เอาล่ะนะ
เขียนโดย jundee
วันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554 เวลา 11.51 น.
แก้ไขเมื่อ 23 กันยายน พ.ศ. 2556 15.56 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
2)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความวันนั้นได้ผ่านไปนาน จนฉันลืมไปแล้วว่าเคยพูดอะไรเอาไว้ และก็มีเหตุให้ฉันต้องกลับไปกรุงเทพฯ แหล่งที่ฉันทิ้งมา ...คือฉันต้องโอนย้ายที่บางอย่างฯ ขั้นตอนมากมายมาก จนต้องมีเหตุไปเจอเพื่อนเก่าที่เคยพูดอะไรไว้
หนุ่ยได้ทำงานที่กรมที่ดินส่วนกลาง และฉันเคยรับรู้มาบ้างตอนที่หนุ่ยโทรฯมาบอกเล่าให้ฟังในเรื่องชีวิตของตัวเองเวลาที่หนุ่ยเมา และคิดถึงกัน
..หนุ่ยจะจบลงด้วย ..เริ่มถามแต่คำเดิมๆ ว่า"จำได้มั๊ยๆ เคยพูดอะไรไว้" ... (สงสัยจัง เพราะหนุ่ยไม่เคยดื่มเหล้าเลย) ฉันนัดเจอหนุ่ยที่ทำงานของ(มัน)หนุ่ย ตอนบ่ายสี่โมงตรง ที่ร้านใกล้ที่ทำงานเขา ในขณะที่ฉันนั่งเพลินๆ และคิดว่าเราไม่ได้เจอเพื่อนๆนานแล้วนะ...และคิดวางโปรแกรมเที่ยวบ้างตามประสา
....ก็มีผู้ชายคนนึงที่ไม่คุ้นหน้าเดินมายิ้มกับฉัน ในเสื้อเชิ๊ตสีดำ เนคไทร์สีดำแต่ตีขลิบระหว่างผ้าต่วนกับผ้าลินินและผ้าซาตินแบ่งเป็นช่องๆอย่างมีรสนิยม (ในช่วงนั้นเป็นช่วงที่ไว้ทุกข์ให้กับสมเด็จพระศรีนครินทราฯ) ...เขายิ้มร่า และไม่ได้ไม่สวมแว่นหนาเตอะ.!
...ฉันรับรู้ว่า เค้าคือเพื่อนคนนึงที่เราสนิทมากๆ...แต่ด้วยภาพลักษณ์ที่เปลี่ยนไปทำเอาฉันมึนงงพอควร ก่อนจะทักออกไป
"หนุ่ยเหรอ?" ฉันถามไป พร้อมรับกอดที่อบอุ่นจากการฝายมือรับของหนุ่ย... เพื่อนที่เปลี่ยนไปของฉัน .. มันช่างบอบบางและไม่เหลือร่องรอยของคนอ้วนที่สวมแว่นหนาเลย.
"คิดว่าผมเป็นใครล่ะจัน?" ฉันงงกับภาพที่เห็น มองอีกครั้งอย่างเต็มตา...เรามองจ้องกันหลังจากกอดกทักทายกันแล้ว ภาพชายหนุ่มอายุ36ปี สูง170น้ำหนัก79กิโลกรัม และไม่ได้ใส่แว่นอีกแล้ว (หนุ่ยบอกว่าไปทำเลสิตมาค่ะ ในภายหลัง).... มันไม่คุ้นเลย.
หนุ่ยชวนฉันเดินไปตามทางเดินของถนนพระอาทิตย์ ...
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ