ชีวิต
9.7
เขียนโดย nongfin
วันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2558 เวลา 11.34 น.
8 ตอน
0 วิจารณ์
11.26K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 28 มีนาคม พ.ศ. 2558 18.17 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
5)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ฉันสงสัยว่าทำไมเอริกถึงยิ้มบ่อยจัง มันทำง่ายขนาดนั้นเลยหรอ
“ 555 เธอไม่เคยยิ้มเลยหรอ ” ฉันส่ายหน้าไปมาด้วยความฉงนใจนัก
“ ยิ้มเนี่ย มันยิ้มได้ทุกครั้งที่เราอยากยิ้มเลยนะ จะแสร้งยิ้มก็ได้ จะยิ้มเพื่อให้คนอื่นสบายใจก็ได้ ”
“ คือ....ยิ้มเนี่ยเราทำได้ดังใจสินะ ”
“ อืม....ประมาณนั้น แต่บางครั้งเราก็ไม่สามารถสั่งให้ตนเองยิ้มได้ดั่งใจนะ “
“ หมายความว่าไง ?” ชักจะไม่เข้าใจแล้วสิเดี๋ยวก็บอกว่าสามารถสั่งให้ตนเองยิ้มได้ เดี๋ยวบอกว่าไม่สามารถสั่งได้
“ ก็ เวลาเรามีความสุขหรือสนุกใบหน้าของเราก็จะเปื้อนยิ้มไง ”
“ ออ....ถ้าเกิดใครยิ้มก็แสดงว่ามีความสุขเหรอ ”
“ ก็ประมาณนั้น ” เอริกยิ้มให้ฉันอีกครั้ง
“ งั้นก็แสดงว่านายมีความสุขสินะ ”
“ ก็ไม่เชิงว่ามีความสุขแต่ไม่ทุกข์เท่าไรน่ะถึงแม้เราจะสั่งให้ยิ้มได้แต่ถ้าเราทุกข์จนไม่สามารถคิด อะไรเพื่อตนเองได้อีกเวลานั้นเราไม่สามารถฝืนยิ้มได้ ”
“ งั้นนายมาร์ทินก็แสร้งยิ้มให้พวกเราสินะ ”
“ ใช่ คนที่คอยสั่งให้เราไม่ฆ่าใครไม่มีทาง หวังดีหรอก
“ ฉันทำถูกใช่มั้ย ทั่นไม่สังหารท่านนักบวช ท่านบอกกับฉันว่าเมื่อเราลังเลนั้ยหมายความว่าเราตัดสินใจอะไรบางอย่าง ”
“ เธอทำถูกแล้ว ที่เธอลังเลที่จะสังหารบาทหลวงคนนั้นแสดงว่าเธอเริ่มจะเข้าใจสิ่งมีชีวิตแล้วและเธอก็ไมเอยากที่จะฆ่าชีวิตเหล่านั้นอีก เธอกลัวความตายมั้ย
“ ก็ไม่รู้สิถ้าเกิดวันใดวันหนึ่งนายมาร์ทินฆ่าฉัน. ฉันคงต้องยอมจำนนแต่โดยดี ”
“ แล้วเธอไม่รู้สึก กลัวเหรอ ”
“ ฉันก็....ถ้าถึงเวลานั้นจริงๆฉันก็ไม่อยากตาย ”
“ เห็นมั้ย คนทุกคน ชีวิตทุกชีวิตย่อมรักตัวกลัวตายด้วยกันทั้งนั้น ”
“ นายนี่ ยิ้มอีกแล้วนะ ”
“ เธอลองยิ้มบ้างสิ ” ฉันลองทำตามเอริก ค่อยๆฉีกยิ้มเห็นฟัน
“ 555…ถ้ายิ้มแบบนั้นให้เด็กฉันว่าเด็กร้องไห้แน่ ผ่อนคลายสิไม่ต้องเกร็ง ”
“ ก็มันยากนี่ พอเลยฉันจะไปนอนแล้ว ”
“ การที่เรานอนไม่หลับแล้วอยู่ๆง่วงขึ้นมาซะนี่ แสดงว่าเราคลายกังวลจากสิ่งหนึ่งได้แล้ว ”
เอริกเดินตามฉันไปห้องนอนของทาส หมดไปอีกวันก็เริ่มวันใหม่ ทาสอย่างเราต้องลุกขึ้นมาขุดคลองกันแต่เช้าตรู่ก่อนทานอาหารเช้าแต่ละคนดูอิดโรยอย่างมากแม้ว่าแต่ละคนจะร่างกายแข็งแรงแต่โดนงานหนักทุกวันแบบนี้ก็คงไม่ไหว
เอ๊....ปกติฉันไม่เคยสนในคนรอบข้างนี่ แล้วทำไมพักหลังมานี้ ฉันจึงสังเกตใบหน้าทุกคนล่ะ
“ นี่หัวหน้าคนงานดูท่าทาง เด็กกลุ่มนั้นจะเหนื่อยกันแล้วนะ ” ฉันมองตามเอริกปกติฉันต้องบอกว่า ‘ ปล่อยมันไป ’ สิ แต่คราวนี้ฉันมองไปรอบๆถึงจะเป็นผู้ชายแต่ก็ยังเด็กและร่างกายของฉันก็มีแรงเยอะกว่าผู้ชายด้วย ใบหน้าของทุกคนชโลมไปด้วยเหงื่อ ทุกคนคงเหนื่อยสินะ แต่ที่เอริกมาบอกฉันอย่างนี้แสดงว่าเขาอยากให้ฉันอนุญาตให้เด็กๆพักบ้าง
“ 555 เธอไม่เคยยิ้มเลยหรอ ” ฉันส่ายหน้าไปมาด้วยความฉงนใจนัก
“ ยิ้มเนี่ย มันยิ้มได้ทุกครั้งที่เราอยากยิ้มเลยนะ จะแสร้งยิ้มก็ได้ จะยิ้มเพื่อให้คนอื่นสบายใจก็ได้ ”
“ คือ....ยิ้มเนี่ยเราทำได้ดังใจสินะ ”
“ อืม....ประมาณนั้น แต่บางครั้งเราก็ไม่สามารถสั่งให้ตนเองยิ้มได้ดั่งใจนะ “
“ หมายความว่าไง ?” ชักจะไม่เข้าใจแล้วสิเดี๋ยวก็บอกว่าสามารถสั่งให้ตนเองยิ้มได้ เดี๋ยวบอกว่าไม่สามารถสั่งได้
“ ก็ เวลาเรามีความสุขหรือสนุกใบหน้าของเราก็จะเปื้อนยิ้มไง ”
“ ออ....ถ้าเกิดใครยิ้มก็แสดงว่ามีความสุขเหรอ ”
“ ก็ประมาณนั้น ” เอริกยิ้มให้ฉันอีกครั้ง
“ งั้นก็แสดงว่านายมีความสุขสินะ ”
“ ก็ไม่เชิงว่ามีความสุขแต่ไม่ทุกข์เท่าไรน่ะถึงแม้เราจะสั่งให้ยิ้มได้แต่ถ้าเราทุกข์จนไม่สามารถคิด อะไรเพื่อตนเองได้อีกเวลานั้นเราไม่สามารถฝืนยิ้มได้ ”
“ งั้นนายมาร์ทินก็แสร้งยิ้มให้พวกเราสินะ ”
“ ใช่ คนที่คอยสั่งให้เราไม่ฆ่าใครไม่มีทาง หวังดีหรอก
“ ฉันทำถูกใช่มั้ย ทั่นไม่สังหารท่านนักบวช ท่านบอกกับฉันว่าเมื่อเราลังเลนั้ยหมายความว่าเราตัดสินใจอะไรบางอย่าง ”
“ เธอทำถูกแล้ว ที่เธอลังเลที่จะสังหารบาทหลวงคนนั้นแสดงว่าเธอเริ่มจะเข้าใจสิ่งมีชีวิตแล้วและเธอก็ไมเอยากที่จะฆ่าชีวิตเหล่านั้นอีก เธอกลัวความตายมั้ย
“ ก็ไม่รู้สิถ้าเกิดวันใดวันหนึ่งนายมาร์ทินฆ่าฉัน. ฉันคงต้องยอมจำนนแต่โดยดี ”
“ แล้วเธอไม่รู้สึก กลัวเหรอ ”
“ ฉันก็....ถ้าถึงเวลานั้นจริงๆฉันก็ไม่อยากตาย ”
“ เห็นมั้ย คนทุกคน ชีวิตทุกชีวิตย่อมรักตัวกลัวตายด้วยกันทั้งนั้น ”
“ นายนี่ ยิ้มอีกแล้วนะ ”
“ เธอลองยิ้มบ้างสิ ” ฉันลองทำตามเอริก ค่อยๆฉีกยิ้มเห็นฟัน
“ 555…ถ้ายิ้มแบบนั้นให้เด็กฉันว่าเด็กร้องไห้แน่ ผ่อนคลายสิไม่ต้องเกร็ง ”
“ ก็มันยากนี่ พอเลยฉันจะไปนอนแล้ว ”
“ การที่เรานอนไม่หลับแล้วอยู่ๆง่วงขึ้นมาซะนี่ แสดงว่าเราคลายกังวลจากสิ่งหนึ่งได้แล้ว ”
เอริกเดินตามฉันไปห้องนอนของทาส หมดไปอีกวันก็เริ่มวันใหม่ ทาสอย่างเราต้องลุกขึ้นมาขุดคลองกันแต่เช้าตรู่ก่อนทานอาหารเช้าแต่ละคนดูอิดโรยอย่างมากแม้ว่าแต่ละคนจะร่างกายแข็งแรงแต่โดนงานหนักทุกวันแบบนี้ก็คงไม่ไหว
เอ๊....ปกติฉันไม่เคยสนในคนรอบข้างนี่ แล้วทำไมพักหลังมานี้ ฉันจึงสังเกตใบหน้าทุกคนล่ะ
“ นี่หัวหน้าคนงานดูท่าทาง เด็กกลุ่มนั้นจะเหนื่อยกันแล้วนะ ” ฉันมองตามเอริกปกติฉันต้องบอกว่า ‘ ปล่อยมันไป ’ สิ แต่คราวนี้ฉันมองไปรอบๆถึงจะเป็นผู้ชายแต่ก็ยังเด็กและร่างกายของฉันก็มีแรงเยอะกว่าผู้ชายด้วย ใบหน้าของทุกคนชโลมไปด้วยเหงื่อ ทุกคนคงเหนื่อยสินะ แต่ที่เอริกมาบอกฉันอย่างนี้แสดงว่าเขาอยากให้ฉันอนุญาตให้เด็กๆพักบ้าง
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ