ต้อยติ่งซินโดรม
8.1
เขียนโดย jundee
วันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2553 เวลา 14.43 น.
13 ตอน
68 วิจารณ์
24.40K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 23 กันยายน พ.ศ. 2556 15.54 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
7) ที่หนึ่งของต้อย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ (แฮะๆ เห่อค่ะ มีคนอ่านเพิ่มเลยเขียนได้ต่อแบบปรู๊ดปราสสส...)
ก่อนช่วงจะหมดปี บริษัทที่ต้อยทำงานจะมีการประเมินผลงานของพนักงานทุกคนทุกแผนก ซึ่งถือว่าดีค่ะ กับองค์กรขนาดใหญ่ ระบบงานเขาเจ๋งมากๆ(หากมีการผิดพลาดมาประการใดก็ขอคืนแก้ไขได้ เขาเรียกว่าอะไรน้า........คุกๆๆๆๆ อย่ามากไปๆหยู้ดเดี๋ยวนี้เชียว!...ไอ้จัน!)..อิ๋ง!!!...
ค่ะ ต้อยของเราก็ต้องโดนประเมินด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก่อนหน้าที่จะมีการประเมินบริษัทจะมี"ธงข้อสอบ"ให้ทุกคนเอามาอ่านและต้องทำ"งานวิจัย"ด้วยตัวเองให้แตกฉานให้ได้ เพราะงานนี้ไม่มีตัวช่วย! ดูหนักเอาการมากสำหรับต้อย "พี่โจ พี่ช่วยบอกผมหน่อยนะ เดี๋ยวผมจะให้พี่"ติว"ให้...น้าน..น น้อยซะที่ใหน? ต้อยเรา ..รู้จักคำว่าติวด้วย
เค้าจะอ่านมากค่ะ อ่านไปเกาหัวไป นั่งอ่านหน้าบ้าน(ตึกแถว)ทุกวันตอนเลิกงาน ทำท่าเคร่งยังกะจะไปสอบโรงเรียนนายร้อยจปล...อุ๊ย! ..จปร.ค่ะ ทุกคนที่รู้เรื่องนี้ต่างเป็นห่วงเป็นใยต้อย อาซิ้มที่แกเกลียดเสียงร้องเพลงตอนที่ต้อย"ได้ที่" ยังอุสาห์บอกว่า "เออ..ขอให้เอ็งทำดีๆนะ" คนในบ้านจะพูดกรอกหูต้อยว่า "ทำดีๆนะมึง ไม่งั้นตกงานแน่" จากโจน้องชายเรา "ต้อยพยายามนะลูก พ่อแม่พึ่งแกได้คนเดียวนะ" จากแม่เรา และ "ต้อย แกต้องอ่านเยอะๆนะ"จากเราเอง(ห่วงว่ามันจะตายก่อนน่ะ หุ หุ ) ดูเหมือนว่า ทุกคำพูดจะเพิ่มความ"กดดัน" ให้ต้อยเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเอง..!! .???
เพราะเจ้าตัวบอกกับทุกคนว่า " โถ่...หัวหน้าชมผมว่าผมน่ะทำงานดีกว่าทุกคนอยู่แล้วคับ..ขนาดวันหยุดไม่เรียกใครเลย แกเรียกผมคนเดียวให้ไปช่วยงานแกที่บ้าน! (ฮา) " ค่ะ แล้วแต่จะคิดนะคะ เราน่ะ เซ็งเป็ด! ..บวก เซ็งไก่ไปนานแล้ว น้องชายเรามักเคี่ยวเข็ญให้ต้อยทำข้อสอบบ่อยๆหลังมื้อค่ำ
"เอ้าใหนว่ามาซิ แม่สีมีกี่สี?" โจถาม
"4คับ ขาว แดง น้ำเงิน เหลือง" ต้อยตอบ
"แล้วก่อนลงสีหลัก ต้องใช้เคมีอะไรก่อน?"
"ลงทินเนอร์คับ!" โดนป้าป! (เตะตูด) อีกสาระพัดค่ะ เราไม่สันทัดกรณีเลยเลี่ยงที่จะเขียนถึง เพราะเป็นงานเทคนิคศัพย์เฉพาะของเค้ามีเยอะมาก ก็ไม่รู้นี่เน้าะ(อิ อิ ..) แต่ต้อยก้อพยายามทำได้ดีเกือบทั้งหมด จนถึงวันทดสอบมาถึง การทดสอบมีสองวัน วันแรกต้อยตื่น! มาก "พี่ผมไม่สบายน่ะ" บอกโจน้องชายเรา " เรื่องของคุณมรึงงงครับ ไปทำงานซะ" เป็นคำปลอบใจจากโจ "ป้า ผมไปนะ" อื้มลูก สู้ๆนะ หม่ามี๊เราเกือบชูสัญลักษณ์ลิโพแล้ว ดีนะที่เรามองก่อนแกเลยเก้อๆไป
ไอ้ต้อยหันมาเห็นเรา ทำท่าหมดหวังในสีหน้า แต่เราก็ปลอบใจได้ดีค่ะ "ต้อย ไม่เป็นไรหรอก ง่ายๆเอง .. นาแม่แกเยอะ" โห...ปากนางมารแท้ๆ แต่ไม่รู้นะคะ ว่ามันจะแช่งในใจกับพี่คนนี้ยังไง. แต่ .555สะจายยยย . ก่อนออกจากบ้านวันนั้นต้อยเดินแวะไปบอกน้าหน่อยที่ขายขนมครกชาวบ้านอยู่ (เบื่อแล้วชาววัง) กับพี่ทันบ้านตรงข้ามว่า "ช่วยไหว้พระแทนผมด้วยนะคับ ตักบาตรเลยยิ่งดี ผมจะได้สงบๆ" น้าหน่อยไม่รู้เรื่องพูดว่า "มึงเป็นอาไร้ ???" ส่วนพี่ทัน ผู้รู้แจ้งเห็นจริง แกว่าสำเนียงศรีสะเกษซิตี้ " ต้อย โตสิคิดอีหยั๋ง เขากะเทสซื่อๆ บ่เป็นหยั๋งดอก" คำนี้ทำให้การเดินทางไป "ทดสอบ"ของต้อยดีขึ้นอย่างประหลาด! สองวันที่ต้อยรู้สึกแย่ๆผ่านไป จนทุกคนเกือบลืม อันที่จริงลืมไปแล้วด้วยซ้ำค่ะสำหรับเรานะคะ ไม่ใช่ใจร้าย ไม่ใส่ใจน้องชายบวมๆคนนี้ แต่งานมันเยอะค่ะ ทำงานเยอะมากจนไม่มีเวลาถามไถ่อะไรต้อยมากนัก
จนวันพฤหัสของอีกสัปดาห์มาถึง เพิ่งสองทุ่มกว่าๆเอง แต่ต้อยไม่ไปไหนเหมือนที่เคย ต้อยถีบรถจักรยานมาจอดแบบที่เรียกได้ว่า "ล้มจอด!" คือตีวงพรืดดดดด ..แล้วเอาขาข้างขวางอเข่านิดๆในท่าที่ดูมันเท่ๆน่ะค่ะ ในขณะนั้นทุกคนอยู่พร้อมหน้ากันแล้วนั่งดูทีวีอยู่ชั้นล่าง ต่างมองต้อยเป็นจุดเดียวกัน
" พี่ !.. ผมได้ที่หนึ่ง! " งานเข้าค่ะ เสียงดังฟังชัด ขนาดที่พี่บ้านตรงข้ามกำลังตั้งวงดื่มกันอยู่ยังชะงักแก้วที่จรดปากค้างไว้! หา...!!!!! อารมณ์ดีใจมาก และคาดไม่ถึง เป็นครั้งแรกจริงๆที่ เราสัมผัสได้ถึงความดีใจแบบที่เรียกว่า "ดีใจจนน้ำตาไหล"ค่ะ มันปลาบปลื้มสุดๆ เจ้าโจถึงขั้นลุกไปจับไม้จับมือต้อย ตบหลังตบไหล่ปากก็พ่นแต่คำว่า "ไอ้น้องๆๆ" โจเค้าเป็นคนติวให้นี่คะ เค้าต้องดีใจมากกว่าใครๆอยู่แล้ว เราน่ะ กะเตรียมควักเงินออกให้ต้อยไปซื้ออะไรดื่มเล็กๆน้อยๆกับบ้านตรงข้ามเลยด้วยซ้ำ พอทุกคนสงบขวัญได้แล้ว ต่างก็มานั่งคุยถามไถ่กันหน้าจอทีวี "ใหนลูก บอกป้าซิ ว่าแกได้ที่หนึ่งจริงๆเร้อ?" หม่ามี๊เราไม่ยอมเชื่อหูตัวเอง "คับป้า ผมได้ที่หนึ่งคับจริงๆ"
พวกเรา ซึ่งมีเฮียเปากับเฮียปี้ (บ้านตรงข้าม)ที่โผล่มาแสดงความยินดีด้วย ต่างยิ้มแย้มด้วยความสุข
แล้วต้อยก็ดึง! เบรคมือ!! กระทันหัน!ว่า
"ป้า ผมได้ที่หนึ่ง แต่อีกคนนะ เค้าได้ที่สาม ได้เป็นหัวหน้าช่างเลยล่ะ ! .."
เฮียเปาปล่อยเบียร์ที่อมไว้ในปากพุ่งจู๊ด!.. เฉียดหน้าเราไปนิสสสสสเดียว!
"ระดับโว้ย ระดับหนึ่ง คือเกือบโง่ รู้ไว้ซะ ไอ้คุณติ่ง! " เสียงส่งผ่านปากน้องชาย เรามาแว่วๆ ก่อน ที่เจ้าตัวจะเดินตึงๆ ขึ้นชั้นบนไป.
ก่อนช่วงจะหมดปี บริษัทที่ต้อยทำงานจะมีการประเมินผลงานของพนักงานทุกคนทุกแผนก ซึ่งถือว่าดีค่ะ กับองค์กรขนาดใหญ่ ระบบงานเขาเจ๋งมากๆ(หากมีการผิดพลาดมาประการใดก็ขอคืนแก้ไขได้ เขาเรียกว่าอะไรน้า........คุกๆๆๆๆ อย่ามากไปๆหยู้ดเดี๋ยวนี้เชียว!...ไอ้จัน!)..อิ๋ง!!!...
ค่ะ ต้อยของเราก็ต้องโดนประเมินด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก่อนหน้าที่จะมีการประเมินบริษัทจะมี"ธงข้อสอบ"ให้ทุกคนเอามาอ่านและต้องทำ"งานวิจัย"ด้วยตัวเองให้แตกฉานให้ได้ เพราะงานนี้ไม่มีตัวช่วย! ดูหนักเอาการมากสำหรับต้อย "พี่โจ พี่ช่วยบอกผมหน่อยนะ เดี๋ยวผมจะให้พี่"ติว"ให้...น้าน..น น้อยซะที่ใหน? ต้อยเรา ..รู้จักคำว่าติวด้วย
เค้าจะอ่านมากค่ะ อ่านไปเกาหัวไป นั่งอ่านหน้าบ้าน(ตึกแถว)ทุกวันตอนเลิกงาน ทำท่าเคร่งยังกะจะไปสอบโรงเรียนนายร้อยจปล...อุ๊ย! ..จปร.ค่ะ ทุกคนที่รู้เรื่องนี้ต่างเป็นห่วงเป็นใยต้อย อาซิ้มที่แกเกลียดเสียงร้องเพลงตอนที่ต้อย"ได้ที่" ยังอุสาห์บอกว่า "เออ..ขอให้เอ็งทำดีๆนะ" คนในบ้านจะพูดกรอกหูต้อยว่า "ทำดีๆนะมึง ไม่งั้นตกงานแน่" จากโจน้องชายเรา "ต้อยพยายามนะลูก พ่อแม่พึ่งแกได้คนเดียวนะ" จากแม่เรา และ "ต้อย แกต้องอ่านเยอะๆนะ"จากเราเอง(ห่วงว่ามันจะตายก่อนน่ะ หุ หุ ) ดูเหมือนว่า ทุกคำพูดจะเพิ่มความ"กดดัน" ให้ต้อยเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเอง..!! .???
เพราะเจ้าตัวบอกกับทุกคนว่า " โถ่...หัวหน้าชมผมว่าผมน่ะทำงานดีกว่าทุกคนอยู่แล้วคับ..ขนาดวันหยุดไม่เรียกใครเลย แกเรียกผมคนเดียวให้ไปช่วยงานแกที่บ้าน! (ฮา) " ค่ะ แล้วแต่จะคิดนะคะ เราน่ะ เซ็งเป็ด! ..บวก เซ็งไก่ไปนานแล้ว น้องชายเรามักเคี่ยวเข็ญให้ต้อยทำข้อสอบบ่อยๆหลังมื้อค่ำ
"เอ้าใหนว่ามาซิ แม่สีมีกี่สี?" โจถาม
"4คับ ขาว แดง น้ำเงิน เหลือง" ต้อยตอบ
"แล้วก่อนลงสีหลัก ต้องใช้เคมีอะไรก่อน?"
"ลงทินเนอร์คับ!" โดนป้าป! (เตะตูด) อีกสาระพัดค่ะ เราไม่สันทัดกรณีเลยเลี่ยงที่จะเขียนถึง เพราะเป็นงานเทคนิคศัพย์เฉพาะของเค้ามีเยอะมาก ก็ไม่รู้นี่เน้าะ(อิ อิ ..) แต่ต้อยก้อพยายามทำได้ดีเกือบทั้งหมด จนถึงวันทดสอบมาถึง การทดสอบมีสองวัน วันแรกต้อยตื่น! มาก "พี่ผมไม่สบายน่ะ" บอกโจน้องชายเรา " เรื่องของคุณมรึงงงครับ ไปทำงานซะ" เป็นคำปลอบใจจากโจ "ป้า ผมไปนะ" อื้มลูก สู้ๆนะ หม่ามี๊เราเกือบชูสัญลักษณ์ลิโพแล้ว ดีนะที่เรามองก่อนแกเลยเก้อๆไป
ไอ้ต้อยหันมาเห็นเรา ทำท่าหมดหวังในสีหน้า แต่เราก็ปลอบใจได้ดีค่ะ "ต้อย ไม่เป็นไรหรอก ง่ายๆเอง .. นาแม่แกเยอะ" โห...ปากนางมารแท้ๆ แต่ไม่รู้นะคะ ว่ามันจะแช่งในใจกับพี่คนนี้ยังไง. แต่ .555สะจายยยย . ก่อนออกจากบ้านวันนั้นต้อยเดินแวะไปบอกน้าหน่อยที่ขายขนมครกชาวบ้านอยู่ (เบื่อแล้วชาววัง) กับพี่ทันบ้านตรงข้ามว่า "ช่วยไหว้พระแทนผมด้วยนะคับ ตักบาตรเลยยิ่งดี ผมจะได้สงบๆ" น้าหน่อยไม่รู้เรื่องพูดว่า "มึงเป็นอาไร้ ???" ส่วนพี่ทัน ผู้รู้แจ้งเห็นจริง แกว่าสำเนียงศรีสะเกษซิตี้ " ต้อย โตสิคิดอีหยั๋ง เขากะเทสซื่อๆ บ่เป็นหยั๋งดอก" คำนี้ทำให้การเดินทางไป "ทดสอบ"ของต้อยดีขึ้นอย่างประหลาด! สองวันที่ต้อยรู้สึกแย่ๆผ่านไป จนทุกคนเกือบลืม อันที่จริงลืมไปแล้วด้วยซ้ำค่ะสำหรับเรานะคะ ไม่ใช่ใจร้าย ไม่ใส่ใจน้องชายบวมๆคนนี้ แต่งานมันเยอะค่ะ ทำงานเยอะมากจนไม่มีเวลาถามไถ่อะไรต้อยมากนัก
จนวันพฤหัสของอีกสัปดาห์มาถึง เพิ่งสองทุ่มกว่าๆเอง แต่ต้อยไม่ไปไหนเหมือนที่เคย ต้อยถีบรถจักรยานมาจอดแบบที่เรียกได้ว่า "ล้มจอด!" คือตีวงพรืดดดดด ..แล้วเอาขาข้างขวางอเข่านิดๆในท่าที่ดูมันเท่ๆน่ะค่ะ ในขณะนั้นทุกคนอยู่พร้อมหน้ากันแล้วนั่งดูทีวีอยู่ชั้นล่าง ต่างมองต้อยเป็นจุดเดียวกัน
" พี่ !.. ผมได้ที่หนึ่ง! " งานเข้าค่ะ เสียงดังฟังชัด ขนาดที่พี่บ้านตรงข้ามกำลังตั้งวงดื่มกันอยู่ยังชะงักแก้วที่จรดปากค้างไว้! หา...!!!!! อารมณ์ดีใจมาก และคาดไม่ถึง เป็นครั้งแรกจริงๆที่ เราสัมผัสได้ถึงความดีใจแบบที่เรียกว่า "ดีใจจนน้ำตาไหล"ค่ะ มันปลาบปลื้มสุดๆ เจ้าโจถึงขั้นลุกไปจับไม้จับมือต้อย ตบหลังตบไหล่ปากก็พ่นแต่คำว่า "ไอ้น้องๆๆ" โจเค้าเป็นคนติวให้นี่คะ เค้าต้องดีใจมากกว่าใครๆอยู่แล้ว เราน่ะ กะเตรียมควักเงินออกให้ต้อยไปซื้ออะไรดื่มเล็กๆน้อยๆกับบ้านตรงข้ามเลยด้วยซ้ำ พอทุกคนสงบขวัญได้แล้ว ต่างก็มานั่งคุยถามไถ่กันหน้าจอทีวี "ใหนลูก บอกป้าซิ ว่าแกได้ที่หนึ่งจริงๆเร้อ?" หม่ามี๊เราไม่ยอมเชื่อหูตัวเอง "คับป้า ผมได้ที่หนึ่งคับจริงๆ"
พวกเรา ซึ่งมีเฮียเปากับเฮียปี้ (บ้านตรงข้าม)ที่โผล่มาแสดงความยินดีด้วย ต่างยิ้มแย้มด้วยความสุข
แล้วต้อยก็ดึง! เบรคมือ!! กระทันหัน!ว่า
"ป้า ผมได้ที่หนึ่ง แต่อีกคนนะ เค้าได้ที่สาม ได้เป็นหัวหน้าช่างเลยล่ะ ! .."
เฮียเปาปล่อยเบียร์ที่อมไว้ในปากพุ่งจู๊ด!.. เฉียดหน้าเราไปนิสสสสสเดียว!
"ระดับโว้ย ระดับหนึ่ง คือเกือบโง่ รู้ไว้ซะ ไอ้คุณติ่ง! " เสียงส่งผ่านปากน้องชาย เรามาแว่วๆ ก่อน ที่เจ้าตัวจะเดินตึงๆ ขึ้นชั้นบนไป.
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.1 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.2 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ