Psychopomp เรื่องเล่าสยองขวัญ
-
เขียนโดย api3api
วันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 เวลา 14.52 น.
10 บท
1 วิจารณ์
14.53K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 02.22 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
5) เด็กโชคร้าย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ "วนิดา อินทรกาน มาพบผู้ปกครองที่ห้องฝ่ายปกครองเดี๋ยวนี้ด้วยครับ"
เสียงประกาศตามเครื่องขยายเสียงทำให้ฉันปิดหนังสือเรียนด้วยความเบื่อหน่าย
"เฮ่อ ให้มันได้อย่างนี้สิ นี่มันเวลาเรียนนะ"
ไม่มีอะไรที่จะน่าเบื่อไปกว่านี้อีกแล้ว ฉันเดินผ่านห้องต่างๆ ฉันไม่ชอบเท่าไรกับสายตาที่ทุกคนมองฉันแปลกๆ
"เด็กคนนั้นไง ที่ทางบ้านเป็นคนทรงเจ้าน่ะเธอ น่ากลัวออก"
ไม่สนใจ มันธรรมดาไปแล้วที่ฉันถูกนินทาทั้งต่อหน้าและลับหลัง ฉันไม่ชอบการอยู่ร่วมในสังคมที่มองฉันเป็นสิ่งแปลกประหลาด และคงไม่คิดจะนับพวกนั้นเป็นเพื่อน แต่ฉันไม่ได้เกลียดพวกเขา
/////////////////////////////////////////////////////////////////////////
ภายในห้องฝ่ายปกครองมีเหล่าอาจารย์และแม่ของฉันที่กำลังจัดชุดบูชาอยู่ และกลางห้องมีเด็กนักเรียนหญิงคนนึ่งร่างกายซูบผอมนอนหายใจรวยริน เธอมองฉันด้วยสายตาวิงวอน
เธอคนนี้เป็นคนสวย และมีผู้ชายหลายคนหมายปอง แม้แต่คนที่ไร้ตัวตนอย่างฉันยังรู้จัก
"นิดา ขอโทษที แต่แม่คงช่วยเด็กคนนี้ไม่ไหว"
ฉันถอนหายใจ และใช้สมาธิเพ่งเล็งเธอคนนั้น ฉันเป็นคนที่สัมผัสถึงพลังวิญญาณได้ แต่คนนี้ไม่มีการคุกคามจากสัมพเวสีแน่
"แม่เขาไม่ชอบเครื่องบูชา มีแต่จะทำให้เขาโกรธ หนูจะทำเอง"
ฉันใช้ตะเกียบสอดเข้าไปในปากของเธอและคีบบางอย่างออกมา
มันยาว ยาว และดิ้นเหมือนสิ่งมีชีวิต มันคือปรสิตในร่างคน ครูหลายคนถึงกับอ้วกออกมาด้วยความสะอิสะเอียน
ฉันคีบมันออกมาถึงสามตัว แต่ละตัวยาวถึงหนึ่งไม้บรรทัด มันดิ้นตุบตับในขวดโหลที่เตรียมไว้
"เธอไม่ได้โดนคุณไสย์นั่นคือปลิงเจ้าที่ มันไม่ได้มีแค่นี้ แต่มันจะออกมาอีกเพื่อตามหาลูกของมัน"
ทุกคนเบือนหน้าหนีเพราะเด็กคนนั้นสำรอก ปรสิตสีดำขนาดเท่าหัวนิ้วโป้งมันออกมาจากปากครึ่งตัวฉันใช้ส้อมเสียบมันแล้วดึงออกมา มันดิ้นตุบตับแล้วตายไป
"เธอฆ่าปลิงด้วยความสนุกสนาน จากนี้ไปขอขมาศาลข้างบึงที่เธอไปเล่นน้ำเถอะ จงขอบใจในวันนี้ที่ฉันยังมีชีวิตและเห็นใจเพื่อนมนุษย์เถอะ ฉันจะไม่เปิดศาลวิญญาณ"
........................................
ด้วยพลังของฉัน ทำให้วิญญาณมากมายมาวนเวียนฉัน พวกนี้ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากต้องการทำเรื่องที่เขาค้างคาเพื่อปลดห่วงให้ตัวเองและนั่นจะทำให้พวกเขาไปสู่สุขติ
พวกเขามาเพื่อขอยืมพลังวิญญาณของฉัน
ซึ่งฉันเรียกมันว่า ศาลวิญญาณ แต่ถ้าฉันเปิดศาลวิญญาณแล้วฉันจะมีฐานะแค่ผู้ชมเท่านั้น ไม่สามารถช่วยเหลือใครได้ แม้จะเป็นเรื่องที่น่าเศร้าแค่ใหนก็ตามเพราะคนที่ตัดสินคดีไม่ใช่ฉันแต่เป็นมัจจุราช ถ้าฉันยื่นมือเข้าช่วยพลังที่วิญาณยืมไปจะไม่กลับมานั่นหมายถึงอายุขัยฉันจะสั้นลง
ฉันจึงเลือกเฉพาะเรื่องไม่ร้ายแรง และไม่กี่ยวข้องกับมนุษย์
" อีเด็กปิศาจ อีเด็กผีสิง อย่าเข้ามาไกล้พวกเรา"
ทุกคนในห้องรังเกียจฉัน แม้จะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นประจำแต่มันอดน้อยใจไม่ได้ ที่ที่สงบของฉัน และที่เหมาะสำหรับฉันคือวัด
คุณยายฉันเสียไปหลายสิบปีแล้วจนวิญญาณที่อยู่เหนือหลุมศพเบาบางจนแทบมองไม่เห็นแล้วตอนนี้
"ย่าขา หนู หนูไม่อยากไปโรงเรียนแล้ว ย่ามารับหนูไปอยู่ด้วยที"
ฉันไม่อยากอยู่กับแม่ แม่มักรับงานที่น่ากลัวและร้ายแรงขึ้นเรื่อยๆและให้ฉันแก้ เพราะยิ่งเรื่องร้ายแรงยิ่งได้เงินเยอะ ไม่ว่าที่ใหนฉันก็ไม่อยากอยู่
คุณย่ายิ้มแล้วส่ายหน้าเบาๆก่อนจะหายไป คุณย่าไปแล้วไปสู่ศาลวิญญาณอีกที่นั่นคือศาลในนรกที่ชี้ขาดว่าเราจะไปต่อแดนสุขาวดีหรือชดใช้กรรมในดินแดนอเวจี
ไม่มีที่ให้ฉันได้รับการปลอบประโลมอีกต่อไปแล้ว
...............................................
เช้าวันต่อมาโต๊ะเก้าอี้ของฉันมีแต่รอยขูดขึดด้วยมีดเหลาดินสอ
"ลาออกไปซะ อีเด็กผีสิง พวกเรากลัวเธอ"
แม้แต่เด็กที่ฉันเคยช่วยชีวิตก็ยังอยู่ฝั่งที่เกลียดชังฉัน พักเที่ยงฉันเอาข้าวกล่องขึ้นมาตักเข้าปาก รสชาติที่ผสมด้วยน้ำตา โลกนี้ไม่น่าอยู่เลย
"อู้ย หน้าหนาวนี่เย็นถึงกระดูกจริงๆว่าใหม"
ฉันนิ่งมองหน้าคนที่เอาข้าวกล่องมากินกับฉัน เด็กคนนั้นที่โดนปลิงสิงร่างนั่นเอง เธอมาพร้อมผู้ชายอีกคนหนึ่ง
"เธอเอาอะไรมากิน อู้ย ใข่เจียวน้ำมันมะพร้าว หอม กินด้วยสิ"
ฉันยิ้มพยักหน้าเลื่อนกล่องข้าวให้ไปชิดกัน หน้าหนาว หนาวจริงๆแหละ ฉันขยับเสื้อแขนยาวสีขาวให้กระชับ แล้วกินข้าวด้วยน้ำตา
หลังจากโรงเรียนเลิกพวกเราทั้งสามคนก็ถูกแกล้ง แต่ผู้ชายคนนั้นเขาปกป้องพวกเรา
"พวกแกกลัวก็ไปอยู่ไกลๆนู่น กลัวเขาทำใมถ้าเขาไม่ใจดีจริงแล้วไอ้พวกที่เธอเคยช่วยไว้ล่ะไม่ขอบคุณแล้วยังทำร้ายเขาอีกเหรอ"
ฉันรู้สึกทึ่งและเป็นครั้งแรกที่ฉันถูกปกป้อง ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าฉันรู้สึกดีๆกับเขาฉันชอบรอยยิ้มของเขา
"งานโรงเรียนเธอจะมาด้วยใหมนิดา มานะเราจะเที่ยวพร้อมกันทั้งสามคน"
แต่ฉันมองเห็นลางร้ายที่จะเกิดขึ้นกับโรงเรียนนี้ ฉันเห็นมันอย่างชัดเจน มันทำให้ฉันกลัว
"พวกเธอระวังตัวนะจะมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นที่โรงเรียนนี้ น่าจะสองสามวันนี้"
"จ้ะพวกเราจะระวัง"
ทำใมฉันรู้น่ะเหรอ เพราะฉันเห็นวิญญาณมาหาฉัน มันอาฆาตรรุนแรงจนฉันแทบทรงตัวไม่อยู่ มันเป็นทหารญี่ปุ่น
"ไปซะฉันไม่เปิดศาลให้แก"
มันทำหน้าผิดหวัง แล้วก็ลอยหายไป ฉันไม่เคยรู้สึกโล่งอกมากขนาดนี้มาก่อน แต่ฉันต้องขนลุกอีกครั้ง
"พวกเพื่อนของแกจะต้องตายเพราะแก เนื่องจากปฏิเสธคำขอของฉัน"
วันงานโรงเรียนคนมาเยี่ยมชมมากมาย ฉันและเพื่อนสามคนเดินเที่ยวด้วยกัน
"เอ้านิดา หมวกใบนี้เข้ากับเธอ"
เขาคนนั้นซื้อหมวกให้ฉันแม้มันจะเป็นลายแปลกแต่ฉันก็ชอบมัน แต่ฉันต้องชะงักเพราะฉันเห็นวิญญาณนั่นอีกแล้ว
"เดี๋ยวฉันมานะ"
ฉันรีบวิ่งตามวิญญาณทหารญี่ปุ่นนั้นไป มันหันมามองด้วยความน่าสะพรึ่ง
"ระเบิดที่ฉันวางไว้สมัยสงคราม มันกำลังจะปะทุ มันสายไปแล้วฉันไม่ต้องพึ่งพลังของเธอแล้ว"
มันชี้นิ้วไปที่โรงเก็บของเก่า ที่นั่นวิญญาณมากมายกำลังโหยหวน
"นิดามีอะไรเหรอ"
เขาคนนั้นวิ่งตามมา จากนั้นพริบตา แสงสว่างก็แว๊บขึ้นพร้อมกับเสียงระเบิดมรณะ
"บรึ๊มมมมม "
นักเรียนสามร้อยชีวิตที่มาเที่ยวงานโรงเรียนเสียชีวิตทั้งหมด
ฉันรู้สึกเจ็บปวดมากและรู้สึกชาไปทั่ว ข้อมือขวาฉันขาดและมีแผลตามตัวไปทั่ว ส่วนเขาคนนั้นนอนหมดสติอยู่ไต้ต้นมะม่วงใหญ่ มันบังแรงระเบิดให้เขา ดีจริง วิญญาณของคนตายหลายร้อยคนม้วนหมุนตัว และมันกำลังโกรธแค้นและกำลังหลงทาง
"อีเด็กผีสิง อีเด็กนรก ช่วยพวกเราด้วย"
ฉันกำลังจะหมดสติ ใช่ฉันรู้ฉันกำลังจะตาย ฉันช่วยพวกเธอไม่ได้ ขอโทษ ที่ฉันทำได้ก็แค่ชี้ทางให้พวกเธอ
"เปิดศาลวิญญาณให้พวกเขาด้วยค่ะ"
ฉันรู้สึกเหมือนร่างกายจะฉีกออก พลังวิญญาณของฉันแบ่งกระจายจากร่างไปหาทุกๆคน ทุกคนกลับสู่สภาพของร่างคนอีกครั้งและเดินเรียงแถวเดินเข้าสู่ประตูนรกภูมิ
"ทำใมเธอทำเพื่อเรา พวกเรารังเกียจเธอ"
ฉันยิ้มอาจจะเป็นยิ้มสุดท้าย พอพวกเขาเข้าไปหมดทุกคนแล้วฉันก็จะตามพวกเขาไป น้ำตาฉันไหลออกมาอาบแก้ม
"ฉันไม่เคยโกรธพวกเธอ"
ฉันหายใจไม่ออกแล้ว ทรมานมาก ฉันดิ้นทุรนทุราย จนขาดใจในที่สุด
แต่ปลายทางของฉันกลับไม่ใช่นรกหรือสวรรค์
ฉันยังวนเวียนอยู่บนโลกนี้ โปรดอย่ามองเห็นฉัน ถ้าเจอคนสวมหมวกแปลกๆและเสื้อแขนยาวสีขาวในชุดนักเรียนให้เลี่ยงไป ไม่งั้นคุณอาจแก้ตัวไม่ได้
/////////////////////////////////////////////////////////////
เสียงประกาศตามเครื่องขยายเสียงทำให้ฉันปิดหนังสือเรียนด้วยความเบื่อหน่าย
"เฮ่อ ให้มันได้อย่างนี้สิ นี่มันเวลาเรียนนะ"
ไม่มีอะไรที่จะน่าเบื่อไปกว่านี้อีกแล้ว ฉันเดินผ่านห้องต่างๆ ฉันไม่ชอบเท่าไรกับสายตาที่ทุกคนมองฉันแปลกๆ
"เด็กคนนั้นไง ที่ทางบ้านเป็นคนทรงเจ้าน่ะเธอ น่ากลัวออก"
ไม่สนใจ มันธรรมดาไปแล้วที่ฉันถูกนินทาทั้งต่อหน้าและลับหลัง ฉันไม่ชอบการอยู่ร่วมในสังคมที่มองฉันเป็นสิ่งแปลกประหลาด และคงไม่คิดจะนับพวกนั้นเป็นเพื่อน แต่ฉันไม่ได้เกลียดพวกเขา
/////////////////////////////////////////////////////////////////////////
ภายในห้องฝ่ายปกครองมีเหล่าอาจารย์และแม่ของฉันที่กำลังจัดชุดบูชาอยู่ และกลางห้องมีเด็กนักเรียนหญิงคนนึ่งร่างกายซูบผอมนอนหายใจรวยริน เธอมองฉันด้วยสายตาวิงวอน
เธอคนนี้เป็นคนสวย และมีผู้ชายหลายคนหมายปอง แม้แต่คนที่ไร้ตัวตนอย่างฉันยังรู้จัก
"นิดา ขอโทษที แต่แม่คงช่วยเด็กคนนี้ไม่ไหว"
ฉันถอนหายใจ และใช้สมาธิเพ่งเล็งเธอคนนั้น ฉันเป็นคนที่สัมผัสถึงพลังวิญญาณได้ แต่คนนี้ไม่มีการคุกคามจากสัมพเวสีแน่
"แม่เขาไม่ชอบเครื่องบูชา มีแต่จะทำให้เขาโกรธ หนูจะทำเอง"
ฉันใช้ตะเกียบสอดเข้าไปในปากของเธอและคีบบางอย่างออกมา
มันยาว ยาว และดิ้นเหมือนสิ่งมีชีวิต มันคือปรสิตในร่างคน ครูหลายคนถึงกับอ้วกออกมาด้วยความสะอิสะเอียน
ฉันคีบมันออกมาถึงสามตัว แต่ละตัวยาวถึงหนึ่งไม้บรรทัด มันดิ้นตุบตับในขวดโหลที่เตรียมไว้
"เธอไม่ได้โดนคุณไสย์นั่นคือปลิงเจ้าที่ มันไม่ได้มีแค่นี้ แต่มันจะออกมาอีกเพื่อตามหาลูกของมัน"
ทุกคนเบือนหน้าหนีเพราะเด็กคนนั้นสำรอก ปรสิตสีดำขนาดเท่าหัวนิ้วโป้งมันออกมาจากปากครึ่งตัวฉันใช้ส้อมเสียบมันแล้วดึงออกมา มันดิ้นตุบตับแล้วตายไป
"เธอฆ่าปลิงด้วยความสนุกสนาน จากนี้ไปขอขมาศาลข้างบึงที่เธอไปเล่นน้ำเถอะ จงขอบใจในวันนี้ที่ฉันยังมีชีวิตและเห็นใจเพื่อนมนุษย์เถอะ ฉันจะไม่เปิดศาลวิญญาณ"
........................................
ด้วยพลังของฉัน ทำให้วิญญาณมากมายมาวนเวียนฉัน พวกนี้ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากต้องการทำเรื่องที่เขาค้างคาเพื่อปลดห่วงให้ตัวเองและนั่นจะทำให้พวกเขาไปสู่สุขติ
พวกเขามาเพื่อขอยืมพลังวิญญาณของฉัน
ซึ่งฉันเรียกมันว่า ศาลวิญญาณ แต่ถ้าฉันเปิดศาลวิญญาณแล้วฉันจะมีฐานะแค่ผู้ชมเท่านั้น ไม่สามารถช่วยเหลือใครได้ แม้จะเป็นเรื่องที่น่าเศร้าแค่ใหนก็ตามเพราะคนที่ตัดสินคดีไม่ใช่ฉันแต่เป็นมัจจุราช ถ้าฉันยื่นมือเข้าช่วยพลังที่วิญาณยืมไปจะไม่กลับมานั่นหมายถึงอายุขัยฉันจะสั้นลง
ฉันจึงเลือกเฉพาะเรื่องไม่ร้ายแรง และไม่กี่ยวข้องกับมนุษย์
" อีเด็กปิศาจ อีเด็กผีสิง อย่าเข้ามาไกล้พวกเรา"
ทุกคนในห้องรังเกียจฉัน แม้จะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นประจำแต่มันอดน้อยใจไม่ได้ ที่ที่สงบของฉัน และที่เหมาะสำหรับฉันคือวัด
คุณยายฉันเสียไปหลายสิบปีแล้วจนวิญญาณที่อยู่เหนือหลุมศพเบาบางจนแทบมองไม่เห็นแล้วตอนนี้
"ย่าขา หนู หนูไม่อยากไปโรงเรียนแล้ว ย่ามารับหนูไปอยู่ด้วยที"
ฉันไม่อยากอยู่กับแม่ แม่มักรับงานที่น่ากลัวและร้ายแรงขึ้นเรื่อยๆและให้ฉันแก้ เพราะยิ่งเรื่องร้ายแรงยิ่งได้เงินเยอะ ไม่ว่าที่ใหนฉันก็ไม่อยากอยู่
คุณย่ายิ้มแล้วส่ายหน้าเบาๆก่อนจะหายไป คุณย่าไปแล้วไปสู่ศาลวิญญาณอีกที่นั่นคือศาลในนรกที่ชี้ขาดว่าเราจะไปต่อแดนสุขาวดีหรือชดใช้กรรมในดินแดนอเวจี
ไม่มีที่ให้ฉันได้รับการปลอบประโลมอีกต่อไปแล้ว
...............................................
เช้าวันต่อมาโต๊ะเก้าอี้ของฉันมีแต่รอยขูดขึดด้วยมีดเหลาดินสอ
"ลาออกไปซะ อีเด็กผีสิง พวกเรากลัวเธอ"
แม้แต่เด็กที่ฉันเคยช่วยชีวิตก็ยังอยู่ฝั่งที่เกลียดชังฉัน พักเที่ยงฉันเอาข้าวกล่องขึ้นมาตักเข้าปาก รสชาติที่ผสมด้วยน้ำตา โลกนี้ไม่น่าอยู่เลย
"อู้ย หน้าหนาวนี่เย็นถึงกระดูกจริงๆว่าใหม"
ฉันนิ่งมองหน้าคนที่เอาข้าวกล่องมากินกับฉัน เด็กคนนั้นที่โดนปลิงสิงร่างนั่นเอง เธอมาพร้อมผู้ชายอีกคนหนึ่ง
"เธอเอาอะไรมากิน อู้ย ใข่เจียวน้ำมันมะพร้าว หอม กินด้วยสิ"
ฉันยิ้มพยักหน้าเลื่อนกล่องข้าวให้ไปชิดกัน หน้าหนาว หนาวจริงๆแหละ ฉันขยับเสื้อแขนยาวสีขาวให้กระชับ แล้วกินข้าวด้วยน้ำตา
หลังจากโรงเรียนเลิกพวกเราทั้งสามคนก็ถูกแกล้ง แต่ผู้ชายคนนั้นเขาปกป้องพวกเรา
"พวกแกกลัวก็ไปอยู่ไกลๆนู่น กลัวเขาทำใมถ้าเขาไม่ใจดีจริงแล้วไอ้พวกที่เธอเคยช่วยไว้ล่ะไม่ขอบคุณแล้วยังทำร้ายเขาอีกเหรอ"
ฉันรู้สึกทึ่งและเป็นครั้งแรกที่ฉันถูกปกป้อง ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าฉันรู้สึกดีๆกับเขาฉันชอบรอยยิ้มของเขา
"งานโรงเรียนเธอจะมาด้วยใหมนิดา มานะเราจะเที่ยวพร้อมกันทั้งสามคน"
แต่ฉันมองเห็นลางร้ายที่จะเกิดขึ้นกับโรงเรียนนี้ ฉันเห็นมันอย่างชัดเจน มันทำให้ฉันกลัว
"พวกเธอระวังตัวนะจะมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นที่โรงเรียนนี้ น่าจะสองสามวันนี้"
"จ้ะพวกเราจะระวัง"
ทำใมฉันรู้น่ะเหรอ เพราะฉันเห็นวิญญาณมาหาฉัน มันอาฆาตรรุนแรงจนฉันแทบทรงตัวไม่อยู่ มันเป็นทหารญี่ปุ่น
"ไปซะฉันไม่เปิดศาลให้แก"
มันทำหน้าผิดหวัง แล้วก็ลอยหายไป ฉันไม่เคยรู้สึกโล่งอกมากขนาดนี้มาก่อน แต่ฉันต้องขนลุกอีกครั้ง
"พวกเพื่อนของแกจะต้องตายเพราะแก เนื่องจากปฏิเสธคำขอของฉัน"
วันงานโรงเรียนคนมาเยี่ยมชมมากมาย ฉันและเพื่อนสามคนเดินเที่ยวด้วยกัน
"เอ้านิดา หมวกใบนี้เข้ากับเธอ"
เขาคนนั้นซื้อหมวกให้ฉันแม้มันจะเป็นลายแปลกแต่ฉันก็ชอบมัน แต่ฉันต้องชะงักเพราะฉันเห็นวิญญาณนั่นอีกแล้ว
"เดี๋ยวฉันมานะ"
ฉันรีบวิ่งตามวิญญาณทหารญี่ปุ่นนั้นไป มันหันมามองด้วยความน่าสะพรึ่ง
"ระเบิดที่ฉันวางไว้สมัยสงคราม มันกำลังจะปะทุ มันสายไปแล้วฉันไม่ต้องพึ่งพลังของเธอแล้ว"
มันชี้นิ้วไปที่โรงเก็บของเก่า ที่นั่นวิญญาณมากมายกำลังโหยหวน
"นิดามีอะไรเหรอ"
เขาคนนั้นวิ่งตามมา จากนั้นพริบตา แสงสว่างก็แว๊บขึ้นพร้อมกับเสียงระเบิดมรณะ
"บรึ๊มมมมม "
นักเรียนสามร้อยชีวิตที่มาเที่ยวงานโรงเรียนเสียชีวิตทั้งหมด
ฉันรู้สึกเจ็บปวดมากและรู้สึกชาไปทั่ว ข้อมือขวาฉันขาดและมีแผลตามตัวไปทั่ว ส่วนเขาคนนั้นนอนหมดสติอยู่ไต้ต้นมะม่วงใหญ่ มันบังแรงระเบิดให้เขา ดีจริง วิญญาณของคนตายหลายร้อยคนม้วนหมุนตัว และมันกำลังโกรธแค้นและกำลังหลงทาง
"อีเด็กผีสิง อีเด็กนรก ช่วยพวกเราด้วย"
ฉันกำลังจะหมดสติ ใช่ฉันรู้ฉันกำลังจะตาย ฉันช่วยพวกเธอไม่ได้ ขอโทษ ที่ฉันทำได้ก็แค่ชี้ทางให้พวกเธอ
"เปิดศาลวิญญาณให้พวกเขาด้วยค่ะ"
ฉันรู้สึกเหมือนร่างกายจะฉีกออก พลังวิญญาณของฉันแบ่งกระจายจากร่างไปหาทุกๆคน ทุกคนกลับสู่สภาพของร่างคนอีกครั้งและเดินเรียงแถวเดินเข้าสู่ประตูนรกภูมิ
"ทำใมเธอทำเพื่อเรา พวกเรารังเกียจเธอ"
ฉันยิ้มอาจจะเป็นยิ้มสุดท้าย พอพวกเขาเข้าไปหมดทุกคนแล้วฉันก็จะตามพวกเขาไป น้ำตาฉันไหลออกมาอาบแก้ม
"ฉันไม่เคยโกรธพวกเธอ"
ฉันหายใจไม่ออกแล้ว ทรมานมาก ฉันดิ้นทุรนทุราย จนขาดใจในที่สุด
แต่ปลายทางของฉันกลับไม่ใช่นรกหรือสวรรค์
ฉันยังวนเวียนอยู่บนโลกนี้ โปรดอย่ามองเห็นฉัน ถ้าเจอคนสวมหมวกแปลกๆและเสื้อแขนยาวสีขาวในชุดนักเรียนให้เลี่ยงไป ไม่งั้นคุณอาจแก้ตัวไม่ได้
/////////////////////////////////////////////////////////////
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ