Love the most รักที่สุดนายเคียวย์
7.7
เขียนโดย สาวแว่น
วันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2558 เวลา 13.27 น.
10 ตอน
6 วิจารณ์
13.36K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2558 15.17 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
3) ตอนที่ 3 ข้าวต้ม
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ #3 ข้าวต้ม
ฉันปั่นจักรยานมาถึงหน้าบ้านของเคียวย์ บ้านของเคียวย์เป็นบ้านทรงญี่ปุ่น เพราะว่าพ่อของเคียวย์เป็นคนญี่ปุ่น เป็นบ้านสองชั้นมีสวนเล็กๆมีจักรยานหนึ่งคันจอดอยู่ข้างบ้าน
ฉันเดินไปที่หน้าประตูบ้าน กดกริ่งฉันยื่นรอคนในบ้านเปิดประตู รอสักพักก็มีเสียงคนเดินลงมาจากบ้านมาเปิดประตู ประตูเปิดออกก็พบกับใบหน้าของบุคคลที่คุ้นเคย
“เคียวย์!” ใบหน้าของเขาซีด ดูเหมือนจะยื่นไม่คงที่เพราะเขาได้เอาตัวเองไปพิงกับขอบประตู หายใจหอบ มีเหงื่อ สายตาของเคียวย์มองมาที่ฉันมองด้วยความสงสัย
“เธอมาทำไม” เสียงที่ฟังๆจะแหบแห้งและเบาของเคียวย์พูด
“คือ ป้าน่อยให้มาดูนายเพราะดูเหมือนจะไม่สบาย และฉันเอาเสื้อกันหนาวมาคืนด้วยนะ” ฉันยื่นเสื้อกันหนาวให้เขา เขาหยิบไปและก็หลีกทางให้ฉันเข้าไปในบ้าน
ฉันเดินเข้ามาก็พบว่าภายในบ้านของเขานั้นเป็นสไตล์ญี่ปุ่นไปหมด ที่เปิดประตูเข้าไปก็เจอกับบันได้อยู่ด้านขวามือ มีที่วางรองเท้าอยู่ใกล้ประตูบ้าน พูดง่ายๆก็คือว่า คล้ายบ้านของโนบิตะนั้นเอง แต่ว่ามีเนื้อที่มากกว่า ฉันเดินเขาไปที่ห้องรักแขก พื้นของห้องรับแขกจะเป็นเสื้อทาทามิ มีโต๊ะอุ่นขา ซึ่งฉันก็ไม่รู้เหมือนว่าจะได้ใช้หรือเปล่าเพราะดูเหมือนประเทศไทยจะไม่มีฤดูหนาวให้ใช้ที่อุ่นขาอะไรอย่างนี้ และมีทีวีจอแบน และมีประตูเลื่อนที่เป็นกระจกและเห็นทัศนียภาพข้างนอกได้อย่างชัดเจน เคียวย์เดินตามหลังมาฉันได้สังเกตการเดินของเขาก็รู้ว่าเขาอย่างทุลักทุเล ฉันทนไม่ไหวก็เลยเดินไปหา
“เคียวย์ ไหวไหมเนี่ย” ฉันเอามือไปจับที่แขนของเคียวย์ แขนของเขาร้อนมาก จนฉันสะดุ้งฉันมองไปที่หน้าของเขาก็พบว่าหน้าของเคียวย์เต็มไปเหงื่อ หน้าซีด
“เคียวย์ นายตัวร้อนมากเลยนะ” ฉันพูดด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรหรอกน่า!!” เขาสถบออกมา เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยเหมือนรำคาญ ก่อนที่จะเดินหนีฉัน เคียวย์เดินโซเซและร่างของเขาก็ล้มลง
“เคียวย์!!” ฉันรีบวิ่งไปหาร่างที่นอนอยู่ที่พื้นที่อยู่ในท่านอนที่นอนคว่ำอยู่ ฉันจับร่างของเคียวย์ให้นอนหงาย ร่างกายของเขาร้อนเหมือนไฟ เคียวย์หายใจหอบ และเหงื่อก็เต็มหน้าผา ฉันคายกระดุม เม็ดบนสุดของชุดนอนของเขาเพื่อให้หายใจสะดวก ฉันลุกขึ้นไปที่ห้องครัวไปหากะละมังเล็กๆมาใส่น้ำ และหยิบผ้าเช็ดหน้าของฉันที่ยังไม่ได้ใช้ออกมาจากกระเป๋ากางเกง ฉันเดินกลับมาหาร่างของเขาที่นอนอยู่ที่ห้องรับแขก ฉันเอาผ้าชุบน้ำในกะละมัง ฉันเช็ดตัวให้แค่ตรงหน้าของเขาและลำคอและแขน เท่านั้นเพราะฉันว่ามันไม่สมควรที่เราจะเช็ดไปมากกว่านี้ เพราะยายสอนมาดีคะกิกิ ฉันมองใบหน้าของเคียวย์ เขามีขนตาที่ยาว จมูกสันโด่ง เข้ากับใบหน้าของเขาเป็นอย่างดี
ฉันมองนาฬิกา ก็พบว่าตอนนี้มันก็ เก้าโมงแล้วฉันคิดว่าเคียวย์ต้องหิวแน่ๆเลยถ้าตื่นมา ฉันเลยลุกขึ้นและเดินไปที่ห้องครัว เพราะว่าฉันจะทำขาวต้มให้คียวย์กิน ‘จะแสดงฝีมือให้ดูว่าฉันน่ะทำอาหารอร่อยแค่ไหน’ ฉันเปิดดูสูตรอาหารในเน็ตไปฉันทำไปเรื่อยๆจนมันออกมาแบบ.....
Kyoy Talk
ผมสูดกลิ่นที่มาแตะจมูกของผม มันไม่ใช่กลิ่นหอมแต่ว่าเป็นกลิ่นเหมือนอะไรไหม้ๆ...ไหม้!!! ผมรีบลืมตาและรีบลุกขึ้นและก็มองไปที่ต้นกลิ่น และกลิ่นนั้นมาจากห้องครัว ผมรีบวิ่งไปดู พอไปถึงเห็นว่าควันได้เต็มห้องครัวไปหมด ผมเห็นร่างของใครบางคนอยู่กลุ่มควันพวกนั้น จนผมมองไปเรื่อยๆจนรู้ว่าร่างนั้นก็คือ น้ำขิง ผมปีดเลยตะโกนออกไป
“นี้เธอทำอะไรเนี่ยน้ำขิง!” ผมตะโกนออกไป น้ำขิงตกใจนิดหน่อยและก็หันหน้ามามองผมโดนที่มืออีกข้างของเธอก็ถือทัพพีอยู่
“ทำข้าวต้มให้นายกินไง” เธอตอบด้วยท่าทางที่ไม่รู้เลยว่าตัวเองทำอะไรผิด ผมเดินไปเปิดหน้าต่างห้องครัวทุกบานจนควันก็ออกไปจากห้องครัวทำให้มีอากาศหายใจมากขึ้น
“เธอจะทำข้าวต้มหรืิอจะเผาบ้านฉันกันแน่” ผมพูดประชดใส่เธอ ผมเดินไปแย่งทัพพีมาจากมือของเธอ และทำการหยิบหม้อไปทิ้งเพราะข้าวต้มในหม้อตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นไหม้
“บอกสูตรมาเดี๋ยวทำเอง” เธออึ้งนิดหน่อยก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์ออกมาบอกสูตรกับผม ผมฟังจากสูตรที่เธอบอกทุกอย่าง จนหน้าตาก็ออกมาอย่างเห็นก็คือ ข้าวเป็นสีขาวและมีหมูนิดหน่อย ทุกคนคงสงสัยกันใช่ครับว่าทำไมผมถึงทำทุกอย่างได้อย่างชำนาญ นั้นก็เพราะว่าผมอยู่บ้านคนเดียวบ่อยก็เลยเบื่อที่จะกินม่าม่าทุกวัน เลยลองทำดูไปเรื่อยๆ จนทำให้คนข้างบ้านที่ได้กลิ่นอาหารที่ผมเป็นคนทำเลยออกปากชม
“อื้ม...กลิ่นหอมจัง” น้ำขิงพูดออกมาพร้อมหลับตาสูดกลิ่นข้าวต้ม ผมมองเธอผมหัวเราะเบาๆ เพราะหน้าตาตอนนี้ของเธอมันตลกมาก
ผมหยิบถ้วมมาเพื่อจะมาตักข้าวต้มไปกิน ผมก็เหลือบไปมองหน้าของน้ำขิงนั้นก็ทำให้ผมเห็นว่าเธอมองข้าวต้มด้วยดวงตาเป็นประกาย หิวล่ะสิ
“เธอจะกินด้วยไหมล่ะ”
“ไม่หรอ” เธอยิ้มแห้งๆตอบมา
จ๊อกกก ๆๆๆ นี้เหรอไม่หิว ทำไมปากไม่ต้องกับท้องอย่างนี้ล่ะ เธอก้มหน้าลง
“หึ นี้หรอไม่หิว” ผมหัวเราะเบาๆและก็หยิบถ้วยมาใส่ข้าวต้มอีกถ้วยและก็ยื่นให้เธอ
“ขอบคุณ” เธอหยิบถ้วยจากมือผม และเราสองคนก็ไปนั่งที่โต๊ะอาหาร เธอทำไมจะต้องก้มหน้าและก็ไม่กินข้าวต้มเลยเหมือนเธอจะพูดอะไรบางอย่าง
“ขอโทษนะเป็นความผิดของฉันเองที่ทำให้นายไม่สบาย” เธอพูดด้วยที่เศร้า
“มันไม่ใช่ความผิดของเธอสักหน่อยที่ฉันไม่สบายก็เพราะว่าฉันไม่ยอมห่มผ้าเท่านั้น” ผมพูดและยิ้มให้เธอเพราะไม่อยากให้เธอโทษตัวเอง เธอก้มหน้าและดูเหมือนว่าเธอจะหน้าแดงๆและนั่งกินข้าวต้มไปอย่างเงียบๆ เธอคงไม่ได้ติดไข้ผมนะ เรื่องที่ผมบอกว่าไม่ได้ห่มผ้าเป็นเรื่องจริงเพราะ หลังจากที่ผมกลับบ้านในวันนั้นผมก็ไปอาบน้ำสระผมและก็เปิดแอร์ตอนนอนและก็ไม่ห่มผ้าก็เลยทำให้ผมไม่สบาย
พอเธอกินหมดเธอก็ไปล้างจานให้แล้วก็ขอตัวกลับบ้านไป
“ฉันขอกลับบ้านก่อนนะ” เธอพูดและก็เดินออกไปจากบ้านและก็เดินไปที่รถจักรยานของเธอและก็ปั่นกลับไป ผมมองเธอปั่นจนลับสายตาไปผมจึงเข้าบ้าน
ฉันปั่นจักรยานมาถึงหน้าบ้านของเคียวย์ บ้านของเคียวย์เป็นบ้านทรงญี่ปุ่น เพราะว่าพ่อของเคียวย์เป็นคนญี่ปุ่น เป็นบ้านสองชั้นมีสวนเล็กๆมีจักรยานหนึ่งคันจอดอยู่ข้างบ้าน
ฉันเดินไปที่หน้าประตูบ้าน กดกริ่งฉันยื่นรอคนในบ้านเปิดประตู รอสักพักก็มีเสียงคนเดินลงมาจากบ้านมาเปิดประตู ประตูเปิดออกก็พบกับใบหน้าของบุคคลที่คุ้นเคย
“เคียวย์!” ใบหน้าของเขาซีด ดูเหมือนจะยื่นไม่คงที่เพราะเขาได้เอาตัวเองไปพิงกับขอบประตู หายใจหอบ มีเหงื่อ สายตาของเคียวย์มองมาที่ฉันมองด้วยความสงสัย
“เธอมาทำไม” เสียงที่ฟังๆจะแหบแห้งและเบาของเคียวย์พูด
“คือ ป้าน่อยให้มาดูนายเพราะดูเหมือนจะไม่สบาย และฉันเอาเสื้อกันหนาวมาคืนด้วยนะ” ฉันยื่นเสื้อกันหนาวให้เขา เขาหยิบไปและก็หลีกทางให้ฉันเข้าไปในบ้าน
ฉันเดินเข้ามาก็พบว่าภายในบ้านของเขานั้นเป็นสไตล์ญี่ปุ่นไปหมด ที่เปิดประตูเข้าไปก็เจอกับบันได้อยู่ด้านขวามือ มีที่วางรองเท้าอยู่ใกล้ประตูบ้าน พูดง่ายๆก็คือว่า คล้ายบ้านของโนบิตะนั้นเอง แต่ว่ามีเนื้อที่มากกว่า ฉันเดินเขาไปที่ห้องรักแขก พื้นของห้องรับแขกจะเป็นเสื้อทาทามิ มีโต๊ะอุ่นขา ซึ่งฉันก็ไม่รู้เหมือนว่าจะได้ใช้หรือเปล่าเพราะดูเหมือนประเทศไทยจะไม่มีฤดูหนาวให้ใช้ที่อุ่นขาอะไรอย่างนี้ และมีทีวีจอแบน และมีประตูเลื่อนที่เป็นกระจกและเห็นทัศนียภาพข้างนอกได้อย่างชัดเจน เคียวย์เดินตามหลังมาฉันได้สังเกตการเดินของเขาก็รู้ว่าเขาอย่างทุลักทุเล ฉันทนไม่ไหวก็เลยเดินไปหา
“เคียวย์ ไหวไหมเนี่ย” ฉันเอามือไปจับที่แขนของเคียวย์ แขนของเขาร้อนมาก จนฉันสะดุ้งฉันมองไปที่หน้าของเขาก็พบว่าหน้าของเคียวย์เต็มไปเหงื่อ หน้าซีด
“เคียวย์ นายตัวร้อนมากเลยนะ” ฉันพูดด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรหรอกน่า!!” เขาสถบออกมา เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยเหมือนรำคาญ ก่อนที่จะเดินหนีฉัน เคียวย์เดินโซเซและร่างของเขาก็ล้มลง
“เคียวย์!!” ฉันรีบวิ่งไปหาร่างที่นอนอยู่ที่พื้นที่อยู่ในท่านอนที่นอนคว่ำอยู่ ฉันจับร่างของเคียวย์ให้นอนหงาย ร่างกายของเขาร้อนเหมือนไฟ เคียวย์หายใจหอบ และเหงื่อก็เต็มหน้าผา ฉันคายกระดุม เม็ดบนสุดของชุดนอนของเขาเพื่อให้หายใจสะดวก ฉันลุกขึ้นไปที่ห้องครัวไปหากะละมังเล็กๆมาใส่น้ำ และหยิบผ้าเช็ดหน้าของฉันที่ยังไม่ได้ใช้ออกมาจากกระเป๋ากางเกง ฉันเดินกลับมาหาร่างของเขาที่นอนอยู่ที่ห้องรับแขก ฉันเอาผ้าชุบน้ำในกะละมัง ฉันเช็ดตัวให้แค่ตรงหน้าของเขาและลำคอและแขน เท่านั้นเพราะฉันว่ามันไม่สมควรที่เราจะเช็ดไปมากกว่านี้ เพราะยายสอนมาดีคะกิกิ ฉันมองใบหน้าของเคียวย์ เขามีขนตาที่ยาว จมูกสันโด่ง เข้ากับใบหน้าของเขาเป็นอย่างดี
ฉันมองนาฬิกา ก็พบว่าตอนนี้มันก็ เก้าโมงแล้วฉันคิดว่าเคียวย์ต้องหิวแน่ๆเลยถ้าตื่นมา ฉันเลยลุกขึ้นและเดินไปที่ห้องครัว เพราะว่าฉันจะทำขาวต้มให้คียวย์กิน ‘จะแสดงฝีมือให้ดูว่าฉันน่ะทำอาหารอร่อยแค่ไหน’ ฉันเปิดดูสูตรอาหารในเน็ตไปฉันทำไปเรื่อยๆจนมันออกมาแบบ.....
Kyoy Talk
ผมสูดกลิ่นที่มาแตะจมูกของผม มันไม่ใช่กลิ่นหอมแต่ว่าเป็นกลิ่นเหมือนอะไรไหม้ๆ...ไหม้!!! ผมรีบลืมตาและรีบลุกขึ้นและก็มองไปที่ต้นกลิ่น และกลิ่นนั้นมาจากห้องครัว ผมรีบวิ่งไปดู พอไปถึงเห็นว่าควันได้เต็มห้องครัวไปหมด ผมเห็นร่างของใครบางคนอยู่กลุ่มควันพวกนั้น จนผมมองไปเรื่อยๆจนรู้ว่าร่างนั้นก็คือ น้ำขิง ผมปีดเลยตะโกนออกไป
“นี้เธอทำอะไรเนี่ยน้ำขิง!” ผมตะโกนออกไป น้ำขิงตกใจนิดหน่อยและก็หันหน้ามามองผมโดนที่มืออีกข้างของเธอก็ถือทัพพีอยู่
“ทำข้าวต้มให้นายกินไง” เธอตอบด้วยท่าทางที่ไม่รู้เลยว่าตัวเองทำอะไรผิด ผมเดินไปเปิดหน้าต่างห้องครัวทุกบานจนควันก็ออกไปจากห้องครัวทำให้มีอากาศหายใจมากขึ้น
“เธอจะทำข้าวต้มหรืิอจะเผาบ้านฉันกันแน่” ผมพูดประชดใส่เธอ ผมเดินไปแย่งทัพพีมาจากมือของเธอ และทำการหยิบหม้อไปทิ้งเพราะข้าวต้มในหม้อตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นไหม้
“บอกสูตรมาเดี๋ยวทำเอง” เธออึ้งนิดหน่อยก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์ออกมาบอกสูตรกับผม ผมฟังจากสูตรที่เธอบอกทุกอย่าง จนหน้าตาก็ออกมาอย่างเห็นก็คือ ข้าวเป็นสีขาวและมีหมูนิดหน่อย ทุกคนคงสงสัยกันใช่ครับว่าทำไมผมถึงทำทุกอย่างได้อย่างชำนาญ นั้นก็เพราะว่าผมอยู่บ้านคนเดียวบ่อยก็เลยเบื่อที่จะกินม่าม่าทุกวัน เลยลองทำดูไปเรื่อยๆ จนทำให้คนข้างบ้านที่ได้กลิ่นอาหารที่ผมเป็นคนทำเลยออกปากชม
“อื้ม...กลิ่นหอมจัง” น้ำขิงพูดออกมาพร้อมหลับตาสูดกลิ่นข้าวต้ม ผมมองเธอผมหัวเราะเบาๆ เพราะหน้าตาตอนนี้ของเธอมันตลกมาก
ผมหยิบถ้วมมาเพื่อจะมาตักข้าวต้มไปกิน ผมก็เหลือบไปมองหน้าของน้ำขิงนั้นก็ทำให้ผมเห็นว่าเธอมองข้าวต้มด้วยดวงตาเป็นประกาย หิวล่ะสิ
“เธอจะกินด้วยไหมล่ะ”
“ไม่หรอ” เธอยิ้มแห้งๆตอบมา
จ๊อกกก ๆๆๆ นี้เหรอไม่หิว ทำไมปากไม่ต้องกับท้องอย่างนี้ล่ะ เธอก้มหน้าลง
“หึ นี้หรอไม่หิว” ผมหัวเราะเบาๆและก็หยิบถ้วยมาใส่ข้าวต้มอีกถ้วยและก็ยื่นให้เธอ
“ขอบคุณ” เธอหยิบถ้วยจากมือผม และเราสองคนก็ไปนั่งที่โต๊ะอาหาร เธอทำไมจะต้องก้มหน้าและก็ไม่กินข้าวต้มเลยเหมือนเธอจะพูดอะไรบางอย่าง
“ขอโทษนะเป็นความผิดของฉันเองที่ทำให้นายไม่สบาย” เธอพูดด้วยที่เศร้า
“มันไม่ใช่ความผิดของเธอสักหน่อยที่ฉันไม่สบายก็เพราะว่าฉันไม่ยอมห่มผ้าเท่านั้น” ผมพูดและยิ้มให้เธอเพราะไม่อยากให้เธอโทษตัวเอง เธอก้มหน้าและดูเหมือนว่าเธอจะหน้าแดงๆและนั่งกินข้าวต้มไปอย่างเงียบๆ เธอคงไม่ได้ติดไข้ผมนะ เรื่องที่ผมบอกว่าไม่ได้ห่มผ้าเป็นเรื่องจริงเพราะ หลังจากที่ผมกลับบ้านในวันนั้นผมก็ไปอาบน้ำสระผมและก็เปิดแอร์ตอนนอนและก็ไม่ห่มผ้าก็เลยทำให้ผมไม่สบาย
พอเธอกินหมดเธอก็ไปล้างจานให้แล้วก็ขอตัวกลับบ้านไป
“ฉันขอกลับบ้านก่อนนะ” เธอพูดและก็เดินออกไปจากบ้านและก็เดินไปที่รถจักรยานของเธอและก็ปั่นกลับไป ผมมองเธอปั่นจนลับสายตาไปผมจึงเข้าบ้าน
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ