Night School : Lost Memories

-

เขียนโดย Kyoso12

วันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2559 เวลา 14.46 น.

  5 chapter
  0 วิจารณ์
  7,902 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 13 กันยายน พ.ศ. 2559 21.27 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

4) ศพที่สี่

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

     พวกเราทั้งสองคนเดินมาเรื่อยๆจนไปถึงยังหน้าห้องชมรมการแสดงที่อยู่บริเวณขวาของปีกอาคารเรียนในตอนนี้เอสกำลังค่อยแง้มประตูออกเพื่อให้สามารถมองไปยังข้างในห้องเรียนได้

“นี่..เธอมาดูสิ” เอสกระซิบที่ข้างหูของฉันก่อนที่จะค่อยดึงแขนของฉันให้มาอยู่ทางด้านหน้าของเค้า

    เพื่อจะให้ฉันได้มองเข้าไปข้างในห้องนี้ และเมื่อฉันเพ่งมองเข้าไปในห้องชมรมก็พบผู้หญิงคนหนึ่งกำลังนั่งก้มหน้าอยู่บนเก้าอี้ที่ตั้งอยู่กลางห้องตามลำพังคนเดียว ซึ่งภาพที่อยู่ตรงหน้าทำให้ถึงกับต้องกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่

“จะให้ฉันเข้าไป..รึไง” ฉันหันมามองหน้าเอสที่อยู่ทางด้านหลังของฉัน

“เออสิ” เอสคำถามของฉันแต่ว่า....พูดมาได้ไงอีบ้า!! ฉันหันไปหยิกแขนของเอสเบาๆพร้อมกับส่งสายตาดุไปให้

“หยิกไมวะ”

“ให้ผู้หญิงเข้าไปคนเดียวเนี่ยนะ”

“เออดิ เพื่อนเธอไม่ใช่หรอ”

ครืด..........

   เสียงลากของเก้าอี้ในห้องชมรมการแสดงทำให้เราทั้งคู่ถึงกับเงียบในทันทีพร้อมกับหันกลับไปมองในห้องชมรม ซึ่งในตอนนี้หญิงสาวคนนั้นกำลังลุกขึ้นยืนและหมุนคอประมาณ360องศา! ก่อนที่จะหยุดมองมาที่พวกเรา!

“เอสเผ่นเถอะ...” ฉันสกิดคนที่อยู่ข้างๆ

“กะ...ก็ว่างั้นแหละแต่ว่า...”

“แต่ว่าอะไร!” ฉันเขย่าแขนของเอสให้แรงขึ้นไปอีก

“นั่น!” เอสชี้ไปทางด้านซ้ายมือของเค้า เมื่อฉันมองไปถึงกับต้องเบิกตากว้าง!

กึก....กึก!

นั่นผีที่สวมส้นสูงนี่!!! ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยเลือดและท้องที่แหวกออกเผยให้เห็นซากเด็กทารกที่อยู่ในนั้น

“เมื่อรออะไรอยู่ละวิ่งดิ!!!” ฉันรีบคว้ามือคนที่อยู่ข้างๆและพาวิ่งไปทันที! โอย!! หนีเสือปะจระเข้จริงๆ!!!!

“แบบนี้จะวิ่งไปไหนละ!” เอสถามฉันในขณะที่พวกเรากำลังวิ่ง

“ไม่รู้เหมือนกันเจอห้องไหนปลอดผีก็ห้องนั้นแหละ!!”

“งั้นขึ้นไปห้องเรียนที่อยู่ข้างบนดีกว่า! รีบวิ่งขึ้นบันไดไปเร็ว!!”

“แต่ตรงหน้าบันไดมีผีอีก1ตัวนะ!”

“ช่างแมร่งดิ!!!!” ว่าแล้วเอสที่ตามหลังฉันมาก็กลายเป็นนำหน้าแทน และดูเหมือนว่าคนที่ถูกจูงจะเป็นฉันไปซะแล้ว! ตอนแรกหนูนำนะ!!

 

ครืด.........................

 

นั่นไงว่าแล้ว!! ผีตัวแรกที่ฉันเจอมันดักรออยู่ข้างหน้าบันได! และกำลังเดินมาทางพวกเราด้วย!

“เอาหัวใจ..........”

“หลบดิเฮ้ย!!!!!” ยังไม่ทันที่ผีตัวนี้จะเข้ามาจู่โจมพวกเรา เอสก็ใช้เท้าของเค้าถีบเข้าที่ท้องของผีตัวนี้อย่างเต็มแรงจนถึงกับกระเด็นไปเลย!! นี่มันเรื่องบ้าอะไรวะเนี่ย!!!

“ไปเร็ว!!!!” ยังไม่ทันที่ฉันจะตกตะลึงอะไรเอสก็รีบลากฉันให้ขึ้นบันไดไป

“ถีบมันได้ด้วยหรอ!!!”

“กูไม่รู้เว้ย!!!! รู้แค่ว่ามันขวางทางก็เลยถีบแค่นั้นแหละ!! รีบตามมาก่อนเถอะ!!!”

เอสรีบเร่งฝีเท้าให้เร็วกว่าเดิม ส่วนฉันเองก็ต้องรีบตามเค้าให้ทันให้ทันไม่งั้นมีล้มแน่!

พวกเราวิ่งขึ้นบันไดจนขึ้นมาถึงยังชั้น 2 ของอาคารเรียน จากนั้นเอสจึงวิ่งนำและพาพวกมาอยู่ในห้องเรียนที่อยู่ทางด้านซ้ายมือของบันได

 

ปึ้ง!!!!

 

เอสปิดประตูอย่างแรงพร้อมกับล็อคมันเอาไว้ ส่วนฉันเองก็รีบเดินไปล็อคประตูที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งเหมือนกัน และเมื่อเช็คอะไรต่างๆในห้องเรียบร้อยดีแล้ว คงถึงเวลาที่เราจะได้กันแล้วหลังจากที่วิ่งหนีผีถึง 3 ตัวไปเมื่อสักครู่นี้ ฉันนั่งลงบนโต๊ะที่อยู่ใกล้และพยายามควบคุมอาการหอบจากการวิ่งเมื่อครู่

“เฮ้อ เหนื่อยชะมัด!” เอสบ่นขึ้น

“เออสิ ว่าแต่เมื่อกำลังจะกรี้ดเลยตอนนายถีบผีตัวนั้นอ่ะ”

“ทำไม? ไม่เคยโดนคนหล่อปกป้องรึไง” เอสหันมาส่งสายตาเจ้าเล่ห์ให้กับฉัน ทำให้ฉันต้องกรอกตาขึ้นบนด้วยความรู้สึกที่แบบว่า เอิ่ม... จะหลงตัวเองไปม๊ะ!

 

“แหวะ ที่จะกรี้ดเพราะถ้านายถีบพลาดแล้วผีมันจับนายได้นี่จบเลยนะ!”

“จบยังไง? คนอย่างฉันเนี่ยนะจะตาย? โธ่ น้องสาวรู้มั้ยว่าคนหล่อๆอย่างเฮียเนี่ยไม่เคยแพ้ใครมาก่อนเลยนะ” เอสพูดด้วยน้ำเสียงที่กวนบาทามาก! พร้อมกับโค้งตัวมาใกล้ฉันที่กำลังนั่งอยู่

“หรอ! มาดวลฟิสิกส์กันป่ะละ!”

“อี๊!! ยัยเด็กเรียน!”

“ถึงจะเป็นเด็กเรียนแต่ก็หน้าตาดีมากนะฮะ!!” ฉันดัดจริตเสียงของฉันนิดหน่อยและก็ทำหน้ากวนบาทาใส่คนที่อยู่ตรงหน้าบ้าง

“จะอ้วก” คนตรงหน้ายอมถอยแต่โดยดีและนั่งลงบนโต๊ะที่อยู่ด้านหน้าของฉัน

“ก็พอกันนั่นแหละ! เออ ว่าแต่นายมาอยู่นี่ได้ยังไง?”

“คือว่าฉันมีธุระนิดหน่อยก็เลยมาที่นี่ตอนประมาณสี่ทุ่มครึ่งและจากนั้นที่นี่ก็กลายเป็นแบบนี้ จนกระทั่งมาพบกับเธอเนี่ยแหละ แล้วเธอละ”

“อย่างที่บอกนั่นแหละ ฉันมารับเพื่อนของฉันกลับหอและก็มาเอารายงานไปส่งที่ห้องครูด้วย”

“แต่ว่าเพื่อนของเธอ.....”

“...” เมื่อได้ยินดังนั้นฉันจึงเบือนหน้าหนีไปอีกทางและไม่ตอบอะไรไป

“โอเค...ไม่พูดเรื่องนี้ก็ได้ เปลี่ยนเรื่องถามละกัน”

“อื้ม”

“เธอเป็นใครว่าจากไหน และบ้านอยู่ที่ไหน” เมื่อฉันได้ยินคำถามจากปากของเอส ถึงกับทำให้ฉันก้มลงไปคิดอยู่สักครู่หนึ่งก่อนที่จะเงยหน้ามองคนที่อยู่ตรงหน้า

“ขอไม่ตอบได้ป่ะ?”

“ไม่ได้! ถ้าไม่ตอบเดี๋ยวเฮียจะลวนลามจนกว่าน้องตอบคำถามของเฮีย” เอสสายตาเจ้าเล่ห์ส่งมาที่ฉันอีกแล้วหมอนี่เอะอะก็ส่งสายตาเจ้าเล่ห์ เดี๋ยวเถอะๆ เดี๋ยวจะเจอนวดหน้าด้วยฝ่าเท้า

“โหย ก็ได้!”

“ว่ามา”

“คือ..เดิมทีฉันเป็นลูกของหมอผีอ่ะนะ”

“ห๊ะ!! จริงดิ!”

“จริง! เล่าต่อนะ แล้วคือ..ด้วยความที่พ่อของฉันเป็นหมอผีที่บ้านก็เลยเลี้ยงผีเอามากมาย แต่ว่าตอนนั้นด้วยความที่ฉันยังเป็นเด็กอยู่ก็เลยไม่เชื่อ จนวันหนึ่ง....ฉันเผลอไปทำขวดโหลที่ขังผีพวกนั้นแตกออกเป็นเสี่ยงๆ และผีพวกนั้นก็เข้าไปเข้าสิง........แม่ของฉัน......”

“แล้วยังไงต่อ....”

“แม่....ฆ่าชาวบ้านทุกคนในหมู่บ้านจนไม่เหลือ ส่วนพ่อก็ไล่ให้ฉันหนีไปในขณะที่เค้ากำลังใช้คาถาอาคมทั้งหมดที่มีอยู่ในการจัดการแม่.....” ในขณะที่ฉันกำลังเล่าเรื่องราวของฉันอยู่นั้นน้ำตาก็ค่อยเอ่อล้นออกมา

“แล้ว....สุดท้ายเป็นไง.....”

“พวกเค้าตายทั้งคู่....พ่อพยายามสะกดวิญญาณพวกนั้นไว้ได้แต่ก็โดนของกลับมาเล่นงานใส่ตัวเองจนตาย....นั่นคือภาพสุดท้ายที่ฉันเห็น...ฉันกลัวมาก...ฉัน ฉันวิ่งหนีมาเรื่อยๆและ...จนกระทั่งฉันได้เจอกับอัน....และตอนนี้เธอก็มาจากฉันไป...อีกคน....”

   ฉันก้มหน้าร้องไห้อยู่ตรงนั้นด้วยความเสียใจที่สะสมมานานแรมปี บาดแผลลึกในใจที่ฉันว่าอันรักษาจนหายแล้วแต่มันก็ยังอยู่ในใจของฉัน จนกระทั่งวันนี้ฉันถึงได้รู้ว่า..มันไม่เคยไปไหนเลย ตราบใดที่ฉันไม่นึกถึงมัน.....

“พราย...ไม่เอาดิ หยุดร้อง!” เอสลุกขึ้นและเดินเข้ามาเชยคางของฉันเพื่อให้เงยหน้าขึ้น

“...” ฉันได้แต่สายหัวและน้ำตาก็ไหลออกมามากกว่าเดิมซะอีก

“พราย...”

“...”

“พรายหยุดร้องเถอะ....” คนตรงหน้าฉันพยายามใช้มือทั้งสองข้างปาดน้ำตาของฉัน ฉันพยายามใช้มือของฉันปัดมือของคนที่อยู่ตรงหน้าออกเพื่อเป็นการปฏิเสธ ผู้หญิงอย่างฉันต้องการคำปลอบใจจากอันเท่านั้นแหละ แต่ในเมื่ออันไม่อยู่แล้วฉันก็ต้องเข้มแข็งด้วยตัวเองสิ

 

“มานี่ยัยบื่อ!!!” ว่าแล้วเอสก็ดึงตัวฉันให้เข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของเค้า และถึงฉันจะพยายามผลักออกเท่าไหร่เอสก็ไม่ยอมปล่อยเลย

“ปล่อย!”

“ไม่! ก็เธอมันดื้อ! บอกให้หยุดร้องก็ไม่ยอมหยุด! แล้วอีกอย่างฉันเห็นเธอท่าทางจะร้องไห้ตั้งแต่อยู่ในห้องเก็บของแล้วเพราะฉะนั้นตอนนี้ร้องไห้ออกมาเถอะ ร้องให้เต็มที่ฉันจะไม่มองเธอหรอก”

  เอสกำชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้นซึ่งมันทำให้ฉันรู้สึกถึงไออุ่นที่ออกมาจากตัวเค้า ส่วนฉันก็ทำได้แต่ร้องไห้ปลดปล่อยสิ่งที่อยู่ในใจนั้นออกมา ร้องไห้ราวกับคนบ้า และร้องไห้แบบแทบขาดใจ......

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา