ซะขนาดนี้หรือจะลืมลง

9.9

เขียนโดย มังกุมภ์

วันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 15.05 น.

  48 ตอน
  40 วิจารณ์
  53.73K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 10 เมษายน พ.ศ. 2558 16.39 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

37) ฮัดช้าขายิ๊ก

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

                    ช่วงเหตุการณ์ ราวๆ ป.5

          หากตามๆอ่านกันมาบ้างท่านผู้อ่านจะพอรู้คร่าวๆว่ากระผมนั้นเป็นคนขี้เกียจขนาดหนัก โดยเฉพาะเวลาเรียน ถ้าหากเป็นวิชาที่ไม่ชอบแล้วไซร้ ก็จะเบื่อแล้วพาลขี้เกียจเพิ่มขึ้นไปอีก

          เวลามีการบ้าน ถึงจะขี้เกียจทำ แต่ความกลัวอำนาจลึกลับที่ฟาดผ่านอากาศมาปะทะก้นนั้นมันน่ากลัวยิ่งกว่าสิ่งใดทั้งปวง จึงจำต้องฝืนทนนั่งทำให้แล้วเสร็จ ปกติการบ้านที่ทำๆอยู่สำหรับเด็กขี้เกียจอย่างผมแล้วก็ถือว่าเยอะโคตรๆแล้ว แต่ที่พิเศษสำหรับวันหยุดสุดสัปดาห์ก็คือ คุณครูมักจะให้การบ้านเยอะเป็นพิเศษ จากวันธรรมดาสิบข้อ วันหยุดอาจจะเพิ่มเป็นยี่สิบ หรือมากกว่า
         ส่วนใหญ่เวลาวันหยุดเสาร์อาทิตย์นั้น ผมจะมีกิจกรรมที่ทำเยอะแยะ นั่นคือการเล่น แต่จะพิเศษหน่อยคือในวันอาทิตย์นั้น ผมจะทำกิจกรรมต่างๆกับพ่อ เช่น ตกปลาบ้าง ไปสนามกอล์ฟกับพ่อบ้าง บางทีกิจกรรมเหล่านี้ กว่าจะถึงบ้านก็ดึกไปถึงเที่ยงคืนก็มี เรียกได้ว่าสลบคารถก่อนจะถึงบ้านเลยทีเดียว มาถึงบ้านก็อาบน้ำแล้วสลบต่อรอเช้าวันจันทร์ที่น่าเบื่อมาเยือน
         ผมมีเพื่อนร่วมชั้นเป็นชาวภารตะคนนึง เอาชื่อสมมติว่า "เช่" ละกันนะครับ เช่ เป็นเพื่อนร่วมชั้นผมตั้งแต่ชั้นอนุบาล ร่วมเรียนกันมาเรื่อยๆ ถึงผมจะสลับชั้นไปห้องเรียนเก่งมั่ง เรียนกลางมั่ง เรียนห่วยมั่ง  เช่ก็ตามผมมาติดๆชนิดเพื่อนไม่ยอมทิ้งกันเลยทีเดียว ถึงแม้เราจะไม่เคยนั่งเรียนเป็นบัดดี้กัน แต่ผมกับเช่ก็มักจะได้นั่งอยู่ในโซนใกล้ๆกันเสมอ ประมาณว่า เอื้อมมือไปสะกิดกันได้ ถ้าถามว่าเช่กับผมสนิทกันไหม มันไม่สนิทขนาดซี้ปึกหรอกครับ แต่มันก็พอจะพึ่งพาอาศัยได้
         เกริ่นกันมาพอได้ที่แล้วมาเข้าเรื่องกันซะที ด้วยความที่เป็นเด็กที่ค่อนข้างจะเหลวไหล ทำให้ผมมักจะหลงๆลืมๆทำอะไรบ่อยๆ เช่น ลืมของที่ครูนัดให้เอามาใช้ประกอบการเรียน ลืมสมุดการบ้าน ไปจนถึงลืมทำการบ้านนี่แหละ ในวันศุกร์ ซึ่งเป็นวันที่ผมค่อนข้างจะดี๊ด๊าเป็นพิเศษ เพราะสองวันถัดไปจะเป็นวันสนุกสำหรับผม เรียกได้ว่าเย็นวันศุกร์สำหรับผมนี่มันเป็นช่วงที่ สุขสันต์จริงๆ ก็อย่างที่เกริ่นมาว่าวันศุกร์ มักจะได้การบ้านเยอะกว่าปกติ ซึ่งแม่และน้าๆมักจะเตือนให้ผมรีบๆทำให้เสร็จก่อน ยิ่งเสร็จวันศุกร์ได้ยิ่งดี เพราะเสาร์อาทิตย์ ผมจะได้เล่นแบบเต็มที่ไม่ต้องมีห่วง
          แต่นิสัยผลัดวันแบบผมนี่มักจะอ้างไปเรื่อยแหละครับ เดี๋ยวทำ เดี๋ยวทำ ซึ่งถ้าวันไหนคึกๆ มันก็จะเสร็จตั้งแต่วันศุกร์ เสาร์น่ะแหละ แต่ถ้าขี้เกียจๆ มันก็จะเป็นอาทิตย์ตอนกลางคืน
         แล้วถ้าลืมทำล่ะ?  ก็เช้าวันจันทร์นะซีคร๊าบบ
         เหตุการณ์นี้ก็เช่นกัน ได้การบ้านมา เย็นวันศุกร์ถึงบ้าน อาบน้ำกินข้าวนอนดูทีวีแล้วเผลอหลับกว่าจะตื่นก็เช้าวันเสาร์แล้ว กินข้าวดูการ์ตูนเล่นเกมนู่นนั่นนี่ไปยันค่ำวันเสาร์เข้านอนจนถึงเช้าวันอาทิตย์
          ผมออกไปตกปลากับพ่อ ปกติเราจะไปตกกันตามเขื่อนมั่ง สะพานมั่ง ถ้าเป็นช่วงผมปิดเทอม พ่อก็จะพาออกเรือไปตกกันกลางทะเลเลย (ปัจจุบันผมเลิกตกเด็ดขาดแล้วครับ ทิ้งเบ็ดรอกไปหมดแล้ว)
          ทริปนี้ พ่อพาผมไปสถานที่หนึ่ง ซึ่งผมกับพี่ไม่เคยมาเลย พ่อบอกเราต้องเสียตังค่าเข้าไปตกซึ่งแพงพอสมควร เพราะฉะนั้น เราควรจะตกให้คุ้ม ซึ่งผมกับพี่ตื่นตาตื่นใจกับสถานที่นั้นมาก
          มันเป็นสะพานยื่นออกไปในทะเล ก้มลงมองน้ำ น้ำใสจนเห็นปลาว่ายไปมา และตัวก็ค่อนข้างจะใหญ่ทีเดียว พ่อ พี่ แหละผม เพลิดเพลินกะบรรยากาศและสนุกกับการเย่อกับปลาจนดึก เรียกได้ว่าแบกปลากันจนเหนื่อย ผมกับพี่สลบไปตั้งแต่ขึ้นรถ เมื่อถึงบ้านแล้วก็รีบอาบน้ำแล้วนอนต่อทันทีโดยลืมภาระมอบหมายที่ต้องส่งในวันต่อมาไปเลย
         พอเช้าวันจันทร์มาถึง ผมก็ตื่นอาบน้ำแต่งตัวแบบเบื่อๆ แต่ต้องรีบทำเพราะพ่อจะไปส่งผมกับพี่ทุกเช้าวันจันทร์ ก่อนจะเลยไปทำงานอีกจังหวัดนึงซึ่งกว่าเราจะได้เจอกันอีกก็วันเสาร์ตอนเย็นนู้น
          ผมเดินโต๋เต๋ๆเข้าโรงเรียนด้วยความเบื่อวันจันทร์ ระหว่างที่เดินเข้ามา ก็เห็นเพื่อนในห้องสองสามคนกำลังนั่งเขียนอะไรบางอย่างเลยเปิดไฟเลี้ยวแว่บเข้าไปชะโงกดู แล้วก็ต้องนะจังงังเพราะสิ่งที่เห็นตรงหน้า ก็คือ การบ้านที่ครูสั่งไว้ตอนวันศุกร์นั่นเอง  ..หาย.. แล้ว ผมสบถในใจ ก่อนจะหันรีหันขวางว่ากูจะไปนั่งทำตรงไหนดีวะเนี้ย ดูของเพื่อน ซึ่งก็ทำเสร็จกันเกินครึ่งแล้ว ก็ยิ่งลนลานว่ากูจะเสร็จทันไหมเนี่ย งานนี้มีโดนไม้ฉกตูดอีกแหง ผมเปิดกระเป๋าหยิบสมุดการบ้านออกมา ดูนาฬิกา ผมก็พบว่าเหลือเวลาอีกราวๆครึ่งชั่วโมงก็จะเข้าเรียนแล้ว การบ้านต้องส่งในชั่วโมงแรกนี่เลย ยิ่งรีบก็ยิ่งลนลาน ผมคิดว่าถ้านั่งทำด้วยสมองฝืดๆแบบผมนี่ อย่าว่าแต่ครึ่งชั่วโมงเลย เที่ยงนี้ก็ยังไม่เสร็จแน่ๆ ทำให้ผมต้องใช้วิธีลัดในการเอาตัวรอด นั่นก็คือ

          "ลอกการบ้าน" นั่นเอง เมื่อตกลงได้แล้วว่าผมจะโกงการบ้านตัวเอง

          ปัญหาต่อมาก็คือ ผมจะลอกใครดี เพื่อนๆในห้องใช่จะขอลอกกันได้ทุกคน เพราะบางคนก็หวงการบ้าน เพราะว่าตัวเองทำมาเหนื่อยจะให้คนอื่นลอกได้ไง๊ บางคนนอกจากไม่ให้แล้วยังไปฟ้องครูอีกตะหาก ระหว่างที่กำลังล่กๆอยู่นั้น ผมก็เห็น เช่ เดินมาพอดี ผมเลยเรียกเช่พร้อมกับถามว่า
         "เฮ้ย เช่ มึงทำการบ้านเสร็จหรือยังวะ?"
         "เสร็จแล้ว" เช่ตอบพร้อมกับทำหัวโยกๆไปมา
         "งั้นกูขอลอกหน่อย กูลืมทำมาว่ะ" ผมตอบแบบหัวนิ่งๆ
         "ได้เลย รอเดี๋ยว" เช่ตอบพร้อมกับเปิดกระเป๋าหยิบสมุดการบ้านออกมายื่นผม ท่าทางทำไมมันเหมือนเต้นอยู่ตลอดเลยวะ แต่ตอนนั้นผมไม่ได้ใส่ใจเพราะมีภาระรีบต้องทำอยู่
         "ขอบใจเพื่อน กูต้องรีบปั่นแล้วเดี๋ยวไม่ทัน" ผมพูดพร้อมกับเปิดสมุดแล้วเริ่มทำการคัดลอกข้อมูลด้วยมือยิ๊กๆๆ โดยที่มีเช่นั่งโยกคอเป็นเพื่อนอยู่
         ระหว่างลอกก็ดูนาฬิกาที่ข้อมือดู เวลาก็เหลือน้อยลงทุกที ดูจากที่เหลือแล้ว ผมลอกการบ้านไปได้ยังไม่ถึงครึ่ง จะทันมั้ยวะเนี้ยย ผมคิดในใจพร้อมกับเร่งสปีดเร็วขึ้น แต่ก็ดูจะไม่ทันใจ
         "เอส ลอกไม่ทันแน่ จ้างเราลอกมั้ย เราเขียนเร็วกว่าเอสเยอะนะ" เช่ชะโงกหน้าโยกๆเข้ามา
         "เท่าไหร่?" ผมถาม เพราะรู้ว่าลอกไม่ทันแล้ว
         "...บาท" เช่ส่ายคอตอบมา
         "เอา จัดการเลย" ผมตอบพร้อมกับควักตังค่าข้าวเที่ยงให้เช่
         เช่ก็เริ่มคัดลอกการบ้านด้วยความเร็วสูงให้ผมทันที ผมนั่งมองเช่ ยิ๊กๆๆๆ แล้วก็ทึ่งๆในความเร็วของเช่ ผมขอตัวไปฉี่เพราะปวดมาพักใหญ่แล้วแต่อั้นไว้เพราะลอกการบ้านอยู่
          เดินไปฉี่กลับมา เช่ก็ยื่นสมุดให้พร้อมกับบอกว่าเรียบร้อยแล้ว ผมยิ้มแป้นเพราะโล่งอกรอดตายไปอีกครั้ง พร้อมกับคิดว่าตอนเที่ยงนี้กูจะแด๊กอะไรวะเนี้ย ตังค่าหนมก็ให้เช่ไปหมดแล้ว เดี๋ยวต้องคุ้ยในเป๋าเรียนก่อนว่ามีเศษตังอยู่มั่งหรือป่าว ผมเอาสมุดการบ้านใส่กระเป๋าแล้วก็เดินไปเข้าแถวเตรียมเข้าห้องเรียน
         พอถึงชั่วโมงแรก ครูเข้ามาก็เรียกเก็บการบ้านทันที หลังจากสอนเสร็จครูสั่งงานในห้องแล้วก็นั่งตรวจการบ้านไป ตรวจของใครเสร็จก็เรียกคนนั้นออกไปเอาสมุดการบ้านคืน ผมนั่งทำงานที่ครูสั่งได้สักพักครูก็เรียกชื่อผม ผมลุกไปเอาการบ้านที่เพิ่งเสร็จแบบอุ่นๆ
         "นายเอส เธอเขียนอะไรมา ครูอ่านไม่ออก เพิ่งมาทำใช่มั้ยเนี่ย? หงุดหงิดวุ๊ย ขอซักทีเหอะ"
         พูดจบครูก็หยิบไม้มาฟาดก้นผมดังเพี๊ยะ พร้อมกับส่งสมุดการบ้านคืน โดยครูสั่งให้ทำใหม่แล้วส่งวันรุ่งขึ้น พอหยิบสมุดมาเปิดอ่าน ก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น เพราะดูแล้วมันอ่านไม่ออกจริงๆว่าภาษาอะไร
          ผมพยายามอ่านแล้วแต่ก็ถอดรหัสลับของไอ้เช่ไม่ออก จนกระทั่งพักเที่ยง ผมเอาสมุดการบ้านไปให้เช่ดูพร้อมกับขอตังค์คืน เพราะงานที่ลอกใช้การไม่ได้ ก็ได้รับคำตอบมาว่า
         "ก็เอสจ้างเราเขียนให้เสร็จ แต่ไม่ได้บอกนี่ว่าให้เขียนให้อ่านออก" เช่พูดพร้อมกับโยกย้ายส่ายคอยิ้มๆ
         "เวนเอ้ย งั้นกูขอคืนครึ่งนึงละกัน ไม่มีตังกินข้าวว่ะ" ผมตอบเช่ไป    
         "ตังคืนไม่ได้จ้า เรากินไปหมดแล้ว" เช่ตอบมาพร้อมกับส่ายคอไปมา
         "...." ผมได้แต่ยืนใบ้ เพราะไม่รู้จะทำยังไงกับมันดี อยากจะเปลี่ยนชื่อ จากไอ้เช่ เป็น ไอ้เชี้ยเอ๊ย จริงๆ
         สรุปคือ วันนี้ผมไม่ได้กินข้าวเที่ยง เพราะจ่ายค่ายิ๊กให้เช่ไปหมด แล้วก็ต้องกลับมาทำการบ้านใหม่อีกรอบ รวมของวันนี้ด้วย โอ๊ยย ซวยแท้หนอ          แต่งานนี้จะโทษใครก็ไม่ได้ ต้องโทษตัวเองที่ไม่ยอมทำการบ้านซะตั้งแต่แรก พอกลับถึงบ้าน ผมก็ซัดข้าวด้วยความหิวเพราะมื้อเที่ยงไม่ได้กินอะไรเลย ระหว่างที่กินข้าว ผมก็นึกย้อนไปถึงเหตุการณ์วันนี้ แล้วหน้าไอ้เช่เพื่อนตัวแสบก็ลอยมาพร้อมกับสำนวนที่ว่า
          "ถ้าเจองูกับแขกพร้อมกันให้ตีแขกก่อน"
         นึกแล้วผมก็ยิ้มกับตัวเองพร้อมกับคิดในใจว่า
         "โถ เช่เพื่อนรัก เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่อนุบาล ใครจะไปตีมึงลง ยังไงก็ต้องตีงูก่อนอยู่แล้น"
     แต่ตอนที่มึงพูดแล้วมึงส่ายคอไปมานี่มึงก็คล้ายงูเหมือนกันนะเนี้ย

                                 --จบ--

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา