ซะขนาดนี้หรือจะลืมลง

9.9

เขียนโดย มังกุมภ์

วันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 15.05 น.

  48 ตอน
  40 วิจารณ์
  52.57K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 10 เมษายน พ.ศ. 2558 16.39 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

36) Babygoat

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
          
          เดี๋ยวนี้เรามักจะได้ยินข่าวเกี่ยวกับ "แพะ" บ่อยๆ เช่นข้าวหมกแพะ ไม่ช๊าย เกี่ยวกับ "แพะรับบาป" ที่เป็นคดีดังๆก็หลายคดี          
          พอดูข่าวแล้วก็ย้อนนึกไปถึงวัยเด็กตอน ป.1 ที่ผมได้เคยตกเป็น "แพะ" กะเค้าด้วยเหมือนกัน จากที่ลืมไปแล้วมันก็ผุดขึ้นมาในหัวซะงั้น เรื่องมันก็มีอยู่ว่า         
          ผมได้เลื่อนชั้นจากอนุบาล มาเป็นชั้น ป.1 ตามสเต็ปเด็กเรียนปกติไม่มีอะไรบกพร่อง ปกติตอนเรียนอนุบาล หลังจากที่เรากินข้าวจากถาดนรกเรียบร้อย สิ่งที่พวกเราชาวอนุบาลเฮ้จะทำก็คือ การนอน แต่พอมาอยู่ ป.1 พักเที่ยงมันฟรีสไตล์กว่านั้น จะนอน จะเล่นจะลอกการบ้าน อะไรก็ได้ นั่นแหละคือความฝันของผม
 
          ประเดิมมาเที่ยงแรกของชั้น ป.1 หลังจากกินข้าวในโรงอาหารที่ไม่ต้องใส่ถาดนรกจนอิ่มแล้ว ผมก็เริ่มเดินหาทำเลเล่นทันที เป้าหมายแรกที่ผมเล็งไว้ก็คือ สวนหย่อมด้านหน้าของโรงเรียน ซึ่งอุดมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ร่มรื่น และมีโต๊ะเก้าอี้อยู่เรียงราย ในตอนเช้าที่ผมเห็นก็คือมีเด็กๆรุ่นพี่เอาของเล่นมานั่งเล่นกัน เที่ยงนี้ผมเลยกะมายืนดูลาดเลาซะหน่อย     
          แต่ระหว่างที่กำลังจะเดินเข้าสวนหย่อมนั้น ต้องเดินผ่านสนามบอลเล็ก ซึ่งเป็นสนามชั่วคราว มีเสาโกลขนาดไม่ใหญ่นักตั้งอยู่สองฝั่งของสนามที่เสาโกลนั้นเอง ก็มีเด็กรุ่นพี่ผม ยืนอยู่ราว 4-5 คนกำลังยืนจับกลุ่มคุยกันอยู่ และแล้ว หนึ่งในนั้นก็ตะโกนเรียกผม          "เฮ้ย น้องๆ มาทางนี้หน่อยยย"          ผมเห็นรุ่นพี่เรียก ก็เดินดุ่มเข้าไปหา พร้อมกับถามว่ามีอะไยกั๊บ รุ่นพี่มองหน้าผม แล้วถามผมว่า         "เอ็ง ปีนเสาโกลนี้ไปโหนคานไหวมั๊ย?"          ผมแหงนมองคานของเสาโกล ซึ่งสูงเหนือหัวผมพอสมควร แล้วก็ตอบรุ่นพี่ว่า         "ปีนได้ พี่จะให้ทำอะไร?"           "ถ้างั้นปีนให้ดูหน่อย"  เสียงรุ่นพี่บอกมา          ผมก็เลยกระโดดเกาะเสาโกลแล้วปีนสองทีก่อนจะเอื้อมมือไปโหนคานให้ดู ระหว่างที่กำลังห้อยต่องแต่งอยู่ รุ่นพี่ก็ตะโกนบอกเพื่อนว่า         "เอ้า เฮ้ย มันปีนแล้ว จับมัน!!"    
          แล้วร่างที่ห้อยต่องแต่งของผมก็ถูกเด็ดลงมาจากเสาโกลแห่งนั้นแล้วถูกอุ้มไปห้องครูใหญ่ ซึ่งอยู่ใต้ตึกที่อยู่หลังสนามบอลนี่แหละ เมื่อไปถึงหน้าห้อง ครูใหญ่กำลังนั่งก้มๆเงยๆอยู่ที่โต๊ะของท่าน รุ่นพี่ก็บอกครูใหญ่ทันทีว่า           "ครูครับ ไอ้คนนี้มันปีนเสาโกลครับ"
          ครูใหญ่เงยหน้าขึ้นมา พอเห็นผมยืนงงอยู่ท่ามกลางรุ่นพี่ ก็ยิ้มด้วยความเมตตาพร้อมกับพูดว่า "เอ้า คุกเข่าลง" เพียงเท่านั้นเอง ผมก็เหมือนอยู่ในศาลไคฟงทันที รุ่นพี่จับผมคุกเข่าอยู่หน้าประตูห้องครูใหญ่นั่นเอง หลังจากนั้นรุ่นพี่ก็เดินไปยืนเฝ้าอยู่ที่เสาโกลศักดิ์สิทธิ์ต่อ เพื่อรอแพะตัวต่อไป ผมนั่งคุกเข่ามองครูใหญ่สลับ กับหันไปมองรุ่นพี่ด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก วัยเด็กขณะนั้นของผม ทำให้ปากปิดเงียบ เพราะนึกคำแก้ตัวไม่ออกว่าตัวเองโดนหลอกให้ปีนเสา
          ระหว่างที่กำลังคิดสับสนอยูู่ เข่าก็เริ่มเมื่อยๆเจ็บๆ คุกเข่าบนพื้นปูนได้พักใหญ่ รุ่นพี่ก็จับเด็กอีกคน ครูใหญ่ท่านก็ยิ้มด้วยความเมตตาแล้วสั่งเหมือนเดิม ผมเลยได้คนมาคุกเข่าเป็นเพื่อนเพิ่มอีกคน คนนี้ ป.1 เหมือนผมแต่คนละห้องกัน ผมเลยถามว่า นายไปทำไยมา เพื่อนตอบมาว่า โดนรุ่นพี่บอกให้โหนคาน แต่ตัวเองปีนเสาไม่เก่ง รุ่นพี่ก็ช่วยอุ้มให้โหน พอโหนเสร็จก็โดนอุ้มมาที่นี่แหละ ผมรู้สึกว่าโลกช่างไม่ยุติธรรมเสียจริงๆ ถึงจะโมโห แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ได้แต่บอกเพื่อนร่วมห้องที่เดินผ่านมาว่า ให้ระวังรุ่นพี่กลุ่มนั้นให้ดีๆ อย่าไปปีนเสาโกลเด็ดขาด แต่ก็รู้สึกมีความสุขนิดๆ ที่เห็นเพื่อนร่วมชั้นหลายคนรอดจากการโดนหลอกเพราะการเตือนของผม          คุกเข่านานๆเข้าก็เริ่มจะปวดเข่าเต็มที ก็เลยปรึกษาเพื่อนร่วมคุกว่า จะบอกครูใหญ่ดีไหมว่าพวกเราโดนหลอกให้ปีนเสา ไม่ได้ปีนเล่นเอง เพื่อนก็บอกมาแบบเด็กๆว่าครูใหญ่ไม่เชื่อพวกเราหรอก เพราะรุ่นพี่พวกนั้นเป็นเด็กหอ ผมก็งงตามประสาเด็กว่า เด็กหอแล้วมันเกี่ยวอะไรกับครูจะเชื่อไม่เชื่อ ระหว่างที่กำลังซุบซิบกันอยู่ ครูใหญ่ก็บอกมาว่า
          "เอ้าลุกได้"
          ผมกับเพื่อนยกมือไหว้แล้วก็เดินคุยกันถึงความซวยที่โดนยัดเยียดข้อหาให้          "เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ต้องมีคนโดนอีกแหละ"
          เพื่อนต่างห้องบอกมา ผมก็ได้แต่คิดว่าใครหนอจะเป็นคนซวยรายต่อไป คิดๆแล้วก็แค้นไอ้รุ่นพี่พวกนี้ ถ้าผมตัวโตเท่าๆกันคงวิ่งไปต่อยแล้ว แต่ด้วยรูปร่าง ณ ตอนนั้นอาจกระเด็นเป็นลูกบอลก็ได้ 
          วันต่อมา หลังจากกินข้าวเที่ยงแล้ว ผมก็เดินมาดูว่ารุ่นพี่ยังอยู่กันที่เดิมหรือป่าว ก็พบว่า เค้ายังอยู่กันครบถ้วน คงอยากจับแพะไปส่งครูใหญ่อีก           วิธีที่แก้แค้นได้สำหรับผมตอนนั้นก็คือ ผมยืนบอกเพื่อนอยู่ในร่มที่ลมพัดเย็นสบาย แต่รุ่นพี่ยืนรอแพะกลางแดดเปรี้ยงๆ ให้มันยืนตากแดดแบบนี้แหละวิธีแก้แค้นที่ผมพอจะทำได้ เหตุการเป็นแบบนี้อยู่สองวัน รุ่นพี่ก็เลิกเฝ้าเสาโกล เพราะจับแพะไม่ได้ซักตัว ไหวตัวทันกันหมด ตากแดดและเสียเวลาเล่น  เค้าก็เลยไปทำอย่างอื่นแทน ส่วนผมเวลาเจอรุ่นพี่พวกนี้ ก็พยายามอยู่ให้ห่างๆไว้           พอนึกถึงเรื่องนี้แล้ว ก็ทำให้คิดว่า ป่านฉะนี้รุ่นพี่พวกนี้ เขาทำงานอะไร?  ยังใช้วิชาแพะแบบนี้อยู่หรือป่าว ได้แต่หวังว่าคงไม่นะ ถ้ายังทำอยู่ผมก็มีพรฝากให้พี่ๆว่า "ไอ้ ส๊าดด" .                         --จบแบ๊ะ--

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา