เจ้าสาวจ้าวยุทธภพ

9.0

เขียนโดย api3api

วันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2557 เวลา 19.51 น.

  18 บท
  3 วิจารณ์
  23.22K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2557 00.44 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น

แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

11) อันตรายยิ่งยวด

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

                  แม่ชีกิมหยงที่นั่งชมด้วยความสงบมาตลอดถึงกับร้อนรนเมื่อเห็นวิชาของไป่หลินที่ใช้รับมือเฉาเชาศิษย์พรรคใต้หล้า แม่ชีหันไปสนทนากับเหยินหลงไต้ซือ

                 "สิบตำลึงแลกพันชั่งงั้นรึ มันทำให้ข้านึกถึงตอนที่ข้าประมือกับมารกระดูกแดง ไป่หลินนางเป็นใครกันสามารถใช้วิชาของมารกระดูกแดงได้ รึนางมีส่วนเกี่ยวข้อง"

                 "อมิทตะพุทธ ยุทธภพกว้างใหญ่วิชาไร้ไอมาร ถึงจะคล้ายกันแต่สิบตำลึงแลกพันชั่งของสีกานางนี้ไร้จิตสังหาร มันแตกต่างออกไป มันไม่สมบูรณ์เหมือนกับการครูพักลักจำ"

 

                ไม่เพียงแต่สองผู้ทรงศีลเท่านั้นที่สังเกตเหล่าปรมจารย์บนที่นั่งหรูสัมผัสได้ถึงอดีตอันน่าสะพรึง เหลยป้าถึงกับเหงื่อตก

                "เทพกระบี่รึเป็นนาง ท่านลงมือเลย"

               เฉินโจวเปิดผ้าปิดตาข้างที่บอดออก นัยตาของเขาเป็นสีแดงเหมือนเปลวเพลิงซึ่งกำลังคุกรุ่นอยู่ เขาถอนหายใจแล้วปิดมันไว้เช่นเดิม

                "ไม่ใช่นาง นางไม่มีพลังมารในกาย แต่ข้าสัมผัสได้เขาอยู่ในงานประลองแน่นอน"

               เหลยป้านั่งกังวลส่วนถังหนิวกับหัวซานป๋อมองเฉินโจวเหมือนมีคำถาม พวกเขาสงสัยเนตรสีเพลิงข้างนั้น

 

               "เมื่อหกปีก่อนพวกข้าเคยสู้กับจอมมารเมฆาอัคคี อาวุธของเขาเกินจินตนาการของพวกเจ้า พลังของมันเผาผลาญเขาได้ทั้งลูกแสงเจิดจ้าจนตามืดดับ ข้ารอดและชนะมาได้และผลจากการต่อสู้ครั้งนั้นทำให้พวกข้ากลายเป็นครึ่งเซียน ตาข้างที่บอดของข้ามันแยกแยะผู้คนได้"

               "ท่านหมายถึงท่านเทพพยากรณ์อี้ผิงด้วยงั้นรึ" หัวซานป๋อถามอย่างใคร่รู้

               เฉินโจวมองอี้ผิงแล้วพยักหน้าให้กับปรมจารย์วิชายุทธทั้งสอง

 

               "ถ้างั้นแม่นางจื่อเสียจะไม่เป็นอันตรายงั้นหรือ นางดูจะไม่กังวลในเรื่องนี้เลย อีกอย่างเหลยหยางผู้ตกเป็นเป้าหมายยังทำท่าโอหังสิ้นดี คงเพราะมีพวกเราเป็นผู้คุ้มกันอยู่แล้วสินะ" ถังหนิวนั่งกอดอกมองเหลยหยางเจ้าเมืองอย่างไม่ชอบขี้หน้านัก"

 

              ทางด้านแม่นางจื่อเสียที่นั่งข้างเหลยหยางนั้นมองไป่หลินอย่างไม่วางตา นางยิ้มอย่างผ่อนคลาย เหลยหยางมองว่าที่ภรรยาแล้วทำกุ๊กกิ๊ก

              "น้องหญิงเจ้าชอบการประลองงั้นรึ จริงสิเจ้าเคยเป็นจอมยุทธนี่นาข้าเกือบลืมไปเลย  มันทำให้ข้านึกถึงหน้าเจ้านั่นบ้านั่นในเหตุการณ์ครั้งนั้น มันร้องให้เป็นสายเลือดเลยทีเดียวตอนที่เจ้าปฎิเสธบัวหิมะที่มันยื่นให้เจ้าและแลกริมฝีปากกับข้าอย่างดูดดื่มมันช่างไม่เจียมกะลาหัวเสียเลย"

            เหลยหยางหัวเราะอย่างสะใจ จื่อเสียยิ้มให้เขาแล้วลูบหน้าอกของเหลยหยางชวนสยิวกิ้ว

            "่ท่านพี่มอบความสุขสบายแก่ข้าใยข้าต้องสนใจชายที่มีแต่การฝึกวิชาอยู่ในหัวด้วยเล่า"     "ฮ่า ฮ่า ฮ่า เจ้าเลือกถูกแล้ว"เหลยหยางหัวเราะอย่างสะใจ

 

         .......................................................................................... 

 

 

  กลับมาทางด้านการประลอง  ฝั่งของไป่หลินนั้น นางนั่งเชียร์ถังอันสู้กับศิษย์ลำดับสามของพรรคไต้หล้า   ทั้งสองฝีมือคู่คี่กันแต่ความเร็วถังอันเป็นต่อแต่มันก็ไม่เป็นรองมากนัก

         เพลงเตะของมันร้ายกาจ

 

          "สิบบาทาเบญจทิศ"

        เพี๊ยะ เพี๊ยะ เพี๊ยะ เสียงถังอันใช้ดาบไม้ปัดป้องแล้วเขาก็พุ่งฉากหลบแล้ววิ่งพุ่งด้วยความเร็วตลบข้างหลัง

 

       "เพลงดาบดอกเหมย"

 

        "ไม่มีทางถังอัน  "

 

         เพี๊ยะ  เพี๊ยะ เพี๊ยะ เปรี๊ยง เปรี๊ยง 

     เสียง เพลงเตะและเพลงดาบสะกัดกั้นกันดังสนั่น ไป่หลินนั่งขัตมาตรดูและพักเหนื่อยไปในตัว นางเหลียวมองไปยังอีกเวทีทางนั้นยังไม่เริ่มกันเลยเหมือนว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น

         "เจ้าขี้โอ่นั่นจะเป็นยังไงบ้างนะ  ไม่สิจะเป็นยังไงก็ไม่เห็นเกี่ยวกับเรา"

                   :::::::::::::::::::::::::::::::::::::

 

     เวทีนี้ ศิษย์ลำดับสองของพรรคไต้หล้าถูกกีดกันไม่มีใครร่วมมือและที่สำคัญอีกที่เหลือกำลังร่วมกันกำจัดเขา พวกเขาตั้งให้ตี้หลงเป็นหัวหน้า

      "คุณชายวิชาของมันอันตรายยิ่ง พวกเราต่างยอมรับว่าสู้ไม่ไหวเราต้องร่วมกันกำจัดเขาก่อน"

       ตี้หลงมองหกจอมยุทธที่เหลือ พวกเขาฝีมือไม่ธรรมดา แต่บุคคลต่อหน้านี่แตกต่างจากพวกเขาอย่างสิ้นเชิง

 

       ศิษย์ลำดับสองคนนี้ร่างกายกำยำและผมเผ้ากระเซอะกระเซิงที่สำคัญตามร่างกายเขามีแผลเป็นอยู่ทั่วตัวเหมือนแผลโดนมีดกรีดยาว ลายพร้อยเหมือนเสือลายพาดกลอนเขามีเพลงหมัดร้ายกาจ

 

         ตี้หลงตั้งท่าเพลงดาบแต่เขาไม่คิดว่าดาบไม้จะจัดการเขาลงได้  และแล้ว มันก็เริ่มพุ่งเข้ามา

 

         ฟุบ มันพุ่งเข้ามาคว้าคอสองจอมยุทธข้างตี้หลงทันที ทั้งสองร้องโหยหวน

 

         "อ๊ากร้อนๆ ร้อน"

 

         "ร้อนยังงั้นหรือ" ตี้หลงรู้สึกผิดปกติเขาตั้งท่าวิชาดาบด้วยความรีบเร่ง

 

         "เพลงดาบโค่นพยัคฆ์"

         

         เปรี๊ยง เปรี๊ยง เปรี๊ยง

 

        มันสะดุ้งเซ แต่มันยังไม่ปล่อยสองคนนั่น พวกเขาทรมานและมีบาดแผลเป็นรอยใหม้   มันเขวี้ยงทั้งสองใส่ตี้หลง ตี้หลงไม่อยากหลบกลัวสองจอมยุทธเจ็บหนักเขาจึงพยายามเอาตัวรับทั้งสองไว้กลายเป็นว่าเขาบาดเจ็บซะเอง

 

          "ฮั่ก  พวกเจ้า เป็นไงบ้าง"

 

        ทั้งสองเอามือกุมรอยใหม้เป็นรูปมือคนที่ต้นคอทรมานตี้หลงจึงวางพวกเขาออกนอกเวที   มันเห็นทำสีหน้าไม่พอใจ

 

          "เจ้าทิ้งมันออกนอกเวทีทำไมอย่างนี้ของเล่นของข้าก็น้อยลงสิ"

 

          ตี้หลงได้ยินรู้สึกเย็นสันหลังวาบ

 

          "ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่าฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่าฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่าฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่าฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า"

           มันหัวเราะบ้าเลือดวิ่งเข้าไปดักอีกสี่คนที่เหลือ

 

           "ยี่สิบสี่หมัดต่อเนื่องมังกรอัคคีนิททรา"

           มันรัวหมัดใส่หนึ่งในสี่คนไม่ยั้ง น่าประหลาดที่หมัดมันมีเปลวไฟลุกท่วมด้วย

         เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง   ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า เปรี้ยง เปรี้ยง มันซัดหมัดไปหัวเราะไปร่างที่ถูกซัดเริ่มจะทนไม่ไหว ตี้หลงใช้จังหวะนี้ใช้เพลงดาบใส่จอมยุทธกระหายเลือดนั่น

 

           "เพลงดาบโค่นพยัคฆ์"

 

          เปรี้ยง    

 

         มันเซไปสามก้าว ส่วนผู้เคราะร้ายกลิ้งตกเวทีไป  มันหันมามองท่าทางโมโห

 

         "เจ้า  สองครั้งแล้ว  สองครั้งแล้วนะที่เจ้าทำของเล่นข้าตกเวที ยังไม่ถึงตาเจ้ารอก่อนสิ"

 

        ตี้หลงสกัดกั้นความกลัวปะทะสายตาดุดัน

 

           "แพ้ชนะก็พอแล้ว กะฆ่าให้ตายเลยรึยังไง คุณธรรมในใจเจ้าหายไปใหนหมด"

 

           เชอะ   มันสบัดหน้าเมิน แล้วเดินดุ่มไปหาอีกสามคนที่เหลือ

 

          "เหวอ  ข้าไม่เอาแล้ว"

 

           สองคนวิ่งลงเวทีไปอย่างขลาดกลัว ส่วนอีกคนวิ่งยังไม่ถึงขอบเวทีมันก็กระโดดถีบส่งลงไปกลิ้งสลบไสล

 

            ในที่สุดก็เหลือเพียงมันกับตี้หลง

 

          "ถึงตาเจ้าแล้วจอมยุทธคุณธรรม"

 

            โห่ โห่

           เสียงโห่ไล่จากผู้ชมขับไล่ตัวอันตรายแต่มันไม่สนใจทำหูทวนลม

            "ไอ้เลือดเย็น("ดีด่าเลย..")

            "นี่มันไม่ใช่การประลองแล้ว ไอ้ชั่ว"("ดี!! ด่าให้หนัก")

            "ไปตายซะ ไอ้เลว ไปลงนรกซะ"("จัดไปพี่น้อง")

 

        "ไอ้ชั่ว(ข้าเอามั่ง)"("ทำไมเบานักล่ะ")("ฮึ้ย เดี๋ยวมันได้ยิน ลูกข้ายังเล็ก")("เง้อ..")

            ............................................................

      ทางฝั่งผู้ชมกิตติมศักดิ์ต่างตกใจในเหตุการณ์นี้เช่นกัน หัวซานป๋อลุกขึ้นชี้ถามเหลยป้าที่ยืนดูตะลึงอยู่

 

         "เหลยป้า เจ้ารับปิศาจตนนี้เป็นศิษย์ได้ยังไง เจ้าตรวจสอบเขารึเปล่า"

 

         "ไม่นะ ตอนเข้ามาหาข้าเขานอบน้อมและเชื่อฟัง  ใช่วิชาหมัดข้าสอนเขาแต่ อัคคีในฝ่ามือเจ้านั่นข้าไม่ได้สอน  เขามาในเวลาไม่นานนี้เองชื่อเขาข้ายังนึกไม่ค่อยออกเลย"

          เหลยป้าหน้าซีดที่ศิษย์ตนทำเรื่องร้ายกาจ เฉินโจวนั่งมองอย่างสุขุมเขาถอนหายใจ

         "เขาชื่อเจ็กหลง"

 

         "ใช่ ใช่ ใช่ ชื่อนั้นแหละ"

         เหลยป้ารีบตอบรับ และเฉินโจวก็อธิบายต่อ

         "เจ็กหลงสำเร็จวิชาหมัดอัคคีที่เขาคิดค้น แต่หลังจากเขาแพ้ข้าในงานชิงเจ้ายุทธภพเมื่อเจ็ดปีก่อนธาตุไฟเขาก็แตกทำให้วิปราสชอบการฆ่าฟันและข้าได้กำราบเขาในอีกหนึ่งปีต่อมา นึกไม่ถึงว่าข้าจะให้โอกาสผิดคน ถ้าเหตุการณแย่ลงข้าคงต้องลงมือเอง"

 

         ทุกคนนิ่งเงียบเพราะหากเทพกระบี่พูดเช่นนี้พวกเขาต้องวางใจและนั่งดูต่อไป

 

            ...................................................................................

   

           "อาตมาขอตัวไปทำธุระเบาก่อนนะ"

 

         เหยินหลงไต้ซือลุกจากที่นั่ง หลวงจีนแก่แอบมาสวนหลังจวนเจ้าเมืองข้างลานประลอง  เขามาเพื่อพบคนคนหนึ่งแต่ เหตุการณ์ไม่พ้นสายตาของถังหนิวเขาสะกดตามอย่างลับๆ

 

         เหยินหลงไต้ซือมาพบคนลึกลับที่คลุมผ้าทั้งตัว เขาเห็นมือแห้งๆยื่นออกมาจากเสื้อหนาของเจ้านั่นถังหนิวสะท้านเพราะมันแห้งแทบติดกระดูกสีแดงเหมือนเลือด เขารู้แล้วว่ามันคือใคร

 

           "(มารกระดูกแดง)"

          ถังหนิวแข็งใจแอบฟังให้ได้มาที่สุด

 

          "ไป่หลินร่วมงานประลองใช่ใหม"

          "ใช่ แต่ข้าไม่เห็นกระบี่จูหลงเลย"

          "หลวงจีนถ่อยเอ๊ย มันไม่จำเป็นต่อข้าอีกแล้ว ข้าขอเพียงล้างแค้นเหลยหยางได้คนเดียวก็สาสมใจข้าแล้ว"

 

           หลวงจีนแก่ทำท่ากังวล ถอนหายใจแรง

 

           "เจ้าจะให้ยาโถวเห็นสภาพเจ้าตอนนี้จริงๆนั้นหรือเว่ยเส้าเทียน"

 

          ("ห๊ะ ไป่หลินคือยาโถว เหยินหลงไต้ซือทรยศต้องกลับไปรายงานเทพกระบี่")

 

        เพล้ง ด้วยความประมาทถังหนิวทำแจกันตกแตก เขารีบเร่งฝีเท้าแต่ช้าไป

 

           ซ่วบบบ

 

 

         มือของมารกระดูกแดงแทงทะลุข้างหลังทะลุถึงหัวใจถังหนิวมองหัวใจที่เต้นตุบตับในมือของมารกระดูกแดง

 

           "หลวงจีนโง่มีคนสะกดรอยตามยังไม่รู้ตัวอีก ไปซะหมดหน้าที่เจ้าแล้ว"

 

         แคว่กกก  แผละ  มากระดูกแดงกำหัวใจถังหนิวเละคามือ

 

          "อั่ก"

 

        ถังหนิวสิ้นใจทันที เหยินหลงไต้ซือแอบหนีออกจากงานประลองอย่างลับๆ

 

 

 

          ..............................................................................

 

            ส่วนทางด้านไป่หลินนั่งรอจนหายเหนื่อยแต่ถังอันยังสู้ในช่วงสุดท้าย  ทั้งคู่เหนื่อยหอบแล้ว และจะปะทะกันกระบวนสุดท้าย

 

           "ว๊า แย่จังข้าก็อยากสู้ รีบๆชนะกันสักที"

 

          ตอนนี้ทุกคนในลานประลองยังไม่รู้ว่าอันตรายเข้ามาถึงตัวแล้ว

 

 :::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::

 

         

 

        

 

     

    

 

 

           

              

                

 

            

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา