ดอกรัก ใกล้รั้ว

10.0

เขียนโดย อมยิ้ม

วันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2554 เวลา 21.03 น.

  6 ตอน
  8 วิจารณ์
  11.12K อ่าน
แชร์เรื่องสั้น Share Share Share

 

3) ค้นเจอใจตนเอง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
"นายเทพ  อ้าวแล้วแป้งหล่ะ" วีรดาญ์ถามออกไปเมื่อเห็นว่าเทพศักดิ์เดินเข้าบ้านมาคนเดียว
 
"แป้งไปไหนหรือครับ"
 
"แป้งว่าไปหานายที่บ้านน่ะ"
 
"ไม่มีนิ นี่ผมก็เพิ่งมาจากบ้านด้วย"
 
"ไปไหนของเขาน่ะ คุณนัฐมารอตั้งนานสองนาน"
 ท้ายประโยค วีรดาญ์เหมือนจะบ่นกับตัวเอง แต่จริงๆแล้วอยากให้เทพศักดิ์สนใจ ว่าคุณนัฐ คือใคร
 
"ใครกันคุณนัฐ"  เทพศักดิ์ ถามออกไปด้วยความสงสัย ทั้งสงสัยว่านายนัฐเป็นใคร และที่สงสัยมากกว่าคือ เขามารอนิญาวีญ์ทำไม
 
เป็นอย่างที่วีรดาญ์ คาดคิด  น้องสาวหล่อนคงไม่ได้คิดไปเองเพียงฝ่ายเดียวแล้วแบบนี้ แล้วจะไม่ช่วยให้สองคนนี้สมหวังได้อย่างไร
 
เทพศักดิ์เองก็เป็นคนดีไม่มีอะไรเสียหายถ้าสองคนนี้จะรักกันมันจะดีไม่น้อย  วีรดาญ์มั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าเทพศักดิ์สามารถดูแลน้องสาวของหล่อนได้เป็นอย่างดี
 
"อ่อ เพื่อนที่ทำงานของป่านน่ะค่ะ เขามาหายายแป้ง"
วีรดาญ์ เลี่ยงที่จะบอกว่าเป็นเพื่อนกลับแฟนหนุ่มของหล่อน และคำอธิบายของหล่อนมันยังไม่กระจ่างสำหรับเทพศักดิ์ 
 
"แล้วเขามาทำไม มาหานิญาวีญ์ทำไม" นี่ต่างหากที่ชายหนุ่มอยากรู้แต่ได้แค่เก็บความสงสัยไว้ในใจไม่ได้ถามออกไป
แต่วีรดาญ์เหมือนนั่งอยู่ในใจเขายิ่งอยากรู้เหมือนยิ่งยั่วให้สงสัย
 
"นี่มารอ ยายแป้งเป็นชั่วโมงแล้วน่ะค่ะ ป่านว่ายายแป้งไปบ้านนายเสียอีก เพิ่งรู้ว่าไม่อยู่ก็ตอนที่นายมานี่แหละ สงสัยคุณนัฐจะมารอเก้อเสียแล้ว  เห็นบ่นๆว่าจะมาชวนไปดูหนัง สงสัยคงได้ดูรอบเย็นแล้วมั่ง เอ่ออย่างนี้ไม่กลับมืดค่ำหรือ"
 
วีรดาญ์ทำเหมือนกับบ่นกับตัวเอง แต่ขอให้มันมีปฏิกิริยาเกิดขึ้นในใจของชายหนุ่มตรงหน้านี้บ้างเถอะ เพี้ยงๆๆ วีรดาญ์คิดแล้วแอบดีใจแทนน้องสาวถ้าผู้ชายคนนี้ คิดเหมือนที่หล่อนเข้าใจ
 
"ป่านก็ไปบอกเขาสิว่าแป้งไม่อยู่ ให้เขากลับไปก่อนก็ได้" 
 
"อุ๊ย ไม่ได้หรอกค่ะ ขืนยายแป้งกลับมาแล้วรู้ว่าป่านไล่คุณนัฐกลับบ้าน มีหวังป่านโดนบ่นแย่  ไม่เอาค่ะไม่อยากเสี่ยง ให้เขารออยู่นั่นแหละ  เดี่ยวยายแป้งก็กลับมาเองหรอกค่ะ" พูดเหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องปกติที่ชายหนุ่มคนนั้นเข้าออกบ้านนี้

เทพศักดิ์ ยังสงสัยไม่หาย เขาแค่ไปธุระต่างจังหวัด 3-4 วันกลับมาอีกทีบ้านหลังนี้มีหนุ่มๆๆ มานั่งรอสาวเจ้าของบ้านเสียแล้ว
 
"เทพมานี่ มีธุระอะไรหรือเปล่าค่ะ " วีรดาญ์ ถามออกไปเหมือนกับเพิ่งนึกขึ้นได้
"ไม่มีไรหรอก  เดี่ยวนี้จะมาที่นี่ต้องมีธุระด้วยหรือ"
 
พูดเหมือนน้อยใจออกไป แต่ส่วนลึกมันมากกว่าน้อยใจ มันรู้สึกเหมือนเจ็บปวดในอกด้านซ้าย ชายหนุ่มไม่แน่ใจว่าที่รู้สึกปวดเป็นเพราะ สาวคนพี่ หรือคนน้องกันแน่ แต่เรื่องระหว่างเขากับวีรดาญ์นั้นชายหนุ่มคิดว่าเขาตัดใจจากหล่อนได้แล้วที่เหลือก็มีแค่เพียงความเป็นเพื่อนเท่านั้น งั้นก็คงเหลือแต่ลูกสาวคนเล็กของบ้าน
 
"ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกค่ะ ที่ถามนี่ กลัวว่าป่านจะทำให้เสียเวลาน่ะค่ะ"
วีรดาญ์รีบพูดแก้ กลัวชายหนุ่มจะเข้าใจผิดและไม่พอใจเอาได้
 
"เอ่อ เทพ ผอ.ที่โรงเรียนฯน่ะ แกมาชวนให้ยายแป้งไปสอนหนังสือเด็กๆที่โรงเรียนน่ะ แต่ยายแป้งยังไม่ตกลง ก็ยายแป้งมันไม่อยากไปสอนแต่ไม่รู้จะปฏิเสธผอ.ท่านยังงัย ได้ยินแว่วๆ มาว่าคุณนัฐก็ชวนไปทำงานกับเขา  แต่ป่านน่ะอยากให้แป้งไปสอนหนังสือเด็กๆดีกว่า ไม่อยากให้อยู่ใกล้คุณนัฐมากไป แต่ยังงัยก็แล้วแต่ยายแป้ง แหล่ะน่ะ"
 
วีรดาญ์บ่นเหมือนเป็นเรื่องปกติแต่จริงๆหล่อนอยากให้ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้ามีส่วนในการตัดสินใจของน้องสาวหล่อน เพราะวีรดาญ์กลัว ว่าถ้านิญาวีญ์ ไปทำงานกับนัฐ จะทำให้ชายหนุ่มตรงหน้ากับน้องสาวห่างๆกันไป แล้วสิ่งที่หล่อนคิดและเข้าใจเกี่ยวกับสองคนนี้ก็จะไม่เป็นจริง
 
"ป่านก็บอกแป้งสิ"  ชายหนุ่มแอบสนับสนุนความคิดของวีรดาญ์ แต่ไม่ได้แสดงความยินดีออกไปมากมายนัก
 
"เก๊ก มากไปแล้วน่ะนายเทพ คอยดูถ้าถึงเวลานั้นจริง อย่ามาอ้อนให้ช่วยน่ะ" วีรดาญ์ คิดในใจ แอบหมั่นไส้คนรูปหล่อตรงหน้า ปากแข็งทั้งที่ใจหวั่นไหวไปกับน้องสาวของหล่อนแล้ว
 
"ผมกลับบ้านก่อนดีกว่า แล้วเย็นๆจะแวะมาใหม่ ฝากบอกแป้งด้วยน่ะ ว่าจะมากินข้าวเย็นด้วย" ชายหนุ่มคิดในใจว่าเขามาขอทานข้าวด้วยตอนเย็นดูสิหล่อนยังจะออกไปกับหนุ่มอื่นหรือไม่
 
"แล้วถ้ายังออกไปหล่ะ" ชายหนุ่มหยอกใจตัวเองแบบเจ็บๆ

######################

"มาทานข้าว บ้านคนอื่นแล้วมาสาย ให้เจ้าของบ้านเขารอ"
เสียงนิญาวีญ์ดังขึ้นทันทีเมื่อชายหนุ่มปรากฏตัวหน้าบ้าน หล่อนไม่รู้หรอกว่าเสียงนั้นทำให้เขาดีใจแค่ไหน แม้มันจะเป็นคำพูดที่ไม่ไพเราะเลยก็ตาม
 
"ยายแป้งพูดกับพี่กับเชื้อแบบนั้นได้ยังไรหึ " เสียงมารดาของหล่อนอีกนั่นแหละที่เป็นคนเอ็ดมา
 
"นายเทพ เขาไม่ถือหรอกค่ะแม่ แค่มียายแป้งอยู่ทานข้าวเย็นเขาก็ดีใจแล้ว" วีรดาญ์พูดกับแม่ โดยที่น้องสาวไม่ได้ยิน
 
"พูดอะไรแบบนั้น ยายป่าน" แม่หันมาเอ็ดลูกสาวคนโตอีกครั้ง
 
"ป่านพูดเรื่องจริงค่ะแม่ ไม่เชื่อแม่รอดูต่อไป สองคนนี้ไม่ใครคนใดคนหนึ่งอกแตกตาย เพราะแอบเก็บความรู้สึกไว้ไม่ไหว"
 
"เพ้อเจ้อใหญ่ ไปว่าน้องแบบนั้นได้ยังไร"
พร้อมกันนั้นชายหนุ่มก็เดินเข้ามาภายในบ้านและไหว้เคารพผู้ใหญ่ทั้งสองของบ้าน
 
"นี่ยายแป้งรอ นายมาทานข้าวตั้งนาน รอไปบ่นไป คนให้รอก็ให้รอ รอแล้วรออีก บ่นใหญ่ว่า จะรอเก้อหรือป่าว"
 
"พี่ป่านก็พูดไปเรื่อย ก็มีคนบอกว่าจะมาแล้วก็ไม่มาเราก็รอสิค่ะ ไม่ได้มีไรสักหน่อย"
 
"ไม่มีไร จริงน่ะ เมื่อกี้พี่ยังได้ยินเลยว่า  แลกมากับการไม่ไปดูหนัง..."
เงียบ ไปอึดใจทั้งนิญาวีญ์ และเทพศักดิ์ ความคิดวิ่งเร็วปี๊ดดดดดด กว่านักกรีฑาเหรียญทองโอลิมปิกเสียอีก 
 
นิญาวีญ์ มันไม่มีความหมายสำหรับเขาหรอกสิ่งที่พี่สาวหล่อนพูด เขาก็แค่มาทานข้าวด้วยเหมือนที่ผ่านมาเท่านั้น ถึงหล่อนไม่อยู่เขาก็มาเป็นปกติอยู่แล้ว
 
เทพศักดิ์  เหมือนเลือดเข้าไปสูบฉีดในหัวใจด้วยความเร็วและแรง ซึ่งมันต่างจากก่อนมานี่โดยสิ้นเชิง ไม่ให้ต่างได้อย่างไร เพราะเขากลัว กลัวว่ามาแล้วจะไม่เจอหล่อน กลัวว่าหล่อนจะไปกับหนุ่มที่มารอหล่อนอยู่เมื่อตอนกลางวัน เขาคิดแล้วคิดอีกว่าจะมาดีหรือเปล่า ถ้าไม่มา หล่อนจะอยู่หรือไม่อยู่ เขาก็ไม่ต้องรับรู้มัน ถ้ามากลัวหล่อนไม่มี ถ้าไม่มา กลัวหล่อนจะรอ (ขอแอบคิดเข้าข้างตัวเองสักนิด) และแล้วหล่อนก็ไม่ได้ทำให้เขาผิดหวัง
 
"ทานข้าวเถอะ พ่อเทพ  มั่วแต่คุยกันไม่อิ่มหรอก" ผู้เป็นพ่อชวนทานข้าว เพื่อหยุดการสนธนา ที่ทำให้ลูกสาวคนเล็กยิ่งลำบาก เพราะพี่สาวคนโต ต้อนให้จนมุม  เรื่องของหัวใจดวงเล็กเมื่อมันเกิดรัก ที่ยิ่งใหญ่ไม่มีใครบังคับฝืนใจมันได้หรอก นอกจากแลกมากับความเจ็บปวดแสนสาหัสเพื่อหยุดยั้งรักที่บังเกิด
 
เขาเป็นพ่อ ผู้ให้กำเนิดหญิงสาวแล้วทำไมเขาจะไม่รู้ว่าผู้เป็นลูกสาว คิดอ่านอะไรอยู่ เพียงแต่เขาไม่อยากเข้าไปมีส่วนในการตัดสินใจเรื่องแบบนี้ของลูก ปล่อยให้เขาได้ดูแล และเลือกด้วยตัวเอง
 
พ่อแม่ก็เลี้ยงลูกได้แต่ตัวเท่านั้น ความคิดความอ่านต้องปล่อยเขาไป
 
และทุกคนก็ลงมือทานข้าวมื้อค่ำที่แสนอร่อย และมีความสุขในการได้ทานข้าวร่วมกัน
 
"พ่อเทพ ได้ข่าวว่า ผู้ใหญ่อำนาจ หมายปองไปเป็นเขยคนเล็กหรือ  เหอะๆๆ"  แสงชัย ถามออกไปแล้วหัวเราะตอนท้ายเหมือนเป็นการถามหยอกเล่น แต่เขาอยากรู้ว่าเรื่องมันจริงเท็จแค่ไหน เพื่อเขาจะได้ปกป้องลูกสาวคนเล็ก
 
นิญาวีญ์ ลุ้นกับคำตอบของเขาแบบหวั่นๆ ผิดกับชายหนุ่มที่ไม่ได้คิดอะไรไปกับคำถามนั้นเลย
 
"คุณอา ก็พูดไป ไม่มีอะไรหรอกครับ ผู้ใหญ่แกให้ผมไปดูแลสวนแกน่ะครับ แกแบ่งที่ดินแกมาทำเกษตรผสมผสานน่ะครับ แล้วจะเปิดเป็นแปลงสาธิต ให้คนในชุมชนได้เรียนรู้ จากของจริงน่ะครับ ผมก็เลยเต็มที่กับมันหน่อย เพราะมันเป็นสิ่งที่ดีน่ะผมว่า เกษตรผสมผสานนี่ ถ้าคนที่มาดูเขาได้เห็นสิ่งที่ดี ที่ถูกต้อง และสามารถนำไปปฏิบัติตามได้ แล้วคนสนใจเยอะๆ เกษตรกรรายย่อยจะได้มีรายได้เพิ่มขึ้นไงครับ"
 
"อืม  อาก็ว่าดีเหมือนกันน่ะไอ้เกษตรผสมผสานนี่ "
 
"ครับ ตอนนี้ก็กำลังจะเปิดศูนย์การเรียนรู้เกษตรพอเพียงในชุมชน น่ะครับ ช่วงนี้งานเลยเยอะน่ะครับ แต่ก็มีความสุขครับ ที่ทำให้คนในชุมชนมีงานทำ จะได้ไม่ทิ้งถิ่นฐานบ้านเกิดตัวเอง "
 
"งานเยอะ จนลืมสาวๆบ้านนี้เลยหรือป่าวจร้าเทพ" วีรดาญ์ ถามล้อๆเทพศักดิ์ได้แต่ยิ้มแล้วหันไปทางลูกสาวคนเล็กที่นั่งฟังนิ่ง ไม่เหมือนคราวอื่นๆ เขารู้สึกเหมือนว่าหล่อนจะระมัดระวังตัวกับเขามากขึ้นในช่วงนี้ จะมีก็แต่บางเวลาที่เผลอหรือลืมตัวและสักพักก็เหมือนนึกขึ้นได้อีก
 
"ไม่หรอกครับ สาวๆบ้านนี้ อยู่ในใจผมเสมอ " พูดพร้อมกับส่งยิ้มไปยังสาวๆ ทั้งคนเล็กคนโต
 
"ตกลง ว่ายังไม่มีใครจองเป็นเขยบ้านไหน "
 
"ครับ " เทพรับปากยิ้มๆ เขาดีใจที่ได้พูดแบบนี้ออกไป
 
"อืมมม ไม่มีไรหรอก อาถามดูเผื่อบ้านนี้จะได้จอง เอ่อ เดี่ยวอาขอตัวก่อนน่ะไปนอนเล่นในห้องดีกว่า อากาศเริ่มหนาว ปล่อยให้หนุ่มสาวเขาคุยกัน  ไปแม่ไป คนแก่ๆอย่างเราไปนอนดีกว่า  แม่นวดให้พ่อหน่อยน่ะ เหมื่อยๆๆ" ท้ายประโยคหันไปหยอกเล่นกับผู้เป็นคู่ชีวิตมาเกือบ30 ปี
 
"แก่ แล้วยังหวานน่ะค่ะพ่อ อิจฉาๆๆๆ" นิญาวีญ์ เป็นคนพูดหยอกล้อพ่อ พร้อมกับไปสวมกอด และหอมแก้มผู้เป็นพ่อและตามด้วยผู้เป็นแม่
 
"โตเป็นสาวแล้ว ทำตัวเป็นเด็กเล็กๆไปได้" แสงชัยเหมือนจะบ่นว่าลูกแต่มันเต็มไปด้วยความรัก ความชื่นชมมากกว่า
 
"แป้งๆๆ เทพมีธุระจะคุยด้วยจร้า" วีรดาญ์ พูดพร้อมกับเดินเข้าครัวเพื่อไปหาโอวัลตินร้อนๆ เพื่อตนเองและแขก
 
"จร้าๆๆ มีไรหรือค่ะพี่เทพ" เมื่อพ่อกับแม่เข้าห้องไปหล่อนจึงเดินกลับมาหาชายหนุ่ม
 
"ป่านบอกว่า ครูใหญ่ชวนไปสอนหนังสือเด็กๆหรือ"
 
"ค่ะ"  หญิงสาวรับคำเบาๆ
 
"พี่กับเทพคิดกันน่ะ แป้งอย่าไปสอนหนังสือเด็กเลย  จริงไหมเทพ" พี่สาวหล่อนพูดขึ้นหลังจากถือโอวัลตินร้อนๆออกมา 2แก้ว
 
ทำเอานิญาวีญ์สงสัยไม่หาย ว่าทำไม แต่ชายหนุ่มหนึ่งเดียวตรงนั้น อึ้งไปเลย คิดไม่ถึงว่า วีรดาญ์จะหักหลังเขา โดยการพูดแบบนี้
ทั้งที่ตอนแรกบอกว่า อยากให้ไปสอน เล่นเอาเทพศักดิ์ ตั้งตัวไม่ทันจากที่คิดว่ามีวีรดาญ์เป็นแรงสนับสนุนอีกคน แต่ไม มาเปลี่ยนพรรคง่ายๆตอนนี้
 
"เนาะ เทพเนาะ อย่างยายแป้งนี่ ไปสอนหนังสือเด็กได้ยังงัย ดูสิ ตัวเองอ่ะทำตัวเป็นเด็กๆออกอย่างนี้แล้วจะเอาอะไรไปสอนคนอื่น จิงไหมเทพ" 
เทพศักดิ์ยังนั่ง งง กับสิ่งที่ได้ยินแล้วยังไม่ได้พูดอะไรออกไป นิญาวีญ์ก็กำลังสันสน "ทำไม หล่อนจะไปสอนหนังสือเด็กๆที่โรวงเรียนไม่ได้"หล่อนคิดในใจ
 
"พี่ ว่าแป้งไปทำงานกับคุณนัฐดีกว่า ไปนั่งเฉยๆก็ได้รับเงินเดือน แถมยังมีรถรับส่งอีก พี่ก็พลอยสบายไปด้วยงัย"
 
เทพศักดิ๋ชักจะทนไม่ไหว ทำไมวีรดาญ์พูดแบบนี้ ก็ไหนบอกกับเขาอีกแบบแล้วพูดกับ นิญาวีญ์อีกแบบ แต่คนที่ทนไม่ได้มากกว่าก็พูดแซงขึ้น
 
"ฮี๊  แบบนั้นแป้งยิ่งไม่เอาค่ะพี่ป่าน ไม่ชอบให้ใครว่าเป็นเด็กคนนั้น เด็กคนนี้ สอนหนังสือเด็กๆสนุกว่าเยอะ และอีกอย่างแป้งน่ะมีความสามารถเต็มตัว เรียนมาเกรดเฉลี่ยก็ดี ใช้ความสามารถล้านๆ ค่ะ ไม่งั้นผอ. คงไม่มาชวนแป้งหรอกค่ะ ทั้งๆที่มีคนอื่นอยากไปสอนตั้งเยอะตั้งแยะ ใช่ไหมค่ะพี่เทพ" ขอกำลังเสริมด่วน เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือและบุคคอ้างอิง 
 
เทพศักดิ์หันซ้ายแลขวา ยังงุนงงกับสองสาวพี่น้อง แต่เขาเห็นวีรดาญ์ขยิบตา สงสัญญาอะไรสักอย่าง "อะไรกันน่ะที่ วีรดาญ์สงมา" เทพศักดิ์คิดในใจ
 
"ยังงัย พี่ก็ว่าไปทำงานกับคุณนัฐดีกว่า  แป้งคิดดูสิ นั่งเฉยๆก็มีผลงาน มีรถคุณนัฐ รับ-ส่ง ด้วยอ่ะ เผลอน่ะ มีอาหาร 3มื้อฟรีด้วยน่ะ ดีจะตายพี่ว่าแบบนั้น" วีรดาญ์ไม่ยอมถอยใส่ไฟไปเรื่อยๆ และแอบยิ้มยินดีกับตัวเองที่น้องสาวหลงกล
 
"ไม่ชอบแบบนั้น ยังงัยๆแป้งก็ไม่ไปทำงานกับคุณนัฐ และจะไม่ไปทำที่ไหนทั้งนั้น จะอยู่ให้พ่อ  กับ แม่เลี้ยง ตลอดชีวิต" พูดงอลๆๆพี่สาว
 
"แป้งคิดูสิ ถ้าแป้งไม่ไปทำงานที่ไหนสักแห่ง คุณนัฐก็จะตื้อแป้งไม่เลยน่ะเรื่องนี้"
 
"งั้นพรุ่งนี้แป้งจะไปตกลงกับผอ.ที่โรงเรียน ว่าจะไปสอนหนังสือเด็ก"
 
เทพศักดิ์เพิ่งถึงบางอ้อ ก็ตอนนี้ เขาเข้าใจเจตนาของวีรดาห์ถ่องแท้แล้ว จึงไม่รอช้าที่จะตอกย้ำความคิดของวีรดาญ์ เพื่อให้นิญาวีญ์ ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
 
"แต่สอนหนังสือเด็ก มันไม่ง่ายเหมือนที่แป้งคิดน่ะ"
 
"แล้วใครว่าแป้งคิดว่าง่ายค่ะ  ยากแค่ไหนแป้งไม่เคยหวั่น คอยดูจะทำให้พี่ป่านกับพี่เทพ ได้เห็นว่าแป้งทำได้"
 
"จร้าๆๆๆ พี่จะคอยดู อย่าเพิ่งท้อกลางคันหล่ะ เอ่อ ถ้างานนี้ล้มกลางคัน ป่านจะเลี้ยงสุกี้ เทพ เลยอ่ะ"
 
"งั้นผม เลี้ยง อะไรดีน๊า เอ่อ เอาเป็นว่าแล้วแต่ป่านอ่ะ อยากกินไรบอก ทุ่มงบไม่อั้น "
 
แล้วเสียงหัวเราะผสมผสานกันของชายหญิง ดังลั่นบ้านเหมือนว่า ชีวิตนี้มีแต่ความสุขและสมหวัง แต่อีกคนที่ได้ยิน มันเหมือนเสียงหัวเราะ ที่เยาะเย้ย ยังงัยยังงั้น
 
#############      ############

 

คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา