Night School : Lost Memories
-
เขียนโดย Kyoso12
วันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2559 เวลา 14.46 น.
5 chapter
0 วิจารณ์
7,904 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 13 กันยายน พ.ศ. 2559 21.27 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
3) ศพที่สาม
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความครืด......ครืด......ครืด....ครืด....
ไม่ใช่คนใช่มั้ย......ร่างของผู้ชายคนหนึ่งกำลังเดินมาทางนี้โดยที่มือข้างหนึ่งถือหัวใจส่วนมืออีกข้างหนึ่งลากศพมาด้วย ดวงตาของมันกลวงโบ๋ทั้งสองข้างอีกด้วย
“ข้า....ได้กลิ่น.....” เมื่อได้ยินเสียงพูดของมันฉันจึงนั่งย่อตัวลงกับพื้นและใช้มือทั้งสองข้างปิดจมูกเพื่อกลั้นหายใจเอาไว้
“..หัวใจ.....ข้าต้องการหัวใจ.........” ในจังหวะที่มันกำลังจะเคลื่อนผ่านฉันไปฉันก็ทำได้แค่กลั้นหายใจและอยู่ให้เงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ หวังว่าจะรอดจากตรงนี้ได้นะ...........
“ไม่ต้องซ่อนหรอก........ข้าได้ยินเสียงหัวใจของเจ้า.........” ผีตนนี้หันมาทางฉันและทิ้งศพที่ลากมาด้วยทันที!!!
“หัวใจ!!!” ผีตนนี้รีบตรงมาทางฉันทันที ไม่ได้การละ! ฉันรีบวิ่งออกไปอีกทางทันทีทันใด และพยายามวิ่งไปอย่างสุดแรงเกิดเท่าที่จะทำได้!
“เอา..หัวใจเจ้ามา.....” เสียงนั่นยังคงไล่ตามหลังของฉันมาและถ้าขืนฉันยังวิ่งอยู่อีกคงจะหมดแรงและก็เสร็จมันแน่ ทางที่ดีรีบเข้าไปหลบในห้องเรียนจะดีกว่า! ว่าแล้วฉันก็เบี่ยงตัวไปทางขวา เข้าไปในห้องเรียนที่อยู่ใกล้ที่สุด! ปิดประตู! และล็อคเอาไว้!!
ฉันยืนตั้งสติและหายใจเข้าออกอย่างรุนแรงจากการวิ่งหนีผีเมื่อสักครู่ โอย ไม่ได้วิ่งแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ
“อุ๊บ!!” มีใครบางคนเข้ามาปิดปากฉันเอาไว้จากทางด้านหลังและฉุดฉันให้นั่งลงกับพื้น ฉันพยายามจะดิ้นแต่คนที่อยู่ด้านหลังของฉันก็จัดการใช้แขนอีกข้างหนึ่งรวบแขนทั้งสองข้างของฉันเอาไว้
“ชู่ว....เงียบซะ..แล้วมองไปที่เพดาน..” คนข้างหลังกระซิบที่ข้างหูของฉัน ซึ่งมันทำให้ฉันเงยหน้ามองเพดานตามที่คนนี้บอกก็พบวิญญาณของหญิงสาว 4 คนกำลังห้อยหัวและมองไปมารอบห้อง
ใบหน้าของพวกเธอสยดสยองราวกับศพที่ถูกแทะโลมจากพวกหนอน(เท่าที่เห็นลางๆอ่ะนะ) ซึ่งนั่นทำให้ฉันถึงกับต้องกลืนน้ำลายของตัวเอง นี่มันอะไรกัน! ฉันหนีจากข้างนอกมายังต้องมาเจอในนี้อีกหรอ
“ตั้งสติซะ.....แล้วออกจากห้องนี้ให้เงียบที่สุด...” เค้ากระซิบที่ข้างหูของฉันอีกครั้งฉันจึงค่อยๆพยักหน้า และจากนั้นเค้าจึงค่อยๆผละมืออกจากปากของฉันและเปลี่ยนมาเป็นจับมือแทนเค้าเดินย่องนำหน้าฉันไป
ฉันอยากจะเห็นหน้าของเค้านะแต่ในห้องนี้มันโคตรมืดอ่ะ! มองไม่ค่อยถนัด หงุดหงิด! เมื่อเราทั้ง 2 ย่องตัวออกมาจากในห้องนั้นได้แล้วจึงค่อยๆลุกขึ้นยืน เดินไปอย่างช้าๆและก้าวอย่างเงียบที่สุด เค้าจะนำฉันไปไหนกันแน่นะ
“นี่เธอ.....คิดไว้รึยังว่าจะไปที่ไหน....” เค้าหันมากระซิบที่ข้างหูฉันเบาๆ
“ห้องเก็บของ...”
“โอเค....” คนข้างหน้าเดินนำไปอย่างช้าและเงียบเชียบทุกอย่างก้าว บางทีก็ทำให้ฉันสงสัยว่าเค้าเป็นใครกัน
“นี่..”
“ชู่ว....อย่าพึ่งพูดอะไร” ยังไม่ทันจะพูดต่อคนตรงหน้าหยุดเดินและบอกให้ฉันเงียบจากนั้นเค้าจึงพาฉันไปยืนชิดติดกำแพง ซึ่งดูเหมือนว่าเค้าจะได้ยินเสียงอะไรละมั้ง
“กลั้นหายใจซะ....” เค้าใช้มืออีกข้างหนึ่งปิดปากของฉันจนแน่น
กึก....กึก....
เสียงร้องเท้าส้นสูงงั้นหรอ? ของใครกัน?
กึก....กึก....กึก.....
เสียงส้นสูงนั่นค่อยๆมาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งถ้าเป็นคนอื่นอาจจะทำให้สติแตกและวิ่งหนีไป แต่สำหรับฉัน ฉันไม่กลัวหรอกนะแต่แค่รู้สึกประหม่าและกดดันจนหัวใจของฉันแทบจะหยุดเต้น...
กึก.....
ฉันไม่ชอบอะไรแบบนี้เลย..แถมต้องฟังคำสั่งของคนแปลกหน้าที่อยู่ตรงหน้าด้วย
กึก!
เสียงของส้นรองเท้าที่กระทบกับพื้นมันดังมาก ราวกับว่ามันกำลังอยู่ตรงหน้าของฉันซึ่งมันไม่ใช่!
กึก....กึก.....กึก....
เสียงรองเท้าส้นสูงนั่นกำลังเดินผ่านไป นั่นทำให้รู้สึกใจชื้นขึ้นหน่อย คนตรงหน้าฉันค่อยๆผละมือออกก่อนที่จะพาฉันเดินเงียบๆต่อไปเรื่อยๆจนกระทั่งเราเดินมาถึงห้องเก็บของ คนตรงหน้าฉันพยายามเปิดประตูอย่างเงียบๆและช้าๆก่อนที่จะรีบเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็วและจัดการปิดประตูทันที!
“นี่ ให้ฉันพูดได้รึยัง”
“ได้ละ” คนตรงหน้าฉันพูดขึ้นเป็นเสียงของผู้ชาย? ห๊ะ!!! ผู้ชาย!! ใช่ฉันเดินตามผู้ชายมาแต่ด้วยเมื่อสักครู่นี้ฉันตกใจและกดดันจนอกอีแป้นจะแตกเลยไม่ได้สังเกตุเสียงของคนตรงหน้าเลย โง่ดักดานเลยฉัน!! ไปหมดแล้วภาพพจน์นักศึกษาเกียรตินิยม เฮ้อ ช่างมันเถอะ ฉันหยิบมือถือขึ้นมาแล้วเปิดไฟฉายเพื่อจะดูหน้าตาคนที่อยู่ตรงหน้า
“นี่เธออย่าเปิดไฟส่องหน้าได้มั้ย!!!”
“นาย!!!!” เมื่อฉันเห็นหน้าคนตรงหน้าก็ถึงกับตกใจสุดขีดเมื่อเห็นว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคือผู้ชายที่หาเรื่องฉันเมื่อเช้า!!!OMG แบบนี้ก็เสือ 2 ตัวอยู่ด้วยกันนะสิสงสัยต้องมีใครสักคนตายแล้วแหละ
“มึงช่วยหันไฟไปทางอื่นก่อนได้มั้ย!!!”
“ก็ได้ๆ” ฉันหันมือถือไปทางอื่นทันทีและพยายามหลบสายตาของคนที่อยู่ตรงหน้า ขอโทษแล้วกันยะ!! จากนั้นคนตรงหน้าก็จัดการผลักฉันให้ไปชิดกับกำแพงแล้วใช้มือข้างขวากดข้อมือของฉันเอาไว้ให้ชิดกับกำแพง
“ว่าแต่เธอมาทำอะไรที่นี่!” คนตรงจ้องมาที่ฉันด้วยสายตาดุดันแต่ขอโทษนะฉันไม่กลัวหรอก
“มาตามเพื่อนกลับหอ”
“เพื่อนคนไหน? โรงเรียนในตอนนี้มีแค่ฉันกับเธอเท่านั้นที่อยู่ที่นี่!”
“ไม่จริง! ก่อนฉันมาถึงที่นี่ฉันยังโทรคุยกับเพื่อนฉันอยู่เลย อีกอย่างเพื่อนของฉันก็บอกว่าให้มารับที่ห้องชมรม!”
“ตลก!!! ทุกชมรมไม่มีทำอะไรทั้งนั้นแหละก็เพราะว่าเรื่องเมื่อตอนบ่ายไงละ!!!” คำพูดของคนตรงหน้าทำให้ฉันถึงกับเงียบไป ไม่อะไรงั้นหรอ? ทั้งที่ฉันพึ่งจะโทรคุยกับอันไปเมื่อสักพักนี่เองนะ!!
“...”
“คงจะยังนึกไม่ออกใช่มั้ยงั้นดูนี่ซะ!!” คนที่อยู่ตรงหน้าหยิบมือถือของเค้าขึ้นมาและเปิดรูปบางอย่างให้ฉันดู ซึ่งภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้ฉันถึงกับเบิกตากว้าง ภาพของอันในสภาพเปื้อนเลือดเต็มไปหมด เธอตายแล้วงั้นหรอ!!! แล้วฉันโทรไปหาเธอได้ยังไงละ?
แต่ดันไม่ใช่ประเด็นเพราะความรู้สึกสับสนมากมายที่อยู่ในหัวของฉันมันวิ่งชนกันไปมาจนทำให้น้ำตาเอ่อล้นมาที่ดวงตาทั้งสองข้าง ใจหนึ่งของฉันบอกว่าอันยังไม่ตายนะเธอรอฉันอยู่ที่ห้องชมรมและนี่เป็นเพียงฝันร้ายที่เกิดขึ้นกับอีกใจหนึ่งที่บอกว่าอันตายไปแล้ว
ฉันไม่ใครอีกแล้วนะ ไม่มีอักแล้วเพื่อนที่แสนดี เพื่อนที่ฉันรักที่สุดครอบครัวคนเดียวของฉันหายไปแล้ว และคนที่ฉันโทรไปหาก็คือวิญญาณของเธอที่ยังห่วงฉันอยู่
“หยุดร้องไห้ก่อนได้มั้ย! นี่ไม่ใช่เวลาที่เธอจะมาร้องไห้อาวรณ์หาเพื่อนของเธอ!”
“นายไม่มีทางเข้าใจฉันได้หรอก!”
“ก็เพราะไม่เข้าใจไง!!!! ถึงได้อยากให้หยุด!! ตั้งสติ!!! แล้วช่วยกันหาทางออกจากที่นี่ซะ!!!!” คนตรงหน้าผละข้อมือของฉันออกก่อนที่จะหันหลังให้ฉันด้วยอารมณ์หงุดหงิด
“....” ฉันนิ่งเงียบและพยายามใช้มือปาดน้ำตาของตัวเองที่กำลังไหล่อาบไปทั่วแก้ม
“รีบหาของที่จำเป็นแล้วออกไปจากห้องนี้ซะ!” คนตรงหน้าของฉันกำลังค้นและหยิบของที่ต้องการอยู่โดยไม่มีท่าที่ว่าจะสนใจคนที่อยู่ด้านหลังเลย ก็ดี! แต่ว่า....
“นี่นายฉันยังไม่รู้จักชื่อของนายเลย นายชื่ออะไร”
“ก่อนที่จะถามชื่อคนอื่นกรุณาบอกชื่อของตัวเองก่อนจะดีมั้ย?” คนตรงหน้าตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่กวนบาทามาก! น่าต่อยสัก2 3ยก
“เออๆ ฉันชื่อพรายแล้วนายละ”
“เอส”
“โอเค แค่นี้ก็รู้จักชื่อกันแล้วเนอะ”
“แต่ว่าชื่อเธอน่ะ ทำไมมันดูคล้ายๆกับผีพรายละ หรือว่าเธอเคยเป็นผีรึไง” คนตรงหน้าฉันหัวเราะในลำคอเล็กน้อย
“บ้า!!! แม่ฉันตั้งชื่อนี้ให้ก็เพราะว่ากลัวผีมันจะมาขโมยฉันไงละเลยตั้งชื่อให้ดูอัปมงคลเข้าไว้”
“อ๋อ พวกบ้านนอก”
“เออ ฉันเคยเป็นเด็กบ้านนอกแล้วมันหนักหัวนายรึไง!!!!”
“เผอิญว่าลูกคนรวยแบบฉันไม่ชอบคบพวกบ้านนอกสักเท่าไหร่”
“นี่นาย!!”
“แต่ก็เอาเถอะยังไงตอนนี้ก็ต้องช่วยเหลือกันก่อน แต่ถ้าหลังจากผ่านคืนนี้ไปแล้วเราเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าเท่านั้น”
“คงงั้นแหละ”
“ส่องไฟมาทางนี้ดิ้!!!!”
“เออๆ” ฉันส่องไฟไปตามทางที่เค้าบอก เฮ้อ ดีเหมือนกันไม่ต้องทำอะไรเลยใช้แรงงานหมอนี่ให้ถือของก็ดีเหมือนกัน
“เอานี่ไป!”
“อะไร”
“ไฟฉายไง ควาย! เอาไปใช้เดี๋ยวมือถือเธอก็แบตหมดกันพอดี” เอสยื่นไฟฉายมาให้ฉัน แต่ปัดออกไปพร้อมกับเชิ่ดหน้าไปอีกทาง
“สุภาพกับผู้หญิงหน่อยได้มั้ย!!” ฉันเบ้ปากมองคนที่อยู่ตรงหน้า
“เออๆ นี่ไฟฉายครับคุณพราย”
“นี่มาก!! เชื่องดีนะเรา”
“ยัง ยังกวนตีนอยู่อีกเดี๋ยวปั๊ด! พี่จับทำเมียซะเลย!!” คนตรงหน้าหันมามองฉันแบบเจ้าเล่ห์
“ไอ้เอส!!!” ฉันรีบคว้าไฟฉายจากคนตรงหน้าแล้วทำตาดุใส่ วอนตีนซะแล้วหมอนี่ เดี๋ยวจะได้โดนฤทธิ์ของยัยพรายแน่ เตรียมใจไว้เถอะ!
“เอาเถอะหยิบของเสร็จละ ดีนะที่ห้องนี้มีกระเป๋าอยู่เลยเก็บของได้เยอะเลย ส่วนเธอถือไฟฉายให้ฉันก็พอจะได้ดูมีประโยชน์ขึ้นหน่อย”
“ขอโทษนะ เผอิญว่าฉันไม่ใช่พวกผู้หญิงอ่อนแอแบบที่นายเคยเจอหรอกนะ!”
“งั้นก็แล้วไป แต่ช่างเถอะรีบออกไปจากห้องนี้กันดีกว่า” ว่าแล้วเอสก็ค่อยๆเปิดประตูห้องเก็บของออกและก้าวออกไป โดยที่มีฉันตามหลังมาอย่างเงียบๆ
“โอเค....เดี๋ยวฉันจะไปหาความจริงให้เธอดูเอง”
“ยังไง...”
“ห้องชมรมการแสดง....”
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ