ้มให้ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองร่ม เอ๊ะ?... นี้มันร่มที่เหมือนกับที่ผมให้ใครคนหนึ่งเมื่อหลายเดือนก่อนนี้ "ก็ร่มของคุณไงจำไม่ได้หรอ" "งั้นผู้ชายที่ผมยื่นร่มให้วันนั้นคือฟลุ๊ค?" "ครับ...นานจังนะกว่าจะจำผมได้" ผู้ชายที่ก้มหน้าร้องไห้ดูหมดความหวังต่างๆวันนั้นคือฟลุ๊คงั้นหรอ “กลับบ้านเถอะเดี่ยวผมไปส่ง” “อืม...” ทำไมต้องใจเต้นแรงแบบนี้ด้วยว่ะรู้สึกเหมือนผมกำลังอยู่ในทุ่งอะไรซักอย่างแล้วมีฝนค่อยๆโปรยปรายลงมา แต่ถ้าเป็นทุกครั้งมันคงจะรู้สึกเหน็บหนาวแต่ต่างจากครั้งนี้ตรงที่ สายฝนที่สาดเทลงมากับทำให้ผมอบอุ่นเพราะใครอีกคนที่อยู่ข้างๆกัน “บ้านของกันต์อยู่ไกลไหม” “ข้างหน้านี้ก็ถึงแล้ว” “ก็ไม่ไกลนะนใกล้กว่าบ้านเราอีก” “ใช่แต่เรากลัวงานเปียกนะเลยไม่กล้าวิ่งตากฝนมา” “อืม...กันต์วันนี้เราติดต่อไปตั้งหลายสายทำไมไม่รับสายเราเลย” “เออคือ...” “ตอนนี้เรากับกันไม่ใช่อาจารย์และลูกศิษย์แล้วนะถ้าเราอยากจะพูดอะไรกับกันได้ไหม” “เออไว้ถึงบ้านก่อนดีกว่านะ” “กันต์ดูเลี่ยงที่จะพูดกับเรานะ” “เราเปล่าแต่เราอยากจะพูดก่อนก็แค่นั้น” “ก็ได้” “บ้านเราด้านหน้านั้นไงรีบไปเถอะฝนลงหนักขึ้นเรื่อยๆแล้ว”
“อะนี้เสื้อผ้าแล้วก็ผ้าเช็ดตัวฟลุ๊คไปอาบน้ำเปลี่ยนซ่ะจะได้ไม่เป็นหวัด” “ขอบใจนะ...ว่าแต่ห้องน้ำอยู่ไหนอ่ะ” “เลี้ยวซ้ายตรงนั้นเลย...เอ้ย...” ผมเดินไปตามที่เจ้าของบ้านบอกแต่เหมือนจะผิดทางแล้วละเมื่อเปิดเข้ามาในห้องนี้มันกลับไม่ใช่ห้องน้ำแต่นี่มัน...ทำไมมีแต่รูปของผมอยู่บนรถไฟฟ้าเต็มไปหมดล่ะ “ฟลุ๊คๆ..อย่ามองนะคือห้องน้ำอยู่ทางนู้น..” “กันต์...” “เออคือ...” “ทำไมห้องกันต์มีแต่รูปเรา” “ขอ...ขอโทษนะ..คือว่า” “กันต์ชอบเราหรอ” คนตรงหน้าไม่ตอบได้แต่หันหน้าหลบสายตาผมไปอีกทางแทน นี่ผมไม่ได้ฝันไปใช่ไหมผู้ชายที่ผมแอบถ่ายรูปเขาบนรถไฟฟ้ามาตลอดเขามีความรู้สึกเดียวกันกับผมใช่ไหม “เราขอโทษนะฟลุ๊คคือเราชอบฟลุ๊คมาตั้งแต่ก่อนที่เราสองคนจะรู้จักกันแล้ว...แต่เราไม่ได้เป็นเกย์นะเราแค่รู้สึกดีกับฟลุ๊คแค่คนเดียว อีกอย่างรูปพวกนี้ถ้าฟลุ๊คไม่ชอบ...” “เดี๋ยวก่อนนะกันต์ใจเย็นๆนะ” “เราขอโทษนะคือเดี๋ยวเราจะเก็บให้หมดก็ได้แต่” “กันต์...ฟังเรานะเรามีอะไรจะให้ดู” ก่อนที่อีกคนจะสติกระจายไปมากกว่านี้ผมรีบหยิบมือถือขึ้นมาก่อนจะเปิดแกลอรี่ให้เขาดู “นี่ฟลุ๊ค?...” “ใช่...เราก็ไม่ต่างจากกันต์หรอกดีไม่ดีเราเป็นคนที่...แอบชอบกันต์มานานกว่าเลยก็ว่าได้” “หมายความว่า?” “เราชอบกันต์นะ” “ไม่ดิฟลุ๊ค” “หมายความว่าไง” “คือว่าฟลุ๊คจะมาบอกชอบเราไม่ได้นะ” “กันต์ไม่ชอบเราหรอ” “ไม่ใช่...แต่เราอยากบอกฟลุ๊คก่อนว่าเราชอบฟลุ๊ค” “โถ่เอ้ย...ใครบอกก่อนมันสำคัญนักหรือไงในเมื่อเราสองคนใจตรงกันแล้วไม่ใช่หรอ” “ เออ..นั้นซิ...เราชอบฟลุ๊คนะชอบมากด้วย” “อือรู้แล้ว...ฮัดชิ้ว!!!” “รีบไปอาบน้ำเลยไปเป็นหวัดแล้วเนี้ย” “ก็ใครละบอกทางมาห้องน้ำผิดเอง” “ขอโทษครับไปเถอะรีบไปอาบน้ำสระผมเช็ดให้แห้งด้วยละ” “อืม...” ผมยิ้มให้กับเจ้าของบ้านก่อนจะเดินไปอาบน้ำทันที
อย่าว่าแต่มึงเลยไอ้กันต์กูก็ใจหายไม่ต่างหรอก ถึงแม้ตั้งแต่ที่ทำงานมาวันๆจะเอาแต่ทะเลาะกับไอ้เตี้ยนั้นก็ตาม แต่พอคิดถึงวันที่ต้องกลับไปขับรถมาทำงานคนเดียว ไม่มีคนมาก่อกวนให้อารมณ์เสียแล้วมันก็รู้สึกเหงาเช่นกัน ตอนแรกๆก็รู้สึกหงุดหงิดรำคาญแต่พอทำงานด้วยกันผมก็เห็นข้อบกพร่องต่างๆของตัวเองโดยมีไอ้เตี้ยนี่แหล่ะที่คอยช่วยเหลือและทำให้ผมทำงานพลาดน้อยลง ไหนจะความวุ่นวายที่คอยมาก่อกวนจนบางทีผมเองที่แอบเผลอไปสนใจมันโดยไม่รู้ตัว “เป็นไรของกูว่ะเนี้ย” “เก็บของเสร็จยังคุณ” “ห่ะ?...” “มาผมช่วยจะได้เสร็จไวๆ” “ทำไมอยากให้เสร็จไวๆจะได้ไล่ผมไปๆซักทีซินะ” แล้วผมไปพูดจาประชดมันทำไมว่ะ “เป็นเด็กหรือไงคุณทำงานเสร็จก็ดีแล้วไม่ใช่หรอจะได้ไม่ต้องมานั่งฟังผมบ่นทุกวันไง” “ก็เพราะใครกันละมาบ่นๆจนผมเริ่มติดเป็นชีวิตประจำวันไปแล้วเนี้ย” “คุณว่าอะไรนะคุณจุมพล” “เปล่าไม่มีอะไร” “พูดอะไรไม่รู้เรื่อง” “เดี๋ยวผมเก็บของเองคุณไปทำงานคุณเถอะเสร็จแล้วผมก็จะกลับเลยขอบใจนะที่คอยช่วยเหลือ” “อะไรกันนี้จนจะกลับออกไปยังไม่อยากเห็นหน้าผมขนาดนั้น อย่าบอกนะว่าโกรธเรื่องที่ผมแกล้งบอกนักศึกษาว่าคุณเป็นแฟนผม” “คุณนี่มัน...ไปทำงานของคุณเลยไปผมไม่อยากทะเลาะกับคุณ” “ไปก็ได้คนตั้งใจมาหาแท้ๆไหนๆจะไม่ได้เจอกันแล้วอยากจะพูดด้วยดีๆไล่แบบนี้ผมคงไม่มีหวังจริงๆซินะ งั้นโชคดีนะครับพี่อ๊อฟ” พี่อ๊อฟ?...เมื่อกี้ผมหูฟาดไปหรือว่าไอ้เตี้ยนั้นเรียกผมว่าพี่อ๊อฟงั้นหรอ แล้วไอ้ท่าทางแบบนั้น โถ่เว้ย
วันนี้ผมรู้ว่ากันต์จะมาเก็บของและกลับบริษัทเป็นวันสุดท้ายแล้วแต่ผมพยายามเดินหาเขาทั่วทั้งคณะก็ยังไม่เจอ โทรไปก็ไม่รับเขาไปไหนของเขานะ เขาจะไปแบบนี้จริงๆหรอเขาจะไปทั้งๆที่ตอนนี้ผมรู้สึก... ไปไหนของเขานะห้องสมุดก็ไม่อยู่คณะก็ไม่อยู่หรือว่าจะกลับไปแล้ว นั้นอาจารย์อรรถพันธ์นี่ ทันที่ที่ผมเห็นอาจารย์อรรถพันธ์เดินมาจากห้องพักอาจารย์ผมก็รีบเดินเข้าไปหาทันที “อาจารย์ครับ” “อ้าวธีรภัทรมีอะไรหรือเปล่า” “เออคือ...อาจารย์เห็นอาจารย์ชนกันต์ไหมครับ” “ชนกันต์หรอหน้าจะไปสถานีรถไฟฟ้าแล้วนะ” “ห่ะ?” “คุณมีอะไรหรือเปล่า” “เปล่าครับๆงั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” ไปสถานีรถไฟฟ้าแล้วงั้นหรอจะตามทันไหมว่ะฟลุ๊คฟ้าฝนก็ทำท่าจะตกขึ้นมาซ่ะอย่างนั้น รีบไปดีกว่า ผมวิ่งตามอีกคนไปที่สถานีรถไฟฟ้าทันทีไม่รู้ว่าตอนนี้เขาจะขึ้นรถไปแล้วหรือยัง รอก่อนนะกันต์ เสียงหายใจหอบถี่กับเม็ดเหงื่อที่เต็มใบหน้าผมรีบแตะบัตรก่อนจะเข้าไปที่สถานีรถไฟฟ้าและช้าไปแค่นิดเดียวเมื่อรถไฟฟ้าปิดประตูลงพร้อมกับใบหน้าของคนที่ผมตามมาไปก่อนเสียแล้ว นี้ผมต้องรอรถไฟอีกขบวนใช่ไหม ทำไมมันถึงรู้สึกช้าขนาดนี้นะทั้งๆที่ปกติมันก็เป็นแบบนี้ทุกๆวันแท้ๆขอให้ได้เจอกันก่อนเถอะนะอะไรก็ได้รั้งเขาไว้รอผมก่อนที
หลังจากเอาของไปเก็บที่บริษัทเรียบร้อยผมก็เดินมาที่สถานีรถไฟฟ้าเพื่อจะกลับบ้านแต่เหมือนกับสายตาจะเหลือบไปเห็นร่างบางเล็กๆที่คุ้นตา แต่แปลกที่ทำไมไอ้อาจารย์เตี้ยนั้นถึงมายืนรอรถไฟฟ้าได้ละปกติก็เห็นขับรถกลับบ้านแท้ๆ “อาจารย์อรรถพันธ์” “คุณ?” “ทำไมวันนี้คุณมาขึ้นรถไฟฟ้าละ” “พอดีรถผมเสียนะเลยต้องมาขึ้นรถไฟฟ้า” “อ๋อ...คนแน่นเนอะวันนี้” “ครับ” เมื่อรถไฟฟ้าจอดเทียบประตูเปิดออกคนต่างพากันแย้งขึ้นลงบางทีผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องแย้งกันวุ่นวายขนาดนั้นแต่ก็อย่างว่าใครๆก็อยากที่จะได้ที่นั่งกันทั้งนั้นแล้วดูคนที่ยืนข้างๆผมซิท่าทางเหมือนคนไม่เคยขึ้นรถไฟฟ้าแบบนี้บวกกับรูปร่างเล็กเหมือนเด็กโดนคนชนกระเด็นแน่ ผมจึงค่อยๆเอื้อมมือไปจับที่ข้อมือของเขาก่อนจะเดินนำเข้าไปยืนตรงมุมประตูอีกด้านแทนเพื่อกันไม่ให้คนเบียดเขาได้ “คุณจะมาเกรงใจใครเวลาขึ้นลงไม่ได้หรอกนะคนอื่นๆเขาก็แย้งกันแบบนี้” “ขอบคุณครับ” เมื่อรถไฟฟ้าออกตัวไปตามสถานีต่างๆก็เหมือนเคยคนขึ้นลงก็เบียดเข้ามาเรื่อยๆยิ่งสถานีหน้าไม่ต้องพูดถึงเลยเป็นสถานีที่เปลี่ยนสายได้คนจะโถมเข้ามาจนไม่มีอากาศหายใจแน่ๆ ผมก้มมองคนที่อยู่ตรงหน้าที่ยืนนิ้วหน้าเอนไปมาตามจังหวะการเลี้ยวของรถไฟ “คุณไหวไหมเนี้ย” ผมก้มไปถามคนที่ยืนหันหลังอยู่ตรงหน้าผม “ครับ” “ถ้าไม่ไหวก็หันมานี้เกาะผมไว้แล้วกันจะได้ไม่ล้มเวลารถไฟเลี้ยว” “แต่ว่า...” “เอาน่า...” ผมไม่พูดเปล่าก่อนจะดึงอีกคนเข้ามาโอบเอวเอาไว้ในแนบเข้ามาใกล้ๆตัว แม้เสียงคนที่พุคุยกันจะดังแค่ไหนแต่...เสียงที่ผมได้ยินและสัมผัสได้ตอนนี้คือเสียงหัวใจของคนตรงหน้านี้ใช่ไหม
อุตส่ารีบมาแท้ๆสุดท้ายก็มาติดฝนแบบนี้ร่มก็ไม่มี ฝนตกแบบนี้ผมจะกลับบ้านยังไงละถ้าเพียงแค่ลงเม็ดเล็กๆน้อยๆผมคงไม่ต้องกังวลมากแต่วันนี้หอบงานกลับมาทำด้วยนี่ซิ ระหว่างที่ผมกำลังคิดหาวิธีที่จะกลับบ้านอย่างไรไม่ให้เปียกก็มีใครบางคนเดินเข้ามายืนข้างๆพร้อมกับร่มที่กางให้ "ฟลุ๊ค?..." "เดี๋ยวผมไปส่งนะ" เมื่อผมมองคนที่ยืนยิ้มให้ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองร่ม เอ๊ะ?... นี้มันร่มที่เหมือนกับที่ผมให้ใครคนหนึ่งเมื่อหลายเดือนก่อนนี้ "ก็ร่มของคุณไงจำไม่ได้หรอ" "งั้นผู้ชายที่ผมยื่นร่มให้วันนั้นคือฟลุ๊ค?" "ครับ...นานจังนะกว่าจะจำผมได้" ผู้ชายที่ก้มหน้าร้องไห้ดูหมดความหวังต่างๆวันนั้นคือฟลุ๊คงั้นหรอ “กลับบ้านเถอะเดี่ยวผมไปส่ง” “อืม...” ทำไมต้องใจเต้นแรงแบบนี้ด้วยว่ะรู้สึกเหมือนผมกำลังอยู่ในทุ่งอะไรซักอย่างแล้วมีฝนค่อยๆโปรยปรายลงมา แต่ถ้าเป็นทุกครั้งมันคงจะรู้สึกเหน็บหนาวแต่ต่างจากครั้งนี้ตรงที่ สายฝนที่สาดเทลงมากับทำให้ผมอบอุ่นเพราะใครอีกคนที่อยู่ข้างๆกัน “บ้านของกันต์อยู่ไกลไหม” “ข้างหน้านี้ก็ถึงแล้ว” “ก็ไม่ไกลนะนใกล้กว่าบ้านเราอีก” “ใช่แต่เรากลัวงานเปียกนะเลยไม่กล้าวิ่งตากฝนมา” “อืม...กันต์วันนี้เราติดต่อไปตั้งหลายสายทำไมไม่รับสายเราเลย” “เออคือ...” “ตอนนี้เรากับกันไม่ใช่อาจารย์และลูกศิษย์แล้วนะถ้าเราอยากจะพูดอะไรกับกันได้ไหม” “เออไว้ถึงบ้านก่อนดีกว่านะ” “กันต์ดูเลี่ยงที่จะพูดกับเรานะ” “เราเปล่าแต่เราอยากจะพูดก่อนก็แค่นั้น” “ก็ได้” “บ้านเราด้านหน้านั้นไงรีบไปเถอะฝนลงหนักขึ้นเรื่อยๆแล้ว”
“อะนี้เสื้อผ้าแล้วก็ผ้าเช็ดตัวฟลุ๊คไปอาบน้ำเปลี่ยนซ่ะจะได้ไม่เป็นหวัด” “ขอบใจนะ...ว่าแต่ห้องน้ำอยู่ไหนอ่ะ” “เลี้ยวซ้ายตรงนั้นเลย...เอ้ย...” ผมเดินไปตามที่เจ้าของบ้านบอกแต่เหมือนจะผิดทางแล้วละเมื่อเปิดเข้ามาในห้องนี้มันกลับไม่ใช่ห้องน้ำแต่นี่มัน...ทำไมมีแต่รูปของผมอยู่บนรถไฟฟ้าเต็มไปหมดล่ะ “ฟลุ๊คๆ..อย่ามองนะคือห้องน้ำอยู่ทางนู้น..” “กันต์...” “เออคือ...” “ทำไมห้องกันต์มีแต่รูปเรา” “ขอ...ขอโทษนะ..คือว่า” “กันต์ชอบเราหรอ” คนตรงหน้าไม่ตอบได้แต่หันหน้าหลบสายตาผมไปอีกทางแทน นี่ผมไม่ได้ฝันไปใช่ไหมผู้ชายที่ผมแอบถ่ายรูปเขาบนรถไฟฟ้ามาตลอดเขามีความรู้สึกเดียวกันกับผมใช่ไหม “เราขอโทษนะฟลุ๊คคือเราชอบฟลุ๊คมาตั้งแต่ก่อนที่เราสองคนจะรู้จักกันแล้ว...แต่เราไม่ได้เป็นเกย์นะเราแค่รู้สึกดีกับฟลุ๊คแค่คนเดียว อีกอย่างรูปพวกนี้ถ้าฟลุ๊คไม่ชอบ...” “เดี๋ยวก่อนนะกันต์ใจเย็นๆนะ” “เราขอโทษนะคือเดี๋ยวเราจะเก็บให้หมดก็ได้แต่” “กันต์...ฟังเรานะเรามีอะไรจะให้ดู” ก่อนที่อีกคนจะสติกระจายไปมากกว่านี้ผมรีบหยิบมือถือขึ้นมาก่อนจะเปิดแกลอรี่ให้เขาดู “นี่ฟลุ๊ค?...” “ใช่...เราก็ไม่ต่างจากกันต์หรอกดีไม่ดีเราเป็นคนที่...แอบชอบกันต์มานานกว่าเลยก็ว่าได้” “หมายความว่า?” “เราชอบกันต์นะ” “ไม่ดิฟลุ๊ค” “หมายความว่าไง” “คือว่าฟลุ๊คจะมาบอกชอบเราไม่ได้นะ” “กันต์ไม่ชอบเราหรอ” “ไม่ใช่...แต่เราอยากบอกฟลุ๊คก่อนว่าเราชอบฟลุ๊ค” “โถ่เอ้ย...ใครบอกก่อนมันสำคัญนักหรือไงในเมื่อเราสองคนใจตรงกันแล้วไม่ใช่หรอ” “ เออ..นั้นซิ...เราชอบฟลุ๊คนะชอบมากด้วย” “อือรู้แล้ว...ฮัดชิ้ว!!!” “รีบไปอาบน้ำเลยไปเป็นหวัดแล้วเนี้ย” “ก็ใครละบอกทางมาห้องน้ำผิดเอง” “ขอโทษครับไปเถอะรีบไปอาบน้ำสระผมเช็ดให้แห้งด้วยละ” “อืม...” ผมยิ้มให้กับเจ้าของบ้านก่อนจะเดินไปอาบน้ำทันที
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ