ต้อยติ่งซินโดรม
เขียนโดย jundee
วันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2553 เวลา 14.43 น.
แก้ไขเมื่อ 23 กันยายน พ.ศ. 2556 15.54 น. โดย เจ้าของเรื่องสั้น
7) ที่หนึ่งของต้อย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ(แฮะๆ เห่อค่ะ มีคนอ่านเพิ่มเลยเขียนได้ต่อแบบปรู๊ดปราสสส...)
ก่อนช่วงจะหมดปี บริษัทที่ต้อยทำงานจะมีการประเมินผลงานของพนักงานทุกคนทุกแผนก ซึ่งถือว่าดีค่ะ กับองค์กรขนาดใหญ่ ระบบงานเขาเจ๋งมากๆ(หากมีการผิดพลาดมาประการใดก็ขอคืนแก้ไขได้ เขาเรียกว่าอะไรน้า........คุกๆๆๆๆ อย่ามากไปๆหยู้ดเดี๋ยวนี้เชียว!...ไอ้จัน!)..อิ๋ง!!!...
ค่ะ ต้อยของเราก็ต้องโดนประเมินด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก่อนหน้าที่จะมีการประเมินบริษัทจะมี"ธงข้อสอบ"ให้ทุกคนเอามาอ่านและต้องทำ"งานวิจัย"ด้วยตัวเองให้แตกฉานให้ได้ เพราะงานนี้ไม่มีตัวช่วย! ดูหนักเอาการมากสำหรับต้อย "พี่โจ พี่ช่วยบอกผมหน่อยนะ เดี๋ยวผมจะให้พี่"ติว"ให้...น้าน..น น้อยซะที่ใหน? ต้อยเรา ..รู้จักคำว่าติวด้วย
เค้าจะอ่านมากค่ะ อ่านไปเกาหัวไป นั่งอ่านหน้าบ้าน(ตึกแถว)ทุกวันตอนเลิกงาน ทำท่าเคร่งยังกะจะไปสอบโรงเรียนนายร้อยจปล...อุ๊ย! ..จปร.ค่ะ ทุกคนที่รู้เรื่องนี้ต่างเป็นห่วงเป็นใยต้อย อาซิ้มที่แกเกลียดเสียงร้องเพลงตอนที่ต้อย"ได้ที่" ยังอุสาห์บอกว่า "เออ..ขอให้เอ็งทำดีๆนะ" คนในบ้านจะพูดกรอกหูต้อยว่า "ทำดีๆนะมึง ไม่งั้นตกงานแน่" จากโจน้องชายเรา "ต้อยพยายามนะลูก พ่อแม่พึ่งแกได้คนเดียวนะ" จากแม่เรา และ "ต้อย แกต้องอ่านเยอะๆนะ"จากเราเอง(ห่วงว่ามันจะตายก่อนน่ะ หุ หุ ) ดูเหมือนว่า ทุกคำพูดจะเพิ่มความ"กดดัน" ให้ต้อยเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเอง..!! .???
เพราะเจ้าตัวบอกกับทุกคนว่า " โถ่...หัวหน้าชมผมว่าผมน่ะทำงานดีกว่าทุกคนอยู่แล้วคับ..ขนาดวันหยุดไม่เรียกใครเลย แกเรียกผมคนเดียวให้ไปช่วยงานแกที่บ้าน! (ฮา) " ค่ะ แล้วแต่จะคิดนะคะ เราน่ะ เซ็งเป็ด! ..บวก เซ็งไก่ไปนานแล้ว น้องชายเรามักเคี่ยวเข็ญให้ต้อยทำข้อสอบบ่อยๆหลังมื้อค่ำ
"เอ้าใหนว่ามาซิ แม่สีมีกี่สี?" โจถาม
"4คับ ขาว แดง น้ำเงิน เหลือง" ต้อยตอบ
"แล้วก่อนลงสีหลัก ต้องใช้เคมีอะไรก่อน?"
"ลงทินเนอร์คับ!" โดนป้าป! (เตะตูด) อีกสาระพัดค่ะ เราไม่สันทัดกรณีเลยเลี่ยงที่จะเขียนถึง เพราะเป็นงานเทคนิคศัพย์เฉพาะของเค้ามีเยอะมาก ก็ไม่รู้นี่เน้าะ(อิ อิ ..) แต่ต้อยก้อพยายามทำได้ดีเกือบทั้งหมด จนถึงวันทดสอบมาถึง การทดสอบมีสองวัน วันแรกต้อยตื่น! มาก "พี่ผมไม่สบายน่ะ" บอกโจน้องชายเรา " เรื่องของคุณมรึงงงครับ ไปทำงานซะ" เป็นคำปลอบใจจากโจ "ป้า ผมไปนะ" อื้มลูก สู้ๆนะ หม่ามี๊เราเกือบชูสัญลักษณ์ลิโพแล้ว ดีนะที่เรามองก่อนแกเลยเก้อๆไป
ไอ้ต้อยหันมาเห็นเรา ทำท่าหมดหวังในสีหน้า แต่เราก็ปลอบใจได้ดีค่ะ "ต้อย ไม่เป็นไรหรอก ง่ายๆเอง .. นาแม่แกเยอะ" โห...ปากนางมารแท้ๆ แต่ไม่รู้นะคะ ว่ามันจะแช่งในใจกับพี่คนนี้ยังไง. แต่ .555สะจายยยย . ก่อนออกจากบ้านวันนั้นต้อยเดินแวะไปบอกน้าหน่อยที่ขายขนมครกชาวบ้านอยู่ (เบื่อแล้วชาววัง) กับพี่ทันบ้านตรงข้ามว่า "ช่วยไหว้พระแทนผมด้วยนะคับ ตักบาตรเลยยิ่งดี ผมจะได้สงบๆ" น้าหน่อยไม่รู้เรื่องพูดว่า "มึงเป็นอาไร้ ???" ส่วนพี่ทัน ผู้รู้แจ้งเห็นจริง แกว่าสำเนียงศรีสะเกษซิตี้ " ต้อย โตสิคิดอีหยั๋ง เขากะเทสซื่อๆ บ่เป็นหยั๋งดอก" คำนี้ทำให้การเดินทางไป "ทดสอบ"ของต้อยดีขึ้นอย่างประหลาด! สองวันที่ต้อยรู้สึกแย่ๆผ่านไป จนทุกคนเกือบลืม อันที่จริงลืมไปแล้วด้วยซ้ำค่ะสำหรับเรานะคะ ไม่ใช่ใจร้าย ไม่ใส่ใจน้องชายบวมๆคนนี้ แต่งานมันเยอะค่ะ ทำงานเยอะมากจนไม่มีเวลาถามไถ่อะไรต้อยมากนัก
จนวันพฤหัสของอีกสัปดาห์มาถึง เพิ่งสองทุ่มกว่าๆเอง แต่ต้อยไม่ไปไหนเหมือนที่เคย ต้อยถีบรถจักรยานมาจอดแบบที่เรียกได้ว่า "ล้มจอด!" คือตีวงพรืดดดดด ..แล้วเอาขาข้างขวางอเข่านิดๆในท่าที่ดูมันเท่ๆน่ะค่ะ ในขณะนั้นทุกคนอยู่พร้อมหน้ากันแล้วนั่งดูทีวีอยู่ชั้นล่าง ต่างมองต้อยเป็นจุดเดียวกัน
" พี่ !.. ผมได้ที่หนึ่ง! " งานเข้าค่ะ เสียงดังฟังชัด ขนาดที่พี่บ้านตรงข้ามกำลังตั้งวงดื่มกันอยู่ยังชะงักแก้วที่จรดปากค้างไว้! หา...!!!!! อารมณ์ดีใจมาก และคาดไม่ถึง เป็นครั้งแรกจริงๆที่ เราสัมผัสได้ถึงความดีใจแบบที่เรียกว่า "ดีใจจนน้ำตาไหล"ค่ะ มันปลาบปลื้มสุดๆ เจ้าโจถึงขั้นลุกไปจับไม้จับมือต้อย ตบหลังตบไหล่ปากก็พ่นแต่คำว่า "ไอ้น้องๆๆ" โจเค้าเป็นคนติวให้นี่คะ เค้าต้องดีใจมากกว่าใครๆอยู่แล้ว เราน่ะ กะเตรียมควักเงินออกให้ต้อยไปซื้ออะไรดื่มเล็กๆน้อยๆกับบ้านตรงข้ามเลยด้วยซ้ำ พอทุกคนสงบขวัญได้แล้ว ต่างก็มานั่งคุยถามไถ่กันหน้าจอทีวี "ใหนลูก บอกป้าซิ ว่าแกได้ที่หนึ่งจริงๆเร้อ?" หม่ามี๊เราไม่ยอมเชื่อหูตัวเอง "คับป้า ผมได้ที่หนึ่งคับจริงๆ"
พวกเรา ซึ่งมีเฮียเปากับเฮียปี้ (บ้านตรงข้าม)ที่โผล่มาแสดงความยินดีด้วย ต่างยิ้มแย้มด้วยความสุข
แล้วต้อยก็ดึง! เบรคมือ!! กระทันหัน!ว่า
"ป้า ผมได้ที่หนึ่ง แต่อีกคนนะ เค้าได้ที่สาม ได้เป็นหัวหน้าช่างเลยล่ะ ! .."
เฮียเปาปล่อยเบียร์ที่อมไว้ในปากพุ่งจู๊ด!.. เฉียดหน้าเราไปนิสสสสสเดียว!
"ระดับโว้ย ระดับหนึ่ง คือเกือบโง่ รู้ไว้ซะ ไอ้คุณติ่ง! " เสียงส่งผ่านปากน้องชาย เรามาแว่วๆ ก่อน ที่เจ้าตัวจะเดินตึงๆ ขึ้นชั้นบนไป.
คำยืนยันของเจ้าของเรื่องสั้น
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ