ม.ปลายสายเวทย์

-

เขียนโดย TheBoyOnTheMoon

วันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 เวลา 21.39 น.

  19 ตอน
  1 วิจารณ์
  1,601 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 20.34 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

14) A cat’s memories

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

14

A cat’s memories

               

พอภาพกลับมาอีกครั้ง เดรโกก็กำลังนั่งอยู่ ณ สถานที่แห่งเดิม เพียงแต่บรรยากาศเปลี่ยนเป็นช่วงสาย ๆ มีเสียงความวุ่นวายของเมืองดังมาไกล ๆ และภาพโดยรอบนั้นดูมีสีซีดกว่าปกติ คงเป็นเพราะว่านี่คือมุมมองที่นัวร์มองเห็นจากสายตาของแมว

และที่ใกล้กับหน้าต่างนั้นเอง ร่างของมารีในชุดเสื้อสายเดี่ยวกับกางเกงขาสั้นสบาย ๆ กำลังใช้พู่กันแต่งแต้มสีไปบนผืนผ้าใบ แม้ภาพในนั้นจะบิด ๆ เบี้ยว ๆ ไม่สมส่วนสุด ๆ แต่เธอก็ดูมีความสุขกับสิ่งที่ทำอยู่ เด็กสาวฮัมเพลงออกมาเบา ๆ ที่หูสวมอุปกรณ์แปลก ๆ ที่มีสายเชือกยาว ๆ ไปเชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟน ที่ตักของเธอก็มีเจ้านัวร์ในร่างแมวดำนอนขดอยู่

“มารี” หนุ่มผมแดงพยายามเรียก แต่อีกฝ่ายไม่ได้สนใจ เมื่อเขายืนมือไปสัมผัส ร่างของเธอก็ทะลุไปราวกับเป็นภาพลวงตา

ตุบ!

ทันใดนั้นเองก็มีเสียงดังลั่น ทำเอาเจ้านัวร์สะดุ้งโหยงจนตกจากหน้าตักของมารี เด็กสาวหันขวับไปดูก่อนจะกรี๊ดเสียงดัง

ทว่าผู้ที่อยู่บนเตียงก็มีปฏิกิริยาไม่ต่างกัน เธอคือเด็กสาวรูปงามผู้มีผมสีเงินและดวงตาสีฟ้าบริสุทธิ์ในชุดกระโปรงสีขาวเรียบ ๆ เธอนอนทับกรอบรูปอันใหญ่ที่เคยติดอยู่บนผนังเหนือเตียง

มารีพูดอะไรออกมาบางอย่างรัว ๆ ด้วยภาษาที่เดรโกไม่เข้าใจ ในขณะที่อีกฝ่ายก็พยายามอธิบายด้วยภาษาถิ่นของเรฟลอเดีย (ที่เดรโกก็ฟังไม่รู้เรื่องเหมือนกัน) และนั่นก็ทำให้จนแล้วจนรอดทั้งสองคนพูดกันไม่รู้เรื่องสักกะที ส่วนนัวร์ก็พองขนขู่ฟ่อและไปหลบที่ขาของเจ้านาย

ทว่าทันใดนั้นเอง ดวงตาสีเปลือกไม้หลังแว่นก็เบิกโพลงก่อนร่างกายจะนิ่งไปราวกับโดนสะกด และเมื่อเด็กสาวผมเงินหันมาหานัวร์ เจ้าแมวก็นิ่งไปเช่นกัน เจ้าตัวยกมือขึ้นมาปิดปากด้วยความตกใจ ก่อนจะคลานลงมาจากเตียง และค่อย ๆ เอานิ้วจิ้มแก้มของมารีและนัวร์เบา ๆ 

เด็กสาวกลับมานั่งที่เตียง ก่อนถอนหายใจและกอดอกครุ่นคิดว่าจะทำยังไงดี จากนั้นเธอก็กริบพริบตาสองสามที ทำให้มารีกับนัวร์กลับมาเป็นปกติ

“ใจเย็น ๆ ก่อน เราไม่ได้มีเจตนาบุกรุกบ้านของท่าน เราคือเอเลนา เอเลโอโนรา แอริแอนอฟ ซาเรฟนาแห่งเรฟลอเดีย ส่วนท่านคือ...” เจ้าหญิงแนะนำตัวด้วยภาษาเวทมนตร์ ซึ่งแน่นอนว่าสามารถทำให้ใครก็ตามที่ได้ฟังเข้าใจได้ ทั้งมารีและเดรโก

“มะ...มารี โอแคลร์” มารีชี้ตัวเองงง ๆ ก่อนจะชี้ไปที่แมวดำ “นัวร์” 

“ขอโทษด้วยที่อยู่ ๆ ก็โผล่มาแบบนี้” เจ้าหญิงนั่งอย่างเรียบร้อยและค้อมศีรษะให้ “เราเป็นเจ้าหญิงของอาณาจักรเรฟลอเดียจากโลกเวทมนตร์ เราหลบหนีมาจากที่นั่น จะขอรบกวนพักอยู่กับท่านชั่วคราวได้ไหม”

นัวร์ค่อย ๆ เดินมาหาเจ้าหญิงอย่างระมัดระวัง ก่อนจะดม ๆ เท้าที่เปลือยเปล่าของเธอ ไม่นานเจ้าแมวก็เปลี่ยนท่าทีกลายเป็นเอาตัวไปถู ๆ กับขาของอีกฝ่ายแทน

เห็นดังนั้นมารีก็ค้างไป แต่เมื่อเธอมองมาที่อีกฝ่าย แก้มทั้งสองก็กลายเป็นสีชมพูจาง ๆ ก่อนที่มุมปากทั้งสองจะยกขึ้น

“อื้ม” 

ภาพโดยรอบถูกความมืดปกคลุมไปอีกครั้ง สิ่งสุดท้ายที่เดรโกเห็นก็คือรอยยิ้มอันสดใสของเด็กสาว

 

ภาพกลับมาอีกครั้ง มารีกับเจ้าหญิงเอเลนากำลังนั่งอ่านหนังสือภาษาเวทมนตร์ด้วยกันบนเตียงยามสาย โดยมีนัวร์นอนขดอยู่ข้าง ๆ ดูเหมือนว่าเจ้าหญิงจะสอนภาษาเวทมนตร์ให้กับมารี ทำให้ทั้งสองคนเริ่มสื่อสารกันได้แล้ว และพูดคุยกันเรื่อยเปื่อย

“จะว่าไป มารีอยู่คนเดียวเหรอ” เด็กสาวผมเงินถามขึ้นมา จะว่าไปเดรโกก็เพิ่งเอะใจว่าพ่อกับแม่ หรือผู้ปกครองของมารีไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย

“อืม” อีกฝ่ายตอบ พร้อมกับยิ้มเศร้า ๆ ออกมา “หนีออกจากบ้านมาอยู่คนเดียวน่ะ ก็คงจะเหมือนกับเธอนั่นแหละ”

“งั้นเหรอ”

“ว่าแต่ ทำไมเอเลนาถึงหนีมาล่ะ ทั้งที่น่าจะอยู่สุขสบายกว่าฉันแท้ ๆ”

ทว่ายังไม่ทันที่เจ้าหญิงจะตอบ ภาพก็เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ อย่างรวดเร็ว มีทั้งช่วงเวลาที่เอเลนาแสดงการใช้เวทมนตร์ให้มารีดูจนอ้าปากค้าง ภาพของทั้งสองนั่งกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปด้วยกัน (ซึ่งเอเลนาดูจะชอบมาก ๆ) ออกไปเที่ยวข้างนอกด้วยกัน นอนกอดกันบนเตียงหลับไปพร้อมกัน เห็นแล้วหนุ่มผมแดงก็อดอมยิ้มออกมาไม่ได้ ดูท่าทั้งสองคนจะสนิทสนมกันสุด ๆ เลย

ภาพต่อมาคือมารีกับเอเลนานั่งวาดรูปด้วยกันที่ริมหน้าต่างอย่างมีความสุข ส่วนนัวร์นอนอยู่บนขอบหน้าต่างมองทั้งสอง สะบัดหางฟาดกับขอบหน้าต่างเบา ๆ 

ภาพบนเฟรมของเอเลนานั้นเพอร์เฟกต์ไร้ที่ติ ส่วนของมารีก็ถือว่าพัฒนาขึ้นมาก ดูเหมือนว่าเจ้าหญิงจะถ่ายทอดวิชาการวาดภาพให้เธอ จากภาพบิด ๆ เบี้ยว ๆ ก็เริ่มมีความสมจริง และเล่นสีกับแสงเงาได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ภาพต่อมาคือมารีมานั่งเอาภาพที่เธอวาดมาวางขายริมทาง โดยมีนัวร์นั่งเป็นเพื่อนเสมือนกับเป็นตัวเรียกลูกค้า แม้จะมีคนทั่วไปสนใจเข้ามาดู แต่ก็แทบไม่มีใครซื้องานเธอไปเลย ระหว่างนั้นเธอก็รับจ็อบวาดภาพเหมือนให้กับคนแถว ๆ นั้นหาเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ 

เมื่อหมดวัน มารีก็ขายภาพไปได้เพียงหนึ่งภาพ และต้องแบกเฟรมที่เหลือกลับมาที่ห้องพัก เจ้าหญิงเอเลนาเป็นคนเปิดประตูและโอบกอดเธอเป็นการต้อนรับ ทำให้สีหน้าที่ดูเหน็ดเหนื่อยของเด็กสาวกลับมามีชีวิตชีวาทันที

ภาพตัดไปอีกครั้ง ห้องเปลี่ยนเป็นช่วงกลางดึก เจ้าหญิงเอเลนากำลังนอนหลับอยู่บนเตียง ส่วนมารีนั้นนั่งอ่านกระดาษหลายแผ่นกับดูเงินเก็บที่ร่อยหรอเต็มทีในกล่องเหล็กด้วยสีหน้าขมขื่นโดยมีนัวร์เฝ้ามองอยู่บนโต๊ะเงียบ ๆ เธอลูบหัวของเขาสองสามทีก่อนจะเดินไปเปิดตู้เย็นใกล้ ๆ ก็พบว่าแทบไม่เหลืออะไรให้กินแล้ว

เด็กสาวมองไปที่ร่างของเอเลนาบนเตียง ก่อนที่ภาพจะมืดไป

 

เมื่อภาพกลับมาอีกที เดรโกก็ถึงกับหน้าร้อนผ่าวและใจเต้นแรง เพราะตรงหน้าเขาก็คือร่างเปลือยเปล่าของเจ้าหญิงเอเลนาที่หยิบผ้าห่มสีขาวมาปิดบังส่วนสงวนเอาไว้ ส่วนมารีกำลังบรรจงใช้พู่กันวาดภาพเหมือนของอีกฝ่ายอย่างตั้งอกตั้งใจ เม็ดเหงื่อจำนวนมากผุดซึมออกมาจากหน้าผากของเด็กสาว

จากนั้นความทรงจำของนัวร์เล่นไปเรื่อย ๆ เหมือนเร่งความเร็ว มารีนั่งอยู่หน้าเฟรมทั้งวันทั้งคืนจนวาดภาพเสร็จสมบูรณ์ และสิ่งที่อยู่ในเฟรมนั้นก็ทำเอาเดรโกอ้าปากค้าง มันเป็นภาพวาดที่งดงามที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นเลย แม้แต่นัวร์ก็จ้องมองภาพอยู่นานเลยทีเดียว

“เรียบร้อย” หลังจากทุ่มเทแรงกายมาหลายวัน มารีที่ขอบตาคล้ำยิ้มแป้นและหมุนขาตั้งภาพไปให้เอเลนาที่ดู แก้มทั้งสองของเจ้าหญิงกลายเป็นสีชมพูและดวงตาสีฟ้านั้นก็เปล่งประกายออกมา

“สุดยอดเลยมารี ตอนนี้เก่งกว่าฉันไปเยอะแล้วนะเนี่ย”

“ขอบใจ” อีกฝ่ายยิ้มเจื่อน “นี่...ฉันขอเอาภาพนี้ไปขายได้ไหมเหรอ”

“อย่าเชียว” เจ้าหญิงทำแก้มป่อง “มันน่าอายจะตาย แล้วอีกอย่าง...”

“อะไรเหรอ”

“ช่างเถอะ แต่ห้ามเอาขายไปเด็ดขาด ฉันไม่อนุญาต” เอเลนากอดอกยืนกราน

“แต่ตอนนี้พวกเราไม่มีอะไรจะกินกันแล้วนะ เงินเก็บก็ใกล้จะหมดแล้ว” มารียิ้มแห้ง ๆ ออกมา “เมื่อก่อนแค่ค่าอาหารของนัวร์ก็เป็นภาระเยอะแล้ว พอมีเธอมาอยู่ด้วยอีกคนก็ยิ่งเยอะไปอีก ทั้งที่บอกว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิงแท้ ๆ น่าจะช่วยเรื่องการเงินสักหน่อยนะ ไม่ใช่เป็นเอาแต่เกาะฉันกินแบบนี้น่ะ”

ได้ยินดังนั้น อีกฝ่ายก็นิ่งไป

“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ฉันก็ไม่ได้วาดให้หน้าเหมือนเอเลนาเป๊ะ ๆ นี่ ไม่ต้องกลัวคนจำได้หรอก” มารีว่า “งั้น ขอเอาไปล่ะนะ”

ในห้องเลื่อนเวลาเปลี่ยนไปเป็นพลบค่ำ ในที่สุดประตูห้องพักก็เปิดออก มารีที่เข้ามาตัวเปล่ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ก่อนจะวิ่งเขามาโผกอดเอเลนาจนล้มลงไปนอนบนเตียงทั้งคู่ เธอส่งแผ่นเช็คเงินสดในมืออีกฝ่ายดู ทำเอาดวงตาของเจ้าหญิงเบิกกว้าง

“สะ...สิบล้าน!!”

“ห๊า!” ได้ยินดังนั้นเดรโกก็อ้าปากค้าง แต่ยังไม่ทันไรภาพก็ตัดไปอีกรอบ

 

หนุ่มผมแดงมายืนในห้องดังเดิม ทว่าสิ่งที่เปลี่ยนไปก็คือมารีที่สวมเครื่องแต่งกายหรูหรา แต่งหน้าจัด แถมยังฉีดน้ำหอมกลิ่นฉุน จนนัวร์ถึงกับจาม เดรโกไม่ชินกับรูปลักษณ์ของมารีแบบนี้เลย

“เป็นไงบ้าง นี่แบรนด์เนมทั้งนั้นเลยนะ” เธออวดโฉมด้วยท่าทางน่าหมั่นไส้สุด ๆ

“สุดยอดเลย” เอเลนาที่ยังคงสวมชุดกระโปรงสีขาวธรรมดา ๆ ประกบมือด้วยตาเป็นประกาย “แล้วของฉันล่ะ”

“หืม แล้วทำไมต้องซื้อให้เธอด้วยล่ะ”

ไม่ใช่แค่เอเลนาที่อึ้งไป เดรโกเองก็เช่นกัน แววตาของมารีนั้นดูเย็นชาผิดกับก่อนหน้านี้

“เธอเป็นเจ้าหญิงไม่ใช่เหรอ ของพวกนี้น่าจะธรรมดา ๆ นี่” มารีว่า “ออ จะมาบอกว่าฉันเตรียมจะย้ายไปอยู่บ้านใหม่แล้วนะ ของในห้องนี้ยกให้เธอทั้งหมดเลย รวมทั้งนัวร์ด้วย เห็นพวกเธอสนิทกันดีนี่”

“ให้ฉันไปอยู่ด้วยสิ” เอเลนาว่า “ถ้าไม่ได้ฉัน เธอก็มาแต่งตัวแบบนี้ไม่ได้หรอกนะ” 

“เธอก็แค่นั่งเป็นแบบให้แป๊บเดียว คนที่อดหลับอดนอนวาดรูปนั่นออกมาน่ะคือฉันนี่” มารียกมือแตะอกของตัวเองเชิด ๆ “อีกอย่าง ก็เคยบอกไปแล้วไงว่าฉันไม่ได้วาดให้หน้าเหมือนเธอเป๊ะ ๆ เพราะงั้นจะมาเรียกร้องอะไรไม่ได้หรอกนะ”

“...”

นั่นเป็นมุมของมารีที่เดรโกคาดไม่ถึงว่าจะได้เห็น เขาได้แต่ยืนค้างนิ่งและมองภาพของความทรงจำตรงหน้า

“...แต่ถ้าไม่ได้ฉัน ทุกวันนี้เธอก็วาดได้แต่รูปเห่ย ๆ นั่นแหละ” เอเลนากัดฟันกรอด มือทั้งสองกำหมัดแน่น

“อยากจะบอกว่ารูปที่เธอวาดน่ะ ตอนที่ฉันเอาไปขายก็ขายแทบไม่ออกหรอกนะ อย่าคิดว่าภาพตัวเองดีเลิศประเสริฐศรีกว่าฉันเชียว”

“!?” 

ทันใดนั้นเอง ดวงตาของมารีก็เบิกโพลงเมื่อถูกเอเลนาจ้องด้วยตาเขม็ง เธอค้างนิ่งก่อนที่มือทั้งสองจะยกขึ้นมาบีบคอตัวเองแน่น หน้าของเธอเริ่มแดงและดูทรมาน ทว่ากลับไร้ซึ่งการขัดขืนใด ๆ 

“เมี้ยว!” นัวร์ร้องเรียกเอเลนาและเข้าไปเกาะขาของเธอเหมือนจะขอให้หยุด เดรโกเองก็อยากจะเข้าไปช่วย แต่ก็รู้ดีว่าทำอะไรไม่ได้ จึงได้แต่มองภาพตรงหน้าอย่างอึดอัด

ตอนนั้นเอง ดวงตาสีฟ้าสดใสก็มีน้ำตาไหลออกมา แล้วมือของมารีที่บีบคอตัวเองอยู่ก็คลายออก

“ฉันเกลียดมารีที่สุด!!”

เพี๊ยะ!!

เสียงฝ่ามือของเจ้าหญิงที่ตบลงไปบนแก้มของอีกฝ่ายจนหน้าหันดังลั่น เอเลนากลับหลังหันและวิ่งออกไปจากห้อง ส่วนนัวร์ก็มองเจ้านายของเขาครู่หนึ่ง ก่อนจะวิ่งตามเจ้าหญิงไป

มารียืนค้างนิ่งอยู่อย่างนั้น ใบหน้าของเธอว่างเปล่า ตามด้วยน้ำตาไหลออกมา

นั่นเป็นภาพสุดท้ายที่เขาเห็น ก่อนภาพจะเปลี่ยนไปอีกครั้ง

 

ตรอกมืด ๆ ที่คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นเหม็นของขยะในถังและน้ำเสียในท่อระบายน้ำปรากฏขึ้นมา ตามด้วยเสียงสะอึกสะอึ้นของเจ้าหญิง เมื่อเขามองไปตามเสียงก็เจอร่างน้อย ๆ กำลังนั่งกอดเข่าร้องไห้ โดยมีนัวร์คลอเคลียอยู่ใกล้ ๆ

“องค์หญิง!”

ในตอนนั้นเอง ก็มีคนในชุดของสภานกฮูกวิ่งเข้ามาหา เมื่อเขายกมือจับไปที่หน้าและดึงหน้ากากออก เครื่องแบบก็พลันสลายกลายเป็นกลุ่มควันสีขาว และผู้ที่เข้ามาหานั้นก็ทำเอาเดรโกอึ้งไปเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้

“...อาจารย์”

อาเทเนีย ไวท์ฟอร์ด ในร่างหญิงสาววัยยี่สิบต้น ๆ นั่งยอง ๆ ตรงหน้าของเจ้าหญิง “ดีจริง ๆ ที่ไม่เป็นอะไร”

“เกิดอะไรขึ้นน่ะคะ ทำไมถึง...”

“พวกอีกากำลังตามล่าพระองค์อยู่ มากับครูเดี๋ยวนี้” หญิงสาวผมขาวดึงอีกฝ่ายลุกขึ้น เอเลนาเบิกตาโพลง ก่อนจะรีบวิ่งไปพร้อมอาจารย์ นัวร์ไล่ตามเธอไปติด ๆ

“ทำไมพวกนั้นถึง...”

“ก่อนหน้านี้พระองค์ได้ให้ใครวาดพระสาทิสลักษณ์บ้างไหม”

พอดียินดังนั้น ขาทั้งสองของเด็กสาวก็หยุดทันที

“รูปนั้นน่ะ ตกไปอยู่ในมือของพวกอีกาแล้ว คนที่ประมูลภาพนั้นไปถูกฆ่าตาย ตอนนี้พวกครูกำลังตามไปเอาภาพนั้นคืนมาอยู่” อาเทเนียกล่าว “แต่ว่าตอนนี้ สิ่งแรกคือพวกเราต้องรีบกลับไปที่โอวล์ฟอสเทียร์ก่อนโดยเร็วที่สุด”

“...แย่แล้ว” ดวงตาทั้งสองเบิกกว้าง ก่อนจะวิ่งไปยังที่แห่งหนึ่ง เห็นดังนั้นอาเทเนียกับนัวร์ก็รีบตามไป

ในระหว่างนั้นเอง เดรโกก็สังเกตว่ารอบ ๆ มีอีกาเกาะอยู่เต็มไปหมด มันส่งเสียงร้องออกมาเมื่อกลุ่มของเจ้าหญิงวิ่งผ่าน บางตัวก็จ้องมองตามอย่างไม่ละสายตา

ที่ ๆ เธอวิ่งมาก็ไม่ใช่ที่ไหน ห้องของมารีนั่นเอง

ทว่าเมื่อเปิดเข้ามา ของในห้องก็กระจัดกระจายเต็มไปหมดเหมือนจะมีร่องรอยของการต่อสู้ และผู้ที่นั่งรออยู่ตรงโต๊ะเขียนหนังสือก็ไม่ใช่เด็กสาวเจ้าของห้อง แต่เป็นชายหนุ่มในชุดแต่งกายสีดำร่างสูงโปร่ง มีผิวสีน้ำผึ้ง ผมสีดำตัดสั้นเป็นทรงดูดี แต่ดวงตาสีเขียวมรกตของเขากลับดูเหมือนกับตาของสัตว์เลื้อยคลาน เพียงแค่เดรโกสบตา ขนก็ลุกซู่โดยอัตโนมัติ

“มารีไปไหน!” เอเลนาชักไม้กายสิทธิ์ออกมาชี้ไปที่อีกฝ่ายและคำรามออกมา นัวร์พองขนแยกเขี้ยวขู่เขา

“เชิญไปสัมภาษณ์นิดหน่อยล่ะนะ” ชายหนุ่มกล่าวอย่างนุ่มนวลและลุกขึ้นยืน “ถ้าอยากได้ตัวคืน พระองค์ก็ต้องเอาตัวพระองค์ไปแลกแทน”

“อย่าแม้แต่จะคิด” อาเทเนียชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่อีกฝ่ายเช่นกัน ดวงตาสีเหลืองทองของเธอแข็งกร้าวและดูน่ากลัวแบบที่เดรโกไม่คิดว่าจะได้เห็นจากอาจารย์คนนี้

“ก็ไม่ได้บอกว่าจะให้มากับผมด้วยสักหน่อย” ชายหนุ่มยิ้ม “ถ้าอยากได้ตัวพระสหายคืน พระองค์ต้องไปด้วยพระองค์เอง”

ดวงตาของชายหนุ่มจ้องมาที่นัวร์ และเมื่อสบตาเข้า เจ้าแมวก็ร้องออกมาและเอาอุ้งเท้าหน้าทั้งสองมากุมหัวชักดิ้นทุรนทุราย เจ้าหญิงเอเลนากับอาเทเนียมองด้วยความตกใจ

แล้วอยู่ดี ๆ ภาพโดยรอบของเดรโกก็เหมือนจะมีสัญญาณแทรก ราวกับว่ามีอีกภาพหนึ่งเกิดขึ้นในหัวของนัวร์

มีภาพของโกดังร้าง ห้องมืด ๆ ร่างของมารีในที่นอนแผ่อยู่บนโต๊ะตัวใหญ่อย่างไร้สติ และโทวาดะ ไนโตะยืนมองภาพบนโต๊ะด้วยสายตาที่ชวนให้รู้สึกสะอิดสะเอียนพลางปลดกระดุมเสื้อของตัวเอง...

“เมี้ยว! เมี้ยว!”

นัวร์หายดิ้น และรีบลุกขึ้นมาร้องเรียกทั้งสอง

“มีเวลาให้ครึ่งชั่วโมง หลังจากนั้นก็ไม่รับประกันนะว่าเพื่อนผมจะทำอะไรบ้าง” ร่างของชายหนุ่มบิดเบี้ยวก่อนจะหายวับไปพร้อมกับเสียงดังพรึบ

“เมี้ยว! เมี้ยว!”

เอเทเนียเม้มปาก ก่อนจะชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่นัวร์ ร่างของเธอเรืองแสงสีฟ้าและมีอักขระเวทมนต์ลอยรอบ ๆ

“คอนคาร์นาโต”

ทันใดนั้นร่างของนัวร์ก็ขยายใหญ่ขึ้น ขนสีดำเป็นมันที่ปกคลุมร่างกายส่วนใหญ่หดหายไป เผยผิวหนังเปลือยเปล่าสีเนื้อออกมา เหลือเพียงขนบริเวณศีรษะที่กลายเป็นเส้นผมเซอ ๆ 

และจากแมวดำตัวน้อย ก็กลายเป็นเด็กผู้ชายตัวเล็ก ๆ ไป สิ่งที่ยังหลงเหลือจากการเป็นแมวก็คือใบหูทั้งสองและหางยาว ๆ เท่านั้น

อาเทเนียโบกไม้กายสิทธิ์อีกครั้ง ทำให้มีเสื้อผ้าอาภรณ์ปกคลุมร่างกายของนัวร์ จากนั้นก็แตะปลายไม้ที่หน้าผากของตนเองและย้ายไปแตะที่หน้าผากของนัวร์ เหมือนกับจะถ่ายทอดสติปัญญาให้

ภาพโดยรอบตัวของเดรโกเริ่มมีสีสันสดใสขึ้น นั่นเพราะดวงตาของนัวร์กลายเป็นดวงตาของคนไปแล้ว

“อ๊ะ!” 

“เมื่อกี้จะพูดอะไรไอ้หนู” หญิงสาวถาม

“ตามมาเร็ว!” นัวร์ที่เพิ่งจะพูดภาษาคนได้เป็นครั้งแรกบอกกับทั้งสอง เขาลุกขึ้นและฉุดมือของเอเลนากับอาเทเนียไป

ภาพเปลี่ยนไปเร็วมากจนเดรโกจำไม่ได้เลยว่าเขาวิ่งผ่านที่ใดไปบ้าง นัวร์ยังคงวิ่งนำหน้าไปอย่างไม่ลดละ แต่เพราะยังไม่ชินกับร่างกายแบบใหม่ จึงทำให้เขาวิ่งไปล้มไปหลายรอบจนหัวเข่าถลอกปอกเปิก สุดท้ายเลยต้องขี่หลังของเจ้าหญิงเอเลนาและชี้ทางไปแทน

ระหว่างนั้นอาเทเนียก็หยิบนาฬิกาพกพาสีทองขึ้นมาดู สีหน้าของเธอไม่สู้ดีเลย

เพราะตอนนี้ผ่านมาสี่สิบห้านาทีแล้ว

 

ในที่สุด ทั้งหมดก็มาถึงหน้าโกดังร้างริมแม่น้ำด้วยสภาพหมดแรง โดยรอบไร้ซึ่งผู้คน ท้องฟ้าเป็นสีหม่นเหมือนฝนกำลังจะตก

และผู้ที่รอทั้งสามท่ามกลางฝูงนกกาหลายตัวอยู่ก็คือโทวาดะ ไนโตะ

“มารีอยู่ไหน!” เจ้าหญิงเอเลนาชักไม้กายสิทธิ์ออกมาขู่คำราม ทว่าชายหนุ่มเพียงสแยะยิ้มให้

“พวกเธอมาสายล่ะนะ”

สิ้นเสียงนั้น แสงสว่างวาบของคาถาและคำสาปมากมายพุ่งผ่านไม้กายสิทธิ์ปะทะกันจนเกิดเสียงระเบิดตูมตามเหมือนการแสดงดอกไม้ไฟ ทั้งเอเลนาและอาเทเนียต่างร่ายเวทมนตร์ถาโถมใส่อีกฝ่ายแบบกะเอาตาย 

นัวร์อาศัยจังหวะชุลมุนแอบเข้าไปในโกดัง ดูเหมือนว่าเขาจะสามารถสัมผัสตำแหน่งที่มารีถูกจับเอาไว้ได้ เด็กน้อยวิ่งไปยังห้องเล็ก ๆ ที่อยู่ในโกดังและเปิดเข้าไป

ทว่าสิ่งที่เขาพบ ก็ทำให้ร่างของเด็กชายค้างนิ่งราวกับถูกแช่แข็ง

“มะ...มารี” เดรโกหน้าซีดเผือดก่อนจะทรุดเข่าล้มลงไป ดวงตาเบื้องหลังแว่นกันลมเบิกกว้าง

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ เอเลนากับอาเทเนียก็เข้ามาสมทบในที่สุด และปฏิกิริยาของทั้งสองก็ไม่ได้ต่างกับเขาเลย

มารียังคงนอนอยู่บนโต๊ะ ทว่าเสื้อผ้าราคาแพงที่ใส่ก่อนหน้านี้ถูกกระชากทิ้งไปจนไม่เหลือสิ่งใดปกคลุมกาย โต๊ะที่รองรับร่างของเธอและพื้นโดยรอบเจิ่งนองไปด้วยของเหลวสีแดงที่ไหลออกมาจากต้นแขน ต้นขา และต้นคอที่ถูกตัดจนขาดสะบั้น ผสมปนเปไปกับของเหลวสีขุ่นข้นที่เปรอะเปื้อนตามเรือนร่างและหว่างขาที่กลายเป็นแผลเหวอะ

เสียงกรีดร้องแทบขาดใจของเจ้าหญิงเอเลนาที่วิ่งเข้าไปกอดร่างไร้วิญญาณของมารีคือสิ่งสุดท้ายที่เขาได้ยิน ก่อนที่จิตจะถูกดึงกลับมาสู่โลกความเป็นจริง

 

“...”

เมื่อกระพริบตาสองสามที เดรโกก็พบว่าตัวเองกลับมานั่งอยู่ที่ห้องของมารีอีกครั้ง โดยมีเจ้าของห้องตัวจริงเสียงจริงทำหน้าปุเลี่ยน ๆ ให้

เขาเริ่มรู้สึกถึงเม็ดเหงื่อที่เกาะเต็มหน้าผากและมือที่กำแน่น เมื่อมองไปรอบ ๆ ก็พบว่าตอนนี้ไทกับลูอานาคืนร่างเดิมแล้ว และกำลังนอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียง มารีจัดการเปลี่ยนเครื่องแต่งกายของทั้งสองคนกลับมาเป็นเครื่องแบบฤดูร้อนของโฮมเรียบร้อย

เมื่อมองไปที่นาฬิกาบนผนังก็พบว่าผ่านไปแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้นเอง แต่เขากลับรู้สึกว่ามันช่างยาวนานเหลือเกิน

“ไม่เป็นอะไรนะ” มารีถาม ก่อนจะนำปลายไม้กายสิทธิ์ที่มีเส้นใยความทรงจำของนัวร์ติดอยู่แตะไปที่หน้าผากของเด็กน้อย หน้าของเขาบิดเบี้ยวเมื่อต้องรับเอาความทรงจำที่ไม่อยากได้กลับมาอีกรอบ แล้วเขาก็แปลงร่างกลับเป็นแมว “ถ้าไม่ไหว ให้เราลบความทรงจำออกก็ได้นะ”

“...มะ…ไม่เป็นไร” เดรโกยังคงหายใจหอบออกมาแรง ๆ “...มารี”

มารีล้วงกระเป๋าสะพายข้าง และหยิบแท่งบางอย่างออกมาหักเป็นชิ้นเล็ก ๆ ยื่นให้เขา “กินซะ จะได้ดีขึ้น”

มือของเดรโกยังคงสั่น เห็นดังนั้นมารีจึงป้อนแท่งดาร์กช็อคโกแลตเข้าปากของเขาให้ ความขมจนเปรี้ยวเป็นรสชาติแรกที่ต่อมรับรสของเด็กหนุ่มสัมผัส ตามมาด้วยความหวานมันจาง ๆ และกลิ่นหอม ๆ พอจะช่วยให้เขาใจเย็นลงได้บ้าง

จากนั้นมารีก็ใช้สองมือสัมผัสไปบนแก้มของเดรโก มองดวงตาของอีกฝ่ายที่ซ่อนอยู่หลัวแว่นกันลมสีทึบ “สัญญานะว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร รวมทั้งไอ้สองคนบนเตียงด้วย”

“อะ..อืม”

เด็กหนุ่มยกสองมือขึ้นมาจับมือของมารี ความอบอุ่นจากมือของเธอแผ่เข้ามายังมือเย็น ๆ ของเขา เดรโกเหลือบมองไปที่ต้นแขนสองข้างที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อของเครื่องแบบแขนยาว และคอที่สวมโชคเกอร์เอาไว้

แค่คิดว่าเด็กสาวตรงหน้าต้องเจอเรื่องที่หนักหนาสาหัสขนาดไหนมาก่อน ลำคอของเขาก็จุกไปหมด

“ถ้างั้นก็ปลุกสองคนนั้นแล้วกลับกันเถอะ”

มารีลงมาจากโต๊ะและเสกน้ำแข็งสองก้อนขึ้นมาในมือ เธอยัดมันเข้าไปในเสื้อของสองหน่อบนเตียง ทำให้ทั้งคู่กระเด้งตัวขึ้นมาทันที ทั้งไทและลูอานาต่างสบถออกมาเป็นภาษาถิ่นที่ฟังไม่รู้เรื่อง ก่อนจะข้างนิ่งไปเมื่อหันมาเห็นมารี

“ที่ไหนอะคะ”

“บ้านเราเอง”

“เกิดอะไรขึ้นน่ะเน่อ” ไทมองซ้ายมองขวางง ๆ 

“ช่วยมาได้อย่างหวุดหวิดน่ะ” มารีบอก “ตามมา” 

เธอปีนขึ้นไปบนเตียงและขยับกรอบรูปบนผนังเหนือเตียงออก มันคือภาพสีน้ำของปราสาทน้ำแข็งที่ตั้งตระหง่านท่ามกลางภูเขาหิมะสีคราม เป็นภาพเดียวกับที่เจ้าหญิงเอเลนาเคยทับตอนที่มาโผล่ที่ห้องนี้เป็นครั้งแรก

เดรโกมองมารีปีนหายเข้าไปในผนัง ตามด้วยลูอานาและไทที่ยังงงนิดหน่อยแต่ไม่เข้าใจมาก ๆ อยู่ ไม่ต้องเดาก็รู้เลยว่าสองคนนั้นโดนมารีเสกคาถาลบความทรงจำไปแล้ว

“เมี้ยว” นัวร์ผายขาหน้าให้หนุ่มผมแดงเหมือนจะให้เขาไปก่อน

พอคิดว่าเด็กคนนี้เองก็เจอเรื่องที่หนักพอ ๆ กับเจ้าของมา เดรโกก็ได้แต่ยกมือไปลูบขนนุ่ม ๆ บนหัวของแมวน้อยก่อนจะปีนข้ามเกทตามเพื่อน ๆ ไป

 

ปลายทางของมารีคือห้องขนาดใหญ่ดูโออ่า พื้นปูด้วยหินอ่อนสีขาวแต่งแต้มด้วยลวดลายของสายแร่ทองคำ ผนังส่วนใหญ่เป็นชั้นวางหนังสือที่มีหนังสืออยู่เต็มจนไม่รู้ว่าถ้าอ่านหมดทุกเล่มจะต้องใช้เวลากี่ปี

ที่ ๆ พวกเธอและเพื่อน ๆ คลานออกมาคือใต้เตียงนอนหลังใหญ่ตั้งอยู่ติดผนัง ตรงข้ามกันมีเตาผิงหินอ่อนที่ไม่ได้ใช้งาน นอกจากนี้ในห้องยังมีเฟอร์นิเจอร์หรูหรามากมาย ทั้งโซฟา โต๊ะน้ำชา ตู้เสื้อผ้าหลังใหญ่ กระจกเงา ฯลฯ ซึ่งทุกชิ้นมีการประดับด้วยทองคำ ที่มุมหนึ่งมีแกรนด์เปียโนสีขาวตั้งอยู่ ข้าง ๆ กันมีขาตั้งภาพวาดและรูปทองคำรูปหญิงสาวกำลังโพสท่าอย่างอ่อนช้อย

“อย่างกะวังแน่ะเน่อ...” ไทมองไปรอบ ๆ ด้วยตาเป็นประกาย เขาทำท่าจะไปจิ๊กของชิ้นหนึ่งที่วางอยู่ แต่ก็โดนลูอานาเอาคทาเขกหัวเบรกไว้

“ก็วังน่ะสิ” มารีมองหนุ่มหน้าหวานเอือม ๆ

“ที่ไหนน่ะคะ” ลูอานาหันมาถาม

“ห้องชั้นบนสุดของหอคอยที่สูงที่สุดของพระราชวังเรฟลอเดียน่ะ”

“เหมือนเคยได้ยินมาจากที่ไหนเลยแฮะ...” ไทมองไปรอบ ๆ ก่อนจะค้างนิ่งไปเหมือนนึกอะไรได้และหันขวับมาหามารีด้วยหน้าตกใจ “ยะ...อย่าบอกนะว่านี่คือห้องของเจ้าหญิงเอเลนาน่ะเน่อ!”

“อืม”

“ห๊า!”

ไม่ใช่แค่เจ้าไทที่อ้าปากเหวอ ส่วนลูอานาก็อึ้งไป มารีเดาว่าภายใต้หน้ากากนั้นก็คงไม่ต่างกัน ส่วนเดรโกที่เพิ่งคลานออกมาจากใต้เตียงดูจะไม่ค่อยประหลาดใจสักเท่าไหร่ นัวร์ตามมาเป็นคนสุดท้าย

มารีเดินไปที่ประตูที่นำไปยังระเบียงด้านนอก เมื่อมองออกไปก็เห็นวิวทิวทัศน์ของบ้านเมืองจากมุมสูง จนเห็นบ้านแต่ละหลังเล็กพอ ๆ กับน้ำตาลก้อน อากาศเย็นยะเยือกจนมือและแก้มชา

เมื่อเธอยื่นมือไปแตะอากาศที่ว่างเปล่าก็พบว่ามีบาเรียเวทมนตร์ขวางเอาไว้อยู่ ลมหายใจกลั่นตัวเป็นควันขาวเมื่อเธอถอนหายใจออกมา

ไทกับลูอานาที่่ตามออกมากอดอกตัวสั่นหงึก ๆ ตามสไตล์คนเขตร้อนที่ไม่ชินกับอากาศหนาว เมื่อสาวชาวเผ่ามองไปนอกระเบียงก็รีบไปหลบหลังไททันที

“กลัวความสูงเหรอ”

ลูอานาพยักหน้าหงึก ๆ ให้ แต่มันก็สูงจริง ๆ นั่นแหละ ถ้ากะโดยประมาณก็น่าจะสักสามร้อยเมตรได้

มารีทำตาปริบ ๆ ก่อนจะคิดอะไรแผลง ๆ ด้วยการแกล้งกระโดดสูงและกระแทกเท้าแรง ๆ กับพื้น

“กรี๊ดดด เดี๋ยวก็ถล่มหรอกค่ะ!”

ลูอานาลงไปนั่งยอง ๆ และเอามือเปิดหูตัวสั่นรอก ๆ เห็นดังนั้นไทกับเดรโกก็หลุดขำออกมา

“แล้ว ยังไงต่อล่ะ” เดรโกที่อุ้มนัวร์อยู่ถามเธอ

“คงต้องหาทางหนีทีไล่กันแหละ แต่ว่าตรงนี้มีบาเรียอยู่คงออกไปไม่ได้ ถ้าใช้อิททิเนรันทัวร์ก็คงโดนจับแน่” มารีบอก แต่ในตอนนั้นเองหางตาของเธอก็รู้สึกว่าตรงนี้ไม่ได้มีแค่พวกเพื่อน ๆ 

“ใครน่ะ!”

ชายในชุดเหมือนกับทหารมหาดเล็กที่กำลังนั่งคุกเข่าปักดาบกับพื้นลุกขึ้นและชี้อาวุธมาที่พวกมารี เขาเป็นชายร่างโต ไว้หนวดดกเฟิ้มสีบลอนด์ ทว่าบนศีรษะของเขากลับเหลือเส้นผมบางเต็มที

นายทหารง้างดาบขึ้น ทว่าเขากลับหงายหลังลงไปนอนแอ้งแม้งกับพื้นดังแอ่ก! เสียอย่างนั้น...

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา