BTS

6.7

เขียนโดย zeeto

วันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 เวลา 13.32 น.

  6 ตอน
  3 วิจารณ์
  12.22K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 23 มีนาคม พ.ศ. 2560 02.44 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

6) สถานีปลายทาง ความหวานไม่สิ้นสุด

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

          กว่าฝนจะหยุดก็ดึกสุดท้ายคืนนี้ผมก็ต้องค้างกับกันต์ที่บ้านของเขาไปตามพอร์ตนิยายไทยทั่วไปนั้นแหล่ะ แต่มันต่างกันก็ตรงที่อันนี้มันคือเรื่องจริงของผมและเขาก็แค่นั้นเอง แต่นิยาย80%แล้วก็สร้างจากเรื่องจริงทั้งนั้นมันจะแปลกอะไรละถ้าผมกับเขาจะมีชีวิตจริงในแบบนิยายๆอย่างนี้ “ยังไม่นอนอีกหรอฟลุ๊ค” “ห่ะ?...อ๋อเปล่าพอดีเราคิดอะไรเพลินๆนะว่าแต่กันต์ทำไมยังไม่นอน” “นอนไม่หลับนิดหน่อย” “เพราะเราหรือเปล่าทำให้นอนไม่หลับ” “ก็...นิดหน่อยนะพอดีตอนนี้เรารู้สึกเหมือนฝันอยู่อย่างไงอย่างงั้น” “นั้นซิเนอะ...” “ปกติฟลุ๊คนอนดึกไหม” “ไม่หรอกมีแค่บางวันนะ” “งั้นฟลุ๊คไปนอนเถอะดึกแล้วพรุ่งนี้มีเรียนเช้าไม่ใช่หรอ” “เออคือ....ให้เรานอนตรงไหนละ” “ก็...ที่เตียงไง” ใจบ้าเอ้ยอยู่ๆมาเต้นแรงอะไรตอนนี้ว่ะผมค่อยๆกลืนน้ำลายตัวเองลงคออย่างยากลำบากก่อนจะหันไปมองหน้าคนข้างๆก็มันอายนี่หว่าผู้ชายเหมือนกันก็จริงแต่แบบนี้ไม่ชินนะ “ฟลุ๊คเป็นไรหรือเปล่าหน้าแดงมากเลยนะ” “เปล่าๆ...” “ไม่สบายหรือเปล่า” “เฮ้ย!!!” ใครเขาวัดไข้กันแบบนี้ว่ะอยู่ๆกันต์ก็ยกมือขึ้นเปิดหน้าผากก่อนจะเอาหน้าผากตัวเองชนเข้ามาเบาๆ ลมหายใจอุ่นๆที่รับรู้ได้บวกกับใจที่เต้นแรงของตัวเองแบบนี้ไม่ไหวแล้วนะเว้ย “เหมือนจะมีไข้นิดหน่อยนะเดี๋ยวเราไปเอายาให้กินแล้วกัน” พูดจบกันต์ก็เดินไปทันทีปล่อยให้ผมที่ใจเต้นโคมคามแทบจะล้มทั้งยืน บ้าเอ้ยแบบนี้จะต้านทานไหวไม่ว่ะ

 

          ทำอะไรของมึงว่ะไอ้กันต์เกือบไปแล้วไหม ผมเดินมาหยิบยาแก้ไข้ก่อนจะเดินไปเปิดน้ำเทใส่แก้วพร้อมกับด่าตัวเองในใจเมื่อกี้เกือบจะเผลอไปจูบเขาแล้วไหมละก็หน้าของฟลุ๊คตอนที่มองผมเมื่อกี้น่ารักมากเลย ไม่ได้ๆขืนทำอะไรออกไปได้ถูกเกลียดแน่ๆ ถึงจะรู้ว่าฟลุ๊คเองก็ชอบผมเหมือนกันเถอะแต่การที่ไปจูบเขาแบบนั้นไม่มีทางที่เขาจะโอเคแน่ๆ “ฟลุ๊คนี้ยากินซ่ะซิ” “ขอบใจนะลำบากกันต์เลย” “ไม่หรอกว่าแต่เป็นอะไรตรงไหนไหมเวียนหัวหรือมีอาการอะไรหรือเปล่า” “ไม่...ไม่มีอะไรหรอกมีก็แต่ใจสั่นนี้แหล่ะ” “ห่ะ?...” “เออคือเราหมายถึง...เราแค่ใจสั่นเฉยๆ” “ใจสั่น?...” “ก็...เพราะกันต์นั้นแหล่ะแต่ไม่เป็นไรแล้วเราโอเค” “แน่ใจนะว่าไม่เป็นไรแล้ว” “อืม...งั้นเราไปนอนก่อนนะ” “เดี๋ยวๆแล้วนั้นฟลุ๊คจะไปนอนไหน” “ก็โซฟาไง” “บ้านอนที่เตียงด้วยกันซิ” “ไม่ดีมั่งเตียงเล็กแค่นั้นเดี๋ยวกันนอนไม่สบาย” “ไม่เป็นไรเราโอเค” “แต่ว่า...” “ถ้าไม่ไปนอนดีๆเราจะแบกไปนอนนะจะให้เราแบกหรือจะไปนอนกับเราที่เตียงดีๆ” “เฮ้ย...เราไปนอนก็ได้” คนถูกขู่รีบวิ่งขึ้นเตียงก่อนจะดึงผ้าห่มคลุมตัวเองแล้วหลับตา ผมได้แต่ยืนมองท่าทางน่าเอ็นดูของเขาก่อนจะเอาแก้วน้ำไปเก็บแล้วปิดไฟก่อนจะขึ้นมานอนข้างๆกายอีกคน “หลับแล้วหรอ...ฝันดีนะ” ผมก้มลงไปกระซิบข้างๆใบหูคนที่นอนหันหลังให้ก่อนจะพลิกตัวเองลงมานอนหลับไปเช่นกัน

 

          อะไรคือการที่ผมตื่นมาในตอนเช้าพร้อมกับใครอีกคน ใบหน้านี้ปกติผมจะพบเจอเพียงบนรถไฟฟ้าก็เท่านั้นแล้วนี้ละตอนนี้เขานอนอยู่ข้างๆผมใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันว่าแต่ทำไมผมต้องใจเต้นแรงด้วยนะผมค่อยๆเลื่อนมือไปลูบที่แก้มของคนที่หลับตาอยู่เบาๆ มีไฝตรงแก้มสองเม็ดด้วยน่ารักแหะ “แอบแต๊ะอั๋งเราหรอ” “เฮ้ย...นี้ตื่นนานแล้วหรอ” “ก็ตื่นตั้งแต่มีคนพลิกตัวมาลูบแก้มเราแล้วละ” “บ้าใครทำแบบนั้น” “ยังจะปากแข็งอีกนะเป็นไงบ้างไข้ลดหรือยัง” “ไม่เป็นอะไรแล้ว” “ขอดูหน่อยซิ” คนที่นอนจ้องหน้าอยู่เอาหน้าผากชนกับหน้าผากผมอีกแล้วผมค่อยๆมองใบหน้าที่ชนอยู่กับหน้าผากผมเบาๆ “อันตรายเนอะ” “ฟลุ๊คว่าอะไรนะ” “เราบอกว่าอันตราย” “???....อันตรายยังไงหรอ” “ก็ที่กันต์ทำแบบนี้อ่ะใจเราเต้นแรงมากเลยนะแบบนี้ไม่เรียกอันตรายจะเรียกว่าไงดีละ” “ฟลุ๊คกลัวเราจูบหรอ” “เปล่า...แต่เรากลัวเราจูบกันต์มากกว่า” “ห่ะ?...ฟลุ๊คอย่าพูดแบบนี้ซิตกใจนะเนี้ย” “ก็เราพูดความจริงกันต์มาทำแบบนี้ใกล้ๆเราบ่อยๆเรากลัวจะห้ามใจไม่ได้นะ” “แล้วถ้าแบบนี้ละ” ไม่พูดเปล่ากันต์จุ๊บที่ปากผมก่อนจะผละใบหน้าออก “กันต์....” “อะไรหรอ...” “ไม่พูดด้วยแล้วไปอาบน้ำดีกว่า” ผมรีบดีดตัวเองลุกจากที่นอนก่อนจะรีบคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไปทันที ใครมันจะไปทนมองหน้าได้อยู่ๆก็ ผมคิดถึงริมฝีปากที่จุ๊บเบาๆแม้จะเป็นเพียงการแตะที่ริมฝีปากจนแทบไม่สามารถเรียกว่าจูบได้ก็จริงแต่... ทำไมรู้สึกร้อนไปทั่วใบหน้าและเหมือนริมฝีปากนั้นยังติดอยู่เลยนะ เป็นเอามากนะฟลุ๊คเอ้ย

 

          เพราะมั่วแต่ดีใจที่ได้อยู่ด้วยกันสองคนแท้ๆเลยทำให้มาไม่ทันรถไฟฟ้ารอบเช้าแล้วมาซ่ะสายแบบนี้มีหรอที่นั่งจะมีสิทธิ์ได้ ผมกับฟลุ๊คยืนนิ่วหน้าโหนราวรถไฟฟ้าท่ามกลางผู้คนที่เบียดเสียดกันเข้ามาจนแน่นแทบจะขยับไม่ได้ “ทำไมวันนี้คนแน่นจังเลย” เสียงบ่นพึมพำของคนข้างๆที่ผมได้แต่ลอบมองใบหน้าด้านข้างของเขาก่อนจะค่อยๆขยับตัวไปใกล้ประตูแล้วดึงให้คนที่ยืนบ่นเข้ามายืนใกล้ๆ “ยืนตรงนี้คนจะได้ไม่เบียดมาโดนมาก” “ขอบใจนะแล้วนี้กันต์เข้าบริษัททันไหม” “หน้าจะทันนะว่าแต่ฟลุ๊คเถอะไปเรียนสายหรือเปล่า” “ไม่หรอกวันนี้คงไม่มีเรียนอะไรมากอย่าลืมซินี้จะสอบแล้ว” “จริงด้วยเราก็ลืมไปเลย” (สถานีต่อไปนานา......) “ใกล้ถึงแล้วละยืนมาตลอดทางแบบนี้เมื่อยแย่เลย” “เราโอเคว่าแต่ฟลุ๊คเถอะไม่มีไข้แน่นะ” “คิดว่าไม่นะ...เฮ้ยจะทำอะไร” “วัดไข้ไง” “บ้าหรอคนเยอะแยะ” “เขาไม่รู้หรอกคนแน่นขนาดนี้ใครๆเขาก็คิดแค่ว่าเบียดกันเฉยๆ” “แต่ว่า...” ไม่รอให้อีกคนได้พูดอะไรผมกดหน้าผากชนที่หน้าผากของฟลุ๊คเบาๆ สายตาของผมและคนตรงหน้าที่มองจ้องเข้ามาในดวงตามันยิ่งทำให้แน่ใจว่าเขาคือคนที่ผมชอบจริงๆ (สถานีต่อไปอโศกผู้โดยสารสามารถเปลี่ยนเส้นทางไปรถไฟฟ้ามหานครได้ที่สถานีนี้.....) “ถึงแล้ว...” ผมค่อยๆผละใบหน้าออกห่างจากใบหน้าของฟลุ๊คก่อนจะเลื่อนไปจับมือของอีกคนแทนเมื่อประตูรถไฟฟ้าเปิดออกผมก็จับมือให้อีกคนเดินตามออกมาเช่นกัน “ถึงแล้ว...ต้องแยกกันแล้วใช่ไหม” “ฟลุ๊คจะแยกหรือจะไปด้วยกันละ” “หืม?...ก็บริษัทกันต์กับมหาลัยเราไปทางเดียวกันไม่ใช่หรอ” “งั้นแสดงว่าจะไปด้วยกัน” “มันก็แหง๋อยู่แล้ว” “ตลอดไปไหม?” “????....เรางงหมายความว่าไง” “ก็เราอยากรู้ว่าฟลุ๊คจะไปด้วยกันตลอดไปไหม” “เราว่าเราตามกันต์ไม่ทันละ” “ตามไม่ทันก็ไม่ต้องตามแต่ไปด้วยกันนะ”

 

          ผมเริ่มงงกับคำพูดของคนตรงหน้าที่พูดจาแปลกๆก่อนที่กันจะค่อยๆหยิบสมุดบันทึกหรืออะไรซักอย่างออกมาจากกระเป๋าแล้วส่งให้กับผม ผมรับมาอย่างงงๆก่อนจะค่อยๆเปิดดู นี้มัน?...รูปของผมตั้งแต่เมื่อไรกันพร้อมกับข้อความที่เขียนไว้ว่าถ่ายเมื่อวันที่เท่าไร นี้มันรูปเวลาที่ผมยืนรอรถไฟฟ้า รูปนี้ก็ใช่ รูปนี้ก็ใช่อีก “สถานีแรกก็เริ่มจากที่นี้” “....” ผมได้แต่ยืนเงียบมองหน้าอีกคนก่อนจะเปิดดูรูปในสมุดบันทึกต่อ “ความรู้สึกดีๆเราก็เริ่มให้ฟลุ๊คจากสถานีนี้...เหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านมาเราก็เริ่มจากสถานีนี้แล้วถ้าเราจะขอฟลุ๊คเป็นแฟนที่สถานีนี้ฟลุ๊คโอเคไหม” ตอนนี้ผมอยากให้ฝนตกฟ้าผ่าดังๆทำให้สะดุ้งซักทีซะเหลือเกินเผื่อมันจะทำให้ผมได้รู้ว่าตอนนี้ผมไม่ได้ฝันไปหรือเพ้อไป ผู้ชายที่ยื่นร่มให้ผมในวันที่แย่ที่สุดตรงหน้านี้กำลังขอผมคบอยู่ "นี้เรากำลังไข้ขึ้นใช่ไหมเหมือนเราฝันอยู่เลย" “ฟลุ๊คไม่ได้ฝันเราพูดจริงๆ” “สมองเราตอนนี้เหมือนมันขาวโพลนเลยนี้เรา....”

 

          ฝันไปจริงๆด้วยเป็นเอามากนะฟลุ๊คเอ้ยฝันอะไรที่เป็นไปไม่ได้แท้ๆ กันต์ไม่มีทางมาขอผมเป็นแฟนอยู่แล้วผมค่อยๆกระพริบปรับสายตาให้รับกับแสงก่อนจะหันไปมองรอบๆ ว่าแต่ที่นี้ที่ไหนละแล้วผมมานอนอะไรที่นี้ “โอ้ย...” เหมือนจะมีบางอย่างติดที่แขนด้านซ้ายผมค่อยๆหันไปดู เข็มน้ำเกลืองั้นหรอ นี้ผมอยู่ที่โรงพยาบาลงั้นหรอ “ตื่นแล้วหรอเป็นห่วงแทบแย่” “กันต์!!...” “ทำไมทำหน้าแบบนั้นอะกินน้ำก่อนนะเป็นไงบ้างเวียนหัวไหม” “เรามาอยู่ที่นี้ไงได้” “ก็ฟลุ๊คอยู่ๆก็ล้มลงเราก็เลยพามาหาหมอ” “หรอ...ขอบใจนะนี้เราคงไม่ได้ฝันใช่ไหม” “ฝัน?...ทำไมฟลุ๊คถึงคิดว่าฝันละ” “ก็...ตอนที่เราหลับไปเหมือนเราจะฝันว่า...เออคือ.” “ฝันว่าอะไร” “ก็ฝันว่า...กันต์ขอเราเป็นแฟนที่สถานีรถไฟฟ้า ฮาๆๆๆถ้าจะบ้าเนอะ”  “ไม่ใช่ความฝันซ่ะหน่อยเราขอฟลุ๊คเป็นแฟนจริงๆ” “ห่ะ???...” “เอาเถอะพักผ่อนก่อนแล้วกันเรื่องนั้นไว้ตอบทีหลังก็ได้” นี้ตกลงอันไหนความจริงอันไหนความฝันแล้วสรุปผมกับเขา...

 

          ผ่านไปสองวันที่ผมคอยมาเยี่ยมฟลุ๊คและมาดูแลเขาที่โรงพยาบาลจนวันนี้คุณหมออนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วผมก็ช่วยเขาเก็บข้าวของก่อนจะพาเขาออกจากโรงพยาบาล “ฟลุ๊คไหวไหม” “โอเคแล้วเราไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นแค่เป็นหวัดเอง” “อืม...ว่าแต่ฟลุ๊คหิวไรไหม” “เราพึ่งกินข้าวกินยาเองนะกันต์” “จริงด้วย...เดี๋ยวเราเรียกแท็กซี่ก่อนนะ” “เฮ้ยไม่ต้องสถานีรถไฟฟ้าอยู่แค่นี้เองเดี๋ยวค่อยๆเดินไปขึ้นก็ได้ขืนนั่งแท็กซี่เปลืองแย่แพงก็แพงรถก็ติด” “แต่คนจะเยอะหรือเปล่าละฟลุ๊คโอเคแน่นะ” “อืม...ไปกันเถอะเราอยากกลับบ้านจะแย่แล้ว” ผมได้แต่พยักหน้ารับก่อนจะพาอีกคนเดินมาที่สถานีรถไฟฟ้า “เดี๋ยวฟลุ๊ครอตรงนี้แปบนะเราซื้อบัตรก่อน” เมื่อซื้อบัตรเสร็จผมก็เดินกลับมาหาคนที่ยืนอยู่หน้าร้านขายน้ำที่ยืนจ้องมาที่ผม “ไปเถอะกลับบ้านกัน” “เดี๋ยวก่อนกันต์” “มีอะไรหรอ” “คือว่า...กันต์ขอเราเป็นแฟนตรงนี้ใช่ไหมเมื่อสองวันก่อน” อยู่ๆใจผมก็เต้นแรงไม่เป็นจังหวะก็ใครจะไปคิดว่าเขาจะถามผมแบบนี้ “ว่าไงใช่ไหมถ้าเราจำไม่ผิด” “อือ...” “งั้นกันต์ไม่ขอเราใหม่หรอ” “ขอ?...หมายความว่าไง” “ก็วันนั้นกันต์ยังไม่ได้คำตอบไม่ใช่หรอ” “อืม...” “ขอใหม่ซิเราพร้อมจะให้คำตอบแล้ว” ผมมองใบหน้าที่ยิ้มให้ผมอย่างเขินอายก่อนจะค่อยๆพูดออกไป “เป็นแฟนกับเรานะ” “อืม...จากสถานีแรกจะสิ้นสุดสถานีไหนละ” “ปลายทางสิ้นสุดที่สถานีไหนช่างมันเถอะตอนนี้มีแค่ฟลุ๊คกับเราก็พอแล้ว” “แต่ระว่างทางเราอาจไม่ได้นั่งสบายนะ” “แต่อย่างน้อยๆถ้ายืนด้วยกันมันก็มีความสุขไม่ใช่หรอ” “แต่บางสถานีฟลุ๊คอาจโดนผู้คนเบียดเสียดจนเหนื่อยนะ” “แต่ทุกครั้งกันต์ก็คอยยืนกันคนอื่นๆให้เราไม่ใช่หรอ” “แต่....” “พอเถอะสถานีต่อไปจะเป็นยังไงไม่สำคัญหรอกคนร่วมทางต่างหาที่สำคัญ” “ขอบคุณนะฟลุ๊คที่ให้โอกาสเรา” “ขอบคุณสถานีนี้เถอะที่ทำให้เราได้พบกัน” “ไปกลับบ้านกันดีกว่า”  สุดเส้นทางจะเป็นยังไงตอนนี้คงไม่มีอะไรสำคัญเท่ามือของเราทั้งสองคนที่กุมมือกันแล้วละ ขอบคุณนะBTSที่ทำให้เราได้พบกัน

 

v

v

v

ขอบคุณที่ติดตาม #BTSสถานีความรัก

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา